#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสกับมีอากาศเย็นกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร และทะเลอันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 13 พ.ย. 64 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 10 - 15 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 10 ? 15 พ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย ส่วนประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศหนาวเย็นลงบริเวณประเทศไทยตอนบน กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบถึงที่ 13 พฤศจิกายน 2564)" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 09 พฤศจิกายน 2564 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้ว ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีอากาศเย็นและลมแรง โดยประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ในวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2564 ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร และทะเลอันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
น้ำทะเลหนุนเพิ่มขึ้น ดินทรุด ปัจจัยเสี่ยงกรุงเทพฯ อีก 10 ปี จมบาดาล ความโกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2564 บริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และนนทบุรี เกิดน้ำทะเลหนุนเอ่อขึ้นสูง ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและถนนหลายสายมีน้ำท่วมขังสูง การจราจรติดขัดอย่างหนัก สร้างความเสียหายเดือดร้อนไปทั่ว เกิดคำถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ของทุกปี จะเกิดน้ำทะเลหนุน ทำไมไม่มีการเตือนใดๆ อย่างจริงจัง ให้ประชาชนเตรียมรับมือป้องกันและขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง ก่อนการประชุมโลกร้อน COP26 คณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (IPCC) ออกรายงานฉบับที่ 6 ส่งสัญญาณสีแดงไปยังนานาประเทศ ให้รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปลายปีนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ริมชายฝั่งทะเล รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีความล่อแหลมมากขึ้นที่ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น จากอุณหภูมิที่สูงขึ้น และการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ไม่เท่านั้น กรีนพีซ เอเชียตะวันออก เคยระบุพื้นที่มากกว่า 96% ของกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงน้ำท่วม หากน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น และในอีก 10 ปี พื้นที่ย่านธุรกิจหลัก เช่น สีลม สาทร และเพลินจิต อาจได้รับผลกระทบ พร้อมเตือนว่า รัฐสภาแห่งใหม่ของไทยอาจถูกน้ำท่วมเช่นกัน ด้านกายภาพของกรุงเทพฯ มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1.5 เมตร มีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมในช่วงมรสุม และการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นดินทรุดตัวเฉลี่ยปีละ 1-2 เซนติเมตร ซึ่งจะรุนแรงมากขึ้นจากระดับน้ำทะเลหนุนเพิ่มขึ้น ถือเป็นพื้นที่อ่อนไหวได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และอาจจะจมบาดาลภายในปี ค.ศ.2030 จากการรายงานของธนาคารโลก รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ย้ำอีกครั้งถึงสถานะความเปราะบางของพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้หลายฝ่ายเกิดความตื่นตัวและตระหนักในสิ่งที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูงในปีนี้ รุนแรงกว่าปี 2554 และจะรุนแรงมากขึ้นอีก เพราะข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (IPCC) มีความก้าวหน้าและแม่นยำมากขึ้น ว่ากรุงเทพฯ จะจมหรือไม่ โดยเฉพาะข้อมูลระดับความสูงของพื้นที่จากระดับน้ำทะเล นอกจากนี้เว็บไซต์วารสารเนเจอร์ ได้ตีพิมพ์ข้อมูลออกมาชี้ให้เห็นว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีความเสี่ยงสูงมากจะจมใต้น้ำ หากไม่ทำอะไร โดยทุก 30 ปี จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ควรนิ่งเฉยในการออกมาตรการป้องกันในการเร่งทำแนวคันกั้นป้องกันน้ำทะเลหนุน โดยทำถนนเลียบชายฝั่งยกขึ้นมาให้สูง มีการปลูกป่าชายเลนคั่นอยู่ตรงกลาง เพื่อเป็นกันชนซึบซับความรุนแรงของคลื่นทะเล อาจทำยาวมาตั้งแต่พื้นที่สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเกี่ยวข้องกับชุมชน กว่าจะดำเนินการให้เสร็จต้องใช้เวลานาน "อาจต้องมีการเจรจา และแน่นอนจะมีการฟ้องร้องระหว่างคนที่อยู่นอกคันกั้น กับคนที่อยู่ในคันกั้น แต่หากไม่ทำเลย จะแย่เพราะน้ำทะเลจะหนุนรุนแรงมากขึ้น จนสร้างความเสียหาย ประเมินกันว่าอีก 10 ปี จะเกิดความเสียหาย 4 หมื่นกว่าล้านบาทต่อปี และอีก 30 ปี จะเสียหายมากขึ้น 4 แสนกว่าล้านบาทต่อปี เป็นเงินมหาศาล จึงต้องคิดถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ลงทุนเพียงอย่างเดียวในการจัดระเบียบการใช้ที่ดิน ด้วยการทำถนนริมชายฝั่ง เป็นทางเลือกที่ต้องทำคันกั้นน้ำ หรืออาจทำจากพัทยามาชะอำก็ได้ ควบคู่กับการพัฒนาโครงการอื่นๆ" แม้เป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณจำนวนมาก และใช้ระยะเวลานาน แต่ต้องดำเนินการ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพื้นที่สมุทรปราการจะจมน้ำ ตามมาด้วยกรุงเทพฯ และจะขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ชั้นในที่เปราะบาง ส่วนพื้นที่แม่น้ำต้องทำประตูน้ำเปิด-ปิด เหมือนแม่น้ำเทมส์ ในประเทศอังกฤษ ป้องกันน้ำท่วมและน้ำทะเลหนุนเข้าพื้นที่ เพราะขณะนี้พื้นที่สวนทุเรียนในนนทบุรี และสวนส้มโอในนครปฐม ได้รับความเสียหายหนักเป็นวงกว้าง น้ำทะเลหนุนรุนแรง ดินทรุดทุกปี กทม.เสี่ยงจมบาดาล กรณีน้ำทะเลหนุนสูงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ไม่ได้เกินคาด แต่จะรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ในปีต่อไปทุกๆ ปี โดยจะเกิดน้ำขึ้นและลงตามปกติ แต่น้ำทะเลจะหนุนเพิ่มระดับขึ้น จากผลพวงโลกร้อน ทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในจะโดนไปด้วย เพราะมีระดับความสูงเพียง 1.5 เมตรเหนือน้ำทะเล ซึ่งที่ผ่านมาระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า ในสมุทรปราการ สูงขึ้นประมาณ 2.1-2.2 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากอีก 10 ปี จะสูงขึ้นอีก 20 เซนติเมตร และ 30 ปี จะสูงเพิ่มขึ้น 50 เซนติเมตรเป็นการถาวร หากน้ำลงก็จะลงเล็กน้อย ทำให้น้ำท่วมขังนานขึ้น จากสภาพทางกายภาพพื้นที่กรุงเทพฯ มีดินทรุดลงเกือบ 2 เซนติเมตรต่อปี ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะจมน้ำ หากไม่มีการเตือนภัยบอกประชาชน จะทำให้เกิดความเสียหายหนัก สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และในอีก 10 ปี จะเห็นผลชัดขึ้นที่กรุงเทพฯ จะจมบาดาล ซึ่งจากนี้ไปประมาณวันที่ 21-24 พ.ย. น้ำทะเลจะหนุนอีก และระดับน้ำจะสูงสุดในวันที่ 5-9 ธ.ค.จะต้องเฝ้าระวังอีกครั้ง. https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2238777
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
แอฟริกาใต้งงแมวน้ำทยอยตายบนชายฝั่ง เจ้าหน้าที่แอฟริกาใต้กำลังสอบสวน หลังจากจำนวนแมวน้ำตายพุ่งสูง ตามแนวชายฝั่งทะเลตะวันตก ใกล้เมืองเคปทาวน์ โดยการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การขาดอาหารน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุ เครดิตภาพ ? REUTERS สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ว่า ชาวแอฟริกาใต้ท้องถิ่นพบเห็น ซากแมวน้ำตายจำนวนมาก บนชายหาดใกล้เมืองเคปทาวน์ และตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางเหนือของเมือง ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และยังมีซากแมวน้ำตายอีกหลายตัว ลอยอยู่ในทะเลริมฝั่ง นายเจมส์-เบรนท์ สเตียน โฆษกสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดเวสเทิร์นเคป กล่าวว่า แมวน้ำตายในช่วงเวลานี้ของปี ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยพบว่าพวกมันจะตายมากขนาดนี้ ดังนั้นทางการจึงมีความวิตก และหนึ่งในทฤษฎีความเป็นไปได้ของสาเหตุคือ การขาดอาหาร เนื่องจากซากแมวน้ำหลายตัวมีลักษณะซูบผอม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังรอผลการตรวจพิสูจน์ จากผู้เชี่ยวชาญในสำนักงานสัตวแพทย์ของจังหวัด เจ้าหน้าที่รัฐเวสเทิร์นเคป เผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้ฝังซากแมวน้ำที่ตายบนหาด เกือบ 200 ตัวแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การระบาดของโรคไข้หวัดนก ที่กำลังส่งผลกระทบต่อนกทะเลในจังหวัดเวสเทิร์นเคป อาจเป็นสาเหตุหลักที่แท้จริง ของการตายหมู่ของแมวน้ำระลอกล่าสุด. เครดิตคลิป ? ANA ? African News Agency https://www.dailynews.co.th/news/460339/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|