เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 09-09-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

อนึ่ง พายุโซนร้อน "ยุนยาง" (YUN-YEUNG) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณชายฝั่งตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นในระยะต่อไป โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 9 ? 14 ก.ย. 66 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากใน ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ในช่วงวันที่ 9 ? 10 ก.ย. 66 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11 ? 14 ก.ย. 66 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุโซนร้อน "ยุนยาง" (YUN-YEUNG) บริเวณทิศใต้ของประเทศญี่ปุ่น มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศญี่ปุ่นในช่วงกลางคืนของวันที่ 8 กันยายน 2566 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 09-09-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ตายปริศนาอีกตัว! พะยูนทะเลกระบี่

กระบี่ - สลดตายปริศนาอีกตัว พะยูนโตเต็มวัย ความยาวกว่า 2 เมตร หนักกว่า 100 กิโลกรัม ลอยตายในทะเลเกาะจำ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ตรวจสอบพบบาดแผลคล้ายรอยขีดข่วน คาดตายมาแล้ว 12 ชั่วโมง เผยปีนี้ตายแล้ว 6-7 ตัว



วันนี้ (8 ก.ย.) น.ส.กนกพรรณ ดำรงอ่องตระกูล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 บ้านเกาะจำ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่า พบซากพะยูนตายลอยอยู่ในทะเลบริเวณหลังเกาะจำนุ้ย ชาวบ้านช่วยกันนำเรือไปลากซากพะยูนเข้าฝั่ง

จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นพะยูน เพศผู้ โตเต็มวัย อายุประมาณ 5 ปี วัดความยาวประมาณ 2.20 เมตร น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม มีบาดแผลที่ส่วนหัว แต่บาดแผลไม่ลึกมาก คล้ายรอยขีดข่วน คาดว่าตายมาแล้ว ไม่เกิน 12 ชั่วโมง จึงประสานไปศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) จ.ตรัง นำซากพะยูนไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัด

สำหรับบริเวณเกาะจำ เกาะปู เกาะศรีบอยา ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เป็นแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่ พื้นที่ติดกับ อ.สิเกา จ.ตรัง เป็นแหล่งอาหารของพะยูน จากข้อมูลที่ผ่านมาพบพะยูนตายในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่ต้นปีจนขณะนี้มีจำนวน 6-7 ตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ครู และนักเรียน ในพื้นที่ทราบข่าวการตายของพะยูน ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ ได้พากันมามุงดูด้วยความเศร้าสลด


https://mgronline.com/south/detail/9660000081230


******************************************************************************************************


จมเรือหลวง 2 ลำใต้ท้องทะเลเกาะเต่า เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งดำน้ำใต้ท้องทะเล



สุราษฎร์ธานี - กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจมเรือหลวง "สู้ไพรินทร์ 313" และเรือหลวง "หาญหักศัตรู 312" ที่ปลดประจำการแล้ว ใต้ท้องทะเลเกาะเต่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งดำน้ำ

ภาพประวัติศาสตร์จมเรือหลวงสู้ไพรินทร์ 313 และเรือหลวงหาญหักศัตรู 312 ซึ่งเรือทั้ง 2 ลำ เป็นเรือที่ปลดประจำการแล้ว ทำพิธีจัดวางเรือทั้ง 2 ลำจมใต้ท้องทะเลเกาะเต่า เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และแหล่งดำน้ำใต้ท้องทะเล เป็นอุทยานเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแห่งใหม่ของเกาะเต่า ซึ่งอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลจุดสำคัญของเกาะเต่า

ชาวเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกันบันทึกภาพประวัติศาสตร์นำเรือหลวงจำนวน 2 ลำ ประกอบไปด้วย เรือหลวงสู้ไพรินทร์ 313 และเรือหลวงหาญหักศัตรู 312 ซึ่งเรือทั้ง 2 ลำ เป็นเรือที่ปลดประจำการแล้ว ที่ทางเกาะเต่าได้รับมอบจากกองทัพเรือ นำมาจัดวางจมลงใต้ท้องทะเล เพื่อเป็นอุทยานแห่งเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแห่งใหม่ของเกาะพะงัน รวมถึงเป็นจุดดำน้ำแห่งใหม่ของเกาะเต่า ซึ่งในพิธีจัดวางจมเรือหลวง ได้กำหนดขึ้น 2 วัน วันที่ 7-8 ก.ย.2566 นี้

โดยเมื่อวันที่ 7 ก.ย.66 ที่ผ่านมา พล.ร.ท.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 พร้อมด้วย นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี น.ส.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะเต่า เทศบาลตำบลเกาะเต่า องค์กรภาครัฐ ร่วมทั้งผู้ประกอบการ และประชาชนบนเกาะเต่า ร่วมกันประกอบพิธีจัดวางเรือหลวงสู้ไพรินทร์ และเรือหลวงหาญหักศัตรู ซึ่งปฏิบัติภารกิจในท้องทะเลมากว่า 47 ปี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลพื้นที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

โดยมีพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บริเวณลานหินหน้าหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ ที่ตั้งอยู่หาดทรายรี ต.เกาะเต่า โดยมี พล.ร.ท.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญการทัพเรือภาคที่ 2 เป็นประธานพิธี โดยหลังประกอบพิธี พล.ร.ท.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปขึ้นเรือหลวงปัตตานี ที่จอดลอยลำอยู่ทางทิศใต้ของเกาะนางยวน เพื่อประกอบพิธีวางพวงมาลา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเริ่มมีการปล่อยน้ำเข้าเรือหลวงสู้ไพรินทร์ ซึ่งเป็นเรือลำแรกในจำนวน 2 ลำ ที่ได้จัดวางนำลงสู่ก้นทะเล บริเวณทางทิศใต้ของเกาะนางยวน เพื่อจะเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล และเป็นจะดำน้ำแห่งใหม่ของเกาะเต่า โดยภาพวินาทีที่เหลือหลวงสู้ไพรินทร์ เริ่มจมลงสู่ก้นทะเลที่มีความลึกเกือบ 20 เมตร ถือเป็นภาพวินาทีประวัติศาสตร์ ที่สร้างความประทับให้ชาวเกาะเต่า และทุกภาคส่วนที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

ขณะเดียวกัน วันนี้ (8 ก.ย.) จะมีการทำพิธีจัดวางเรือหลวงหาญหักศัตรู ณ บริเวณฝั่งตะวันออของเกาะเต่า หรืออ่าวเมา ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะเป็นแหล่งนำน้ำและอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีต้องขอขอบคุณกองทัพเรือ ที่มอบเรือหลวงหาญหักศัตรู และเรือหลวงสู้ไพรินทร์ จำนวน 2 ลำ ที่ปลดประจำการแล้ว เพื่อเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแห่งที่ 2 และแห่งที่ 3 ของเกาะเต่า ซึ่งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน

โดยก่อนนี้ ทางกองทัพเรือได้มอบเรือหลวงสัตกูด ให้เป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแห่งที่ 1 เกาะเต่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2554 โดยเรือหลวงสัตกูด ได้นำไปวางไว้ใกล้กองหินขาว ด้านทิศตะวันตกของเกาะเต่า ปัจจุบันเป็นจุดดำน้ำสำคัญของเกาะเต่า และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์เกาะติดจำนวนมาก เช่น ปะการัง เห็ดทะเล ดอกไม้ทะเล กัลปังหา ปะการังดำ และในโอกาสนี้ทางกองทัพเรือได้มอบเรือหลวงอีกจำนวน 2 ลำ ให้เป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล และจะเป็นจุดนำน้ำที่สำคัญของเกาะเต่า ที่นักดำน้ำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องเดินทางมาดำน้ำในจุดนี้ และจะเป็นการสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวต่อไป โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาดำน้ำดูความสวยงามใต้ทะเลเกาะเต่ากันเป็นจำนวนมาก สร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก

ด้าน นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า กล่าวว่า เกาะเต่า เป็นเกาะท่องเที่ยวหลัก 1 ใน 3 ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลยอดนิยมที่มีศักยภาพสูงมีชื่อเสียงติด 1 ใน 10 ของโลก รวมทั้งเป็นห้องเรียนใต้ทะเล (สอนดำน้ำ) สำคัญของเอเชียและ อันดับต้นของโลก ด้วยสภาพทรัพยากร ธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนปีละเกือบ 1 ล้านคน ร้อยละ 90 เป็นชาวต่างประเทศ สามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศปีละ 5,000 ล้านบาท และครั้งนี้ผู้ประกอบการร้านดำน้ำ สถาบันสอนดำน้ำ ชมรม และผู้ประกอบการชาวเกาะเต่า กว่า 64 แห่ง ได้ร่วมใจสนับสนุนโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเกาะเต่า จำนวน 8,607,000 บาท ดำเนินการให้มีอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจากเรือหลวงเป็นแห่งที่ 2 และ 3 จะส่งผลเกิดแหล่งปะการัง แหล่งสัตว์น้ำ และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลแห่งใหม่ที่เป็นจุดเด่นจุดสำคัญอีกด้วย


https://mgronline.com/south/detail/9660000081065

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:01


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger