![]() |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งต้นไม้ใหญ่ สำหรับเกษตรกรควรระมัดระวังและป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 11 - 12 ก.พ. 62 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น และ ในช่วงวันที่ 13 - 15 ก.พ. 62 อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 17 ก.พ. 62 ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้มีฝนลดลง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 11 - 13 ก.พ. 62 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และควรอยู่ห่างจากป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง และต้นไม้ใหญ่ สำหรับเกษตรกรควรระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 17 ก.พ. 62 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกและมีหมอกหนาไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ดร.ธรณ์ วอนช่วยกันดูแลท้องทะเล หลังพบฉลามวาฬตายเพราะกลืนถุงพลาสติกลงท้อง ดร.ธรณ์ วอนช่วยกันดูแลท้องทะเล จัดการขยะพลาสติกหรือขยะทะเล หลังพบฉลามวาฬลอยไปเกยตื้นที่รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากกลืนถุงพลาสติกลงท้อง อุดตันในทางเดินอาหารจนกินอะไรไม่ได้ ย้ำอยากให้เป็นโรดแมปผ่านประชุม ครม.ไทยเร็วๆ นี้ ![]() วันนี้ (11 พ.ย.) เพจเฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลหลังพบฉลามวาฬลอยไปเกยตื้นที่รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย โดยสาเหตุการตายเกิดจากกลืนถุงพลาสติกลงท้อง อุดตันในทางเดินอาหารจนกินอะไรไม่ได้ทำให้ตายในที่สุด โดยไม่ได้ระบุว่าประเทศใดที่ทำให้ฉลามวาฬตาย แต่เชิญชวนให้ทุกคนในประเทศเขตอาเซียน รวมทั้งไทยที่มีผู้คนรักทะเลอย่างมากมาย ช่วยกันจัดการขยะพลาสติกหรือขยะทะเล โดยมีเนื้อหาโพสต์ว่า "เพื่อนธรณ์ครับ นี่คืออีกหนึ่งชีวิตที่จากไปเพราะถุงพลาสติกในทะเล #ปลายักษ์ที่ตายเพราะขยะ 1 ชิ้น ฉลามวาฬเป็นปลาใหญ่ที่สุดในโลก ฉลามวาฬเป็นปลาน่ารัก กินแพลงก์ตอน อ้าปากกรองน้ำไปเรื่อยๆ ฉลามวาฬตัวนี้ก็ทำเช่นนั้น เหมือนพ่อแม่ปู่ย่าของเธอ แต่เธอไม่ทราบหรอกว่าทะเลเปลี่ยนไปแล้ว ทะเลยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อน นอกจากแพลงก์ตอน ทะเลยังเต็มไปด้วยขยะพลาสติก โดยเฉพาะถุงมากมายที่มนุษย์ทิ้งลงไป เพราะถุงพลาสติกบางแบบรีไซเคิลไม่ได้ (หรือได้ก็ไม่คุ้ม) ถุงพวกนี้แม้จะอยู่ในถังขยะ แต่หลังจากนั้นถุงจำนวนมากก็ถูกนำไปกองไว้ในภูเขาขยะ เมื่อฝนตกน้ำท่วม ถุงก็ลงไปตามแม่น้ำลำคลอง ก่อนไหลออกสู่ทะเล ทะเลจีนใต้ เป็นทะเลที่มีหลายประเทศล้อมรอบ ถุงอาจมาจากประเทศไหนก็ได้ในเขตนี้ ฉลามวาฬเป็นสัตว์ว่ายน้ำหากินไปเรื่อย บางตัวมีระยะทางหากินหลายร้อยกิโลเมตร เธอจึงไม่ใช่แค่สัตว์ของประเทศใด และถุงใบที่เธอกลืนลงคอไป ก็ไม่ใช่เป็นถุงของประเทศใด แต่เป็นถุงของพวกเราถุงที่พวกเราต้องรับผิดชอบร่วมกัน 5 ใน 10 ประเทศเขตอาเซียน ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเล ติดอันดับ 1-10 ของโลก ถุงจากพวกเราเข้าไปอุดตันในทางเดินอาหารของเธอ แล้วเธอก็ตายศพเธอลอยไปเกยตื้นที่รัฐซาบาห์ มาเลเซียจากการชันสูตรของผู้เชี่ยวชาญ พบว่าถุงพลาสติกใบนี้แหละที่ฆ่าเธอมันอุดอยู่ในระบบทางเดินอาหาร จนเธอกินอะไรไม่ได้นี่เป็นอีกหนึ่งสัตว์หายากที่จากไปคุณค่าของฉลามวาฬเป็นที่รู้กันดี ทั้งต่อการท่องเที่ยว ต่อระบบนิเวศ ฯลฯคุณค่าของถุงก๊อบแก๊บก็รู้กันดีเพราะถ้ามันมีค่า มันคงไม่มีเกลื่อนทะเลว่าที่สัตว์สงวนที่มากคุณค่า ต้องตายเพราะถุงพลาสติกที่ไร้ค่าเพียง 1 ใบมันเป็นความตายที่น่าเศร้าที่สุดในบรรดาความตายทั้งหลาย และนั่นคือเหตุผลสำคัญสุดว่าทำไมพวกเราต้องช่วยกันจัดการกับปัญหาขยะพลาสติก/ขยะทะเลให้จงได้เพื่อช่วยกันหยุดยั้งความตายในทะเลจีนใต้ วาฬนำร่องที่ไทย วาฬสเปิร์มที่อินโด ฉลามวาฬที่มาเลย์ ในโอกาสที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ผมเชื่อว่าพวกเราคนรักทะเลทั้งหลาย หวังอยากเห็นบทบาทของไทยในเรื่องนี้มากๆ อยากเห็น roadmap ลดขยะพลาสติกของ คกก.สิ่งแวดล้อม ผ่าน ครม. เพื่อให้เกิดการลงมือกระทำจริงจังได้ อยากเห็นนโยบายและแผนการที่ชัดเจนของบรรดาพรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงอยู่ ว่าเมืองไทยจะทำอย่างไร ตั้งเป้าไว้เท่าไหน ในเรื่องการจัดการขยะพลาสติกหรือขยะทะเล ยังอยากเห็น ภาคเอกชนและพวกเราทุกคนจะช่วยกับเพื่อนๆ ทุกคนในอาเซียน หยุดยั้งความตายเยี่ยงนี้ ให้หมดไปจากทะเลของพวกเราเสียที ภาพถ่ายโดย wildlife department of sabah" https://mgronline.com/onlinesection/.../9620000014627 ********************************************************************************************************************************************************* พบปลาพญานาคโผล่น่านน้ำบ่อยครั้ง ชาวญี่ปุ่นผวาเป็นลางบอกเหตุเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ![]() เดอะซัน - ชาวบ้านพบเห็นปลาพญานาคขนาดใหญ่หลายสิบครั้งในน่านน้ำรอบๆญี่ปุ่นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ที่กระพือความหวาดผวาในหมู่ชาวบ้านว่าประเทศแห่งนี้อาจต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวใหญ่เร็วๆนี้ พวกชาวบ้านต่างพากันวิตกกังวลหลังมีรายงานการพบเห็นปลาพญานาคหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และในนั้นรวมถึงกรณีชาวประมงจับปลาพญานาคได้ตัวหนึ่่ง ซึ่งวัดความยาวได้ 5.5 เมตร ตามความเชื่อเก่าแก่ พวกชาวบ้านเชื่อว่าการพบเห็นปลาพญานาค ซึ่งเป็นสายพันธุ์อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึก คือสัญญาณว่าแผ่นดินไหวใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า พวกนักวิจัยบางส่วนเคยคาดเดาว่าปลาพญานาคเคลื่อนย้ายขึ้นมาอยู่ในแถบน้ำตื้น อาจสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางแม่เหล็กไฟฟฟ้า ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก อย่างไรก็ตามพวกผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องประชาชนอยู่ในความสงบ และรับประกันกับชาวบ้านว่าไม่มีความสัมพันธ์กันใดๆระหว่างปลาพญานาคกับแผ่นดินไหว ปลาพญานาคมีลำตัวยาวสีเงิน และเชื่อว่าใช้ชวิตอยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิวทางเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ราวๆ 200 เมตร ขณะที่หนังสือพิมพ์เจแปน ไทม์ส ระบุว่าพวกมันอพยพมายังทะเลญี่ปุ่นบริเวณน่านน้ำของเกาะสึชิมะ ตามตำนวนเล่าขานญี่ปุ่น ปลาพญานาคหรือปลาออร์ฟิชมีชื่อดั้งเดิมว่า "เรียวกุ โนะ สึไค" (ผู้ส่งสารจากวังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล) ดังนั้นหากพบปลาชนิดนี้โผล่ขึ้นมาผิวน้ำหรือเกยหาดตายตามชายฝั่ง เชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แม้นักวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อเช่นนั้น ![]() ที่ผ่านมา ปลาพญานาคแทบไม่เคยติดอวนของชาวประมงเลย แต่เมื่อเร็วๆนี้กลับมีปลาพญานาคถึง 6 ตัวที่ถูกจับหรือถูกพบบนชายหาดในอ่าวโทยามะ ชายฝั่งทางตะวันตกแถบตอนกลางญี่ปุ่น นอกจากนี้แล้วยังพบปลาพญานาคอีก 2 ตัวที่ติดตาข่ายของชาวประมง นอกชายฝั่งหมู่บ้านโยมิตัน ในจังหวัดโอกินาวา ทางภาคใต้และอีก 3 ตัวอยู่จับตามจุดอื่นๆทั่วประเทศ สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานด้วยว่าเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พวกชาวบ้านก็พบปลาพญานาคอีก 2 ตวนอกชายฝั่งเกาะซาโดะและเมืองโจเอะสึ นอกจากนี้ยังพบปลาสายพันธุ์เดียวกันนี้บริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาหลีใต้เช่นกัน การพบเห็นบ่อยครั้งข้างต้นกระพือการถกเถียงของพวกชาวบ้านบนสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ โดยหนึ่งในนั้นบอกว่า "ปลาพญานาคตัวหนึ่้งก็เคยถูกพบเห็นก่อนแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายเดือนมีนาคม 2011" อ้างถึงเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 9.1 ซึ่งกระพือคลื่นยักษ์สึนามิสูง 30 ฟุตข้าถล่มชายฝั่ง อย่างไรก็ตาม โยชิอากิ โอริฮารา ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโตคาอิ ซึ่งศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ที่อาจมีความเชื่อมโยงกันระหว่างการพบเห็นปลาพญานาคกับแผ่นดินไหว โดย โยชิอากิ ระบุว่าผลการศึกษาของเขาไม่พบความเกี่ยวข้องใดๆ "ปลาพญานาคมากมายถูกพบในทะเลญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาวปี 2009 แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ก็เช่นกัน ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล" เขากล่าว เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอูโอซุ ให้ความเห็นว่า "การเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศและอุณหภูมิในทะเลญี่ปุ่น อาจอยู่เบื้องหลังการพบเห็นปลาพญานาคบ่อยครั้งเมื่อเร็วๆนี้ สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับ 10 ปีก่อน แต่เหตุผลที่แท้จริงคงไม่สามารถรู้ได้จนกว่าจะมีการตรวจสอบปลาที่จับได้แต่ละตัวก่อน" https://mgronline.com/around/detail/9620000014833
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ฝูงหมีขั้วโลกบุก หมู่เกาะรัสเซียต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน!! ![]() การ์เดียน - หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมรัสเซี่ยต้องส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ห่างไกลหนึ่งในแถบอาร์กติก เพื่อสยบหมีขั่วโลกผู้หิวโหยหลายสิบตัวและเคลื่อนย้ายพวกมันออกมา หลังฝูงหมีขั้วโลกบุกปิดล้อมประชาชนที่พักอาศัยอยู่แถวนั้น ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพวกเจ้าหน้าที่บนเกาะโนวายา เซมเลีย ซึ่งประชากรราว 3,000 คน ได้ร้องขอความช่วยเหลือ "เราไม่เคยเจอการบุกรุกครั้งใหญ่ของหมีขั่วโลกเช่นนี้มาก่อน" ซิกันชา มูซิน หัวหน้าองค์การบริหารท้องถิ่นกล่าว "พวกมันไล่กวดมนุษย์" รายงานข่าวระบุว่าประชาชนในเมืองต่างหวาดกลัวจนไม่กล้าออกนอกบ้าน พ่อแม่หลายคนก็ไม่กล้าให้ลูกไปโรงเรียน เพราะกลัวจะได้รับอันตราย หลังจากหมีขั้วโลกหลายสิบตัวบุกเข้ามาเพ่นพ่านในเมือง เข้าไปในอาคาร บ้านประชาชน และสถานที่สาธารณะ เพื่อหาอาหาร สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน จนทางการต้องออกเตือนประชาชนให้ระวังตัว พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน อเล็กซานเดอร์ มินาเยฟ รองหัวหน้าองค์การบริหารท้องถิ่น กล่าวว่า "ผู้คนต่างหวาดผวา กลัวไม่กล้าออกจากบ้าน ผู้ปกครองไม่อยากให้ลูกไปโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก" ภาพจากกล้องวงจรปิด พบเห็นหมีขาวตัวใหญ่เดินเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง ในเมืองโนวายา เซมเลีย ชุมชนห่างไกลของประเทศรัสเซีย เมื่อเดินสำรวจแล้วไม่เจออาหารมันก็ค่อยๆ เดินออกไป ส่วนอีกภาพเป็นฝูงหมีกำลังคุ้ยเขี่ยขยะตามถังขยะ ขณะที่ชาวบ้านพยายามบีบแตรรถขับไล่ รวมถึงใช้สุนัข แต่ก็ไม่เป็นผล ทางการรัสเซียประกาศห้ามล่าหมีขาว ซึ่งเป็นสัตว์สงวนในพื้นที่ พร้อมระบุว่า ภาวะโลกร้อน ทำให้แหล่งอาหารและถิ่นที่อยู่ของหมีขาวได้รับผลกระทบ จนพวกมันต้องอพยพย้ายถิ่นเข้ามาหากินเข้ามาในเขตชุมชนดังกล่าว อย่างไรก็ตามพวกเขาบอกว่าการกำจัดพวกมันอาจเป็นจำเป็นเพื่อรับประกันความปลอดภัยของพวกชาวบ้าน หากว่าความพยายามเคลื่อนย้ายพวกมันประสบความล้มเหลว เมื่อปี 2016 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในพื้นที่อนุรักษ์หมีขาวอีกแห่งของรัสเซีย 5 คน เคยถูกฝูงหมีขาวปิดล้อมติดค้างอยู่บริเวณสถานีตรวจสภาพอากาศแห่งหนึ่งบนเกาะทรอยนอย ทางตะวันออกของเกาะโนวายา เซมเลีย อยู่นานหลายสัปดาห์ด้วย https://mgronline.com/around/detail/9620000014836
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
เครือข่ายชาวเลร้องชะลอสร้างบ้านใหม่ให้มอแกน เหตุคับแคบไม่สอดรับวิถีดั้งเดิม เครือข่ายชาวเลยื่นหนังสือชะลอสร้างบ้านหลังใหม่ให้มอแกนหมู่เกาะสุรินทร์เหตุคับแคบ-เสนอขยายพื้นที่บนหาดเดิม-ปลัดทส.รับลูกนำเข้าที่ประชุม นักวิชาการแนะหน่วยราชการมุ่งช่วยชุมชนมากกว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ![]() 11 ก.พ.62 - ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เครือข่ายชาวเลอันดามันนำโดยนายวิทวัส เทพสง ได้ยื่นหนังสือต่อนายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวง ทส.ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชาวเลและชาวกะเหรี่ยง เพื่อขอให้ชะลอการสร้างบ้านชาวเลชนเผ่ามอแกน หมู่เกาะสุรินทร์และขยายพื้นที่เพียงพอต่อการดำรงวิถีชีวิต โดยนายวิจารย์รับปากว่าจะรีบนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือที่ยื่นระบุว่าชาวมอแกนเกาะสุรินทร์ บุกเบิกตั้งถิ่นฐานมามากกว่า 150 ปี โดยหลังจากมีการแบ่งเส้นขอบแดนและแบ่งน่านน้ำของแต่ละประเทศ ทำให้ชาวเลมอแกนในอันดามันถูกจำกัดพื้นที่การไปมาหาสู่และออกหากิน ขาดสิทธิขั้นพื้นฐานทั้งๆที่ชาวเลมอแกนมีวิถีชีวิตหากินกับทะเลและชายฝั่ง พึ่งพาธรรมชาติ โดยอาศัยเครื่องมือจับปลาดั้งเดิมที่ไม่ทำลายล้างทรัพยากร เหตุการณ์ไฟไหม้หมู่บ้านมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์ 61 หลังคาเรือน ทำให้มอแกนกว่า 70 ครอบครัว กว่า 273 คน ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ข้าว ของ เครื่องใช้ เครื่องมือหากิน โดยเฉพาะเงินทองที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต ในหนังสือระบุว่าหลังไฟไหม้แล้ว ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันมาช่วยเหลือ เมื่อเริ่มตั้งหลักได้ก็ต้องเริ่มสร้างบ้าน กลับไม่มีทางเลือกให้สร้างบ้านได้เหมือนเก่า ทั้งๆที่มีการบริจาคมากพอที่จะสร้างบ้านมอแกนให้พออยู่เหมือนก่อนถูกไฟไหม้ เมื่อแบบบ้านออกมาก็มีคำถามว่าคน 12 คน จะอยู่ในบ้านขนาด 3X6.5 อย่างไร โดยข้อเสนอของชาวเลมีดังนี้ 1.ชะลอกระบวนการสร้างบ้านที่มีแบบบ้านคับแคบ ไม่พออยู่อาศัยสำหรับมอแกนบางหลัง ซึ่งเดิมอาศัยรวม 2-3 ครอบครัวในหลังใหญ่ 2.ให้นำเรื่องการสร้างบ้านของชุมชนมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์เข้าสู่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ตาม มติ ครม.2 มิถุนายน 2553 เพื่อให้หน่วยงาน ชาวเล และทุกภาคส่วนในระดับที่พอจะตัดสินใจได้หารือเพื่อหามติ 3.ให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯชาวเล เพื่อสนับสนุนการสร้างบ้านและยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเลชนเผ่ามอแกนเกาะสุรินทร์ ด้าน นางนฤมล อรุโณทัย นักวิชาการจากสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ลงพื้นที่ชุมชนมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กล่าวว่าขณะนี้ข้าวของบริจาคบางชนิดมากเกินความจำเป็น เช่น เสื้อผ้าที่วางกองไว้มากมาย ท้ายสุดเกรงว่าจะกลายเป็นขยะ เสื้อผ้าที่รับบริจาคเป็นเสื้อผ้าทั่วไป แต่หญิงชาวมอแกนส่วนใหญ่ใส่ผ้าถุงและเสื้อชั้นใน ส่วนผู้ชายมักจะใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืด สิ่งที่สำคัญคือการจัดกระบวนการสำหรับการแจกจ่ายข้าวของ ซึ่งควรให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม และมีบุคคลที่คอยประสานงานระหว่างภายนอกและภายใน เพื่อที่จะได้ตรวจสอบว่ามีอะไรที่ได้รับบริจาคครบแล้ว และยังมีสิ่งใดที่ขาดแคลนบ้าง จะได้รับบริจาคข้าวของเครื่องใช้ เครื่องมือที่ชาวมอแกนได้ใช้ประโยชน์จริงและมีความทนทานในการใช้งาน "จริงๆ แล้วการฟื้นฟูควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างชุมชนและการประสานงานร่วมกันทั้งหน่วยงานและชุมชน ไม่ควรเน้นเชิงกายภาพ หรือเน้นการปฎิบัติภารกิจของหน่วยราชการและหน่วยที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จอย่างรวบรัด เพราะจะเกิดการนำเอาเป้าหมายของหน่วยงานเป็นตัวตั้งแต่ละเลยการสร้างความเป็นชุมชน ที่ผ่านมา ความเจริญที่เข้ามาภายหลังเหตุการณ์สึนามิทำให้ชาวมอแกนต่างคนต่างอยู่ วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะทำให้ชุมชนหันมารวมตัวกันและเรียนรู้วิถีที่จะอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ได้ แต่เข้าใจว่าหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลืออาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับวิถีวัฒนธรรม จึงเข้าใจเพียงบางเสี้ยวและได้ข้อมูลไม่รอบด้าน อยากให้รับฟังมุมมองจากชุมชน ชวนชาวบ้านมาหารือ โดยเริ่มสร้างกลุ่มบนพื้นฐานระบบเครือญาติที่มีอยู่ ไม่ใช่แต่งตั้งผู้นำเดี่ยวหรือเรียกใครคนใดคนหนึ่งมาสอบถาม และควรจะให้เวลาชาวบ้านได้มีเวลาคิดร่วมกัน พูดคุยปรึกษาหารือกันเพื่อวางแผนอนาคต ซึ่งชุมชนบ้านน้ำเค็มเป็นตัวอย่างของการฟื้นฟูตนเองจากภัยพิบัติสึนามิ? นางนฤมล กล่าว นางนฤมล กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับชาวมอแกนนั้น เจ้าหน้าที่อุทยานฯเน้นให้สร้างบ้านในพื้นที่เดิมไปก่อน หากครอบครัวใดมีความจำเป็นก็ค่อยต่อเติมเอาภายหลัง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในผังแบบบ้านครั้งนี้มีพื้นที่โล่งสำหรับใช้ประโยชน์ร่วมกันของคนในชุมชนอยู่น้อย ขณะเดียวกันชาวมอแกนก็เสนอว่าควรขยับขยายพื้นที่ไปยังที่ดินอีกด้านหนึ่งของโรงเรียน ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งจะทำให้ลดความแออัดของชุมชนได้มาก และจะมีแนวกันไฟเพื่อป้องกันอุบัติเหตุอัคคีภัยในอนาคตได้ด้วย https://www.thaipost.net/main/detail/28834
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ตรวจสอบแมงกะพรุนพิษชายหาดแหลมสมิหลาเริ่มระบาดอีกครั้งช่วงกุมภาพันธ์ทุกปี ![]() จนท.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ลงพื้นที่ตรวจสอบแมงกะพรุนหัวขวดที่เริ่มกลับมาอีกครั้งบริเวณชายหาดแหลมสมิหลา ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บไป 2 คนเป็นสองพ่อลูก พบถูกคลื่นซัดขึ้นมาบริเวณชายหาดหลายตัว เตือนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเด็กระวังเนื่องจากเป็นลักษณะคล้ายลูกโป่งสีฟ้าและลอยน้ำ แต่พิษไม่อันตรายถึงชีวิต ความคืบหน้ากรณีพบแมงกะพรุนหัวขวด ซึ่งเป็นแมงกะพรุนพิษบริเวณชายหาดแหลมสมิหลา และทำให้นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพ่อและลูกสาวอายุ 7 ขวบถูกพิษแมงกะพรุนตามร่างกายจนต้องส่งโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ และช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นฤดูกาลที่พบแมงกะพรุนชนิดนี้ระบาดมาตั้งแต่ปี 2558 ![]() ล่าสุดวันนี้ (11 ก.พ.62) ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณชายหาดชลาทัศน์แหลมสมิหลา เพื่อสำรวจปริมาณว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งพบแมงกะพรุนหัวขวดถูกคลื่นซัดขึ้นมาบริเวณชายหาดหลายตัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ แต่ในช่วงเช้าถึงเที่ยงยังมีปริมาณค่อนข้างน้อย เนื่องจากอยู่ในภาวะน้ำขึ้นน้ำลงและคลื่นลมที่พัด นายสันติ นิลวัฒน์ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ เปิดเผยว่า เริ่มพบแมงกะพรุนหัวขวดเป็นจำนวนมากในเดือนกุมภาพันธ์ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2558 แมงกะพรุนหัวขวดชนิดนี้มีลักษณะคล้ายลูกโป่งสีฟ้าและลอยน้ำ ส่วนใหญ่ที่โดนจะเป็นเด็ก เพราะว่านึกว่าลูกโป่งแล้วจับเล่น ส่วนพิษของแมงกะพรุนหัวขวดไม่ได้อันตรายถึงชีวิตแต่ก็ทำให้เจ็บปวด ![]() ขณะนี้ทางศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างจะนำป้ายเตือนและวิธีการรักษาหากโดนแมงกะพรุนพิษติดตั้งไว้บริเวณชายหาดพร้อมกับเตือนให้นักท่องเที่ยวระวังขณะลงเล่นน้ำทะเลหรือที่ถูกคลื่นซัดขึ้นมาบนชายหาดใหญ่ สำหรับชนิดของแมงกะพรุนพิษดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับแมงกะพรุนหัวขวด (Blue Bottle Jellyfish) ส่วนวิธีช่วยเหลือผู้ที่โดนพิษแมงกะพรุนให้ราดด้วยน้ำส้มสายชูบริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุนให้ทั่วอย่างน้อย 30 วินาที ห้ามใช้น้ำจืดล้างโดยเด็ดขาดเนื่องจากจะกระตุ้นกระเปาะพิษให้เพิ่มมากขึ้น และห้ามถูหรือขยี้ เพราะจะยิ่งทำให้พิษกระจาย เลี่ยงการใช้เทคนิคพันรัดแน่นด้วยผ้ายืดหากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที https://www.naewna.com/likesara/394754
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"ลูกเต่ามะเฟือง" 49 ตัวรังแรกหาดคึกคักออกท่องทะเล ทช.เผยข่าวดี ลูกเต่ามะเฟือง รังแรกจากชายหาดคึกคัก จ.พังงา ออกจากหลุมไข่และเดินลงทะเลไปแล้วจำนวน 49 ตัว เป็นลูกเต่ารังแรกจากแม่เต่าที่ขึ้นมาวางไข่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2561 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ![]() วันนี้ (11 ก.พ.2562) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยข่าวดีว่าเมื่อเวลา 19.05 น. ลูกเต่ามะเฟืองชุดแรกบริเวณชายหาดคึกคัก จ.พังงา ที่แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่รังแรก เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2561 ได้โผล่จากหลุมทรายขึ้นมา โดยเจ้าหน้าที่ ทช.ดูแลอย่างใกล้ชิดและจัดการตามมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อส่งลูกเต่าคืนสู่ทะเลอันดามันอย่างปลอดภัยที่สุด โดยลูกเต่ามะเฟืองเริ่มขึ้นมาจากหลุมตัวแรก เมื่อเวลา 19.05 น. สามารถขึ้นมาได้เอง 20 ตัวและเจ้าหน้าที่ขุดช่วยได้อีก 29 ตัว รวม 49 ตัว จากนั้นนำปล่อยในทะเลชุดแรก 20 ตัวในเวลา 20.10 น. ![]() ส่วนชุดที่ 2 อีก 20 ตัวในเวลา 20.40 น. ตาย 1 ตัวที่ก้นหลุม ส่วนอีก 8 ตัวยังอ่อนแอ เมื่อแข็งแรงแล้วได้ปล่อยลงทะเลชุดสุดท้ายเมื่อเวลา 21.30 น.และอัตราฟักเป็นตัวคิดเป็น 55.1% โดยฟักเป็นตัว 49 ตัว จากไข่ 89 ฟอง) อัตรารอดตาย 97.96% ตาย 1 ตัว จาก 49 ตัว ทั้งนี้ ยังพบว่ามีผู้เข้าชมภาพสดจากหาดคึกคักที่ http://loveseaturtle.dmcr.go.th เพิ่มจาก 49,000 คน เป็น 69,000 คน เพิ่มขึ้น 20,000 คนในช่วงที่มีการฟักออกจากไข่ ![]() สำหรับรังไข่เต่ามะเฟืองหลุมแรก บริเวณชายหาดคึกคัก จ.พังงา แม่เต่าขึ้นมาวางไข่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2561 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่แม่เต่ามะเฟืองวางไข่รังแรก 118 ฟอง เป็นไข่ลม 25 ฟอง ไข่เสีย 4 ฟอง และไข่ปกติ 89 ฟอง กระทั่งลูกเต่าออกจากหลุมหลังจากใช้เวลาฟัก 56 วัน และมีการปล่อยลงทะเลไปทั้งหมด ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมารอชมและลุ้นดูลูกเต่ากันอย่างคึกคัก https://news.thaipbs.or.th/content/277659
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#7
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
เตือน !! แมงกะพรุนพิษ แหลมสมิหลา ![]() นี่คือภาพที่นายพุฒิพงศ์ วรรณโร ที่ถูกแมงกะพรุนพิษโดนที่มือและแผ่นหลัง อุ้มบุตรสาววัย 7 ขวบ ที่ถูกแมงกะพรุนพิษบริเวณเท้าและมือ ขึ้นรถพยาบาลของมูลนิธิร่วมใจกู้ภัยเมืองสงขลา นำส่งโรงพยาบาลเมืองสงขลาทันทีเพื่อให้ถึงมือของแพทย์ให้เร็วที่สุด หลังจากที่นายพุฒิพงศ์ วรรณโร ชาวอำเภอจะนะ นำครอบครัวเดินทางมาเพื่อพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่บริเวณชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา จ.สงขลา และพาลูกและหลานลงไปเล่นน้ำทะเลริมชายหาดโดยตนเองก็ลงเล่นด้วย เพื่อดูแลลูกและหลาน เนื่องจากวันนี้บริเวณชายหาด ชลาทัศน์ แหลมสมิหลา จ.สงขลา มีคลื่นลมแต่ทะเลสีสวยน่าลงเล่นน้ำทะเล ไม่คิดว่าจะมีแมงกะพรุนพิษในทะเลบริเวณชายหาดชลาทัศน์ สำหรับชนิดของแมงกะพรุนพิษดังกล่าว มีลักษณะคล้ายกับแมงกะพรุนหัวขวด ( Blue Bottle Jellyfish ) ส่วนวิธีช่วยเหลือผู้ที่โดนพิษแมงกะพรุนให้ราดด้วยน้ำส้มสายชูบริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุนให้ทั่วอย่างน้อย 30 วินาที ห้ามใช้น้ำจืดล้างโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะกระตุ้นกระเปาะพิษให้เพิ่มมากขึ้นละห้ามถู หรือ ขยี้ เพราะจะยิ่งทำให้พิษกระจายเลี่ยงการใช้เทคนิคพันรัดแน่นด้วยผ้ายืดหากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...E0%B8%99/98149
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|