#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันอออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุม ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อน กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อน และระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 4 ? 5 มี.ค. 65 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณ์เช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ประกอบกับมีลมใต้ และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 มี.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่กำลังค่อนข้างแรงจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ใขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ซึ่งจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะเกิดในระยะต่อไป หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 8-9 มี.ค. 65 บริเวณประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลง และมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยอากาศจะช่วยคลายความร้อนลงได้ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในวันที่ 5 - 8 มี.ค. 65 ทำให้ภาคใต้เพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 6-7 มี.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งฟ้าผ่าที่จะเกิดขึนได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 6-8 มีนาคม 2565)" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 04 มีนาคม 2565 ในช่วงวันที่ 6-8 มีนาคม 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นด้วย โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบน จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
เตรียมห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมี 4 ชนิดในแหล่งดำน้ำ 20 แห่ง กรุงเทพฯ 3 มี.ค. "รมว. วราวุธ" ระบุ ขอให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายที่ต่อปะการังซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชห้ามใช้แล้ว ล่าสุดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะออกประกาศห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมสารเคมี 4 ชนิดในแหล่งดำน้ำ 20 แห่ง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า การออกประกาศของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชที่ห้ามนำและใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ผสมสารเคมี 4 ประเภทซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรปะการัง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ได้รับความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางเข้าไปยังเขตอุทยานแห่งชาติอย่างดี ทั้งนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เราสามารถช่วยรักษาระบบนิเวศปะการังในทุกช่องทางที่อาจจะส่งผลกระทบทางลบได้ นอกจากนี้ได้หารือกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการหาแนวทางส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาวิจัยผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากสารเคมีอื่น เพื่อจะได้ป้องกันผลกระทบต่อปะการัง รวมถึง สิ่งแวดล้อมและคุณภาพน้ำทะเล นายวราวุธกล่าวต่อว่า ด้วยนวัตกรรมและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าอย่างมาก การคิดค้นสารที่ช่วยดูแลมนุษย์โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติคงไม่ใช่เรื่องยาก จึงอยากย้ำกับผู้ผลิตสินค้าและประชาชนในฐานะผู้บริโภคว่า การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนต้องคำนึงถึง ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด แต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ก็ควรเลือกสิ่งนั้น สิ่งเล็กๆ ที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ย่อมส่งผลที่ยิ่งใหญ่ต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติของโลกได้ต่อไปในอนาคต นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกล่าวเสริมว่า ได้เร่งยกระดับมาตรการในพื้นที่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อรักษาแนวปะการังไม่ให้ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ผสมในครีมกันแดด โดยได้จับมือร่วมกับบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางยี่ห้อมีสทีน ร่วมวิจัยและศึกษาผลกระทบต่อทรัพยากรปะการัง สำหรับสารเคมีในครีมกันแดดที่เป็นอันตรายต่อปะการัง 4 ชนิด ได้แก่ Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3) Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate) 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben ซึ่งมีผลการวิจัยชี้ว่า สารเคมีดังกล่าวมีผลกระทบต่อตัวอ่อนปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์ และทำให้เกิดปะการังฟอกขาว หลายประเทศได้ห้ามใช้ครีมกันแดดที่ผสมสารเคมีเหล่านี้แล้ว เช่น ประเทศปาเลา รัฐฮาวาย หมู่เกาะเวอร์จิน คีย์เวสต์ (ฟอริดา) สหรัฐอเมริกา เกาะอารูบา และ เกาะโบเนเรอ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น นายโสภณ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้หารือกับนายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อหาแนวทางการยกระดับการดำเนินงานและต่อยอดงานวิจัยสารเคมีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศปะการัง ซึ่งทางบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ผลิตครีมกันแดด 2 ชนิด ที่ไม่ผสมสารที่ทำลายปะการังทั้ง 4 ตัว โดยจะวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 และมีแผนผลิตเวชสำอางที่เป็นมิตรกับทรัพยากรทางทะเลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกำลังจะออกประกาศคำสั่งห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีทั้ง 4 ชนิดในแหล่งดำน้ำกองหินใต้น้ำ รวม 20 แห่งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ระยองชุมพร สุราษฎร์ธานี พังงา และสตูล. https://tna.mcot.net/environment-894755
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|