เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ โดยประชาชนในภาคเหนือควรระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 30 ? 31 พ.ค. ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย

ส่วนในช่วงวันที่ 1 ? 4 มิ.ย. 63 พ.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับร่องมรสุมจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 30 - 31 พ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัยได้












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


นาทีชีวิต! เทศบาลราไวย์ ภูเก็ต ช่วยเต่าติดซากอวนบนหาดยะนุ้ย



บทเรียนคนที่ทิ้งซากอวนลงทะเลแบบไร้จิตสำนึก ผู้ใหญ่บ้านพบเต่าติดซากอวน บริเวณหาดยะนุ้ย ภูเก็ต เทศบาลตำบลราไวย์และชาวบ้านช่วยเหลือเอาออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่งต่อไปยังศูนย์สัตว์ทะเลหายากฯ ดูแลต่อแล้ว

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. เฟซบุ๊ก "เทศบาลตำบลราไวย์" อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ได้เผยแพร่วีดีโอคลิปขณะช่วยชีวิตเต่าทะเล เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา เทศบาลตำบลราไวย์ ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 พบเต่าติดซากอวน ซึ่งถูกทิ้งไว้บริเวณหาดยะนุ้ย ตำบลราไวย์ โดยชาวบ้านผู้พบเห็นไปเก็บขยะที่บริเวณชายหาด ทางเทศบาลตำบลราไวย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 และประชาชนในพื้นที่เข้าช่วยเหลือเต่า และประสานศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ให้รับเต่าไปดูแลต่อไป


https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000056206


*********************************************************************************************************************************************************


ชาวสตูลผวา! สั่งห้ามเด็กๆ ลงเล่นน้ำ หลังมีเด็กชายถูกสัตว์น้ำปริศนากัดเป็นแผลเหวอะ

สตูล - ผวา! สัตว์น้ำปริศนากัดเท้าเด็กชายชาวสตูลเป็นแผลเหวอะ ต้องเย็บไม่น้อยกว่า 50 เข็ม เจ้าตัวบอกตัวสีเทา ท้องสีขาว มีครีบคล้าย "ฉลาม" เตือนสั่งห้ามเด็กๆ ลงเล่นน้ำในช่วงนี้



ภาพจากโซเชียลที่โพสต์โดย "Sarina Lw" ซึ่งได้เตือนภัยถึงชาวเจ๊ะบิลัง อ.เมืองสตูล ให้ระวังเวลาบุตรหลานลงเล่นน้ำในช่วงนี้อาจจะถูกฉลามกัดได้ หลังจากเด็กในหมู่บ้านถูกกัดจนเป็นแผลฉกรรจ์ ต้องส่งให้แพทย์เย็บไม่น้อยกว่า 50 เข็ม

โดย ด.ช.ฮาราฟัต ลิ่มอภิชาติสกุล อายุ 12 ปี กล่าวว่า ขณะลงเล่นน้ำกับเพื่อนในวัยเดียวกันอีก 2 คนอยู่นั้น และใกล้ถึงเวลาจะขึ้นฝั่ง โดยขณะนั้นนั่งห้อยขาแกว่งเล่นในน้ำไปมาอยู่ ตนได้เหลือบไปเห็นแมงกะพรุนลอยเข้ามาใกล้จึงรีบดึงขาซ้ายขึ้น โดยจังหวะที่ดึงขาซ้าย และฝ่าเท้าเกือบจะขึ้นพ้นเหนือน้ำมาแล้วนั้น ปลาฉลามขนาดรอบตัวกว้าง 8 นิ้ว ยาวประมาณ 15-16 นิ้ว ผิวสีดำเทา ท้องสีขาว ได้งับเข้าที่ฝ่าเท้าซ้ายอย่างจัง จังหวะนั้นจึงรีบสะบัดเท้าออกก่อนจะหลุดจากปากฉลามมาได้ ซึ่งเพื่อนอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็เห็น และยืนยันได้ว่าเป็นฉลามจริงๆ ที่กัดตน ก่อนจะช่วยกันหามตนขึ้นมาจากท่าน้ำเพื่อพาหาหมอ

ซึ่งขณะเล่าให้ประมงจังหวัดสตูล ที่เดินทางไปเยี่ยม และสอบถามอาการ น้องฮาราฟัตได้วาดรูปฉลาม เพื่อยืนยันด้วยว่าเป็นสัตว์ชนิดนี้จริงๆ และตนก็รู้จักฉลามเป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นในโทรทัศน์

นางสูนิลา หลังจิ ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 ต.เจ๊ะบิลัง กล่าวว่า เมื่อวานวันเกิดเหตุ บุตรชายของตนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งก็พูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นปลาที่กัดเพื่อนของเขาจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเห็น แต่ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วัน น้องของ ด.ช.ฮาราฟัต ก็ถูกสัตว์ในน้ำไม่รู้ชนิดใดกัดเป็นแผลด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้สั่งห้ามเด็กๆ เล่นน้ำในช่วงนี้เป็นอันขาด เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ใต้น้ำในหมู่บ้านริมฝั่ง

ด้าน นายโสภณ อ่อนคง ประมงจังหวัดสตูล ได้ลงไปดูในที่เกิดเหตุยังจุดที่เด็กๆ เล่นน้ำ พบว่าเป็นริมชายฝั่งหมู่บ้านติดในคลองเจ๊ะบิลัง จะมีเรือประมง และหมู่บ้านอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งได้เร่งประสานส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับช่วงนี้ให้เด็กๆ งดเล่นน้ำ และชาวประมงให้ระมัดระวังซึ่งอาจจะมีสัตว์น้ำที่เป็นอันตรายทำร้ายได้

ล่าสุด นายวิทยา ขุนสัน ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.สตูล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยืนยันหลังเห็นบาดแผลของ ด.ช.ฮาราฟัต ว่า เกิดจากลูกฉลามหัวบาตรหลังเรียบ ชอบมาหากินปากคลองแม่น้ำ กินปลา และปูทั่วไป และด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าน้ำขุ่น ประกอบกับการแกว่งเท้ากระเพื่อมคิดว่าเป็นเหยื่อ ทำให้กัดที่เท้าน้องได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ฉลามเข้ามาอาจเป็นเพราะทรัพยากรที่สมบูรณ์ และโควิด-19 ที่ทำให้เรือไม่ออกทำประมง จึงว่ายเข้ามาลึกถึงชายฝั่งหมู่บ้านชุมชนในคลองเพื่อหากิน


https://mgronline.com/south/detail/9630000056098
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก


โซเชียลวิจารณ์ ท่อบำบัดทะเลพัทยาปล่อยน้ำเน่าลงทะเล

โซเชียลวิจารณ์ ท่อบำบัดทะเลพัทยาปล่อยน้ำเน่าลงทะเล โดยคลิปดังกล่าวมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม



เพจ we love pattaya โพสต์คลิปที่มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม เป็นคลิปขณะที่ท่อบำบัดน้ำเสีย พื้นที่เมืองพัทยา ปล่อยน้ำดำปี๋ลงสู่ทะเลจนน้ำทะเลถูกเจือปนไปด้วยสีดำ

สำหรับจุดดังกล่าวนี้ เป็นอาคารสูบน้ำที่หาดพัทยา ตั้งอยู่แถวๆ วอล์กกิ้งสตรีท เขตพัทยาใต้ แต่หลังจากที่มีการแชร์คลิปดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดทางด้านของอาคารสูบน้ำได้เลิกปล่อยน้ำเสียไปแล้ว ซึ่งทางได้ผู้เกี่ยวข้องได้แจ้งเข้ามาว่าเมื่อช่วงวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก เกิดการระบายน้ำไม่ทัน จึงต้องทำการระบายน้ำลงสู่ทะเล ส่งผลให้น้ำที่อยู่ในท่อออกมาเป็นสีดำ


https://www.komchadluek.net/news/hot...B8%B5%E0%B9%89

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ฉลามบุก! ว่ายหากินใกล้ชายฝั่งสตูล เตือนระวังหลังกัดเด็กชายเย็บ50เข็ม



29 พฤษภาคม 2563 ภาพในโซเซียลโพสต์โดย "Sarina Lw" เตือนภัยชาวเจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล ให้ระวังบุตรหลานเล่นน้ำเค็มในช่วงนี้ อาจจะถูกฉลามกัดได้ หลังเด็กในหมู่บ้านถูกกัดจนเป็นแผลฉกรรจ์ส่งหมอเย็บไม่น้อยกว่า 50 เข็ม

โดยเด็กชายฮาราฟัต ลิ่มอภิชาติสกุล อายุ 12 ปี เล่าว่า ขณะเล่นน้ำกับเพื่อนวัยเดียวกันอีก 2 คน อยู่นั้นใกล้เวลาจะขึ้นฝั่ง โดยขณะนั้นนั่งห้อยขาแกว่งเล่นในน้ำไปมาอยู่นั้นตนเหลือบไปเห็นแมงกะพรุนลอยเข้ามาใกล้ตนจึงรีบดึงขาซ้ายขึ้น โดยจังหวะที่ดึงขาซ้าย โดยฝ่าเท้าเกือบจะขึ้นพ้นเหนือน้ำนั้น ปลาฉลาม ขนาดรอบตัวกว้าง 8 นิ้ว ยาวประมาณ 15 ถึง 16 นิ้ว ผิวสีดำเทา ท้องสีขาว มีคลีบงับเข้าที่ฝ่าเท้าซ้ายตนอย่างจัง จังหวะนั้นน้องฮาราฟัต รีบสะบัดเท้าออกก่อนจะหลุดจากปากฉลามมาได้ ซึ่งเพื่อนอีกหนึ่งคนที่อยู่ใกล้ๆก็เห็น และยืนยันได้ว่าเป็นฉลามจริง ๆ ที่กัดตนก่อนช่วยกันหาม ตนขึ้นจากท่าน้ำมาหาหมอ

โดยขณะเล่าให้ประมงจังหวัดสตูล ที่เดินทางไปเยี่ยมและสอบถามอาการน้องฮาราฟัต ได้วาดรูปฉลามเพื่อยืนยันด้วยว่า เป็นสัตว์ชนิดนี้จริงๆ และตนก็รู้จักฉลามเป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นในโทรทัศน์

นางสูนิลา หลังจิ ชาวบ้านในพื้นที่ ม.2 ต.เจ๊ะบิลัง เล่าว่า เมื่อวานวันเกิดเหตุบุตรชายของตนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งก็พูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นปลากัดเพื่อนของเขาจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเห็น แต่ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วัน น้องของเด็กชายฮาราฟัต ก็ถูกสัตว์ในน้ำไม่รู้ชนิดกัดเป็นแผลด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้สั่งห้ามเด็กๆเล่นน้ำในช่วงนี้เป็นอันขาด เพราะไม่รู่ว่ามีอะไรอยู่ใต้น้ำในหมู่บ้านริมฝั่ง

นายโสภณ อ่อนคง ประมงจังหวัดสตูล ได้ลงไปดูในที่เกิดเหตุจุดที่เด็กๆเล่นน้ำ พบว่าเป็นริมชายฝั่งหมู่บ้านติดในคลองเจ๊ะบิลัง จะมีเรือประมงและหมู่บ้านอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งได้เร่งประสานส่วนที่เกี่ยวข้องพร้อมกำชับให้ช่วงนี้งดเล่นน้ำของเด็กๆ และชาวประมงให้ระมัดระวังที่อาจจะมีสัตว์น้ำที่เป็นอันตรายทำร้ายได้

โดยล่าสุดทางด้านนายวิทยา ขุนสัน ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.สตูล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยืนยันหลังเห็นบาดแผลของเด็กชายฮาราฟัต ว่าเกิดจากลูกฉลามหัวบาตรหลังเลียบ ชอบมาหากินปากคลองแม่น้ำ กินปลาและปูทั่วไป และด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าน้ำขุ่น ประกอบกับน้ำแกว่งเท้ากระเพื่อมคิดว่าเป็นเหยื่อทำให้กัดที่เท้าน้องได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ฉลาดเข้ามาอาจเป็นเพราะทรัพยากรที่สมบูรณ์และเป็นช่วงโควิดด้วย ที่ทำให้เรือไม่ออกทำประมงจึงว่ายเข้ามาลึกถึงชายฝั่งหมู่บ้านชุมชนในคลองเพื่อหากิน


http://www.saveoursea.net/forums/new...uote=1&p=59849

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


เชื่อฉลามกัดเด็กในคลองที่สตูล เป็นฉลามหัวบาตร



สตูล 29 พ.ค.- หลังเกิดเหตุการณ์ปลาฉลามกัดเท้าเด็กในคลองเจ๊ะบิลัง จ.สตูล จนเป็นแผลฉกรรจ์ขณะนั่งเรือแล้วห้อยขาลงไปในคลอง ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัยากรทางทะเลจังหวัดสตูล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่าอาจเป็นปลาฉลามหัวบาตรหลังเรียบ ที่เกิดอาการตกใจจากแรงกระเพื่อม ขณะเด็กแกว่งขาลงไปในน้ำ

นายโสภณ อ่อนคง ประมงจังหวัดสตูล พร้อมนายวิทยา ขุนสัน ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงไปดูที่เกิดเหตุคลองเจ๊ะบิลัง ใกล้กับท่าเรืออเนกประสงค์ หมู่ 2 ต.เจ๊ะบิลัง ย่านชุมชนที่มีบ้านชาวบ้านอยู่หนาแน่น และมีเรือประมงของชาวบ้านจอดเรียงราย โดยบริเวณดังกล่าวอยู่ห่างจากทะเลอันดามันเข้ามา 2 กิโลเมตร

จากนั้นไปเยี่ยมดูอาการ ด.ช.ฮารอฟัด ลิ่มอภิชาติสกุล อายุ 12 ปี ที่บ้านพักในหมู่ 2 ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมืองสตูล พบว่าบริเวณฝ่าเท้าด้านซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์รอบฝ่าเท้ายาว 15 เซนติเมตร แพทย์เย็บแผลและพันแผลเรียบร้อย

ด.ช.ฮารอฟัด เล่าว่า ขณะลงเล่นน้ำกับเพื่อนๆ เมื่อตอนเที่ยงวานนี้ นั่งบนเรือและห้อยขาลงไปในคลอง มีปลาฉลามยาวขนาด 1 เมตร ว่ายมากัดเท้าตนรู้สึกเจ็บปวดและมีเลือดไหล จากนั้นรถกู้ชีพนำตัวส่งโรงพยาบาลสตูล

ด้านนางนิภา ประชา แม่ ด.ช.ฮารอฟัด เล่าว่า ตอนที่ลูกชายขึ้นจากน้ำและนำส่งโรงพยาบาลสังเกตเห็นบาดแผลมีรอยลึกถึงกระดูก ก่อนหน้านี้น้องชายของ ด.ช.ฮารอฟัด ก็ถูกสัตว์น้ำกัดที่บริเวณขาเย็บไป 6 เข็ม ขณะลงไปเล่นน้ำที่บริเวณเดียวกัน

นายวิทยา ขุนสัน ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัยากรทางทะเลจ.สตูล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า สัตว์น้ำที่กัด ด.ช.ฮารอฟัด น่าจะเป็นลูกปลาฉลามหัวบาตรหลังเรียบ ซึ่งออกไปหากินในช่วงบริเวณปากแม่น้ำ หรือเข้าไปในคลองกินสัตว์ทะเลทั่วไป ส่วนสาเหตุที่กัดเด็กน่าจะมาจากที่ปลาฉลามตกใจ และอาจมีปัจจัยหลายอย่าง พอ ด.ช.ฮารอฟัด แกว่งขา ฉลามเข้าใจว่าเป็นเหยื่อ แต่หากมองในแง่ดี การที่พบปลาฉลามทำให้มองว่าธรรมชาติเราสมบูรณ์ อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวและทำให้ไม่มีการทำประมงผิดกฎหมายจับสัตว์น้ำในแหล่งหวงห้าม.


https://www.mcot.net/viewtna/5ed124d7e3f8e40af844a071


*********************************************************************************************************************************************************


มาเฟียเหิมหนัก สั่งไล่ชนเรือจับหอยแครง

สุราษฎร์ธานี 29 พ.ค.-เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ "ฉลามขาว" เร่งเข้าช่วยเหลือกลุ่มเรือประมงพื้นบ้านที่หาหอยแครงบริเวณอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี หลังถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สั่งลูกน้องมีอาวุธครบมือ ขับเรือไล่ชน



ชุดปฏิบัติการพิเศษ "ฉลามขาว" กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 30 นาย ลงเรือตรวจการณ์และเรือหางยาว เรือยางชุดเคลื่อนที่เร็วลุยทะเลอ่าวบ้านดอนอีกรอบบริเวณเขตพื้นที่ อ.พุนพิน หลังกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านร้องเรียนว่า ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี สั่งลูกน้องมีอาวุธครบมือ ขับเรือไล่ชนเรือชาวบ้านที่กำลังหาลูกพันธุ์หอยแครง ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของตำบลลีเล็ด ทำให้เรือจมไป 1 ลำ ชาวบ้านหลบหนีกันจ้าละหวั่น จึงไม่มีใครกล้าที่เข้าไปหาหอยในบริเวณดังกล่าวอีก

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพื้นที่ตำบลบางชนะอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีช่องรอยต่อกับตำบลลีเล็ดอำเภอพุนพิน พบเรือประมงพื้นบ้านกว่า 1,000 ลำ ชาวประมงนับหมื่นคน บางส่วนนั่งรอเจ้าหน้าที่ บางส่วนเก็บหาลูกพันธุ์หอยแครงในท้องทะเล

ขณะที่ นาวาเอกวศากร สุนทรนันท รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกชาวประมงพื้นบ้านเข้าไปเก็บหาลูกพันธุ์หอยแครง ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งลอยลำเรืออยู่ 6 ลำ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็เร่งเครื่องเรือหลบหนีเข้าฝั่งอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างดีใจคว้าอุปกรณ์กระโดดลงทะเลเก็บหาลูกพันธุ์หอยกันอย่างคึกคัก บางคนจับได้คนละ 5-10 กิโลกรัม นำกลับเข้าฝั่งไปขายให้พ่อค้ารับซื้อในกิโลกรัมละ 500 บาท โดยที่ชาวบ้านบอกว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลได้กดดันไม่ให้พ่อค้ารับซื้อลูกพันธุ์หอยแครงกลางทะเลเหมือนเช่นทุกวัน.


https://www.mcot.net/viewtna/5ed1389ee3f8e40aef4438d7

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


#BetterNormal ร่วมสร้างอนาคตที่ปลอดมลพิษพลาสติกหลังจากวิกฤตโควิด-19 ดีขึ้น ..................... โดย พิชา รักรอด


เนื้อหาโดยสรุป

- ก่อนสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด ประเทศไทยตื่นตัวเรื่องปัญหาขยะพลาสติกอย่างมาก และกำลังขยายออกไปสู่ผู้คนในวงกว้าง หลังจากมี Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 ออกมา และมีแนวโน้มว่ากำลังมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต

- การที่ประชาชนต้องกักตัวในบ้าน/ที่พักของตน ส่งผลให้เกิดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจำนวนมากขึ้น ยอดคำสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในแอปพลิเคชันหนึ่งในบางหมวดหมู่เพิ่มขึ้นถึง 12 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ในเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งจะกลายเป็น ?วิกฤตแห่งความสะดวกสบาย? ดังนั้น รัฐบาลต้องทบทวน Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 ที่มุ่งไปสู่การลดปริมาณขยะพลาสติกใช้แล้วทิ้งให้เหลือศูนย์

- เราอาจต้องเริ่มตั้งคำถามกับพฤติกรรมการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งของเราในฐานะผู้บริโภคว่า เรากำลังตกหลุมพลางของความสะดวกสบายอย่างไร ความจำเป็นต้องใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งในช่วงวิกฤติโรคระบาดกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ของเรา และเรายังคงเห็นดีเห็นงามกับการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งหรือไม่

- 'New Normal' นี้อาจก่อให้เกิดขยะพลาสติกใช้แล้วทิ้งในปริมาณมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือพฤติกรรมมนุษย์ ซึ่งต้องการความตระหนักรู้และการควบคุมพฤติกรรมของเราเช่นเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ new normal ที่ว่านี้ทำลายโลกที่เราอาศัยอยู่ เราจะต้องตระหนักว่าสุขภาพของโลก = สุขภาพของเรา


การระบาดของไวรัสโควิดทำให้เกิด 'ความปกติใหม่ (new normal)' ในสังคมหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้งของคนเมือง อันมีสาเหตุมาจากการต้องอาศัยอยู่เฉพาะในบ้านช่วงไวรัสกำลังแพร่ระบาดจึงต้องใช้บริการบริษัทจัดส่งอาหาร (Food delivery) จนปริมาณขยะพลาสติกพุ่งสูงขึ้นมาก การใช้บริการซื้ออาหารกลับบ้านเพราะไม่สามารถนั่งรับประทานอาหารที่ร้านได้ การซื้อสินค้าออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มพูนขยะพลาสติกจากบริการส่งสินค้า นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้วัสดุเหลือใช้แล้วกลายเป็นขยะโดยสมบูรณ์ เพราะไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ คือ การไม่มีระบบแยกขยะที่มีประสิทธิภาพพอที่จะทำให้ผู้บริโภคซึ่งต้องอยู่บ้านมากขึ้น แยกขยะเศษอาหารออกจากขยะอื่น ๆ จนทำให้ขยะทั้งหมดปนรวมเป็นก้อนเดียวกัน เมื่อขยะอาหารถูกทิ้งปะปนกับขยะพลาสติกหรือขยะอื่นก็จะลดทอนความเป็นไปได้ในการรีไซเคิลลงอย่างมาก ทั้งหมดนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ 'new normal' นี้ที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนของชีวิตและสุขภาพของเรา


มลพิษพลาสติกก่อนไวรัสโควิดระบาด

ก่อนสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด ประเทศไทยตื่นตัวเรื่องปัญหาขยะพลาสติกอย่างมาก หลังจากประเทศไทยติดอันดับ 6 ประเทศที่ทิ้งขยะลงสู่ทะเลมากที่สุด (ข้อมูลจากงานวิจัยของ JENNA R. JAMBECK ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยจอร์เจีย) เราเป็นประจักษ์พยานต่อการเสียชีวิตของสัตว์ทะเลและสัตว์บกขยะพลาสติกกันบ่อยครั้ง หลายองค์กรเริ่มออกมารณรงค์ลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งอย่างจริงจัง เราได้เห็นการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ จากองค์กรเอกชน นักศึกษา หรือภาคประชาชนต่างช่วยกันมองหาและพัฒนาทางเลือกอื่นที่มีตามธรรมชาติ เช่น กล่องข้าวกาบหมาก ใบบัว/ใบตองห่ออาหาร แก้วไม้ไผ่ใส่เครื่องดื่ม เป็นต้น แม้ว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การลดใช้พลาสติกข้างต้นจะยังจำกัดเฉพาะกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็กำลังขยายออกไปสู่ผู้คนในวงกว้าง


นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอาสาสมัครกรีนพีซร่วมกันเก็บขยะบริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ทางขึ้นดอยสุเทพ ถนนศรีวิชัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และสำรวจแบรนด์จากขยะพลาสติกที่พบ ? Baramee Temboonkiat / Greenpeace


จนโลกได้รู้จักกับ COVID-19

ไวรัสโควิดระบาดเริ่มแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น ที่จีน ในเดือนธันวาคม 2562 เชื้อไวรัสได้เริ่มแพร่ระบาดไปสู่ประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง จนในวันที่ 13 มกราคม ประเทศไทยพบผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 รายแรก หลังจากนั้น ภาครัฐเริ่มออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อจัดการและหยุดยั้งการแพร่ระบาด จนวันที่ 2 เมษายน มีการประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานทั่วราชอาณาจักร (เคอร์ฟิว) การประกาศปิดพื้นที่สาธารณะที่เป็นแหล่งรวมตัวของประชาชน หลายองค์กรออกมาตรการให้พนักงานทำงานที่บ้านมากขึ้น เป็นต้น รวมถึงการที่ร้านอาหาร/ร้านขายเครื่องดื่มบางแห่งงดรับภาชนะใช้ซ้ำ เนื่องจากกลัวการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

การที่ประชาชนถูกขอความร่วมมือให้ต้องอาศัยอยู่เฉพาะในบ้าน/ที่พักของตนเองนั้น ส่งผลให้เกิดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจำนวนมากขึ้น มีข้อมูลระบุว่า ขยะจากบริการส่งอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จาก 1,500 ตันต่อวันเป็น 6,300 ตันต่อวัน ยอดคำสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในแอปพลิเคชันหนึ่งในบางหมวดหมู่เพิ่มขึ้นถึง 12 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ในสถานการณ์ปกติ ขยะที่นำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลมีเพียงร้อยละ 25 เท่านั้น จากขยะทั้งหมดทั่วประเทศกว่าปีละ 2 ล้านตัน ดังนั้น เราจึงอาจต้องจินตนาการถึงมลพิษพลาสติกที่เกิดขึ้นตอนนี้และกำลังจะเกิดในอนาคต รวมถึงยุทธศาสตร์การจัดการขยะในบริบทใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่พฤติกรรมการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้งจะกลายเป็น 'new normal'


ฝูงนกกระยางบินเหนือภูเขาขยะ บริเวณหลุมฝังกลบ เมืองดูมาเกเต ฟิลิปปินส์ มีพลาสติกเพียง 9% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลหลังจากการผลิตตั้งแต่ปีพ.ศ.2493 ส่วนพลาสติกที่เหลือจะไปจบลงที่หลุมฝังกลบเหมือนในภาพนี้


#BetterNormal โลกหลัง COVID-19 ที่เราอยากเห็น

เราอาจต้องเริ่มตั้งคำถามกับพฤติกรรมการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งของเราในฐานะผู้บริโภคว่า เรากำลังตกหลุมพลางของความสะดวกสบายอย่างไร ความจำเป็นต้องใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งในช่วงวิกฤติจะกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ของเรา และเรายังคงเห็นดีเห็นงามกับการบริโภคพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งอย่างฟุ่มเฟือยหรือไม่ การเปลี่ยนแปลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสนี้จำเป็นต้องมีการตั้งคำถามอีกครั้งหลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไป เพราะการที่เราคุ้นชินกับพฤติกรรมการบริโภคแบบใหม่ หมายถึงว่า เรากำลังสร้างโลกที่เต็มไปด้วยขยะพลาสติกและผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับมลพิษพลาสติกก็หนีไม่พ้นตัวเราเอง สัตว์และธรรมชาติ และนั่นคงไม่ใช่ New Normal ในแบบที่เราต้องการ

ในฐานะพลเมือง เราต้องช่วยกันตั้งข้อคำถามถึง Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 กว่า มันเพียงพอหรือไม่ที่จะจัดการไม่ให้เกิดขยะพลาสติกจำนวนมากในระบบและจัดการกับขยะพลาสติกที่มีอยู่ โดยตั้งเป้าหมาย ขยะเหลือศูนย์(zero waste) ซึ่งเน้นการลดขยะให้มากที่สุดและใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อให้เหลือวัสดุเหลือใช้จากการบริโภคไปสู่หลุมฝังกลบน้อยที่สุด มาเป็นแนวคิดหลักในการสร้างแผนงานที่เป็นรูปธรรมและดำเนินการทันทีอย่างจริงจัง ภาครัฐจำเป็นต้องทบทวน ยกระดับและปรับเปลี่ยน roadmap ให้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการไม่สร้างขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการจัดการมลพิษพลาสติกที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง


(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


#BetterNormal ร่วมสร้างอนาคตที่ปลอดมลพิษพลาสติกหลังจากวิกฤตโควิด-19 ดีขึ้น ......... ต่อ


นำแก้วส่วนตัวไปซื้อเครื่องดื่มเรามั่นใจได้ว่าแก้วที่เราล้างเองปลอดภัยแน่นอน ? Siwen Liu / Greenpeace


สุขภาพสิ่งแวดล้อม = สุขภาพของเรา

หลายองค์กรเริ่มคาดการณ์ 'new normal' ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จบลง ในมุมมองของ กรีนพีซ เรามีข้อเสนอที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ปราศจากมลพิษพลาสติก ดังนี้

1. ประชาชนสั่งซื้ออาหารจากบริการจัดส่งอาหารมากขึ้น กรีนพีซเห็นว่า การสั่งซื้ออาหารออนไลน์มีการใช้ภาชนะใช้ซ้ำที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ตลอด ถ้าผู้บริโภคสั่งซื้อมากินที่บ้านก็ปฏิเสธรับอุปกรณ์กินอาหาร เช่น ช้อนส้อม หลอด ด้วย แอปพลิเคชันให้บริการต่าง ๆ สามารถเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าด้วยบริการภาชนะใช้ซ้ำและเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสามารถปฏิเสธพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ใช้ได้ผลจริงด้วย

2. ธุรกิจออนไลน์จะมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ แม้ว่าการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ของมนุษย์จะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เพราะเราคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เราก็จะรู้สึกว่าการใช้บริการต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์สะดวกสบายขึ้น สิ่งที่น่ากังวลคือ ขยะพลาสติกที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เราเสนอให้ร้านค้าเพิ่มช่องทางการจัดส่งสินค้าที่ลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งให้มากที่สุดและนำวัสดุที่ยั่งยืนกว่ามาเป็นทางเลือกแทนการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง

3. ผู้คนหันมาใช้บริการธุรกิจขนาดเล็กในระดับภูมิภาคเพราะต้องการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นทิศทางที่ดีที่ธุรกิจขนาดเล็กจะมีโอกาสพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทางหนึ่งคือช่วยลดมลพิษที่เกิดจากการขนส่ง ประชาชนได้บริโภคผักผลไม้ตามฤดูกาล เราอยากเห็นการซื้อขายภายในชุมชนหรือภูมิภาคที่ผู้ผลิตลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งที่เกิดจากการขนส่งทางไกลและผู้ผลิตไม่มีการห่อหุ้มสินค้าหลายชั้นด้วยพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อรักษาสภาพของสินค้า เพราะการซื้อขายกับผู้บริโภคอยู่ไม่ไกลกันมาก

4. การดูแลสุขภาพและความสะอาดเป็นเรื่องปกติในสังคม เรื่องสุขอนามัยจะเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญมากขึ้น เราจะเห็นประชาชนพกแอลกอฮอล์ล้างมือจนเป็นสิ่งปกติ ซึ่งเราเองก็พอจะทราบกันดีว่า อุปกรณ์ทำความสะอาดมือย่อมมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์พลาสติก ดังนั้น เราจึงอยากเห็น ผู้บริโภคนำภาชนะใช้ซ้ำของตนเองไปเติมสินค้าในร้านค้าแบบเติมแทนการซื้อสินค้าชิ้นใหม่ หรือผู้ผลิตมีโครงการเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์เปล่าที่ลูกค้าใช้หมดแล้วของแบรนด์สินค้าตนเอง เพื่อนำไปสู่กระบวนการใช้ซ้ำ หรือแม้แต่การรีไซเคิลต่อไป

'New Normal' นี้อาจก่อให้เกิดขยะพลาสติกใช้แล้วทิ้งในปริมาณมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือพฤติกรรมมนุษย์ ซึ่งต้องการความตระหนักรู้และการควบคุมพฤติกรรมของเราเช่นเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ new normal ที่ว่านี้ทำลายโลกที่เราอาศัยอยู่ เราจะต้องตระหนักว่าสุขภาพของโลก = สุขภาพของเรา และมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกแม้ดูเหมือนว่าจะห่างไกลตัวเราสักเพียงใด แต่อาจย้อนกลับมาสู่ตัวเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

New normal ไม่ควรเป็นไปเพื่อเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายระยะสั้น เราต้องการ #BetterNormal อนาคตที่ปลอดมลพิษพลาสติก ผู้คนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และอยู่ร่วมอย่างกลมกลืนและสอดคล้องระบบนิเวศ

และพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งไม่ควรจะเป็น New Normal ของเราอีกต่อไป


https://www.greenpeace.org/thailand/...c-free-future/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 30-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


นักสำรวจเผยภาพ "หมึกดัมโบ้" หมึกที่อาศัยอยู่ลึกที่สุดในโลก

ภาพหมึกที่อาศัยอยู่ลึกที่สุดในโลก ถูกถ่ายภาพโดยอุปกรณ์ของนักสำรวจที่ก้นมหาสมุทรอินเดีย



หมึกดังกล่าวถูกพบที่ระยะความลึก 7,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลในร่องลึกชวา (Java Trench) มหาสมุทรอินเดีย นักวิจัยที่รายงานการค้นพบในวารสาร Marine Biology กล่าวว่าหมึกดังกล่าวเป็นสายพันธุ์ "หมึกดัมโบ้ (Dumbo Octopus)" ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะอวัยวะลักษณะเหมือนครีบหูอันโดดเด่นที่อยู่เหนือตาขึ้นไป ซึ่งทำให้พวกมันดูเหมือนตัวการ์ตูนชื่อดังของดิสนีย์ในปี 1940

นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการระบุชนิดหมึกชนิดนี้คือ ดร.อลัน เจมีสัน (Alan Jamieson) จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ เขาเป็นผู้บุกเบิกการสำรวจริ่งลึกในทะเลโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า "แลนเดอร์ (Lander)" โดยหย่อนเครื่องมือดังกล่าวลงมาจากเรือ ให้มาตั้งอยู่ที่ก้นทะเล และบันทึกภาพสิ่งที่เกิดขึ้นใต้ทะเลในระดับความลึกที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถลงมาได้

อุปกรณ์ของเจมีสันสามารถบันทึกภาพหมึกดัมโบ้ได้ 2 ตัว ตัวหนึ่งมีขนาด 43 ซม. พบที่ระดับความลึก 5,760 เมตร และอีกตัวมีขนาด 35 ซม. พบที่ระดับความลึกถึง 6,957 เมตร

การพบเห็นหมึกดัมโบ้ที่ลึกที่สุดก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับความลึก 5,145 เมตร

ดร.เจมีสันกล่าวว่า "ความสำคัญของการสำรวจมหาสมุทรอินเดียคือตอนนี้เรารู้แล้วว่า หมึกเหล่านี้สามารถหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมได้อย่างน้อย 99% จากบริเวณก้นทะเลของทั้งโลก แต่สัตว์เหล่านั้นที่มีชีวิตในระดับความลึกขนาดนี้จะต้องมีการดัดแปลงพิเศษอย่างชัดเจน พวกมันจะต้องทำสิ่งที่ฉลาดภายในเซลล์ของพวกมัน เพราะถ้าคุณคิดว่าเซลล์เป็นเหมือนกับบอลลูน มันจะต้องยุบตัวแน่ภายใต้ความกดดันของทะเลลึก ดังนั้นมันจะต้องมีระบบชีวเคมีอัจฉริยะเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะรักษาสภาพร่างกายของมันไว้ได้"


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/126337

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:29


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger