เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 04-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไห่เฉิน" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นและคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 6-7 ก.ย. 63 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3 ก.ย. ? 4 ก.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

ในช่วงวันที่ 5 - 9 ก.ย. 63 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไห่เฉิน" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นและคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 6 - 7 ก.ย. 63 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 3 ? 4 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนในช่วงวันที่ 5 - 9 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 04-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ชะตากรรมสัตว์ทะเลในมอริเชียส หลังคราบน้ำมันพิษรั่วไหล



- เกาะมอริเชียส ประกาศภาวะฉุกเฉินทางสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา หลังจากเรือบรรทุกสินค้า "เอ็มวี วากาชิโอะ" เกยตื้นนอกชายฝั่ง และมีน้ำมันรั่วไหลออกมา

- ปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลถือว่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันรั่วไหลที่เคยรั่วไหลในอดีต แต่กลับสร้างความเสียหายใหญ่หลวง เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่คุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล และใกล้กับอุทยานทางทะเลบลู เบย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญของโลก

- สิ่งมีชีวิตหายากในมอริเชียส รวมทั้ง หญ้าทะเล และป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลปลาอีกหลากหลายสายพันธุ์ อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุนี้อีกนานนับสิบปี


ต้นเหตุวิกฤติฉุกเฉินกลางทะเลมอริเชียส

นายกรัฐมนตรี ปราวองด์ ฌูนโยธ แห่งมอริเชียส ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา หลังจากเรือบรรทุกสินค้า "เอ็มวี วากาชิโอะ" ของบริษัท นากาชิกิ ชิปปิ้ง ประเทศญี่ปุ่น เกยตื้นนอกชายฝั่งตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ทำให้น้ำมันจำนวนมากรั่วไหลลงมหาสมุทรอินเดีย จนทำให้เกิดคราบน้ำมันสีดำปกคลุมผิวทะเลและพื้นดินโดยรอบ โดยจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติทางทะเล "บลู เบย์" และชายหาดซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองมาเอบวร์ก

หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะรอยแตกบริเวณด้านท้ายเรือเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น จนกระทั่งเรือหักออกเป็น 2 ส่วน ทำให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครท้องถิ่นยังไม่สามารถนำน้ำมันออกจากแทงก์ที่เหลือได้ทั้งหมด ส่งผลให้ทางการต้องประกาศให้พื้นที่แห่งนี้เป็นเขตหวงห้าม และระงับปฏิบัติการของเหล่าอาสาสมัครไปก่อน

ขณะที่บริษัท "มิตสึอิ โอ.เอส.เค.ไลน์ส" ผู้ให้บริการเรือลำนี้เปิดเผยว่า เรือ เอ็มวี วากาชิโอะ บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงกำมะถันต่ำมาทั้งหมดประมาณ 3,800 ตัน และมีน้ำมันดีเซลอีก 200 ตัน โดยพบว่าน้ำมันประมาณ 1,180 ตัน รั่วไหลออกจากแทงก์เก็บเชื้อเพลิงบนเรือ แต่เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้คืนมาจากทะเลและชายฝั่งได้ราว 460 ตัน




แนวทางที่มอริเชียสใช้รับมือกับวิกฤติ

น้ำมันที่รั่วไหลออกมา ส่งผลให้มอริเชียสต้องร้องขอความช่วยเหลือจากประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากมอริเชียสไม่มีทักษะและความชำนาญที่จะรับมือกับเรื่องนี้ ซึ่งประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ก็ขานรับ พร้อมส่งทีมและอุปกรณ์ควบคุมมลภาวะจากเกาะเรอูนิยง ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะมอริเชียสมาช่วยเหลือ

นอกจากนี้ องค์การสหประชาชาติยังช่วยส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับน้ำมันรั่วไหล และการจัดการวิกฤติลงพื้นที่ทำงานร่วมกับชุมชน ภาคเอกชน และรัฐบาลมอริเชียส ในการช่วยเก็บกวาดคราบน้ำมันในทะเล ขณะที่นักชีววิทยาทางทะเลจากญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักรก็เข้าร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย

หลังเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ มอริเชียสได้ใช้ทุ่นลอยน้ำที่ทำมาจากชานอ้อยหุ้มขวดพลาสติก มาใช้ดักจับคราบน้ำมันได้เป็นระยะทางถึงเกือบ 80 กิโลเมตร จนกระทั่งครบ 10 วัน เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ทำงานกันข้ามวันข้ามคืน ก็สามารถควบคุมการปนเปื้อนของน้ำมันไม่ให้เข้ามาถึงชายฝั่งได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม แม้จะพบว่ามีน้ำมันจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่หลุดรอดมาติดตามชายฝั่ง แต่สิ่งที่น่ากังวลไปกว่านั้น ก็คือสารเคมีที่มองไม่เห็นที่ปนเปื้อนเป็นเนื้อเดียวกับน้ำทะเล ซึ่งจะกลายเป็นเหมือนยาพิษที่แฝงตัวอยู่ในน้ำ รอเวลาที่จะโจมตีทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใต้ท้องทะเลแห่งนี้ในอนาคตอันใกล้




อุทยานแห่งชาติบลูเบย์ สำคัญอย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมาจนถึงขณะนี้ ถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันรั่วไหลที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่น้ำมันรั่วครั้งนี้กลับสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่คุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล 2 แห่ง และใกล้กับอุทยานทางทะเลบลูเบย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญของโลก นอกจากนี้มอริเชียสยังเป็นพื้นที่สำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ มีพืชและสัตว์ที่มีลักษณะเฉพาะที่ไม่พบในพื้นที่อื่นอยู่จำนวนมาก

อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของสหประชาชาติระบุว่า สิ่งแวดล้อมทางทะเลของมอริเชียสมีสิ่งมีชีวิตอยู่ราว 1,700 สายพันธุ์ รวมถึงปลา 800 ชนิด สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม 17 ชนิด และเต่า 2 ชนิด นอกจากนี้ยังมีแนวปะการัง หญ้าทะเล และป่าชายเลน ทำให้น่านน้ำของมอริเชียสมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงเป็นพิเศษ

ขณะที่องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ระบุว่าแนวปะการังในบริเวณนี้นอกจากจะช่วยคุ้มครองแนวชายฝั่งจากพายุและการกัดเซาะแล้ว ยังเป็นที่พึ่งพาของปลาราว 25% ในมหาสมุทร และยังเป็นหัวใจของการท่องเที่ยวซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจมอริเชียสด้วย




ผลกระทบที่ตามมา

หลังจากที่มีน้ำมันรั่วไหลจากเรือ เอ็มวี วากาชิโอะ ของญี่ปุ่น สภาพแวดล้อมในทะเลในพื้นที่นี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง น้ำทะเลที่เคยเป็นสีฟ้า กลับกลายเป็นสีหม่นคล้ำด้วยคราบน้ำมัน ขณะที่สัตว์ทะเลจำนวนมากต่างล้มตาย โดยเฉพาะโลมา ที่ลอยขึ้นมาเกยตื้นเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยล่าสุดมีโลมาต้องสังเวยชีวิตไปถึง 42 ตัวแล้ว คาดว่าผลชันสูตรสาเหตุการตายของโลมาที่เกยตื้นตายก่อนหน้านี้ น่าจะทราบผลอย่างละเอียดเร็วๆ นี้ ซึ่งจากการตรวจสอบโลมา 2 ตัวของสัตวแพทย์ในเบื้องต้น พบว่าพวกมันมีแผลบาดเจ็บตามลำตัว แต่ไม่พบร่องรอยของ ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำมันปิโตรเลียม ภายในตัวของพวกมันแต่อย่างใด

ด้านกรีนพีซ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลมอริเชียส เร่งสอบสวนสาเหตุการตายของสัตว์ทะเลว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุน้ำมันรั่วไหลครั้งนี้หรือไม่ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำมันรั่วไหลและนักชีววิทยาทางทะเลระบุว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เป็นส่วนประกอบของน้ำมันที่รั่วไหลออกมาจะฟอกขาวแนวปะการัง และท้ายที่สุดปะการังพวกนี้จะตาย นอกจากนี้สัตว์ที่น่าจะได้รับผลกระทบไปด้วยก็คือ พิราบสีชมพูซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ หญ้าทะเล ปลาการ์ตูน รวมทั้ง ป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลปลาอีกหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในมอริเชียสยาวนานนับสิบปี.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1921740

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 04-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ไต้ฝุ่นซัด'เรือยักษ์'ล่ม! ลูกเรือ43คน-วัว5.8พันตัวสูญหาย

เรือบรรทุกสินค้าขนาดยักษ์ของยูเออี บรรทุกวัว 5,867 ตัว พร้อมด้วยลูกเรือนานาชาติ 43 คน จากนิวซีแลนด์ไปจีน สูญหายท่ามกลางพายุไต้ฝุ่นไมสัก เมื่อช่วงกลางดึกเกือบตี 2 รุ่งสางวันพุธ ขณะแล่นผ่านทะเลนอกชายฝั่งจังหวัดคะโงะชิมะ ทางภาคใต้สุดของญี่ปุ่น ปฏิบัติการค้นหาถึงวันพฤหัสบดี พบแค่ลูกเรือชาวฟิลิปปินส์ ลอยคอในทะเลคนเดียว



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ว่า เรือบรรทุกสินค้า กัลฟ์ไลฟ์สต๊อก1 (Gulf Livestock1) ของบริษัทกัลฟ์ เนวิเกชั่น โฮลดิ้ง ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี แต่จดทะเบียนในปานามา ระวางขับน้ำ 11,947 ตัน บรรทุกวัวประมาณ 5,867 ตัว และลูกเรือ 43 คน ซึ่งเป็นชาวฟิลิปปินส์ 39 คน รวมถึงกัปตันเรือ 1 คน ชาวออสเตรเลีย 2 คน และชาวนิวซีแลนด์อีก 1 คน ออกเดินทางจากท่าเรือเมืองเนเปียร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. กำหนดจะเดินทางถึงเมืองท่าถังซาน มณฑลเหอเป่ย์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ในวันที่ 11 ก.ย.



แถลงการณ์ของหน่วยเรือลาดตระเวนชายฝั่งญี่ปุ่น หรือ เจซีจี เมื่อวันพฤหัสบดี กล่าวว่า เรือกัลฟ์ไลฟ์สต๊อก1 ส่งสัญญาณวิทยุฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ เมื่อเวลา 01.45 น.วันพุธ ขณะแล่นผ่านน่านน้ำทะเลจีนตะวันออก ห่างชายฝั่งเกาะอามามิ โอชิมะ จังหวัดคะโงะชิมะ ไปทางตะวันตกประมาณ 115 ไมล์ (185 กิโลเมตร) ท่ามกลางสภาพอากาศคลื่นลมทะเลแปรปรวนรุนแรง จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นไมสัก (Maysak)



หลังทราบเหตุ เจซีจีส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเรือกู้ภัย ประสานกับเรือของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น และเครื่องบินสอดแนม พี-3ซี อีก 1 ลำ ออกปฏิบัติการค้นหา และเมื่อคืนวันพุธ พบลูกเรือชายวัย 45 ปีชาวฟิลิปปินส์ ชื่อนายเซเรโน เอ็ดวาโรโด ลอยคอด้วยเสื้อชูชีพกลางทะเล จึงช่วยเหลือนำตัวขึ้นเรือใหญ่ ขณะที่ลูกเรือส่วนที่เหลืออีก 42 คน และวัวอีกเกือบ 6,000 ตัวบนเรือ ยังไม่ทราบชะตากรรม



จากการเปิดเผยของนายเอ็ดวาโรโด ซึ่งมีตำแหน่งเป็นต้นเรือ ระบุว่า เรือกัลฟ์ไลฟ์สต๊อก1 เครื่องยนต์ขัดข้อง ก่อนจะถูกคลื่นทะเลขนาดยักษ์ซัดกระหน่ำเรือจนพลิกคว่ำ กัปตันสั่งลูกเรือทุกคนสวมเสื้อชูชีพ และตัวเขาเองตัดสินใจกระโดดลงทะเล เมื่อเห็นว่าเรือน่าจะจมลงสู่ก้นทะเลอย่างแน่นอน และหลังจากนั้นเขาไม่เห็นลูกเรือคนอื่นๆ อีก จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือรอดชีวิต


https://www.dailynews.co.th/foreign/793364
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 04-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ราคาที่ต้องจ่าย (เพิ่ม) ให้คลองไทย ความพังพินาศของทะเลอันดามัน!



ความพยายามผลักดันให้มีการขุดคลองไทยเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในปี พ.ศ. 2558 โดยมีทุนจีนเข้ามาสนับสนุนทุนในการศึกษา รวมถึงการผลักดันคลองไทยของกลุ่มนายพลที่เกษียณอายุราชการ

ในปี พ.ศ. 2560 มีการจัดตั้งสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการเคลื่อนไหวให้ข้อมูลด้านดีของโครงการ มีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ขุดคลองร่วมกับผู้นำท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง หว่านล้อมให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบลงนามสนับสนุนเพื่อเสนอโครงการต่อรัฐบาล จากนั้นในปี 2561 มีการจัดตั้งพรรคคลองไทย ชูนโยบายเสนอพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คลองไทย นอกจากนี้ ยังมีพรรคการเมืองอีกจำนวนหนึ่ง ที่มีนโยบายสนับสนุนคลองไทย ปัจจุบัน สภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการนำเสนอข้อมูลคลองไทยในด้านดีอย่างต่อเนื่อง ในส่วนรายงานชิ้นนี้จะนำเสนอข้อมูลคลองไทยในอีกด้านหนึ่ง โดยเรียบเรียงข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์ของผู้ผลักดันโครงการ งานศึกษาของบริษัทจีน งานศึกษาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และการเข้าร่วมเวทีนำเสนอข้อมูลคลองไทย


๐ "คลองไทย" ตัดแบ่งแผ่นดิน

คลองไทยเป็นการขุดคลองขนาดใหญ่ ตัดแบ่งแผ่นดินภาคใต้ เชื่อมทะเลฝั่งอันดามันกับอ่าวไทย เพื่อเป็นช่องทางสัญจรทางทะเลระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก ข้อมูลล่าสุด ระบุว่า เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดของคลองไทยคือ เส้น 9A ซึ่งผ่าน 5 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา มีความยาว 135 กม. ความกว้างประมาณ 400 เมตร ความลึกประมาณ 30 เมตร คาดว่า ต้องเสียพื้นที่เฉพาะพื้นที่ขุดอย่างน้อย 1,400 ตารางกิโลเมตร นอกจากนั้นยังต้องขุดร่องน้ำลึกประมาณ 30 เมตร โดยฝั่งอันดามันขุดห่างออกจากฝั่งไปประมาณ 30-40 กิโลเมตร ส่วนฝั่งอ่าวไทยประมาณ 50-55 กิโลเมตร

เส้นทางคลองไทยเริ่มจากปากทางเข้าด้านทะเลอันดามันในพื้นที่ จ.กระบี่ อยู่ระหว่างเกาะไหงกับเกาะลันตา ไปยังพื้นที่ จ.ตรัง ที่บ้านแหลมไทร ต.เขาไม้แก้ว ต.กะลาเส อ.สิเกา ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ ต.วังคีรี ต.บางดี ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด ต.หนองบัว อ.รัษฎา ไปยัง จ.นครศรีธรรมราช ในพื้นที่ ต.น้ำตก อ.ทุ่งสง ต.ควนหนองหงส์ ต.เขาพระทอง ต.ท่าเสม็ด ต.เคร็ง อ.ชะอวด ผ่าน จ.พัทลุง ในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม อ.ควนขนุน ไปยัง ต.ควนชะลิก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ไปยัง จ.สงขลา ในพื้นที่ ต.คลองแดน ต.ท่าบอน อ.ระโนด แล้วออกทะเลอ่าวไทย คาดว่าจะมีการอพยพประชาชนในพื้นที่ขุดคลองอย่างน้อย 63,441 คน




๐ ผู้ผลักดันคลองไทยให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน

กลุ่มผู้ผลักดันโครงการ ระบุว่า คลองไทยจะช่วยย่นระยะเวลาการเดินเรือจากมหาสมุทรอินเดียไปทะเลจีนใต้ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าโลกตะวันออกแทนสิงคโปร์ นอกจากนั้น จะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวระดับโลก โดยชูวาทกรรม ?คลองไทยหัวใจของชาติ? ด้านผู้ประกอบการเดินเรือ มีความเห็นว่า มีการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในหลายเรื่อง

นายเฉลิมพล ชัยวรพงศา ผู้ประกอบการเดินเรือวงศ์สมุทรนาวี กล่าวว่า สมาคมคลองไทยให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง อาทิ ช่องมะละกาไม่ได้แคบ ส่วนที่แคบสุดมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และมีความลึก 30 เมตรขึ้นไป ลึกพอๆ กับคลองไทยที่จะขุด หลายประเทศมีการพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้าทางน้ำและทางบก เช่น จีนพัฒนารถไฟจากซีอานไปยังปราก ยุโรป ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องมาใช้คลองไทย ต้นทุนโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านบาท ไม่ใช่ 2.4 ล้านล้านบาท ตามที่ให้ข้อมูล ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่านำดินที่ขุดไปถมเกาะขนาดใหญ่ ซึ่งมีเนื้อที่รวมประมาณ 1 แสนไร่ การขุดคลองไทยใช้ผู้รับเหมาจากบริษัทต่างประเทศ ไม่ได้ใช้แรงงานไทย จะมีการนำคนงานต่างชาติประมาณ 30,000 คนเข้ามาในประเทศไทย เพื่อจัดการงานก่อสร้าง คลองไทยขาดทุนอย่างมาก ต้องพึ่งพารายได้จากนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งถ้าหากต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมไม่จำเป็นต้องขุดคลอง

นายเฉลิมพล กล่าวอีกว่า การขุดคลองไทยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก โดยเฉพาะแม่น้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งปะการัง แหล่งวางไข่ของปลา ต้องเตรียมแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่สำหรับเติมในคลอง เราต้องสูญเสียหลายอย่าง เพื่อแลกกับคลองที่ขาดทุน ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย เราจะเลือกทางเดิม ซึ่งเป็นจุดแข็งไหม หรือจะเปลี่ยนเป็นนิคมอุตสาหกรรม เราต้องตัดสินใจว่าอะไรที่ดีกว่า




๐ "เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง" ใหญ่กว่า EEC

การขุดคลองไทยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่เท่านั้น หากแต่จะมีการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจโดยเรียกว่า "เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง" ซึ่ง ส.ส.พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านประกาศจะผลักดันให้มีการออกกฎหมายฉบับนี้

ข้อมูลจากผู้ผลักดันโครงการ ระบุว่า ในพื้นที่คลองไทย พัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษได้ประมาณ 800 ตารางกิโลเมตร หรือ 5 แสนไร่ จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร หรือ 2.5 แสนไร่ นอกจากนั้นเป็นเกาะท่าเรือ การท่องเที่ยว และอื่นๆ โดยมีการนำดินที่ได้จากการขุดคลองอย่างน้อย 5,300 ล้านลูกบาศก์เมตร มาถมทะเลทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ประมาณ 10 เกาะ รวมเนื้อที่ประมาณ 1 แสนไร่

ในส่วนรายงานการศึกษาของบริษัทจีน ระบุถึงการถมทะเลในพื้นที่อันดามัน จ.ตรังและ จ.กระบี่ว่า จะมีการถมทะเลที่เกาะมุก จ.ตรัง เพื่อเป็นเกาะพลังงานหรืออุตสาหกรรมปิโตรเคมี เนื้อที่ 92 ตารางกิโลเมตร ในส่วนเกาะกระดาน จ.ตรังกับเกาะไหง จ.กระบี่ จะเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีด้วย นอกจากนี้ จะมีการถมทะเลเชื่อมเกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย และเกาะปอ จ.กระบี่ เพื่อเป็นท่าเรือ นอกจากนั้น มีการกำหนดพื้นที่บ้านบ่อม่วง อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมการประมงทางทะเล เนื้อที่ 47 ตารางกิโลเมตร บ้านแหลมไทรเป็นที่ตั้งของสถานีตำรวจชายฝั่งทะเล เนื้อที่ 10 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ระหว่างเกาะลันตากับเกาะไหงเป็นจุดจอดเรือใหญ่ก่อนเข้าร่องน้ำ




๐ หายนะของอันดามัน พังทั้งแถบ!

นายธีรพจน์ กษิรวัฒน์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.กระบี่ กล่าวว่า หากมีการขุดคลองไทยจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว จ.กระบี่ จ.ตรัง รวมถึงการท่องเที่ยวอันดามัน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากมีการขุดร่องน้ำบริเวณทางเข้าคลองไทย บริเวณเกาะลันตา เกาะไหง ตะกอนจากการขุดจะไหลตามน้ำไปถึงเกาะพีพี เกาะห้า เกาะหมา เกาะรอก และเกาะอื่นๆ นอกจากนั้น เมื่อมีการถมทะเลเพื่อรองรับอุตสาหกรรม โครงการคลองไทย จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

"เราจะต้องสูญเสียทะเลที่สมบูรณ์ไป พื้นที่อุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง ในบริเวณนี้ ได้แก่ อุทยานฯ หมู่เกาะลันตา กับอุทยานฯ หาดเจ้าไหม จะต้องถูกยุบ ต้นทุนของคลองไทยที่ไม่ได้นำมาคำนวณคือมูลค่าการท่องเที่ยว มูลค่าประมง ต้นทุนของทรัพยากรตลอดเส้นทางคลองไทย" นายธีรพจน์ กล่าว

นายธีรพจน์ กล่าวว่า ข้อมูลจากบริษัทจีน บอกว่า จะถมเกาะมุก เพื่อเป็นเกาะปิโตรเคมี จากเนื้อที่ในปัจจุบัน 7.688 ตารางกิโลเมตร จะนำดินจากการขุดคลองมาถมให้มีเนื้อที่ 92 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าปัจจุบันประมาณ 12 เท่า ใหญ่กว่าเกาะลันตาใหญ่ที่มีเนื้อที่ 78.270 ตารางกิโลเมตร นั่นคือเกาะมุกในอนาคต จะมีการถมทางเชื่อมเกาะมุกกับเกาะกระดาน ทำให้เกาะกระดานแปรสภาพเป็นส่วนหน้าของท่าเรือของเกาะมุก เกาะกระดานเป็นจุดจอดเรือบรรทุกผลิตภัณฑ์อันตราย

"การถมพื้นที่ขนาดใหญ่ในทะเลจะส่งผลกระทบต่อแนวปะการังและหญ้าทะเลในบริเวณนั้น ปะการังอ่อนที่เกาะเชือก เกาะม้า เกาะแหวนก็ไม่น่าจะรอด ป่าชายเลน หญ้าทะเล ปะการังก็ถูกทำลาย ชายหาดจะเปื้อนฝุ่นตลอดการก่อสร้างเป็นระยะเวลามากกว่า 6 ปี และจะต้องขุดลอกร่องน้ำทุกปี" นายธีรพจน์ กล่าว

โครงการคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดยักษ์เป็นหายนะครั้งใหญ่ของประชาชนภาคใต้และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม มีความเคลื่อนไหวผลักดันโครงการโดยใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร นอกจากการจัดทำรายงานการศึกษา มีการผลักดันกฎหมาย แผนงานของรัฐบาล และบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับนักลงทุนชาวต่างชาติอีกด้วย


https://mgronline.com/south/detail/9630000090570

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 04-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เกิดเหตุเรือทางการมาเลเซียชนกับเรือประมงไทย 2 พ่อลูกล่ม สูญหาย 1 ราย

สตูล - เรือทางการมาเลเซียชนกับเรือประมงไทยล่ม ทำให้มีผู้สูญหาย 1 ราย โดยรายงานเหตุเกิดจากเรือชาวประมงรุกล้ำน่านน้ำทำให้ทางการมาเลย์ได้มาขับไล่โดยว่ากล่าวตักเตือน ก่อนที่เรือประมงไทยจะหลบหนี ซึ่งทางมาเลย์คิดว่ามีสิ่งผิดกฎหมายจึงพุ่งชนทำให้เกิดเหตุดังกล่าว



วันนี้ (3 ก.ย.) เกิดเหตุเรือทางการมาเลเซียชนเรือประมงไทยหาปลาของ 2 พ่อลูกล่มบริเวณรอยต่อไทย-มาเลเซียในพื้นที่ อ.เมือง จ.สตูล ขณะนี้ผู้เป็นพ่อคือ นายสุริยา เตะปูยู อายุ 40 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 2 ต.ปูยู อ.เมืองสตูล ยังคงสูญหาย โดยตำรวจน้ำได้นำเรือ 2 ลำ พร้อมชุดกู้ชีพทางทะเลเข้าค้นหาพร้อมเรือทางการมาเลเซีย

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังได้รับแจ้งเมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ให้ ร.ต.ต.นราทร เทียมประทีป รอง สวป. (ทางน้ำ) ส.รน.3 กก.9 บก.รน. พร้อมกำลังรวม 3 นาย ร่วมตรวจสอบเหตุหน่วย MMEA มาเลเซีย จับกุมเรือประมงพื้นบ้านไทย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2563 เวลาประมาณ 05.00 น.

ได้สืบทราบว่าได้มีเรือประมงไทยจำนวนหลายลำเข้าไปทำการประมงในเขตรอยต่อน่านน้ำไทย-มาเลเซีย ขณะทำการประมงได้มีเรือหน่วย MMEA มาเลเซีย ซึ่งลาดตระเวนอยู่ในเขตพื้นที่มาเลเซีย ได้เข้ามาขับไล่เรือประมงเหล่านั้นให้ออกจากอาณาเขตของตน โดยได้ว่ากล่าวตักเตือน แต่มีเรือประมงลำที่ประสบเหตุได้ขับเรือหลบหนี จนท.มาเลเซียสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายจึงได้ติดตามและพุ่งชนจนเป็นเหตุให้เรือไทยจมลง และควบคุมตัว นายอภิเชษฐ์ หนูชูสุข เอาไว้ได้ และมีผู้สูญหายพลัดตกน้ำคือ นายสุริยา เตะปูยู



ต่อมา เวลาประมาณ 09.30 น. ทาง จนท.ไทยประกอบด้วย ตร.น้ำสตูล เจ้าท่าภูมิภาคสตูล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต.ปูยู ได้เดินทางไปยังจุดที่เรือจม พิกัดละติจูด 6?25.820' ลองจิจูด 100? 01.832' ซึ่งเป็นพิกัดที่เรือถูกกระแสน้ำและลมพัดมา และได้พบกับเรือ จนท.มาเลเซีย จำนวน 2 ลำ จึงได้เจรจากับทาง จนท.มาเลเซียเพื่อขอตัว นายอภิเชษฐ์ หนูชูสุข พร้อมกับเรือกลับ โดยไม่ต้องดำเนินคดี ทางฝ่าย จนท.มาเลเซียได้ชี้แจงว่าเรือประมงไทยได้รุกล้ำเข้ามาทำประมงจริง พิกัดที่เกิดเหตุอยู่ในเขตน่านน้ำมาเลเซีย (แต่ไม่ยอมบอกพิกัด) และยินยอมพร้อมส่งตัวคืนให้ จนท.ฝ่ายไทย

และเวลา 11.00 น.อนุญาตให้ จนท.ฝ่ายไทยค้นหาผู้สูญหายในบริเวณเขตรอยต่อน่านน้ำได้ โดยมีหน่วย MMEA มาเลเซียเฝ้าสังเกตการณ์ การค้นหายังคงดำเนินต่อไป เวลา 15.30 น.ยังไม่พบผู้ที่สูญหาย ชุดกู้ภัยมูลนิธิร่มไทรสตูล มาช่วยดำเนินการค้นหาต่อไป

พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจน้ำและชุดกู้ชีพยังทำการค้นหาผู้สูญหาย แต่มีความยากลำบากเนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวและเริ่มค่ำแล้ว ซึ่งบุคคลที่สูญหายเป็นพ่อลูกที่ออกไปหาปลาในบริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว โดยผู้เป็นพ่อยังค้นหาไม่พบ โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวนำเรือมาช่วยกันค้นหา


https://mgronline.com/south/detail/9630000090636

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 04-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


เผยภาพใต้น้ำ เรือขยะเกาะสมุยล่ม เตรียมกู้ 7 ก.ย.นี้

เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้วที่เรือเฟอรีของบริษัทราชาฯ?ที่ใช้ขนขยะ 90 ตัน? จมอยู่ใต้ทะเลห่างจากเกาะสมุยประมาณ ?7 กิโเมตร? จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถกู้เรือขึ้นมาได้? ขณะที่ทีมสำรวจใต้น้ำ? เผยภาพพบเรือยังอยู่ในสภาพดี? ขยะยังเป็นก้อนอยู่ในรถบรรทุกโดยมีผ้าใบคลุม? โดยคาดว่าจะสามารถกู้เรือขึ้นมาได้ภายในวันที่ 7? กันยายนนี้



เรือเครน 2 ลำ? ขนาด? 400และ200ตันของบริษัทเอ็มเอส? ที่บริษัทราชาเฟอรีว่าจ้าง? เข้ามาจอดประจำการยังจุดที่เรือขยะล่ม?ห่างจากเกาะสมุยประมาณ? 7? กิโลเมตร? หลังผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี?อนุมัติแผนกู้เรือไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เจ้าหน้าที่เรือเครนอยู่ระหว่างประกอบอุปกรณ์? และส่งนักประดาน้ำลงสำรวจติดตั้ง? ตะขอที่ตัวเรือเพื่อใช้ดึงขึ้น

ตามแผน ?บ.เอ็มเอส ?จะใช้เรือเครนยกเรือขยะที่ล่มขึ้นเป็นแนวตั้ง? ก่อนเปิดประตูท้ายเรือ? ทยอยยกรถบรรทุก?พร้อมขยะออกมาทีละพ่วงทั้งหมด6พ่วง? หลังจากนั้นจึงจะกู้ตัวเรือขึ้นมาจากน้ำ?

ทีมนักประดาน้ำ? เปิดเผยภาพ? สภาพเรือขยะล่าสุดที่จมอยู่ใต้น้ำมานานกว่า 1 เดือน? พบว่า? เรือยังอยู่ในสภาพคว่ำตะแคงขวา? เรือครอบรถบรรทุกทั้งหมดไว้? และขยะยังมีสภาพเป็นก้อนถูกคลุมด้วยผ้าใบอีกชั้น? ไม่มีคราบน้ำมันรั่วไหล

แม้ว่าเรือและขยะยังอยู่ในสภาพดี? แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีความกังวลว่า? หากไม่รีบกู้เรือขึ้นมา? กระแสน้ำอาจพัดให้ขยะแตกกระจายได้

เบื้องต้นคาดว่าบริษัทกู้เรือจะสามารถเริ่มดึงเรือขึ้นจากน้ำและดึงรถบรรทุกขยะออกจากเรือได้? ในวันที่ ?7 กันยายนนี้?
ส่วนขยะที่ถูกกู้ขึ้นมาจะนำกลับไปที่เกาะสมุย? เพื่อให้บริษัทกำจัดขยะจัดการตามขั้นตอนต่อไป?


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/132599

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:36


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger