เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 ธ.ค. 63


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน กับมีลมแรง โดยมีฝนตกเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย0

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. ? 5 ธ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 30- พ.ย. ? 3 ธ.ค. 63 ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. ? 3 ธ.ค. 63 ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกิดขึ้น


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. ? 4 ธ.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ควรหลีกเลี่ยงการเดืนเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 30- พ.ย. ? 3 ธ.ค. 63



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2563 จนถึงวันที่ 3 ธ.ค. 2563)" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563

มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้


ในช่วงวันที่ 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2563 มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ภาคใต้: จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล


ในวันที่ 3 ธันวาคม 2563 มีฝนตกหนักบางแห่ง

ภาคใต้: จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง และชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 ธ.ค. 63






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ภูเขาไฟอินโดนีเซียปะทุ พ่นควันสูง 4 กม. อพยพปชช. 2,700 คน

เกิดเหตุภูเขาไฟปะทุรุนแรงที่อินโดนีเซีย ทำให้ชาวบ้านกว่า 2,700 คนต้องอพยพ ขณะที่หน่วยงานรัฐประกาศยกระดับการเฝ้าระวังสู่ระดับ 2



สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ภูเขาไฟ ?อิลเล เลโวโตลอค? (Ile Lewotolok) ในจังหวัดนูซาเติงการาตะวันออก ของประเทศอินโดนีเซีย ปะทุอย่างรุนแรงในวันแาทิตย์ที่ 29 พ.ย. 2563 พ่นเถ้าถ่านและฝุ่นควันขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงร่วม 4 กม. และทำให้ประชาชนมากกว่า 2,700 คนต้องอพยพไปยังที่ปลอดภัย

นาย ราดิตยา จาตี โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า การปะทุของภูเขาไฟ อิลเล เลโวโตลอค ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันออกราว 2,600 กม. สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง และทำให้ประชาชนราว 2,780 คนใน 26 หมู่บ้านต้องอพยพ



ด้านศูนย์บรรเทาความเสี่ยงทางธรณีวิทยาและภูเขาไฟ โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ของตัวเองว่า พื้นที่ใกล้กับภูเขาไฟ น่าจะถูกเมฆร้อน, ธารลาวา และ แก๊สพิษ ปกคลุมทั้งหมด และยกระดับการเฝ้าระวังขึ้นสู่ระดับ 2 หรือ ?มีภัยคุกคามมากขึ้น? จากทั้งหมด 4 ระดับ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1986023

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


พบซากเต่าตนุยักษ์หนัก 150 กก.อายุ 80 ปี ตายเกยชายหาดแม่โจ้ ชุมพร

ชุมพร - พบซากเต่าตนุยักษ์ หนักกว่า 150 กม. อายุกว่า 80 ปี ถูกคลื่นซัดเดยหาดแม่โจ้ จ.ชุมพร คาดป่วยถูกคลื่นซัดเข้าฝั่ง



วันนี้ (29 พ.ย.) น.ส.ราตรี จันทรัตน์ ประมงอำเภอละแม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเต่าทะเลตัวขนาดใหญ่ถูกคลื่นซัดขึ้นมาตายอยู่บนชายหาดหน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร หมู่ที่ 5 ต.ละแม อ.ละแม จ.ชุมพร

จากการตรวจสอบเป็นเต่าตนุ เพศเมีย น้ำหนัก 150 กิโลกรัม อายุประมาณ 80 ปี ตามขาและกระดองมีตัวเพรียงเกาะหลายจุด คาดว่าตายมาแล้วหลายชั่วโมง ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย สภาพเริ่มขึ้นอืด เกล็ดตามขาและเปลือกกระดองเริ่มหลุดลอกออก

เบื้องต้น สันนิษฐานว่าช่วงนี้เป็นฤดูลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทะเลมีคลื่นลมแรง เต่าตนุยักษ์ตัวดังกล่าวซึ่งมีอายุมากแล้วอาจจะป่วยไม่สบาย หรือถูกคลื่นทะเลซัดไปกระทบกับโขดหินหรือของแข็งจนได้รับบาดเจ็บภายใน ทำให้ไม่สามารถประคองตัวขึ้นมาหายใจเหนือน้ำได้ จึงทำให้จมน้ำตายและถูกคลื่นซัดเข้าเกยชายหาดดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม จะต้องประสานไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร มาผ่าซากเต่าชันสูตรอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้ง


https://mgronline.com/south/detail/9630000122658

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


สลดใจ! ผ่าซาก วาฬเพชฌฆาตดำ เกยตื้นหาดชุมพร พบอวนเต็มท้อง



วันที่ 29 พ.ย.63 จากกรณีที่ ชาวประมงพบเจอ วาฬเพชฌฆาตดำ ยาวประมาณ 4 เมตร น้ำหนักประมาณ 200กิโลกรัม เกยตื้นบริเวณชายหาดหน้าโครงการส่วนพระองค์บ้านน้ำพุ หมู่5 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา และมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ทีมแพทย์ และเครือข่ายชุมชนมาช่วยกันนำปลาวาฬตัวดังกล่าวไปรักษาตัวบริเวณใกล้ชายฝั่งบ้านเกาะเตียบ

จนเมื่อเช้าวันที่ 27 พ.ย. ปลาวาฬตัวดังกล่าวได้ตายลง ซึ่งวันนี้ (29 พ.ย.) ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางได้ผ่าซากพิสูจน์อย่างละเอียดพบว่าวาฬความยาว 4.33 เมตร ค่อนข้างผอม บาดแผลภายนอกที่เกิดจากการเกยตื้นสมานได้ดี พบรอยถูกรัดบริเวณครีบหลัง และโคนหาง เมื่อทำการผ่าชันสูตรพบว่ากล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจพบจุดเลือดออกโดยเฉพาะห้องซ้ายล่าง



ในหลอดลมมีของเหลวปนอากาศ ปอดซ้ายมีก้อนหนองและมีหนองอยู่ภายในจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับอาการลอยตัวเอียงของวาฬ ประกอบกับต่อมน้ำเหลืองบริเวณฝั่งซ้ายของลำตัวอักเสบและมีขนาดใหญ่กว่าปกติ พบเศษปลา และก้อนเศษอวนน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม ในกระเพาะอาหารส่วนต้น คาดว่าทำให้เกิดการอุดตันบางส่วนของกระเพาะอาหาร พบพยาธิจำนวนมากในลำไส้เล็ก จนทำให้เกิดการตีบของลำไส้ ตับอ่อนอักเสบ มีจุดเลือดออก

ทั้งนี้จากความผิดปกติที่พบจึงคาดว่าวาฬติดเครื่องมือประมงไม่ทราบชนิดมาก่อน และมีการสำลักน้ำ ส่งผลให้ปอดเกิดการอักเสบและติดเชื้อตามมา จนทำให้เกิดการป่วยเรื้อรังก่อนที่วาฬเข้ามาเกยตื้น นอกจากนี้การที่วาฬกินเศษอวนและพบพยาธิจำนวนมากในลำไส้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบ อุดตันของทางเดินอาหารบางส่วนและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของทางเดินอาหารลดลง จากอาการป่วยเรื้อรังของวาฬดังกล่าว

ประกอบกับความเครียดที่เกิดจากคลื่นลมแรง ทำให้วาฬช็อก การทำงานของหัวใจและระบบหายใจล้มเหลว และตายในที่สุด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างอวัยวะเพื่อศึกษาในห้องปฏิบัติการต่อไป


https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5428889

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
.

พบขยะหน้ากากในเกาะห่างไกล ส่งผลกระทบระยะยาว วอนช่วยกันทิ้งให้ถูกที่



โควิดทำพิษ OceanAsia พบขยะหน้ากากในเกาะห่างไกล เกรงสร้างผลกระทบระยะยาว วอนประชาชนช่วยกันลดขยะ ทิ้งให้ถูกที่ ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม

OceanAsia ทีมที่ทำการศึกษาขยะทะเล ซาก และไมโครพลาสติก ซึ่งทำงานวิจัยในหมู่เกาะโซโกะ เน้นการศึกษาขยะ แหล่งที่มาและอื่นๆ ซึ่งหมู่เกาะโซโกะ อยู่ในบริเวณของฮ่องกง เป็นเกาะห่างไกล และไม่มีผู้คนอยู่ ซึ่งหมายความว่าขยะเหล่านี้พัดพาลงทะเลมาจากเกาะหลัก

ทาง OceanaAsia เผยว่าในฮ่องกงสามารถเห็นหน้ากากถูกทิ้งตามธรรมชาติ และการเดินของมันในการลงทะเล พัดขึ้นสู่หาด และเกาะ ก็เกิดขึ้นเร็วมาก และนี่ทำให้เห็นว่าระบบการจัดการปัญหาขยะนั่นมีปัญหาในฮ่องกงและ จีน



และเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทางทีมได้พบมลพิษทะเลใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวนั่นก็คือ "ขยะหน้ากาก" ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ สถานการณ์ขยะหน้ากาก ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนทาง Ocean Asia ได้เผยภาพการไปสำรวจหาดบนเกาะเดิมอีกครั้ง พวกเขาพบขยะหน้ากากที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งสร้างความกังวลอย่างมาก เพราะภายในหนึ่งชั่วโมงพวกเขาสามารถรวบรวมหน้ากากได้เป็นจำนวนมากในบริเวณ 100 เมตร ของชายหาดในเกาะ

โดยหน้ากากอนามัยมักจะมีพลาสติกอย่างโพลีโพรพิลีน (Polypropylene) ใช้เวลาในการย่อยสลายที่ยาวนานถึง 450 ปี หน้ากากอนามัยเหล่านี้ไม่ต่างจากระเบิดเวลาทางสิ่งแวดล้อมที่สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธรรมชาติและโลก



และในขณะนี้มลพิษขยะหน้ากาก และ PPE อื่นๆกำลังเป็นปัญหาทั่วโลก โดยมีการพบขยะหน้ากากในทะเลหลายประเทศทั่วโลก อาทิในฝรั่งเศส อังกฤษ และฮ่องกง ซึ่งต้องเร่งแก้ไข เพราะมันกำลังส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำอย่างมาก

จึงมีการรณรงค์ให้ให้ทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างการลดการสร้างขยะหน้ากากโดยการใช้หน้ากากผ้า ซักใช้ซ้ำได้ รวมไปถึงแยกขยะหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งก่อนทิ้งให้ "ลงถัง" เพื่อลดอันตรายจากเชื้อต่อเจ้าหน้าที่ และเพื่อการจัดการที่ถูกวิธีปลอดภัย




วิธีการทิ้งหน้ากากอนามัย

พับ มัด หน้ากาก ให้ส่วนที่สัมผัสกับใบหน้า สารคัดหลั่ง ฝอยละอองน้ำลายอยู่ด้านใน เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย (ตัดหูออก) นำใส่ถุงใสที่สามารถมองเห็นได้ ถ้าเป็นถุงทึบให้เขียนบนถุงให้ชัดเจน มัดมิดชิดก่อนทิ้ง และล้างมือทุกครั้งหลังทิ้งหน้ากากอนามัย

แต่วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการทิ้งในถังขยะติดเชื้อหรือติดต่อกับสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อส่งหน้ากากไปกำจัด หรือมองหาจุดรับขยะติดเชื้อใกล้บ้าน ห้ามทิ้งลงในถังขยะอันตรายเด็ดขาด


https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_5426210

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


ผงะ!ผลผ่าชันสูตรวาฬเพชฌฆาตดำ พบเศษอวนอุดตันกระเพาะอาหาร



29 พ.ย.63- กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร ได้รายงานผลผ่าชันสูตรซากวาฬเพชฌฆาตดำ ซึ่งผลการตรวจสอบอย่างละเอียดดังนี้วาฬมีความยาว 4.33 เมตร ค่อนข้างผอม บาดแผลภายนอกที่เกิดจากการเกยตื้นสมานได้ดี พบรอยถูกรัดบริเวณครีบหลัง และโคนหาง กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจพบจุดเลือดออกโดยเฉพาะห้องซ้ายล่าง ในหลอดลมมีของเหลวปนอากาศ ปอดซ้ายมีก้อนหนองและมีหนองอยู่ภายในจำนวนมาก

ซึ่งสอดคล้องกับอาการลอยตัวเอียงของวาฬ ประกอบกับต่อมน้ำเหลืองบริเวณฝั่งซ้ายของลำตัวอักเสบและมีขนาดใหญ่กว่าปกติ พบเศษปลา และก้อนเศษอวนน้ำหนัก 0.5 กก.ในกระเพาะอาหารส่วนต้น คาดว่าทำให้เกิดการอุดตันบางส่วนของกระเพาะอาหาร พบพยาธิจำนวนมากในลำไส้เล็ก จนทำให้เกิดการตีบของลำไส้ ตับอ่อนอักเสบ มีจุดเลือดออก

ทั้งนี้จากความผิดปกติที่พบจึงคาดว่าวาฬติดเครื่องมือประมงไม่ทราบชนิดมาก่อน และมีการสำลักน้ำ ส่งผลให้ปอดเกิดการอักเสบและติดเชื้อตามมา จนทำให้เกิดการป่วยเรื้อรังก่อนที่วาฬเข้ามาเกยตื้น นอกจากนี้การที่วาฬกินเศษอวนและพบพยาธิจำนวนมากในลำไส้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบ อุดตันของทางเดินอาหารบางส่วนและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของทางเดินอาหารลดลงจากอาการป่วยเรื้อรังของวาฬดังกล่าว ประกอบกับความเครียดที่เกิดจากคลื่นลมแรง ทำให้วาฬช็อก การทำงานของหัวใจและระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด ทั้งนี้เก็บตัวอย่างอวัยวะเพื่อศึกษาในห้องปฏิบัติการต่อไป.


https://www.thaipost.net/main/detail/85432

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


ออสเตรเลียร้อน 40 องศาฯ เสี่ยงเจอวิกฤตไฟป่าซ้ำ



ทีมดับเพลิงของออสเตรเลียกำลังเร่งดับไฟป่าหลายสิบแห่ง หลังอุณหภูมในหลายรัฐสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ทำสถิติคืนเดือนพฤศจิกายนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์

นครซิดนีย์ของออสเตรเลียได้บันทึกสถิติคืนเดือนพฤศจิกายนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่าอุณหภูมิตอนกลางวันจะอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียสในวันอาทิตย์ ขณะที่แถบตะวันตกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย และรัฐวิกตอเรียตอนเหนือ อาจเผชิญอุณหภูมิที่สูงขึ้นถึงเกือบ 45 องศา

อุณภูมิความร้อนดังกล่าวทำให้หน่วยดับเพลิงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ต้องออกคำเตือนห้ามการจุดไฟทั้งหมดในพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐ

ขณะที่ทีมนักผจญเพลิงกำลังต่อสู้กับไฟป่าหลายสิบแห่ง ท่ามกลางอุณหภูมิในช่วงสุดสัปดาห์ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นในส่วนอื่น ๆ ของประเทศ และสำนักอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าจะเกิดคลื่นความร้อนนาน 5-6 วันในบางพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์และทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์

นับเป็นช่วงสุดสัปดาห์แรกของความตึงเครียดในการควบคุมไฟป่าในปีนี้ หลังออสเตรเลียเพิ่งเผชิญวิกฤตไฟป่าเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงฤดูไฟป่าที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของออสเตรเลีย มีเพลิงลุกไหม้ทั่วพื้นที่กว่า 150 ล้านไร่ ทำลายบ้านเรือนกว่า 3,000 หลัง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คน และคร่าชีวิตสัตว์ไปเกือบ 3 พันล้านตัว


https://www.nationtv.tv/main/content...mpaign=foreign

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 30-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


พบเขี้ยวฉลามน้ำจืดโบราณสกุล "กลายฟิส" ครั้งแรกในไทย

นอกจากการขุดพบโครงกระดูกวาฬโบราณอายุราว 2,000-5,000 ปี ระหว่างที่นักวิชาการกำลังทำงาน ได้พบเขี้ยวฉลามน้ำจืด จัดอยู่ในสกุล "กลายฟิส" ซึ่งฉลามชนิดนี้ไม่เคยมีบันทึกการอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงนับได้ว่าเป็นการพบครั้งแรก



เจ้าหน้าที่คณะขุดโครงกระดูกวาฬโบราณ นำเขี้ยวฉลามออกจากซองเก็บ ให้ทีมข่าวพีพีทีวีบันทึกภาพ ซึ่งการค้นพบเขี้ยวฉลามกว่า 20 ซี่นี้ เป็นการพบระหว่างการขุดโครงกระดูกวาฬโบราณ ในพื้นที่ ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ห่างจากชายฝั่งทะเลสมุทรสาครราว 12 กิโลเมตร

เขี้ยวที่พบคือฉลามน้ำจืด ในสกุล "กลายฟิส" และเขี้ยวฉลามเสือ โดยพบอยู่ในชั้นตะกอนดินทับถมด้านบนโครงกระดูกวาฬโบราณ ฉลามสกุลกลายฟิส จัดเป็นหนึ่งในหกของปลาฉลามหายาก ซึ่งเรียกกันว่าเป็นปลาฉลามน้ำจืด หรือ ปลาฉลามแม่น้ำ เพราะเป็นปลาฉลามเพียงประเภทเดียวเท่านั้น ที่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำกร่อยหรือน้ำจืดสนิทได้ตลอดทั้งชีวิต

การค้นพบเขี้ยวฉลามน้ำจืดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเขี้ยวของฉลามจะมีอายุใกล้เคียงกับกระดูกวาฬโบราณ คือ 2,000-5,000 ปี แต่ถูกพบในชั้นบนที่เป็นตะกอนดินของชั้นดินเหนียวกรุงเทพ

นางสาวสุชาดา คำหา นักวิชาการ ประจำองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ อพวช. เปิดเผยว่า ได้เปรียบเทียบเขี้ยวของฉลามที่พบกับข้อมูลฉลามทุกชนิดแล้ว ซึ่งรูปทรงของเขี้ยวที่พบตรงกับฉลาม 2 ชนิด คือ ฉลามน้ำจืด สกุล "กลายฟิส" กับ ฉลามเสือ

ข้อมูลการอาศัยอยู่ของปลาฉลามกลายฟิส นางสาวสุชาดา ระบุว่า มีรายงานการพบอยู่บริเวณอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน ซึ่งไทยไม่มีหลักฐานยืนยันการพบฉลามสกุลนี้มาก่อน มีเพียงคำบอกเล่าปากต่อปากเท่านั้นว่า เคยพบเมื่อปี 2006 หรือ พ.ศ.2549 แต่ไม่ระบุว่าเจอที่ใด และมีข้อมูลทางการศึกษาน้อยมาก ทำให้การขุดรอบๆ หลุมโครงกระดูกวาฬโบราณ จึงต้องเก็บตัวอย่างดินและหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/137421

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:09


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger