เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 01-03-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default เยี่ยมธนาคาร “ปูม้า”…ริมอ่าวไทย


เยี่ยมธนาคาร “ปูม้า”…ริมอ่าวไทย โดย มนู จรรยงค์


เคยได้ยินว่า ในสมัยก่อนชาวประมงออกเรือจับปลา ถ้าหากมีปูม้าติดอวนขึ้นมาเขาก็จะโยนปูม้าทิ้งทะเลทันที เช่นเดียวกับปลาเล็กปลาน้อย หรือปลาบางชนิด เช่น “ปลาสำลี” เขาก็จะโยนทิ้งทะเลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากสัตว์น้ำเหล่านี้คนไม่นิยมรับประทานกัน เพราะสมัยยังมีสัตว์น้ำที่ดีกว่านี้ให้เลือกกิน โดยเฉพาะปูม้า เนื้อจะไม่แน่นหวานอร่อยสู้ปูทะเลไม่ได้ เช่นเดียวกับปลาสำลี เนื้อแน่นสู้ปลาเก๋า ปลากะพง หรือปลาจาละเม็ดไม่ได้ เพราะอร่อยกว่ากันเยอะเลย ในสมัยก่อนปลาสำลีจึงกลายเป็นปลาที่ใช้เลี้ยงสัตว์ไปฉิบ จนปัจจุบันอาหารทุกอย่างหากินยากเข้าทุกที ปูม้า ปลาสำลี จึงเดินขึ้นเหลาอย่างสง่าผ่าเผย อยู่ในเมนูอาหารราคาแพง โดยเฉพาะปลาสำลีผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังในตอนท้ายของสารคดีท่องเที่ยวอาทิตย์นี้

มาว่าต่อถึงธนาคารปูม้ากันดีกว่าครับ ธนาคารปูม้าที่เราไปเยี่ยมเยือน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านประมงม่องล่าย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ แหล่งอนุรักษ์ปูม้าของชุมชนรอบอ่าวประจวบฯ ซึ่งดำเนินงานโดย กลุ่มรักษ์อ่าวประจวบฯ ที่ทำการเป็นอาคารชั้นเดียวหลังเล็กๆ มีป้ายเขียนไว้ว่า “ธนาคารปูม้า” ภายในห้องเผยให้เห็น ถังใส่น้ำทะเลสีขาวตั้งเรียงเป็นแถวพร้อมสายออกซิเจนช่วยลูกปูให้มีอากาศหายใจอย่างเพียงพอ ไม่งั้นการเบียดเสียดจะทำให้ลูกปูที่ไม่แข็งแรงเสียชีวิตได้ ก็จะไม่ให้เบียดเสียดได้อย่างไร ในเมื่อแม่ปูม้าตัวหนึ่งให้ลูกได้เป็นแสนเป็นล้านตัว

ธนาคารปูม้า มีสมาชิกซึ่งเป็นชาวประมงประมาณ 80 ครอบครัว มีเรือประมง 50 ลำ ตามหลักการของธนาคารปูม้าแห่งนี้ ก็คือ เมื่อชาวบ้านจับปูไข่มาได้ก็นำมาบริจาคให้แก่ธนาคาร ธนาคารก็จะเลี้ยงไว้จนออกเป็นตัวภายใน 2-3 วัน (โดยไม่ต้องให้อาหาร) ธนาคารก็จะปล่อยลงทะเลรอบๆอ่าว จากนั้นก็คืนแม่ปูม้าให้แก่ชาวประมงนั้นๆไป แต่ส่วนมากเขาจะไม่เอาคืน ธนาคารปูม้าแห่งนี้เปิดมาได้ประมาณปีกว่า ปล่อยลูกปูม้าลงทะเลไปจนนับไม่ถ้วน เป็นล้านๆตัว จากลูกปูตัวเล็กๆ ใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือนก็โตพอบริโภคได้แล้ว แต่ต้องไปจับเอาเองในทะเล ชาวประมงคนหนึ่งบอก

อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่าแม่ปูม้าให้ลูกเป็นล้านตัวแล้วจะรอดทั้งหมด เปล่า…มันไม่ได้รอดทั้งหมดหรอกมันจะตายเองบ้าง ถูกสัตว์อื่นกินบ้าง เหลือไม่ถึงครึ่ง ล้านตัวก็เหลือ 3-4 แสนตัว จำนวนนี้ก็ถือว่ามากโขทีเดียว ไม่ยังงั้นปูม้าจะเต็มอ่าวไทยไปหมด นายสิทธิพร ชาวประมงคนหนึ่ง กล่าว

ถึงกระนั้นชาวประมงที่มีอาชีพจับปูม้า ก็ยังมีรายได้ดีพอสมควร กล่าวคือ พวกเขาจะมีรายได้วันละประมาณ 1,200-1,800 บาท จากการลงอวนจับปูได้วันละไม่ต่ำกว่า 10 กก.ๆ ละ 120-180 บาท

เขียนมาตั้งนาน ยังไม่ได้บรรยายถึงบุคลิก ลักษณะของปูม้าเลยสักนิด ลักษณะทั่วไปของปูม้า คือ มีก้ามยาวเรียว มีสัน หนามข้างกระดองข้างละ 9 อัน อันสุดท้ายมีขนาดใหญ่และยาวที่สุด กระดองแบนกว้างมีตุ่มเล็กๆกระจายเต็มไปหมด มีหนามที่ขอบเบ้าตาด้านบน ขอบเบ้าตาด้านล่าง มีหนามแหลม 1 อัน ขาเดินมี 3 คู่ กรรเชียงว่ายน้ำ 1 คู่ ตัวผู้มีก้ามยาวเรียวกว่า มีสีฟ้าอ่อน และมีจุดขาวตกกระทั่วไปบนกระดองและก้าม พื้นท้องเป็นสีขาว จับปิ้งเป็นรูปสามเหลี่ยมเรียวสูง ตัวเมียจะมีก้ามสั้นกว่า กระดองและก้ามมีสีฟ้าอมน้ำตาลอ่อนและมีจุดขาวประทั่วไปทั้งกระดองและก้าม

ถิ่นอาศัยอยู่ตามปากแม่น้ำ หรือบริเวณชายฝั่งทะเล อาหารกินซากพืชที่ตายแล้ว ขนาดความยาวประมาณ 15-20 ซม. ออกไข่ครั้งละประมาณ 200,000-3,000,000 ตัว (แล้วแต่แม่พันธุ์จะมีขนาดใหญ่และสมบูรณ์แค่ไหน)

ปัจจุบัน สาเหตุที่ปริมาณปูม้าลดน้อยลง เนื่องจากการนำทรัพยากรขนาดเล็กมาใช้มากเกินไป อีกทั้งปูม้าที่มีไข่ก็ยังถูกจับมาใช้ประโยชน์ทั้งที่มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว จนทำให้ปูม้าใกล้จะสูญพันธุ์ จนกระทั่งมีการอนุรักษ์ในรูปแบบต่างๆ เช่น การเพาะเลี้ยงในบ่อดิน หรือการใช้ถังเพาะไข่ปู และมีการจัดตั้งธนาคารเพื่อเพาะเลี้ยงและปล่อยลูกปูสู่ทะเล ซึ่งขณะนี้มีการจัดตั้งธนาคารปูม้าหลายต่อหลายแห่ง เชื่อว่าในอนาคตปูม้าจะต้องเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างแน่นอน และจะไม่ขาดแคลนอีกต่อไป

ท้ายนี้ผมจะขอเล่าถึงปูม้าและปลาสำลี ขึ้นเหลาหรือภัตตาคารครั้งแรกๆ ในสมัยก่อนตามที่เกริ่นไว้แต่แรก ปูม้าขึ้นเหลาราคา กก.ละครึ่งค่อนพัน (ปูเป็นกับปลาสำลีที่ติดอวนแล้วชาวประมงเหวี่ยงทิ้งทะเลไปน่ะ) หลังจากปลาสำลีขึ้นเรสเตอรองต์แล้ว ก็มีร้านอาหารจาก ตจว.(ต่างจังหวัด) มาเปิดในกรุงเทพฯ แถวย่านคลองประปา-สามเสน ชื่อว่าร้าน “ปลาเผาภูเก็ต” ใช้ปลากะพงเผามีน้ำจิ้มหลากหลายชนิด ทั้งน้ำจิ้มทะเล น้ำจิ้มสามรสออกรสหวานๆ ใช้หอมแดงพริกขี้หนูซอยใส่ ปลาเผาร้อนๆ จิ้มอร่อยอย่าบอกใคร

ผมก็ไปเป็นแฟนของร้านปลาเผาภูเก็ตแห่งนี้อยู่เหมือนกัน แต่ความที่เป็นคนเบี้ยน้อยหอยน้อย ไปนั่งร้านนี้ทีไรก็มักจะสั่งปลาสำลีเผา และปูม้ามารับประทานทุกครั้งไป (เพราะถูกกว่าปลากะพงหรือปูทะเล) จนแฟนโกรธว่าผมขี้เหนียว สั่งแต่ปลาสำลีมากิน ผมก็เถียงไปว่า ปลาสำลีเนื้อก็อร่อยไม่แพ้ปลากะพงนะเธอ เลือกน้ำจิ้มให้ดีก็อร่อยถมเถไปแล้ว

แต่เธอกลับบอกว่า ที่ไม่อยากกินปลาสำลีนั้นเป็นเพราะที่บ้านของเธอใช้ปลาสำลีย่างให้แมวกินทุกวัน พูดกันตรงๆก็คือ ใช้ปลาสำลีเป็นอาหารเลี้ยงแมวน่ะ เรามีปากเสียงกันเพราะเรื่องนี้ ในที่สุดก็ต้องเลิกรากันไป

เป็นเดี๋ยวนี้สั่งปูม้า-ปลาสำลีเผามากินก็ถือว่าโก้ไม่หยอกแล้วครับ



จาก : บ้านเมือง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:26


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger