เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 01-04-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 1 เมษายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 1 - 4 เม. ย. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรง รวมทั้งอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น

ส่วนในช่วงวันที่ 5 - 6 เม. ย. 63 บริเวณประเทศจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ และภาคกลาง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 1 - 4 เม.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 1 - 4 เมษายน 2563)" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 01 เมษายน 2563

บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะได้รับผลกระทบก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้


ในช่วงวันที่ 1-2 เมษายน 2563

ภาคเหนือ: จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด


ในช่วงวันที่ 3-4 เมษายน 2563

ภาคเหนือ: จังหวัดพะเยา น่าน แพร่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ส่งผลทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น













__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 01-04-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


การถอยของธารน้ำแข็งแอนตาร์กติกาตะวันออก


Credit : NASA

เคยมีความคิดกันว่าธารน้ำแข็งแอนตาร์กติกาตะวันออกนั้นถูกคุกคามน้อย แต่เมื่อธารน้ำแข็งอย่างเดนแมน (Denman) ถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากกลุ่มวิทยาศาสตร์หิมะภาค (cryosphere) ก็เริ่มเห็นหลักฐานของความไม่แน่นอนของแผ่นน้ำแข็งทางทะเลที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

เมื่อเร็วๆนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์ไวน์ และห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น (Jet Propulsion Laboratory) ขององค์การนาซา ในสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยพบว่าธารน้ำแข็งเดนแมนสูญเสียมวลน้ำแข็งไป 268,000 ล้านตัน ระหว่างปี พ.ศ.2522-2560 และยังพบว่าธารน้ำแข็งของแอนตาร์กติกาตะวันออก ได้ถอยห่างออกไป 5 กิโลเมตรในรอบ 22 ปีที่ผ่านมา ทำให้สร้างความกังวลว่ารูปร่างของพื้นผิวดินที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งอาจอ่อนแอมากขึ้นต่อการล่มสลายของสภาพภูมิอากาศ

ที่น่าห่วงตามมาก็คือหากธารน้ำแข็งเดนแมนละลาย จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งการตรวจสอบอย่างละเอียดที่สุดในธารน้ำแข็งและบริเวณโดยรอบทำให้รู้เบาะแสที่น่าตกใจเกี่ยวกับสภาวะภายใต้ภาวะโลกร้อน.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1808269

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 01-04-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ชาวโคราชฮือฮา'นกฟลามิงโก' โผล่หากินเขื่อนลำตะคอง

ชาวโคราชสุดฮือฮา "นกฟลามิงโก" นกประจำถิ่นทวีปแอฟริกา โผล่ท้ายเขื่อนลำตะคอง ร่วมหากินกลุ่มนกน้ำประเทศไทย นักอนุรักษ์คาด อาจหลุดมาจาก "สวนสัตว์-หลงฝูงอพยพ"



เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท้ายเขื่อนลำตะคอง บ้านท่างอย ถนนมิตรภาพสายเก่า ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขณะนี้ในช่วงเข้าสู่ฤดูแล้งที่อากาศร้อนจัด ส่งผลระดับน้ำในเขื่อนลดลงจนเห็นท้ายเขื่อน หลงเหลือน้ำในลักษณะเป็นแอ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝูงนกน้ำมาลงหากินเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยกลุ่มนกยาง และนกปากห่าง แต่เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ภายหลัง นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ นายอำเภอปากช่อง มีคำสั่งขอความร่วมมืองดประชาชนเดินทางมาพักผ่อนยังสถานที่แห่งนี้ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัส "โควิด-19" ปรากฏว่ามี นกฟลามิงโก นกน้ำจำพวกหนึ่ง ซึ่งตามธรรมชาติจะอาศัยอยู่มากในทวีปแอฟริกา บินมาลงหากินยังเขื่อนแห่งนี้ด้วย 1 ตัว ออกหากินอยู่รวมกับนกน้ำในกลุ่มนกยางและนกปากห่างที่มีอยู่ของประเทศไทย ถือเป็นปรากฏการณ์สร้างความตื่นเต้นแก่ชาวบ้านในพื้นที่และผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

ด้าน นายปฤษฎิ์ เก่งสูงเนิน นักอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่ารุ่นใหม่ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.ปากช่อง และเป็นผู้ถ่ายภาพนกฟลามิงโก้ได้ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา มีชาวประมงในพื้นที่เล่าให้ฟังว่า พบเห็นนกตัวใหญ่ชนิดหนึ่ง มีสีสันสวยงาม ปลายปีกออกเป็นสีชมพูและไม่เคยพบเห็นมาก่อนในพื้นที่ และขอให้ช่วยไปตรวจสอบ จึงออกไปดูก็พบเป็นนกฟลามิงโกตัวใหญ่ 1 ตัว ซึ่งนกชนิดนี้ไม่ได้อาศัยในธรรมชาติประเทศไทย แต่กลับมาหากินร่วมกับนกน้ำชนิดอื่นๆ ซึ่งในข้อเท็จจริง ยังไม่แน่ชัดว่านกฟลามิงโกตัวนี้มาจากสถานที่แห่งใด อาจเป็นไปได้ทั้งในส่วนหลุดออกมาจากสวนสัตว์ หรืออาจบินอพยพหลงฝูงมาจากต่างประเทศ แต่จากการสังเกตพบว่า นกตัวนี้มีความระวังภัยสูงมาก และมีปฏิกิริยาตื่นคนเป็นอย่างมากซึ่งแตกต่างจากนกที่ปรากฏอยู่ในสวนสัตว์ จึงเชื่อว่าอาจจะมีการอพยพหลงฝูงมา ??

สำหรับ นกฟลามิงโก ได้ชื่อว่าเป็นนกที่มีขนสีชมพูจนได้รับชื่อว่า นกฟลามิงโกสีชมพู ปกติอยู่เป็นฝูงขนาดใหญ่ สถานที่ๆ พบมากที่สุดในโลกคือ ทะเลสาบนากูรู ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบนากูรู ทางตอนเหนือของประเทศเคนยา จัดเป็นนกที่บินได้เป็นระยะทางที่ไกลและมักบินในเวลากลางคืน ในทวีปเอเชียสามารถพบได้ที่ทุ่งหญ้าสเตปป์แถบตอนเหนือของคาซัคสถานในภูมิภาคเอเชียกลางเท่านั้น


https://www.dailynews.co.th/regional/766292


*********************************************************************************************************************************************************


เตือนโตเกียวจะเป็นอัมพาต หากภูเขาฟูจิระเบิดครั้งใหญ่

คณะผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลญี่ปุ่น ให้ทำการศึกษาวิจัย กล่าวเตือนว่า การปะทุระเบิดครั้งใหญ่ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ของภูเขาไฟฟูจิ อาจพ่นเถ้าถ่านเป็นห่าฝน ปลิวร่วงฝังกลบกรุงโตเกียว จนระบบการคมนาคมทั้งรถไฟและรถยนต์กลายเป็นอัมพาต ภายในเวลา 3 ชั่วโมง



สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า คณะผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้ง จากสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า การจำลองสถานการณ์ด้วยคอมพิวเตอร์ แสดงให้เห็นว่า การระเบิดของภูเขาไฟฟูจิ หากเกิดขึ้น ปริมาณเถ้าถ่านที่พ่นออกจากปากปล่องเพียงแค่ 1 นาที สามารถขัดขวางการวิ่งบนรางของรถไฟโดยสาร ในกรุงโตเกียว ซึ่งอยู่ห่างจากภูเขาไฟฟูจิ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 100 กม. และเถ้าถ่านที่ปลิวร่วงหล่นยังจะส่งผลกระทบต่อระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าด้วย

ภูเขาไฟฟูจิ ขนาดความสูง 3,776 เมตร เกิดการปะทุระเบิดครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย เมื่อกว่า 300 ปีก่อน ปัจจุบันยังมีพลังและเกิดการสั่นสะเทือนเป็นระยะ ?นายโตชิสึกุ ฟูจิอิ ศาสตราจารย์กิตติคุณ มหาวิทยาลัยโตเกียว หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญ เขียนในรายงานซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (31 มี.ค.) ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเตรียมมาตรการ ทั้งการตอบสนองฉุกเฉิน และการฟื้นฟูในระยะยาว และต้องรีบดำเนินการในขณะนี้ เพราะหากรอให้เกิดการระเบิดก็จะสายเกินไป



ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด มากที่สุดในโลก เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2557 เกิดภัยพิบัติจากภูเขาไฟครั้งเลวร้ายสุดในรอบกว่า 90 ปี จากการระเบิดอย่างกะทันหันของภูเขาไฟออนทาเกะ บนเกาะฮอนชู ขณะที่มีนักไต่เขาจำนวนมากปีนขึ้นไปอยู่ใกล้ปากปล่อง การระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิต 63 คน

ญี่ปุ่นมีภูเขาไฟที่มีพลังทั่วประเทศ 110 ลูก ประมาณครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ รวมถึงภูเขาไฟฟูจิ ถูกทางการเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชม.


https://www.dailynews.co.th/foreign/766284

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 01-04-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"โควิด-19" ช่วยธรรมชาติฟื้นตัว นากทะเลโผล่เล่นน้ำหาดในหาน

ภูเก็ต - ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี โควิด-19 ช่วยธรรมชาติฟื้นตัว สุดทึ่ ! นากทะเลโผล่เล่นน้ำ หลังปิดหาดในหาน จ.ภูเก็ต ธรรมชาติได้หยุดพักหลังถูกทำลายมายาวนาน




https://mgronline.com/news-clips/dopcLf7e5sE


*********************************************************************************************************************************************************


นับถือใจ "โตโน่" ทุ่มสุดตัว ว่ายน้ำข้าม 12 เกาะ สุราษฎร์-สมุย เพื่อทะเลไทย



"โครงการ ONE MAN & THE SEA หนึ่งคนว่าย หลายคนช่วย" ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่ต้องการปลุกจิตสำนึกให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญของระบบนิเวศทางทะเล ลงมือช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ที่นำทีมโดย "โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์" กับภารกิจว่ายน้ำข้าม 12 เกาะ สุราษฎร์ธานี-สมุย รวมระยะทาง 82 กม. ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. - 5 เม.ย. 63

โดยระหว่างว่ายน้ำได้เปิดให้ผู้สนใจร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือแพทย์ให้แก่สัตว์ทะเลและโรงพยาบาลริมชายฝั่ง หลังหนุ่ม "โตโน่-ภาคิน" ทำดีที่สุดแล้ว พิชิตได้ถึงเกาะที่ 9 ก่อนจำเป็นต้องยกเลิกภารกิจชั่วคราว หลังมีประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ขอบคุณน้ำใจคนไทยที่ร่วมบริจาคมากกว่า 2.4 ล้าน เชื่อคงได้พบกันใหม่


https://mgronline.com/travel/detail/9630000032901


*********************************************************************************************************************************************************


ราว "ธานอส" ดีดนิ้ว...ผลพวงมนุษย์เก็บตัวหนีโควิดฯ ทะเลอินเดียสะอาดขึ้น เต่าหญ้าเกือบครึ่งแสนขึ้นวางไข่รอบ 2



ไม่เพียงแค่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เท่านั้น หากแต่การเก็บกักตัวอยู่กับบ้านของผู้คนหลาย ๆ ประเทศในช่วงนี้ยังถือเป็นการเยียวยาธรรมชาติไปในตัวอีกด้วย

ก่อนหน้านี้สื่อต่างประเทศหลายๆ เจ้า อาทิ รอยเตอร์, ซีเอ็นบีซี ฯลฯ ได้รายงานถึงสภาพน้ำในคลองเมืองเวณิส ที่กลับมาใสสะอาดขึ้น ภายหลังจากที่อิตาลีได้ออกมาตรการปิดเมืองและขอให้ผู้คนอยู่กับบ้าน

ล่าสุดสื่ออินเดียได้รายงานว่า ตอนนี้ชายหาด ของรัฐ Odisha ไม่ว่าจะเป็น Gahirmatha และ Rushikulya ได้มีเต่าหญ้าทะเล Olive Ridley พากันขึ้นมาวางไข่ครั้งที่สองกันหลายหมื่นตัว

ตามรายงานระบุว่าปีที่ผ่านมา เต่าหญ้าทะเล Olive Ridley แทบจะไม่กลับขึ้นมาวางไข่ครั้งที่สองเลย เนื่องมาจากชายหาดที่ากปรกและการรบกวนจากนักท่องเที่ยว

กระทั่งในปีนี้การแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้คนอินเดียเก็บตัวอยู่กับบ้าน ชายหาดหลายแห่งมีเวลาฟื้นตัวจนสะอาดกระทั่งบรรดาเต่าพากันขึ้นมาวางไข่รอบสอง

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อุทยานระบุว่าเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา มีเต่าประมาณ 72,142 ตัวที่ขึ้นมาวางไข่บนชายฝั่งของอิเดีย ซึ่งเฉพาะที่ Rushikulya ที่เดียวน่าจะมีเต่าอย่างน้อย 475,000 ตัวมาวางไข่เป็นจำนวนกว่า 60 ล้านฟองเลยทีเดียว

โดยระยะฟักตัวของเต่าหญ้านั้นจะอยู่ที่ 45 วันซึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ทางเจ้าหน้าที่จะจัดเวรยาม อาสาสมัครเพื่อเฝ้าระวังไข่เต่าจากทั้งสุนัขและเรือเพื่อให้การฟักตัวผ่านไปด้วยดี

สำหรับเต่า Olive Ridley ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ พบได้ในเขตน้ำอุ่นบริเวณมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และเซาท์แอตแลนติก มีขนาดตัวอยู่ที่ 0.6-0.8 เมตร และมีน้ำหนักสูงถึง 45 -50 กิโลกรัม โดยเฉลี่ยจะมีอายุประมาณ 50 ปี


https://mgronline.com/entertainment/.../9630000033114

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 01-04-2020 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 01-04-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ช่องโหว่ชั้นโอโซนฟื้นตัว ปิดแคบลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลเปลี่ยนทิศทางลมกระแสหลักของโลกกลับเป็นปกติ


Image copyrightGETTY IMAGES

ท่ามกลางข่าวร้ายเรื่องโรคระบาดที่กำลังถาโถมเข้ามา ยังมีข่าวดีด้านสิ่งแวดล้อมอยู่บ้าง โดยมีรายงานว่าช่องโหว่ในชั้นโอโซนของบรรยากาศโลกยังคงมีแนวโน้มจะปิดแคบลงเรื่อย ๆ และมีการฟื้นคืนสภาพมากพอ จนเริ่มส่งผลดีต่อระบบภูมิอากาศของโลกโดยรวม

ผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากแคนาดา สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature พบว่าการหนาตัวขึ้นของชั้นโอโซนที่เคยได้รับความเสียหาย ทำให้กระแสลมกรดซีกโลกใต้ (Southern Jet Stream) พัดกลับคืนสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น จนหลายภูมิภาคในซีกโลกใต้ไม่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงบ่อยครั้งเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยที่พบว่า ช่องโหว่ในชั้นโอโซนส่งผลรบกวนต่อสภาพอากาศโดยรวมของโลกได้ โดยการใช้สารเคมีจำพวกคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน (ซีเอฟซี) ซึ่งมักใช้เป็นสารทำความเย็นและใช้ในการผลิตสเปรย์ต่าง ๆ เป็นตัวการทำลายชั้นโอโซนให้บางลง

อย่างไรก็ตาม พิธีสารมอนทรีออลที่นานาประเทศลงนามเมื่อปี 1987 ได้จำกัดการใช้สารซีเอฟซีอย่างได้ผล ทำให้ช่องโหว่ของชั้นโอโซนขนาดมหึมาเหนือขั้วโลกใต้เริ่มหดแคบลง โดยภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อเดือนก.ย.ของปีที่แล้ว ชี้ให้เห็นว่าช่องโหว่ดังกล่าวมีขนาดลดลงมาอยู่ที่ 16.4 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นขนาดเล็กที่สุดนับแต่ปี 1982

ดร. อันทารา บาเนอร์จี ผู้นำทีมวิจัยจากองค์การบริหารงานด้านมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือโนอา (NOAA) บอกว่าก่อนช่วงปี ค.ศ. 2000 กระแสลมกรดซีกโลกใต้ ซึ่งเป็นลมพัดเร็วกระแสหลักสายหนึ่งของระบบไหลเวียนในบรรยากาศโลก ได้เริ่มเบี่ยงทิศทางลงมายังด้านทิศใต้มากขึ้น โดยมีความเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยที่ราว 1 องศาละติจูดในทุก 10 ปี ทำให้หลายพื้นที่ในซีกโลกใต้ต้องพบกับสภาพภูมิอากาศแปรปรวน


Image copyrightAFP

แต่หลังจากเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่เป็นต้นมา ทีมผู้วิจัยพบว่ากระแสลมกรดซีกโลกใต้หยุดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าว และเริ่มพัดกลับไปในทิศทางเดิม ทำให้คาดการณ์ได้ว่าออสเตรเลียจะไม่ต้องเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรงมากเท่ากับที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสลมกรดซีกโลกใต้จะไม่ผลักเอาพายุฝนออกไปห่างชายฝั่งอีกต่อไป

ส่วนประเทศแถบอเมริกาใต้ตอนกลาง เช่นปารากวัย อุรุกวัย บราซิลตอนใต้ และอาร์เจนตินาตอนเหนือ อาจมีปริมาณฝนลดลง แต่ภูมิภาคแถบพาตาโกเนียอย่างชิลีและอาร์เจนตินาตอนใต้จะมีฝนตกมากขึ้น และจะมีระดับความเข้มของรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นอันตรายลดลงด้วย

"แต่ข่าวดีนี้อาจยังไม่ดีพอ หากเรายังไม่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะไปบั่นทอนผลดีที่เกิดจากการฟื้นฟูชั้นโอโซนให้ลดลง นอกจากนี้ เรายังคงไม่ทราบว่าชั้นโอโซนที่หนาตัวขึ้น จะช่วยชะลอการละลายของธารน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาได้ด้วยหรือไม่" ดร. บาเนอร์จีกล่าว


https://www.bbc.com/thai/international-52068333

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:21


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger