เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 07-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 7 - 12 ก.ค. 66 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ในขณะที่ในช่วงวันที่ 8 ? 10 ก.ค. 66 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้จะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง

สำหรับในช่วงวันที่ 7 - 12 ก.ค. 66 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร โดยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 8 ? 10 ก.ค. 66 ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 07-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก อสมท.


กรมประมง แจงข่าว "งูสมิงทะเลปากเหลือง" หนึ่งในไฮไลท์สัตว์น้ำที่นำมาจัดแสดง ในงานวันประมงน้อมเกล้าฯ



จากกรณีที่มีกระแสข่าวการจัดแสดง "งูสมิงทะเลปากเหลือง" งูทะเลมีพิษร้ายแรง หวั่นเป็นอันตรายต่อผู้เข้าชมนิทรรศการงูทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์สัตว์น้ำที่กรมประมงนำมาจัดแสดงภายใต้ธีม "Wonders of the Aquatic World" มหัศจรรย์โลกใต้น้ำ ในงานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 33 ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ ในระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน ? 9 กรกฎาคม 2566 นั้น

นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า งานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 33 เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกรมประมง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้ทูลเกล้าถวาย สมทบทุนมูลนิธิจุฬาภรณ์และเป็นการส่งเสริม อนุรักษ์ รวมถึงเผยแพร่ความรู้ทางด้านวิชาการประมงเกี่ยวกับพันธุ์สัตว์น้ำ ปลาสวยงาม และพรรณไม้น้ำชนิดต่าง ๆ ให้สาธารณชนได้รับทราบ

โดยในปีนี้ กรมประมง ได้จัดแสดงนิทรรศการประมงภายใต้ธีม Wonders of the Aquatic World ซึ่งนำเสนอ 7 สิ่งมหัศจรรย์โลกใต้น้ำ ?งูสมิงทะเลปากเหลือง? งูทะเลพิษร้ายแรง ติด 1 ใน 10 ของโลก เป็นหนึ่งในชนิดพันธุ์สัตว์น้ำที่กรมประมงนำมาจัดแสดงในงานภายใต้หัวข้อมหัศจรรย์ในตัวตน ซึ่งนำเสนอถึงสัตว์น้ำที่มีนิสัยเฉพาะตัว เช่น ขี้อายเชื่องช้า ดุร้าย และน่าเกรงขาม โดยจะให้ความรู้เกี่ยวกับชีววิทยาและพฤติกรรมของงูทะเลมีพิษที่อาจมีโอกาสพบเห็น เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง หากบังเอิญต้องเผชิญหน้ากับงูชนิดนี้อย่างใกล้ชิด จะได้หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย โดยเฉพาะนักดำน้ำ และชาวประมง เนื่องจากงูสมิงทะเลปากเหลือง อาจพบได้จากการทำประมง โดยการติดมากับอวน ซึ่งหากชาวประมงไม่ทันสังเกตอาจเป็นอันตรายได้

โดยในการจัดแสดงดังกล่าว กรมประมงได้มอบหมายนักวิชาการประมง ซึ่งมีความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านงูทะเลมีพิษมาประจำจุดแสดง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมนิทรรศการงูทะเลได้เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัย และลดข้อกังวลของประชาชนที่เข้าร่วมชมนิทรรศการงูทะเล ภายในงานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 33 กรมประมงจึงมีนโยบายให้จัดแสดงเฉพาะในตู้ งดการนำงูสมิงทะเลปากเหลืองออกมาจากตู้จัดแสดงภายนอกตู้อย่างเด็ดขาด โดยตลอดการจัดแสดงจะมีนักวิชาการประมงที่มีความเชี่ยวชาญให้บริการข้อมูลความรู้อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจยังคงสามารถเข้าร่วมชมสัตว์น้ำที่น่าสนใจอีกหลากหลายชนิด ภายในงานวันประมงน้อมเกล้าฯครั้งที่ 33 ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ บัตรผ่านประตูเพียง20 บาท เท่านั้น เด็ก และนักเรียน เข้าชมฟรี!


https://www.mcot.net/view/bxz9xs4P


******************************************************************************************************


ปูหน้าขาว สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ราคาดี โตเร็ว



ตรัง 5 ก.ค. ? เกษตรกรชาวอำเภอกันตัง จ.ตรัง ขานรับนโยบายการเลี้ยงปูหน้าขาว หรือปูทองหลาง ในบ่อกุ้งร้าง ขายได้ราคาดีกว่าปูดำ โตเร็วกว่า ทำได้หลากหลายเมนู เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่

นายวรุฒม์ ธนากรเจริญ เปลี่ยนบ่อที่เคยเลี้ยงกุ้งกุลาดำ แต่ประสบปัญหาขาดทุน หันมาเลี้ยงปูหน้าขาว หรือปูทองหลางเป็นปีแรก บนเนื้อที่ 3 ไร่ ใน อ.กันตัง จ.ตรัง เนื่องจากปูหน้าขาวเป็นปูทะเลที่โตเร็ว ได้น้ำหนักและราคาดีกว่าปูดำและปูม้า เนื้อปูแน่น ก้ามโต ตัวใหญ่ รสชาติหวานมันกว่าเนื้อปูทะเลชนิดอื่น ตลาดยังมีความต้องการสูง

ก่อนหน้านี้เกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจ จึงปล่อยบ่อกุ้งให้เป็นบ่อร้างมานานหลายปี จนกระทั่งสำนักงานประมงจังหวัดได้จัดทำโครงการนำร่อง ชวนเกษตรกรในจังหวัดเข้าร่วมโครงการ 5 ราย รายละ 1 อำเภอ อำเภอละ 1 บ่อ บนเนื้อที่บ่อละ 3 ไร่

แต่ละบ่อจะปล่อยลูกปูครั้งแรกปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จำนวน 3,000 ตัว ปรากฏว่า 3 เดือนผ่านไป ปูหน้าขาวตัวผู้มีน้ำหนักตัวละ 5-6 ขีด ส่วนตัวเมียมีน้ำหนัก 3-4 ขีด เนื้อแน่น ก้ามใหญ่ มีลูกค้าสนใจสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ยังขายไม่ได้ เพราะต้องการทำน้ำหนักให้ได้ตัวละ 8 ขีด ถึง 1 กิโล ซึ่งต้องใช้เวลาเลี้ยงอีกประมาณ 45 วัน จึงจับขายได้ในราคากิโลกรัมละ 350-500 บาท หรือตัวละ 500 บาท หากเป็นตัวผู้

ส่วนอาหารของปู เป็นเนื้อปลาสด ช่วง 2 เดือนแรก ให้วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น พอย่างเข้าเดือนที่ 3 ให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 30 กิโลกรัม ไม่ต้องตีน้ำให้ออกซิเจน ไม่ต้องวัดค่าความเค็มของน้ำ น้ำกร่อยก็สามารถเติบโตได้ดี ต้นทุนต่ำกว่าการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมาก ลดความเสี่ยงและการลงทุนลงไปได้มาก นับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ใน จ.ตรัง ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงชายฝั่งตรัง สามารถเพาะขยายพันธุ์ลูกปูหน้าขาว เพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรได้แล้ว ราคาตัวละ 3 บาท

ประมงจังหวัดตรัง กล่าวว่า จ.ตรัง ยังไม่เคยมีการเลี้ยงปูหน้าขาวหรือปูทองหลางมาก่อน ถือว่าเป็นครั้งแรก ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ เลี้ยงมา 3 เดือน ตัวผู้ได้น้ำหนักประมาณ 5-6 ขีด ตัวเมียประมาณ 3 ขีดกว่า ขณะที่ปูดำทั่วไปตัวจะตัวเล็กกว่าเมื่อใช้เวลาเลี้ยงเท่ากัน .


https://tna.mcot.net/region-1202811

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 07-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


วิจัยเผยภาวะโลกรวนส่งผลให้อาหารทะเลกว่า 90% บนโลกกำลังจะหายไป

งานวิจัยเผยว่าอาหารทะเลกว่า 90 เปอร์เซ็นต์บนโลกกำลังจะหายไปเนื่องจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ



การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Sustainability ระบุผลกระทบจากปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นตามระดับอุณหภูมิโลก ความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นในทะเล ฝนตกไม่ตรงตามฤดู สาหร่ายบูม รวมถึงมลพิษจากสารปรอท ยาฆ่าแมลง และยาปฏิชีวนะ ล้วนทำให้แหล่งอาหารที่สำคัญของเราเริ่มลดลงแล้ว โดยผู้ผลิตชั้นนำอย่างจีน นอร์เวย์ และสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุด

สำหรับ Blue food หรือแหล่งอาหารของมนุษย์ที่จะได้รับผลกระทบนั้น หมายรวมถึงปลาทะเลกว่า 2,190 สายพันธุ์ สัตว์ชนิดมีเปลือกอย่างกุ้งและหอย พืชใต้น้ำและสาหร่ายทะเล รวมถึงปลาน้ำจืดที่เลี้ยงในฟาร์มกว่า 540 สายพันธุ์ อันเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญนี้คอยหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนบนโลกกว่า 3.2 พันล้านคน ซึ่งนอกจากปัญหาที่กล่าวมา การประมงที่มากเกินไปยังทำลายระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คุณภาพและปริมาณอาหารลดลงอีกด้วย

"แม้ว่าประเทศทั่วโลกจะมีความพยายามแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ในด้านการปกป้องแหล่งอาหารนั้น เรายังด้อยพัฒนาและจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างเร่งด่วน" Rebecca Short นักวิจัยได้แสดงความเห็น

เรื่องนี้บรรดาประเทศที่จะได้รับผลกระทบก่อนใคร คือประเทศที่พึ่งพาอาหารทะเลเป็นหลัก อย่างจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม และประเทศเกาะเล็กๆ โดยยังมีความหวังว่าการร่างสนธิสัญญาทะเลหลวงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะช่วยกระตุ้นให้แต่ละประเทศสมาชิกพูดคุยกันเรื่องนี้มากขึ้น

"ความเปราะบางที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ชักนำ ทำให้การผลิตอาหารทะเลอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก" หลิง เฉา ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเซียะเหมินของจีน ผู้ร่วมเขียนรายงาน กล่าว

และจากความต้องการของมนุษย์ที่ไม่สิ้นสุด อาทิ กรณีที่ประเทศนาอูรู พยายามจะทำเหมืองในมหาสมุทรเพื่อเก็บแร่เหล็ก หรือกรณีประเทศนอร์เวย์ ที่มีโครงการจะทำเหมืองใต้ทะเลเช่นกัน ทำให้นักสิ่งแวดล้อมได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งว่ามันจะสร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอย่างมหาศาล โดยนักวิทยาศาสตร์หลายคนก็พยายามเตือนรัฐบาลให้คิดดทบทวนก่อนจะทำเหมืองเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ท้ายที่สุดแล้วความมั่นคงทางอาหารจะลดลงด้วยสาเหตุที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งเราทุกคนต้องเผชิญโดยถ้วนหน้า ลองคิดดูว่าถ้าโลกนี้ไม่มีอาหารทะเล เราคงไร้ความสุนทรีย์ในมื้ออาหารและรสชาติอันโอชะ โดยจะกระทบกับผู้บริโภค รวมทั้งภาคเศรษฐกิจมากมายแค่ไหน


https://www.nationtv.tv/gogreen/378922410

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:19


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger