เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 22-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 22 กันยายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 21 - 22 กันยายน 2563 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง

ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 27 กันยายน 2563 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 23 - 27 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังอันตรายฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 22-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


โพลชี้ชาวโลกตระหนักปัญหาโลกร้อนเป็นภัย แต่ไม่คิดรีบแก้ไข

ผลสำรวจพบว่า ประชากรโลกส่วนใหญ่มีความตระหนักถึงภัยคุกคามจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าเป็นประเด็นเร่งด่วน ที่ต้องรีบลงมือแก้ไข



เมื่อวันที่ 21 ก.ย. เว็บไซต์ข่าว BBC รายงานอ้างผลสำรวจของสำนักโพล "โกลบสแกน" (Globescan) ที่ระบุว่า ประชากรทั่วโลกมากขึ้นถึง 90% มีความวิตกกังวลอย่างมาก หรือค่อนข้างวิตกกังวลอย่างมาก ต่อปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจถดถอย แต่อย่างไรก็ตามพบว่า ประชากรที่เห็นว่าปัญหานี้มีความสำคัญ แต่กลับยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับความเร่งด่วนในการลงมือแก้ปัญหา

โดยประชากรส่วนใหญ่ในกลุ่มประเทศยากจน ต่างเห็นพ้องถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนอย่างเร่งด่วน ในระดับเดียวกับความเร่งด่วนในการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 แต่ในกลุ่มประเทศร่ำรวย การสนับสนุนให้แก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเร่งด่วนยังไม่มากเท่าที่ควร



โกลบสแกน ทำการสำรวจออนไลน์ทั่วโลก จากตัวอย่าง 1,000 คนในแต่ละ 27 ประเทศ ในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าในหลายประเทศอย่างแคนาดา ฝรั่งเศส อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย และสหรัฐฯ ประชาชนตระหนักถึงภัยคุกคามของปัญหาโลกร้อนมากขึ้น โดยเฉพาะที่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาเป็น 80% จาก 60% ในการสำรวจเมื่อปี 2557 และที่อินเดียเพิ่มมาเป็น 93% จาก 70% ในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว

เอริค วาน เจ้าหน้าที่โกลบสแกนเปิดเผยว่า โควิด-19 ทำให้ประชากรโลกตระหนักถึงภัยคุกคามจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกมากขึ้น แต่เมื่อถูกถามว่ารัฐบาลในประเทศของพวกเขาควรจะแก้ปัญหาโลกร้อนเร่งด่วนเหมือนโควิด-19 หรือไม่ พบว่าประเทศร่ำรวยอย่าง ญี่ปุ่น สวีเดน อสเตรเลีย สหรัฐฯ และอังกฤษ กลับเห็นด้วยเพียง 45% ในขณะที่บางประเทศอย่างเคนยา เม็กซิโก อาร์เจนตินา ตุรกี และไนจีเรีย กลับสนับสนุนมากกว่า 70%



สำหรับคำถามว่าใครจะได้รับผลกระทบหนักสุดจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พบว่าประชาชนในบราซิล ตุรกี เคนยา และแอฟริกาใต้ถึง 60% เชื่อว่า คือประเทศยากจน แต่ประชาชนในญ่ปุ่น ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และอังกฤษ เพียง 40% เท่านั้นที่มองว่าประเทศยากจนจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด นอกจากนี้ชาวอังกฤษ 13% ระบุว่าพวกเขาได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ และได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึง 34% ขณะที่ประชาชนในเม็กซิโก ตุรกี และเวียดนาม ถึง 50% มองว่าพวกเขาได้รับผลกระทบโดยตรง.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1933959

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 22-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"แหลมหาด" มัลดีฟส์เมืองไทย แหล่งท่องเที่ยวที่ต้องไม่พลาด

พังงา - อเมซิ่ง! แหลมหาด แหล่งท่องเที่ยวไม่ควรพลาด หาดขาวสวยทะเลใส จนได้รับการขนานนามให้เป็นมัลดีฟส์ของเมืองไทย เป็นหนึ่งฉากในหนังฮอลลีวูด



"เกาะยาว" เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพังงาอยู่ในทะเลอันดามันในอ่าวพังงา ประกอบด้วยเกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเล เป็นเกาะที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระหว่างจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ทำให้ที่นี่มีโรงแรมและรีสอร์ตที่สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีรีสอร์ตที่มีค่าที่พักต่อคืนสูงสุดถึงคืนละ 400,000 บาท เป็นเกาะที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

สำหรับเกาะยาวมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก โดย "แหลมหาด" เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอันดับต้นๆ ของเกาะยาวใหญ่ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม เป็นปลายแหลมเล็กๆ อยู่ระหว่างเกาะยาวใหญ่และเกาะยาวน้อย เมื่อน้ำลงจะมีชายหาดทอดตัวยาวเป็นกิโลเมตร หาดทรายขาวละเอียด น้ำใส

ซึ่งที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Mechanic Resurrection 2 ทำให้ทุกคนที่มาเยือนเกาะยาวจะต้องไม่พลาดที่จะเลือกเล่นน้ำทะเลที่แหลมหาด และบางคนถึงกับบอกว่าแหลมหาดมีความสวยงามเหมือนมัลดีฟส์ของเกาะยาวเลยทีเดียว


https://mgronline.com/south/detail/9630000092883

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 22-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


อภิโปรเจคคลองไทยและโครงการแลนด์บริดจ์...เชื่อม 2 ฝั่งทะเลภาคใต้ .................. คอลัมน์ เศรษฐกิจรอบทิศ



ท่ามกลางวิกฤตระดับโลกเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งเศรษฐกิจโลกและของไทยชะงักงันยกระดับไปถึงถดถอย องค์กรการค้าโลก (WTO) ประเมินว่าการค้าโลก 1 ใน 3 หายไปมูลค่ามหาศาลประมาณ 283.5 ล้านล้านบาท ด้วยสภาวะแบบนี้โครงการลงทุนระดับเมกะใหญ่ ๆ ต่างชะลอตัวรอท่าทีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งไม่รู้ว่าหลัง "New Normal" จะไปในทิศทางไหน ประเทศไทยซึ่งเศรษฐกิจอิงกับการค้าระหว่างประเทศในสัดส่วนที่สูง ดัชนีเศรษฐกิจทุกรายการร่วงหมดประเมินว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจจากจีดีพีที่หดตัวอาจสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท ยังไม่รวมงบกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสแรก 2.0 ล้านล้านบาทซึ่งรัฐบาลกำลังหาเงินเข้ามาโปะ ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ยังมาจากธุรกิจเอกชนเฉพาะภาคท่องเที่ยวหายไปไม่น้อยกว่า 1.9 ล้านล้านบาทและการเสียรายได้จากการว่างงานรวมกันอีก 6.0 แสนล้านบาท ความเสียหายจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก

อย่างไรก็ตามท่ามกลางความมืดมนมีการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานที่เรียกว่า "อภิโปรเจคระดับโลก" ออกมา สองโครงการต่างแข่งขันชิงธงจองพื้นที่ก่อสร้างเป็นการสวนกระแสรวมถึงความไม่แน่นอนของเสถียรภาพรัฐบาลและแรงกดดันการเมืองนอกสภาที่ยกระดับไม่ใช่แค่เด็ก ๆ ออกมาเล่นสนุกรายวัน ส่วนการชุมนุมใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาเป็นแค่ยกสองยังมีต่ออีกยาว กลับมาที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานลองส่องกล้องเข้าไปดูว่ามีอะไรบ้างเริ่มจากโครงการแรกซึ่งจองกฐินมาอย่างยาวนานคือ "การขุดคอคอดกระ" หลังจากมีการเสนอความเหมาะสมเป็นสิบเส้นทางมาลงตัวที่แนว 9A เริ่มจากอำเภอสิเภาจังหวัดตรังไปออกอ่าวไทยที่อำเภอระโหนดเหนือทะเลสาบสงขลาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "โครงการพัฒนาคลองไทย"

"Thai Canal" ไม่ใช่โครงการใหม่ผลักดันมาตั้งแต่นายกทักษิณ ชินวัตร มาจนถึงยุคคสช. มีกลุ่มสนับสนุนล้วนเป็นอดีตระดับบิ๊กมีทั้งนักการเมืองตั้งแต่ระดับชาติไปจนถึงระดับท้องถิ่นแต่เบื้องหลังเป็นกลุ่มทุนจีนที่เป็นสปอนเซอร์ซึ่งโครงการนี้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ "ไห่หนาน" เป็นเส้นทางสายไหมทางทะเลของจีนเป็นคลองลัดระดับนานาชาติเชื่อมชายฝั่งทะเลอันดามันกับทะเลจีนใต้ รายละเอียดโครงการจะมีการถมเกาะขนาดใหญ่ 2 เกาะสร้างท่าเรือน้ำลึกใหญ่เทียบเท่ากับสิงคโปร์ อนุกรรมธิการสภาผู้แทนราษฎร์ที่รับลูกไปศึกษาเพื่อที่จะให้มี การสำรวจและขุดคลองไทย ทราบว่าจะทำให้มีการจ้างงานในพื้นที่ถึง 16 ล้านตำแหน่งเกือบครึ่งหนึ่งของแรงงานที่มี งานทำทั้งประเทศและยังบอกว่าจะทำให้มีรายได้ต่อปีถึง 4 ล้านล้านบาทมูลค่าเท่ากับนำสินค้าส่งออก 12 อันดับแรก มารวมกัน

ที่กล่าวนี้เป็นด้านดีซึ่งแลกด้วยอายุสัมปทาน 100 ปีที่ต้องเข้าใจว่าการลงทุนของจีนไม่เหมือนกับชาติใดในโลกเพราะจะแบบเหมาเข่งมาพร้อมกับการส่งออกคนจีนจำนวนมากออกมาทำมาหากินแบบถาวรเหมือนกับที่เกิดในสปป.ลาว, ประเทศแถบแอฟริกาตอนนี้กำลังลุกเข้าไปในศรีลังการวมถึงกัมพูชา อย่าลืมว่าสิ่งที่จีนหวังจะได้คือพัฒนาถมทะเลสร้างเกาะใหม่เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยวของจีน ทราบว่าอาจจะมีการสร้างสนามบินในพื้นที่ สิ่งที่ต้องศึกษาให้ดีและรอบคอบคือสภาพแวดล้อมเนื่องจากการขุดคลองกว้างเกือบ 600 เมตรยาว 135 กิโลเมตร ดินตะกอนที่ขุดเอามาถมทะเลได้ 2 เกาะที่อยู่ในสัมปทานของจีนรวมกันขนาดน้อง ๆ เกาะภูเก็ต ลองหลับตาดูว่า ดินตะกอนที่ฟุ้งกระจายจะกระทบอะไรบ้างสำหรับชาวบ้านในพื้นที่คงมองเป็นโอกาสที่จะฟื้นเศรษฐกิจเพราะแค่ยางพารา ปาล์มน้ำมันราคาเอาแน่เอานอนไม่ได้ ราคาที่ดินคงจะพุ่งนายหน้าที่ดินคงรวยกันความเป็นอยู่คงจะดีขึ้น ไม่ต้องคิดไกลลองไปถามคนแถวจังหวัดระยองว่ามีท่าเรือใหญ่ ๆ และนิคมอุตสาหกรรมหลายสิบแห่งชีวิตของพวกเขารวยขึ้นมากน้อยเพียงใด แต่เรื่องพวกนี้ทุกคนก็มีสิทธิคิดเพราะเห็นประโยชน์ใกล้ตัวส่วนที่จะให้ชาติใดมาลงทุนหรือ มาฉกฉวยผลประโยชน์ระดับชาติเป็นสิ่งไกลตัวมองไม่เห็นงานนี้จึงไม่ขอขัดลาภใครแค่ฝากเอาไปคิดเท่านั้น


https://www.posttoday.com/economy/columnist/633459

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 22-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ฝูงวาฬ 70 ตัวเกยตื้นที่เกาะแทสเมเนียของออสเตรเลีย



แทสเมเนีย 21 ก.ย. ? ฝูงวาฬราว 70 ตัวเกยตื้นที่อ่าวแห่งหนึ่งในเกาะแทสเมเนียของออสเตรเลีย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลรุดเข้าช่วยชีวิตฝูงวาฬอย่างสุดความสามารถ

เกิดเหตุฝูงวาฬเกยตื้นที่บริเวณอ่าวแมคควอรีทางชายฝั่งตะวันตกของรัฐแทสเมเนียที่มีประชาชนอาศัยอยู่น้อย คาดว่าฝูงวาฬเกยตื้นอยู่บนสันดอนทราย หน่วยงานสิ่งแวดล้อมของรัฐแทสเมเนียเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญทางทะเลรุดเข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวแล้ว ขณะที่ลูกเรือพร้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิตวาฬจะเดินทางมาถึงในวันนี้ โดยคาดว่าฝูงวาฬเกยตื้นเป็นวาฬนำร่อง แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นสายพันธุ์ใด

รัฐแทสเมเนียเกิดเหตุวาฬเกยตื้นจำนวนมากอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกกังวลในการช่วยชีวิตวาฬ.


https://tna.mcot.net/world-543757

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 22-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


ออสเตรเลียเร่งช่วยชีวิตวาฬเกยตื้น



วาฬนำร่องกว่า 270 ตัวติดอยู่บนสันดอนทราย ที่นอกเกาะแทสเมเนีย ทางตอนใต้ของออสเตรเลียในวันนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามช่วยชีวิตให้สามารถกลับลงทะเลไปได้

เจ้าหน้าที่อุทยานและบริการสัตว์ป่าของรัฐแทสเมเนียเปิดเผยว่ามีวาฬราว 270 ตัวติดอยู่บนสันดอนทรายในจุดที่เรียกว่าแม็คควอรี่ เฮด ใกล้เมืองสตราฮาน เมืองในเขตชายฝั่งตะวันตก

นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล เปิดเผยว่าวาฬนำร่อง มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ทำนองนี้อยู่บ่อยครั้ง และในแทสเมเนีย ก็เคยเกิดกรณีแบบนี้หลายครั้ง หรือแม้กระทั่งในเขตชายฝั่งทางตะวันตกของออสเตรเลีย

และเมื่อดูที่จำนวนของสัตว์ที่เกยตื้น ที่มารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะวาฬพวกนี้เป็นสัตว์สังคมอย่างมาก และเราสามารถพบพวกมันเป็นฝูงใหญ่ ๆ หรือที่เรียกว่าพ็อดได้ และน่าเสียดายที่ในกรณีแบบนี้ ก็อาจเกิดความผิดพลาด สัตว์บางตัวอาจจะนำทางตัวอื่น ๆ มาผิดทาง และตอนนี้พวกมันก็เลยต้องมาเกยตื้น

ปัจจุบัน ออสเตรเลียมีการส่งเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ทางทะเลของรัฐบาลมาที่นี่ เพื่อพยายามช่วยชีวิตวาฬ

ล่าสุดมีรายงานว่าวาฬราว 25 ตัวได้ตายแล้ว


https://www.nationtv.tv/main/content/378796871/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:44


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger