เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 14-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคกลางมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

อนึ่ง พายุดีเปรสชัน "โคะงุมะ" ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศลาวตอนบนแล้ว ลักษณะเช่นนี้ส่งผลทำให้ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 13 ? 14 มิ.ย. 64 ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่พายุโซนร้อน ?โคะงุมะ? ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในระยะต่อไป ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และ บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 15 ? 19 มิ.ย. 64 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมา ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13 ? 14 มิ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนงดออกจากฝั่ง ตลอดช่วง









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 14-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


วาฬหัวแตงโมเกยตื้น เสียชีวิตแล้ว หลังอาการทรุดต่อเนื่อง


เครดิตภาพ - อุทยานแห่งชาติสิรินาถ

อุทยานแห่งชาติสิรินาถเผย วาฬหัวแตงโมเกยตื้น-บาดเจ็บเสียชีวิตแล้ว หลังจากอาการทรุดลงต่อเนื่อง พร้อมรายงานการชันสูตร สันนิษฐานเบื้องต้นว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการเจ็บป่วยตามธรรมชาติ

นายปราโมทย์ แก้วนาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต เปิดเผยเมื่อวาน (12 มิถุนายน 2564) ถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือวาฬหัวแตงโมเกยตื้น ที่หาดในยาง ตำบลสาคู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ว่า หลังจากส่งมอบวาฬ ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) นำไปอนุบาลพักฟื้น โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีบาดแผลถลอกเล็กน้อยบริเวณครีบหลัง และลำตัว ใต้ท้องมีแผลเปื่อย บริเวณปากมีลักษณะแหว่ง ฟันด้านในกร่อน ไม่สามารถว่ายน้ำได้อย่างปกติ

ต่อมา เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า วาฬมีระดับความสมบูรณ์ร่างกายอยู่ในระดับผอม อัตราการหายใจ 6 ครั้งต่อ 5 นาที แต่พบภาวะหายใจเบาและช้ากว่าปกติ รวมทั้งมีฟองอากาศพ่นออกมาจากรูหายใจตลอดเวลา เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ของ ศวอบ. ได้เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจสุขภาพเพิ่มเติม ผลการตรวจเลือดบ่งชี้ถึงภาวะกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง ภาวะแห้งน้ำ ภาวะตับอักเสบและภาวะไตอักเสบ จึงพิจารณาให้สารน้ำและยา แต่วาฬหัวแตงโมมีอาการทรุดลงอย่างต่อเนื่องและเสียชีวิตในที่สุด

เจ้าหน้าที่ ศวอบ. ชันสูตรซาก พบน้ำและฟองอากาศในหลอดลมจำนวนมาก ซึ่งบ่งบอกถึงภาวการณ์สำลักน้ำ โดยคาดว่าเกิดขึ้นระหว่างการเกยตื้น ปอดพบภาวะอักเสบปานกลาง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณปอดขยายใหญ่สอดคล้องกับภาวะปอดอักเสบ ตับมีขนาดใหญ่กว่าปกติและพบภาวะอักเสบ สอดคล้องกับผลค่าเลือดก่อนหน้า ไตมีขนาดใหญ่กว่าปกติและพบภาวะอักเสบปานกลาง สอดคล้องกับผลค่าเลือดก่อนหน้า ท่อกรวยไตโป่งและพบปัสสาวะคั่งร่วมกับก้อนซีสต์ (Cyst) พยาธิจำนวนมากบริเวณท่อนำปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ ซึ่งอาจเกิดจากการกดทับของก้อนซีสต์ กระเพาะอาหารพบภาวะอักเสบปานกลางและพบพยาธิภายในกระเพาะ ลำไส้เล็กพบภาวะอักเสบรุนแรง และกระเพาะปัสสาวะพบภาวะอักเสบเล็กน้อย จึงสันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นว่า เกิดจากการเจ็บป่วยตามธรรมชาติ ทำให้วาฬหัวแตงโมเกยตื้นและเสียชีวิตในที่สุด

ทั้งนี้ วาฬหัวแตงโม เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เมื่อมองจากด้านบนเห็นส่วนหัวรูปสามเหลี่ยม ครีบข้างเรียวปลายแหลมตั้งตรงออกจากลำตัว ลำตัวสีดำ คางและใต้ท้องแนวสะดือและช่องเพศสีขาว แถบสีจาง ตั้งแต่ช่องหายใจไปจนถึงปลายปาก ขอบปากขาว หน้ามีสีดำรูปสามเหลี่ยม โตเต็มที่ยาว 2.78 ม. และหนัก 275 กก. ลูกแรกเกิดยาวประมาณ 1 ม. ลักษณะฟันซี่เล็ก เรียวแหลม มี 20-25 คู่บนขากรรไกรบนและล่าง ตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 11.5 ปี (ยาว 2.35 ม.) ส่วนตัวผู้อายุ 16.5 ปี (ยาว 2.44 ม.) ออกลูกระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ระยะหย่านม 9-12 เดือน ว่ายน้ำเร็ว

วาฬหัวแตงโม ชอบรวมกลุ่มเป็นฝูงใหญ่ จำนวน100-500 ตัว อาจมากถึง2,000 ตัว พบรวมกับโลมาชนิดอื่น เช่น โลมาฟราเซอร์ เป็นต้น อาหารของวาฬแตงโม เป็นปลาขนาดเล็ก และปลาหมึก บางครั้งกินกุ้งเป็นอาหาร ถิ่นอาศัยและการแพร่กระจายเช่นเดียวกับวาฬเพชฌฆาตเล็ก บริเวณน้ำลึกในเขตร้อนและกึ่งร้อน ระหว่างเส้นรุ้งที่40oN-35oS มักมีการเกยตื้นหมู่ (Mass strandings) และพบการเกยตื้นหมู่มากที่สุดถึง 250 ตัว สำหรับประเทศไทยพบซากเกยตื้นที่ จ.ชลบุรี และสงขลา


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000056906

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 14-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ชาวเมารีอาจค้นพบทวีปแอนตาร์กติกาก่อนนักสำรวจชาวยุโรปถึง 1,300 ปี



ชาวเมารีซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ อาจเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ค้นพบทวีปแอนตาร์กติกา ดินแดนทางใต้สุดและหนาวเย็นที่สุดของโลก ก่อนที่บรรดานักสำรวจชาวยุโรปจะตามรอยไปถึงในอีก 1,300 ปีต่อมา

ทีมวิจัยด้านประวัติศาสตร์ชีววิทยาและการอนุรักษ์ของนิวซีแลนด์ นำโดย ดร. พริสซิลลา เวฮี จากมหาวิทยาลัยไวกาโต (University of Waikato) นำเสนอผลการศึกษาล่าสุดในวารสารราชสมาคมแห่งนิวซีแลนด์ (JRSNZ) โดยระบุว่าชาวเมารีอาจเป็นผู้ล่องเรือไปถึงน่านน้ำมหาสมุทรใต้ และเป็นผู้มองเห็นแนวชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกาก่อนใคร ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 แล้ว

หลักฐานที่ชี้ถึงความเป็นไปได้ดังกล่าว มาจากการรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์แบบมุขปาฐะที่บอกเล่าสืบต่อกันมา รวมทั้งวรรณกรรมที่ไม่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวงกว้าง (grey literature) ซึ่งที่ผ่านมาแวดวงวิชาการไม่ให้ความสำคัญกับข้อมูลประเภทนี้ เท่ากับประวัติศาสตร์การสำรวจทวีปแอนตาร์กติกาที่บันทึกอย่างเป็นทางการโดยชาวยุโรป ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา

ตำนานของบรรพบุรษชาวเมารีบางสำนวนเล่าว่า "ฮุย เต รังงีโอรา" (Hui Te Rangiora) วีรบุรุษชาวโพลีเนเชียนและผู้นำในการสำรวจท้องทะเล ได้ออกเดินทางลงใต้ไปไกลกว่าดินแดนของชาวเมารีมาก จนได้พบกับ "ทะเลแป้ง" ( Te tai-uka-a-pia ) ซึ่งเป็นคำที่พวกเขาใช้พรรณนาถึงผืนน้ำที่เต็มไปด้วยหิมะและแผ่นน้ำแข็งสีขาว ดูคล้ายกับเนื้อของหัวมันท้าวยายม่อม (Arrowroot) ที่ขูดออกมากินได้นั่นเอง


เรือ "วากา" แบบดั้งเดิมของชาวเมารี ขณะร่วมขบวนรับเสด็จเจ้าชายแห่งเวลส์เมื่อปี 2015

ก่อนหน้านี้บันทึกประวัติศาสตร์ของชาวตะวันตกระบุว่า มีการค้นพบทวีปแอนตาร์กติกาครั้งแรกในปี 1820 ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า สมาชิกทีมสำรวจของรัสเซียหรือสหราชอาณาจักรกันแน่ที่เป็นผู้มองเห็นผืนแผ่นดินของแอนตาร์กติกาก่อน

นอกจากหลักฐานที่เป็นตำนานมุขปาฐะแล้ว ทีมผู้วิจัยยังพบรายงานฉบับหนึ่ง ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Polynesian Society เมื่อปี 1899 โดยรายละเอียดของรายงานฉบับนี้ชี้ว่า นักล่องเรือชาวเมารีในอดีตได้บรรยายถึงสิ่งมีชีวิตและสภาพทางภูมิศาสตร์ของแอนตาร์กติกาเอาไว้นานแล้ว

มีการเอ่ยถึงภูเขาหินที่ยอดสูงเสียดฟ้า แต่กลับไม่มีพืชหรือสัตว์หรือสิ่งใดเลยอยู่บนนั้น บ้างก็ว่าพบปีศาจหญิงอาศัยอยู่ในทะเล โดยผมของนางสยายลอยอยู่เหนือคลื่น ซึ่งกรณีนี้ทีมวิจัยคาดว่าน่าจะเป็นการพรรณนาถึงสาหร่ายเคลป์บางชนิดในแถบมหาสมุทรใต้

ดร. เวฮี ผู้นำทีมวิจัยกล่าวสรุปว่า "การมีส่วนร่วมของชาวเมารีในการล่องเรือและสำรวจมหาสมุทรแอนตาร์กติกนั้น มีมานานตั้งแต่ในอดีต และปัจจุบันพวกเขายังคงมีส่วนร่วมในการสำรวจยุคใหม่อย่างแข็งขัน แต่แทบจะไม่มีการยอมรับและยกย่องให้ชาวโลกได้ทราบโดยทั่วกัน"

"การส่งเสริมให้มีนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจชาวเมารีที่ศึกษาทวีปแอนตาร์กติกามากขึ้น จะทำให้เราสามารถรวบรวมเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นและมุมมองของชนพื้นเมืองเข้ามาได้ดียิ่งกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของแอนตาร์กติกาต่อไป" ดร. เวฮีกล่าว


https://www.bbc.com/thai/features-57459781

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:26


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger