|
หัวข้อ: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Pursuit of Happiness~ ที่ สิงหาคม 20, 2008, 03:31:56 AM ช่วงน้ำมันแพงใครก็หันมาติดก๊าซกัน ลองคิดดูดีๆว่ามันคุ้มจริงหรือป่าวนะ
ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ? ตลาดรถกระบะบ้านเราช่วงนี้อยู่ในภาวะอึดอัดเต็มที เพราะสิงห์ปิกอัพกำลังขวัญผวากับราคาดีเซลที่พุ่งเอาๆ จนทะลักลิตรละ 40 กว่าบาทเข้าไปแล้ว ทำให้ผู้ที่เคยตัดสินใจซื้อรถกระบะเป็นรถบ้าน มากกว่าใช้เพื่อการขนส่งหรือการพาณิชย์ โดยเฉพาะผู้ใช้รถกระบะ 4 ประตูในกทม.และปริมณฑล เกิดอาการถอดใจ โดยส่วนหนึ่งได้ตัดใจเทขายให้เต็นท์รถมือสอง แล้วหันมาใช้รถเก๋งขนาดเล็กแทน ขณะที่อีกส่วนหันไปติดก๊าซ ไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติอัด(ซีเอ็นจี) หรือก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) สำหรับผู้ที่ตัดแปลงเป็นรถปิกอัพติดก๊าซ จำต้องยอมรับสภาพขาดทุนอีก 4 เด้ง คือ 1. ยอมขาดทุนจากการถอดเครื่องดีเซลคอมมอนเรลซึ่งมีมูลค่าไม่กว่า 150,000 บาท 2. เสิยเงิน 50,000 บาท เพื่อไปซื้อเครื่องเบนซิลเก่าๆ 3. เสียเงินค่าวางเครื่องอีก 10,000 บาท โห!! และ 4. เสินเงินค่าติดตั้งถังก๊าซซีเอ็นจี หรือแอลพีจีอีก 30,000 - 50,000 บาท เท่ากับว่านอกจากจะขาดทุนจากการถอดเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลซึ่งได้ชื่อว่าสุดยอดประหยัดน้ำมันดีอยู่แล้ว ยังต้องควักเนื้อเพิ่มอีกถึง 100,000 บาท โห!! ปัญหาก็คือว่าจริงๆแล้ว การนำรถปิกอัพไปติดก๊าซนั้น จะคุ้มหรือไม่?!? เมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งจะต้องใช้เวลากว่า 2 ปีถึงจะคุ้มทุน ขณะที่อัตราบริโภคเชื้อเพลิงก็ต่างกันอักโข โดยปิกอัพดีเซล น้ำมัน 1 ลิตรจะวิ่งได้ 13.31 กม. ขณะที่ปิกอัพซีเอ็นจี จะมีอัตราบริโภค 8.50 กม.ต่อ กก. สำหรับเครื่องยนต์เบนซินเก่าๆ ที่นำมาเปลี่ยน ก็ไม่แน่ใจว่าจะยังใช้งานได้อีกนานเท่าไร แถมต้องปวดหัวกับการนำรถมาจูนเรื่อยๆ วิ่งไปได้สักพักก็มีปัญหาแก้ไม่จบเสียที สิงห์ปิกอัพติดก๊าซแอลพีจี นอกจากจะขวัญผวากับการขับรถขนระเบิดเคลื่อนที่แล้ว ยังต้องประสาทรับประทานว่าเมื่อไรหนอที่รัฐบาลจะลอยตัวราคาก๊าซ ส่วนปิกอัพเอ็นจีวีหรือใช้ก๊าซซีเอ็นจีเป็นเชื้อเพลิง ก็ต้องหงุดหงิดกับการเสียเวลารอคิดเติมก๊าซ หากปั้มก๊าซซีเอ็นจีมี 4 หัวจ่าย ถ้าอยู่ในคิวที่ 10 ก็ต้องเสียเวลาจอดรอดนานถึง 45 นาทีจึงจะได้เริมก๊าซ ซึ่งจะกินเวลาอีก 15 นาทีในการอัดก๊าซ รวมเบ็ดเสร็จต้องเสียเวลาเติมก๊าซนานนับชั่วโมง อย่าลืมว่าถังก๊าซซีเอ็นจี 1 ถัง จะวิ่งได้เพียง 150 กม. !! ถ้าเดือนหนึ่งใช้รถอยู่1,800 กม. ก็ต้องเติมก๊าซไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง หรือแทบจะวันเว้นวัน เท่ากับต้องเสียเวลาเติมก๊าซในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง เมื่อรวมเวลาที่เสียไปทั้งเดือนจะยิ่งสะอึก เพราะได้เสียเวลาทำมาหากินไปไม่น้อย!! ที่สำคัญ จากแผนการขยายปั้มซีเอ็นจีของ ปตท.ใน 5 ปีข้างหน้า คือ ปี 2555 จะพบว่ามีเพียง 740 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในกทม. และปริมณฑล ขณะที่ปั้มน้ำมันดีเซลของ ปตท. ณ วันนี้มีอยู่ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 18,521 แห่ง หากระยะทางระหว่างบ้านกับปั้มก๊าซอยู่ห่างราว 50 กม. แค่วิ่งไปกลับเติมก๊าซก็หมดไปแล้วถึง 2 ใน 3 ของถัง เหลือวิ่งใช้งานจริงได้อีกเพียง 50 กม. เฮ้อ!!! หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ สิงหาคม 20, 2008, 04:06:49 AM ได้ความรู้ดีจัง...ขอบคุณค่ะคุณ Pursuit of Happiness~
รถยนต์ที่บ้านของสองสายแก่หง่อมหงำเหงือกหมดแล้ว....ไม่คุ้มจะนำไปติดก๊าซ....นอกจากขายทิ้งแล้วซื้อรถ Hybrid ใหม่ แต่ตัดใจขายไม่ได้ซะที เพราะล้วนเป็นรถที่รักและมีความผูกพันทุกคัน..... :-*... หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ สิงหาคม 20, 2008, 07:53:14 AM ขอออกความคิดเห็นด้วยคนนะคะ
เห็นด้วยค่ะ ว่าถ้าเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล หากไปแปลงเครื่องยนต์ดีเซลให้เป็นเครื่องยนต์เบนซินเพื่อรองรับระบบแก๊ส ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV นั่น ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก อาจจะไม่คุ้มสำหรับการใช้งานในระยะสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้รถ คิดว่าจะใช้รถคันนี้อีกนานแค่ไหน ถ้าเป็นรถเครื่องยนต์เบนซิล หากจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส ควรคำนึงถึงปัจจัยหลักไม่กี่อย่างค่ะ ง่ายๆ 1. เราจะใช้รถคันนี้อีกนานหรือไม่ 2. รถคันนี้ใช้งานประจำรึเปล่า (เฉลี่ยประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อวัน) 3. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าประมาณ 7-8 กิโลเมตร ต่อลิตร (ใช้น้ำมัน 3-6 กิโลลิตร) ถ้ารถคันของคุณ เข้าข่าย 3 ข้อนี้ ก็ค่อนข้างคุ้มค่ะ หลังจากที่คุณเปลี่ยนเป็นระบบแก๊ส LPG แล้ว คุณก็จะประหยัดเงินในกระเป๋า ได้มากกว่า 60-70% ต่อกิโล ยกตัวอย่าง รถ Toyota Wish เดิมใช้ในกรุงเทพ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 7-8 กิโลเมตรต่อลิตร...แก๊สโซฮอล 95 ราคา 28.79 เท่ากับ ใช้น้ำมัน กิโลละ 3.59 - 4.11 บาท หลังจากเปลี่ยนเป็น LPG แล้ว ใช้ในกรุงเทพเหมือนกัน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 6.5 กิโลเมตรต่อลิตร...แก๊ส LPG ราคา 11.30 บาท เท่ากับ ใช้แก๊ส LPG กิโลละ 1.74 บาท ( 1 ถัง ขนาด 58 ลิตร วิ่งได้ประมาณ 350-400 กิโล) เสริมนิดนึงค่ะ LPG มีค่าอ็อกเทนมากกว่า ทำให้รถแรงขึ้นด้วยนิดหน่อยค่ะ ถ้าเป็น NGV ก็จะยิ่งประหยัดลงไปได้ ประมาณ 80% ต่อกิโลค่ะ ปัจจุบันนี้ มีปั๊มแก๊ส LPG หลายปั๊ม จากประสบการณ์ ไม่เคยต้องต่อคิวค่ะ ในอนาคต หากรัฐบาล ปล่อยลอยตัวแก๊ส LPG ในชุดอุปกรณ์ของ LPG ในปัจจุบัน ชุดหัวฉีดและกล่องต่างๆ ก็รองรับระบบ NGV เพียงแต่เปลี่ยนหม้อต้มกับถังค่ะ ถ้าตอนนี้ รัฐบาล ปล่อยลอยตัวแก๊ส LPG ในขณะที่ NGV ยังหาปั๊มเติมลำบากอยู่ ก็ใช้น้ำมันต่อไป... เพียงแค่กดปุ่มเลือกว่าจะให้รถวิ่งโดยใช้น้ำมันหรือแก๊สค่ะ หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Sunshine ที่ สิงหาคม 20, 2008, 09:45:12 AM เรื่องต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง เปลี่ยนเครื่อง สำหรับรถกระบะที่เคยใช้ดีเซลนั้น ... ไม่ค่อยทราบอะค่ะ .....
โดยส่วนตัว .. ที่บ้านมีรถเก๋ง ติด LPG กับกระบะ ที่เปลี่ยนเครื่องเป็นเบนซินและติดแก๊ส LPG เท่าที่ใช้มา ... รถเก๋ง จะตก กิโลละ 1.50 .... แต่กระบะนั้น แพงกว่าค่ะ กิโลละ 3-4 บาทแน่ะ ... ให้ร้านเค้าปรับยังไง ... ก็ไม่สามารถประหยัดได้มากกว่านี้อะค่ะ .. ตอนนี้ก็เลย ... หันมาขับรถเก๋งเหมือนเดิมค่ะ หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Pursuit of Happiness~ ที่ สิงหาคม 20, 2008, 10:20:19 AM เห็นด้วยกับคุณ SKY การจะเอาเครื่องยนต์ดีเซล มาติดแก๊สตรงนั้นยังทำไม่ได้เพราะ เครื่องยนต์ดีเซลกับเบนซินนั้นมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่เหมือนกัน ดีเซลเป็นระบบ อัดระเบิด ส่วนเบนซินเป็นระบบ จุดระเบิด นี้เป็นพื้นฐานหลักการทำงานและความแตกต่างของเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบนี้ครับ นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมสิงรถกะบะทั้งหลายที่อยากจะติดแก็สจึงต้องถอดเครื่องดีเซลทิ้งแล้วเอาเครื่องยนต์เบนซินมาใส่ ว่าก็ว่านะครับถ้าตราบใดที่เรายังต้องพึ่งน้ำมันจาก ฟอสซิล หรือน้ำมันที่เราใช้กันทุกวันนี้ มันก็คงต้องพึ่งพาน้ำมันจากตะวันออกกลางไปเรื่อยๆ เขาอยากขึ้นราคา เราก็ต้องจ่ายอะครับ ก็ผลิตเองไม่ได้หนิ
เห็นพี่สายชลบอก จะซื้อรถ HYBRIDGE ตอนนี้HYBRIDGE มีแต่นำเข้าแบบ CBU (Complete Built Up Unit)จากต่างประเทศเมื่อมาเจอภาษีนำเข้าของเมืองไทยราคาขายค่อนข้างแพงครับ แต่รออีกซัก 1ปีครับประมาณเดือน ก.ค. 2552 นี้ คนไทยจะได้เห็นรถHYBRIDGE จากสายพานการผลิตในประเทศครับ หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ สิงหาคม 20, 2008, 10:28:50 AM ในอนาคต....รถรุ่นใหม่ที่จะผลิตออกมาจากทุกมุมโลก คงจะเป็นแบบ Hybrid หมดกระมังคะ..... ;) หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Dennn ที่ สิงหาคม 20, 2008, 10:42:42 AM เห็นด้วยเรื่องเครื่องดีเซล ถ้าใช้น้อยวันละไม่ถึง 400km ไม่คุ้มที่จะติดเพราะถ้าเครื่องเดิม เข้าใจว่าใช้แกซร่วมได้ประมาณ 30-40% เท่านั้น เรื่องจะเปลี่ยนเครื่องยนต์เอาเครื่องเบนซินญี่ปุ่นมานั้นไม่เหมาะกับรถบรรทุกแน่
แต่รถเครื่องเบนซิน ทั้งรถเก๋ง รถตู้ (Ventury) ได้ลองติดให้พนักงานกับรถที่บริษัทไปสิบกว่าคัน เฉพาะเครื่องเบนซิน ได้ผลถูกใจมาก :-* ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV แต่คนขับบอกว่ารถใช้ NGV ออกตัวอืดกว่าใช้เบนซิน แต่เฉลี่ยรถใช้งานวันละ 100-200km ก็น่าพอใจมาก ที่เห็นชัดๆคือวิ่งออกต่างจังหวัด ไปกลับวันละ 400km คุ้มจริงๆ สำหรับคนใช้รถตู้ ถ้าจะไปติด NGV ต้องดูการวางถังให้ดี ผมเจอปัญหาคือไปตรวจสภาพไม่ผ่าน เพราะถอดเบาะแถวหลังออกเหลือเป็นรถ VIP แค่ 7 ที่นั่ง แต่รถจดทะเบียนเป็น 11 ที่นั่ง ยังไงควรปรึกษาร้านติดแก๊ซ ก่อนครับ ไม่งั้นต้องไปแก้วางเก้าอี้ลิงให้ปวดหัว :( หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: marina ที่ สิงหาคม 20, 2008, 12:36:49 PM :) ;D เก้าอี้ลิงเนี้ยะ เป็นยังงัยค่ะ
เห็นด้วยเรื่องเครื่องดีเซล ถ้าใช้น้อยวันละไม่ถึง 400km ไม่คุ้มที่จะติดเพราะถ้าเครื่องเดิม เข้าใจว่าใช้แกซร่วมได้ประมาณ 30-40% เท่านั้น เรื่องจะเปลี่ยนเครื่องยนต์เอาเครื่องเบนซินญี่ปุ่นมานั้นไม่เหมาะกับรถบรรทุกแน่ แต่รถเครื่องเบนซิน ทั้งรถเก๋ง รถตู้ (Ventury) ได้ลองติดให้พนักงานกับรถที่บริษัทไปสิบกว่าคัน เฉพาะเครื่องเบนซิน ได้ผลถูกใจมาก :-* ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV แต่คนขับบอกว่ารถใช้ NGV ออกตัวอืดกว่าใช้เบนซิน แต่เฉลี่ยรถใช้งานวันละ 100-200km ก็น่าพอใจมาก ที่เห็นชัดๆคือวิ่งออกต่างจังหวัด ไปกลับวันละ 400km คุ้มจริงๆ สำหรับคนใช้รถตู้ ถ้าจะไปติด NGV ต้องดูการวางถังให้ดี ผมเจอปัญหาคือไปตรวจสภาพไม่ผ่าน เพราะถอดเบาะแถวหลังออกเหลือเป็นรถ VIP แค่ 7 ที่นั่ง แต่รถจดทะเบียนเป็น 11 ที่นั่ง ยังไงควรปรึกษาร้านติดแก๊ซ ก่อนครับ ไม่งั้นต้องไปแก้วางเก้าอี้ลิงให้ปวดหัว :( หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Pursuit of Happiness~ ที่ สิงหาคม 20, 2008, 02:03:42 PM เออนั่นจิ ;D
หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ สิงหาคม 20, 2008, 02:08:41 PM .....การจะเอาเครื่องยนต์ดีเซล มาติดแก๊สตรงนั้นยังทำไม่ได้เพราะ เครื่องยนต์ดีเซลกับเบนซินนั้นมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่เหมือนกัน ดีเซลเป็นระบบ อัดระเบิด ส่วนเบนซินเป็นระบบ จุดระเบิด นี้เป็นพื้นฐานหลักการทำงานและความแตกต่างของเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบนี้ครับ นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมสิงรถกะบะทั้งหลายที่อยากจะติดแก็สจึงต้องถอดเครื่องดีเซลทิ้งแล้วเอาเครื่องยนต์เบนซินมาใส่ ว่า 8) ขอแก้นิดนึงค่ะ Sky ไม่ได้บอกว่า การจะเอาเครื่องยนต์ดีเซล มาติดแก๊สนั้นทำไม่ได้ เพียงแต่ถ้าทำแล้ว ไม่คุ้มกับการลงทุน จริงๆ แล้วปัจจุบันนี้ มีการแปลงเครื่องยนต์ดีเซลระบบอัดระเบิดให้กลายเป็นเครื่องยนต์เบนซินระบบจุดระเบิดด้วยหัวเทียนแล้วค่ะ แต่ส่วนใหญ่ จะแปลงกันในรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถหัวลาก ถ้าสังเกตรถหัวลากบางคัน จะเห็นถัง NGV สีขาวๆ เรียงเป็นตับเลย ประมาณ 6-8 ลูก แน่ะ ซึ่งรถเหล่านี้ คือรถที่แปลงจาก เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องยนต์เบนซินหัวฉีดเรียบร้อยแล้ว หนูเห็นบ่อยเหมือนกันนะ ถ้าจะเอารถกระบะมาแปลง ค่าใช้จ่ายก็สูงมากๆ... ไม่คุ้มชัวร์ๆ แต่ในอนาคตไม่แน่ อาจมีใครปราดเปรื่อง คิดดัดแปลงจนค่าใช้จ่ายถูกลงกว่านี้ก็ได้... คนไทย ทำได้ทุกอย่าง :-* หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ สิงหาคม 20, 2008, 05:53:57 PM วันก่อนดูราคา LPG บ้านเรา 3XX usd/ตัน แต่เรานำเข้า 8xx usd/ตัน
เลยได้ยินแว่วๆว่า รัฐบาลจะขึ้นอีก ประมาณ 15 บ/กก รวมแล้วก็คงตก ประมาณ (11.30+15=26.30 บ/กก) รัฐก็กำลังเร่ง นโยบายการใช้ E85 โดยการลดภาษีอุปกรณ์ในการปรับแต่งรถที่วิ่งอยู่บนถนน เพื่อให้สามารถใช้ E85 ได้ (คาดว่าราคาปรับแต่ง ประมาณ หนึ่งหมื่นบาท ) ปัจจุบัน E10(Gasohol 91) ประมาณ 28 บาท(มีสัดส่วนน้ำมัน 90 %) ถ้าเป็น E85 ก็น่าจะต่ำกว่านี้เยอะพอสมควร เพราะใช้น้ำมันแค่ 15% (ได้ยินมาว่า เอทานอล ราคา ไม่ถึง 20 บาท/ลิตร) คือถ้าราคา E85 ลงมา ประมาณ 20 บาทต้นๆ....ผมว่า รออีกนิดจะดีไหมครับ......... ตอนแรกก็กะจะไปติดแก๊ซ เหมือนกัน .....พอไปถามที่ร้าน เค้าก็เลยบอกว่า ถ้าใช้รถไม่มาก ให้รอไปก่อนเพื่อดูความชัดเจน ในเรื่องนโยบาย ของรัฐ จะดีกว่า วันก่อนนั่งแทกซี่ เลยคุยเรื่องลอยตัว LPG เค้าว่า ถ้าลอยตัวแล้วราคา พอๆกะ แก๊สโซฮอล91 เค้าก็ขอใช้ น้ำมันดีกว่า คงไม่ไปแปลงเป็น NGV หรอก เพราะค่าแปลงสูง เราก็เลยชะงักเลย......เพราะคิดว่า เราใช้รถไม่เยอะ และอีกอย่างคันที่ใช้(ประจำ คือเจ้า VIOS) ถ้าขับไม่ เร่งแรงๆเบรคแรงๆ (เป็นวัยรุ่นใจร้อน) ก็น่าจะวิ่งได้ 13-15 กิโล/ลิตร ถ้าเป็น ตจว ไม่ต้องพูดถึง ได้เกินจากนี้อีก...... สรุปแล้ว .....สำหรับผม ขอรอ E85 ครับ ;D หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ สิงหาคม 20, 2008, 06:10:43 PM ปล....
ถ้าเราทุกคนให้ความสนใจ ที่รัฐเคยรณรงค์เรื่องการประหยัดน้ำมันด้วยวิธีง่ายๆ ก็คงช่วยชาติลดภาระนำเข้าน้ำมันไปได้เยอะนะครับ ข้อความนี้คัดมาจาก http://www.car-2-buy.com/Article/editor/oilSave/index.php เทคนิคการประหยัดน้ำมัน เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่กำลังเข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในปัจจุบัน เรามีเทคนิคการใช้และดูแลรถอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันมาฝาก เพราะการใช้รถและดูแลรถอย่างถูกวิธี จะช่วยให้เราประหยัดน้ำมัน และค่าใช้จ่ายได้มาก ซึ่งเป็นเทคนิควิธีการง่าย ๆ ที่เราคนไทยทุกคนสามารถทำได้ทันทีในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยประหยัด ทั้งค่าใช้จ่ายของคุณ และค่าใช้จ่ายของชาติ 1.ยิ่งอ้วนยิ่งเปลือง รถไม่ใช่โกดังเก็บของ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเก็บไว้กับรถ เพราะน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น เพียง 10 กิโลกรัม จะทำให้เปลือง ค่าน้ำมันมากขึ้นกว่า 60 บาท ต่อเดือน 2.เร็วคุณภาพ เร็วอย่างมีคุณภาพ คือ ความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด หากขับรถทางไกล แล้วชอบซิ่งด้วยความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลองเปลี่ยนมาขับนิ่ม ๆ ที่ 90 ดู นอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกปรับแล้วยังช่วยประหยัด ได้ตั้ง 125 บาท ต่อเดือน 3.ติดเครื่อง เปลืองแน่ หากชอบเปิดแอร์ นอนเล่น หรือชอบติดเครื่องตอนจอดคอย เพียงครั้งละ 10 นาที เดือนละ 10 ครั้ง นอกจากจะเปลือกน้ำมัน 45 บาท ต่อเดือนแล้ว น้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมด ซึ่งอาจหลงเหลืออยู่ใน กระบอกสูบจะเป็นตัวการทำให้เครื่องยนต์สึกหรออีกด้วย 4.ออกเร่ง เบรกดัง พังเร็ว การออกรถกระโชกกระชาก เลี้ยวอย่างเร็ว เบรกอย่างแรง เป็นฉนวนของอุบัติเหตุได้ง่าย และเป็นวิธีทำลายรถ อย่างได้ผลชะงัด เพราะทั้งเครื่องยนต์ เครื่องส่งกำลัง ผ้าเบรก และยางรถ จะชำรุดสึกหรอได้เร็วขึ้นทันตาเห็นเลย นอกจากนี้หากติดนิสัยชอบเร่งเครื่องแรง ๆ ตอนออกรถสักวันละ 10 ครั้ง จะเสียน้ำมันเปล่า ๆ เดือนละ 60 บาทอีก ด้วย 5.ปิด แอร์ บ้างนะ รถที่ใช้ แอร์ จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ร้อยละ 10 ขึ้นไป ถ้าเลือกเปิดได้ เฉพาะเวลาที่จำเป็น เช่น เช้า ๆ เปิดกระจกรับอากาศยามเช้าก็ไม่เลว ลดการใช้แอร์ลงแค่ 10% ของการใช้แอร์ตามปกติ ก็ประหยัดเงินได้อีก 40 บาท ต่อเดือนสบาย ๆ 6.สูง-สูง ต่ำ-ต่ำ การใช้เกียร์ควรสัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (ก็เขาสร้างของเขามาอย่างนั้น) ความเร็วสูงยังฝืนลากเกยร์ต่ำ (เกียร์ 1,2) ความเร็วยังต่ำรีบไปใช้เกียร์สูง (เกียร์ 3,4,5) กำลังเครื่องก็ตก เครื่องก็รีบพังก่อนเวลาอันควร และจะสิ้นเปลือง กว่าปกติอีก 85 บาทต่อเดือน 7.รักคลัตซ์อย่าเลี้ยงคลัตซ์ อย่าแช่คลัตซ์โดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองคลัตซ์ และน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เบรก หรือเบรกมือช่วยแทนดีกว่า เวลาหยุดควรเหยียบคลัต์ การเร่งเครื่องแรง ขณะออกรถโดยยังไม่ปล่อยคลัตซ์ไม่สุด หรือเข้าเกียร์แล้วยังวางเท้าบนแป้นเหยียบคลัตซ์ก็เป็นการ หาเรื่องอุปกรณ์ในระบบคลัตซ์สึกหรอ และเปลืองน้ำมันเปล่า ๆ ด้วย 8.ไม่ติด ไม่คอย เข้าซอยลัด วางแผนในการขับรถล่วงหน้า เลือกเส้นทางลัดเพื่อประหยัดเวลา และอารมณ์ที่เสียเปล่า จากรถติด หรือหลงทาง ท่านอาจจะประหยัด ได้มากกว่าเดือนละ 420 บาท 9.ไม่ เบิ้ล เอาเท่าไร ถ้าไม่อยากให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว ก็อย่าเร่งเครื่อง หรือ เบิ้ล น้ำมันโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ขณะจอดอยู่เฉย ๆ เปลี่ยนเกียร์ หรือก่อนดับเครื่องยนต์ จะช่วยให้ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันอย่างสูญเปล่าอีก 20 บาท ต่อเดือน 10.มองล่วงหน้า รักษาเบรก เตรียมตัวล่วงหน้าเมื่อจะถึงสี่แยก สัญญาณไฟ หรือป้ายสัญญาณ ช่วยให้ไม่ต้องเบรกอย่างพร่ำเพรื่อ และรุนแรง หรือเสี่ยงการเปลี่ยนช่องทางวิ่งบ่อย ๆ ซึ่งอาจทำใต้องเร่งเครื่องอย่างเร็ว และหยุดอย่างกระทันหัน จะเป็นการประหยัดน้ำมัน และรักษาผ้าเบรก จานเบรกไว้ใช้กันตอปาน ๆ 11.ยางอ่อน การสูบลมยางให้เหมาะสมนอกจากจะประหยัด น้ำมันแล้ว ยังทำให้อายุยางยืนยาวขึ้นด้วย ลมยางที่อ่อนไปเพียง 4 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว ในช่วง 10 วัน ที่ละเลยจะทำให้เปลืองน้ำมัน เพิ่มขึ้นถึง 125 บาท 12.คาร์บูเรเตอร์สกปรก ไม่มีใครชอบความสกปรก แม้แต่รถ หากใช้รถโดยที่คาร์บูเรเตอร์สกปรกเพียง 10 วัน จะเสียเงินค่าน้ำมันส่วนเกินอีก 210 บาท ไปฟรี ๆ 13.หัวเทียนบอด หากหัวเทียนบอด หรือเสื่อมคุณภาพ รถยนต์จะวิ่งได้ระยะทางน้อยลง 0.85 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร ใน 10 วัน คิดเป็นน้ำมันสูญเสียประมาณ 125 บาท 14.ไส้กรองอากาศอุดตัน ดูแลความสะอาดไส้กรองอากาศบ่อย ๆ และหากมีสิ่งอุดตันมาก ก็สมควรเปลี่ยนใหม่ ได้แล้วอย่าเหนียว ทั้งนี้เพราะไส้กรองอากาศ ที่อุดตันใน 1 เดือน จะทำให้รถสิ้นเปลือง น้ำมันประมาณ 210 บาท 15.เบรกเสื่อม ระบบเบรกก็ควรได้รับการตรวจสอบดูแลด้วยเหมือนกัน หากผ้าเบรกเสียดสีจานล้ออยู่เสมอ ( เบรกติด หรือเบรกตาย หรือตั้งระยะไม่ถูกต้อง) จะเป็นผลให้ต้องใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ประมาณ 85 บาท ต่อเดือน 16.น้ำมันเครื่องหมดอายุ น้ำมันเครื่อง เป็นเรื่องสำคัญของการบำรุงรักษารถ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง น้ำมันเครื่องตามกำหนด และเลือใช้น้ำมันเครื่อง และเกรดให้ถูกต้องกับสภาพเครื่องยนต์ จะลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น ทำให้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้นด้วย 17.แก็สโซฮอล์ แก็สโซฮอล์ พลังงานแอการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน พึ่งพาตัวเองทางเศรษฐกิจ : สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตร ทดแทนการนำเข้าสาร MTBE ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น พึ่งพาตนเองด้านพลังงาน: เป็นพลังงานทดแทนบางส่วน จากเดิมที่ต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศเพื่อนำเข้าน้ำมัน เชื้อเพลิงทั้งหมด พึ่งพาตนเองทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม : ลดการเกิด มลภาวะจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยให้คนไทย เผชิญกับมลภาวะน้อยลง มีสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ สิงหาคม 20, 2008, 06:19:21 PM ถ้าเทียบ ระหว่าง LPG NGV Gasohol
ผมอยากให้ใช้ Gasohol เป็นอันดับแรกครับ.....เพราะเราผลิตได้เอง (ปัจจุบัน เอทานอล ล้นตลาด) และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่มีปัญหาจากราคาพืชผลการเกษตร ขายไม่ได้ราคา) อันดับสอง คือ NGV เพราะเรามีแหล่งขุดเจาะในประเทศ (แต่ดูแล้วไม่ค่อยช่วยเกษตรกรเท่าไร) อันดับสาม คือ LPG เพราะ เราผลิตเองได้น้อยมาก(จากการกลั่นน้ำมัน) และต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ทำให้เราต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศ อีกทั้งไม่ได้เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทยเลย หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ สิงหาคม 20, 2008, 06:24:34 PM วิธีประหยัดน้ำมันครับ....จาก http://learners.in.th/blog/sinderella/103808
1. ตรวจตราลมยางเป็นประจำ เพราะยางที่อ่อนเกินไปนั้น ทำให้ สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่ายางที่มีปริมาณลมยางตามที่มาตรฐาน กำหนด 2. สับเปลี่ยนยาง ตรวจตั้งศูนย์ล้อตามกำหนด จะช่วยประหยัด น้ำมันเพิ่มขึ้นอีกมาก 3. ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถนานๆ แค่จอดรถติดเครื่อง ทิ้งไว้ 10 นาที ก็เสียน้ำมันฟรีๆ 200 ซีซี 4. ไม่ควรติดเครื่องทิ้งไว้เมื่อจอดรถ ให้ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่ ขึ้นของ ลงของ หรือคอยคน เพราะการติดเครื่องทิ้งไว้ เปลืองน้ำมัน และสร้างมลพิษอีกด้วย 5. ไม่ออกรถกระชากดังเอี๊ยด การออกรถกระชาก 10 ครั้ง สูญเสีย น้ำมันไปเปล่าๆ ถึง 100 ซีซี น้ำมันจำนวนนี้รถสามารถวิ่งได้ไกล 700 เมตร 6. ไม่เร่งเครื่องยนต์ตอนเกียร์ว่างอย่างที่เราเรียกกันติดปากว่า เบิ้ลเครื่องยนต์ การกระทำดังกล่าว 10 ครั้ง สูญเสียน้ำมันถึง 50 ซีซี ปริมาณน้ำมันขนาดนี้รถวิ่งไปได้ตั้ง 350 เมตร 7. ตรวจตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์ สม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดระบบไฟจุดระเบิด เปลี่ยนหัว คอนเดนเซอร์ ตั้งไฟแก่อ่อนให้พอดี จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10% 8. ไม่ต้องอุ่นเครื่อง หากออกรถและขับช้าๆ สัก 1-2 กม. แรก เครื่องยนต์จะอุ่นเอง ไม่ต้องเปลืองน้ำมันไปกับการอุ่นเครื่อง 9. ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด เพราะเครื่องยนต์จะทำงาน ตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หากบรรทุกหนักมาก จะทำให้เปลืองน้ำมัน และสึกหรอสูง 10. ใช้ระบบการใช้รถร่วมกัน หรือคาร์พูล (Car pool) ไปไหน มาไหน ที่หมายเดียวกัน ทางผ่านหรือใกล้เคียงกัน ควรใช้รถคัน เดียวกัน 11. เดินทางเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพื่อประหยัดน้ำมัน บางครั้ง เรื่องบางเรื่องอาจจะติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็ได้ ประหยัดน้ำมัน ประหยัดเวลา 12. ไปซื้อของหรือไปธุระใกล้บ้านหรือใกล้ๆ ที่ทำงาน อาจจะเดิน หรือใช้จักรยานบ้าง ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ทุกครั้ง เป็นการ ออกกำลังกายและประหยัดน้ำมันด้วย 13. ก่อนไปพบใคร ควรโทรศัพท์ไปถามก่อนว่าเขาอยู่หรือไม่ จะได้ ไม่เสียเที่ยว ไม่เสียเวลา ไม่เสียน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์ 14. สอบถามเส้นทางที่จะไปให้แน่ชัด หรือศึกษาแผนที่ให้ดี จะได้ไม่หลง ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองน้ำมันในการวนหา 15. ควรใช้โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ อินเตอร์เน็ท หรือใช้ บริการส่งเอกสาร แทนการเดินทางด้วยตัวเอง เพื่อประหยัดน้ำมัน 16. ไม่ควรเดินทางโดยไม่ได้วางแผนการเดินทาง ควรกำหนด เส้นทาง และช่วงเวลาการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน 17. หมั่นศึกษาเส้นทางลัดเข้าไว้ ช่วยให้ไม่ต้องเดินทางยาวนาน ไม่ต้องเผชิญปัญหาจราจร ช่วยประหยัดทั้งเวลาและประหยัดน้ำมัน 18. ควรบับรถด้วยความเร็วคงที่ เลือกขับที่ความเร็ว 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 2,000-2,500 รอบเครื่องยนต์ ความเร็วระดับ นี้ ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า 19. ไม่ควรขับรถลากเกียร์ เพราการลากเกียร์ต่ำนานๆ จะทำให้ เครื่องยนต์หมุนรอบสูงกินน้ำมันมาก และเครื่องยนต์ร้อนจัด สึกหรอง่าย 20. ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เช่น การทำให้เกิดการต้านลมขณะวิ่ง หรือทำให้เครื่องยนต์ ไม่ สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี 21. ไม่ควรใช้น้ำมันเบนซินที่ออกเทนสูงเกินความจำเป็นของ เครื่องยนต์ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ 22. หมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อประหยัดน้ำมัน 23. สำหรับเครื่องยนต์แบบเบนซิน ควรเลือกเติมน้ำมันเบนซิน ให้ถูกชนิด ถูกประเภท โดยเลือกตามค่าออกเทนที่เหมาะสมกับ รถแต่ละยี่ห้อ (สังเกตจากฝาปิดถังน้ำมันด้านใน หรือรับคู่มือที่ปั้ม น้ำมันใกล้บ้าน 24. ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ยามเช้าๆ เปิดกระจกรับความเย็นจากลมธรรมชาติบ้างก็สดชื่นดี ประหยัด น้ำมันได้ด้วย 25. ไม่ควรเร่งเครื่องปรับอากาศในรถอย่างเต็มที่จนเกินความจำเป็น ไม่เปิดแอร์แรงๆ จนรู้สึกหนาวเกินไป เพราะสิ้นเปลืองพลังงาน :) หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Sri_Nuan.Ray ที่ สิงหาคม 21, 2008, 12:38:40 AM ขอบคุณจ๊ะ :-* :-* สาระทั้งนั้น เลย ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเอาไปใช้หรือเปล่านะเนี่ย
ใครใช้ใครได้เนอะ........มาถึงวันนี้ เราต้องสัวงวรให้มากๆๆ เพราะ โลกของเราร้อนขึ้น การช่วยกันประหยักทรัพยากรโลกเป็นสิ่งจำเป็น... :-* หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: a-bad ที่ สิงหาคม 21, 2008, 04:30:22 AM ดีจังครับ กำลังหาข้อมูลทำรายงาน เรื่องความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของพลังงานทดแทนในรถยนต์อยู่พอดี
ขออนุญาติเก็บข้อมูลและที่มาของข้อมูลเป็นบรรณานุกรมนะครับ ช่วงนี้ข่าวถังก๊าซระเบิดถี่จัง ทั้ง NGV และ LPG เนอะ :'( หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ สิงหาคม 21, 2008, 07:16:38 AM แต่ละประเทศในโลกนี้ มุ่งเน้น การหาพลังงานทดแทนไม่เหมือนกัน
ก็เพราะมีความเหมาะสมในเชื้อเพลิงแต่ละชนิดแตกต่างกัน ญี่ปุ่น มุ่งเน้นรถยนต์ ไฮบริดจ์ แต่ต้นทุนสูงมาก (เท่าที่ทราบคือ ราคาแพงเป็น 2 เท่าของรถปกติ) ยุโรป มุ่งเน้นการผลิตเครื่องยนต์ Commonrail สำหรับดีเซล(ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด) ซึ่งก็พัฒนามาไกลมากแล้ว บราซิล มุ่งเน้นใช้รถยนต์ E100 E85 (คงเพราะมีทรัพยากร ที่จะมาใช้ ผลิต เอทานอลมาก ไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ) ส่วนไทยจะใช้อะไร ผมขอให้ลดการนำเข้า พึ่งพาตัวเองได้ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นระบบที่ยั่งยืน ก็น่าจะดีนะครับ หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: yostsy ที่ สิงหาคม 28, 2008, 09:16:01 AM ผมว่าคุ้มนะ ไม่ว่าคุณจะใช้รถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน หรือ เครื่องยนต์ดีเซล ในปัจจุบันมีอุปกรณ์แก็สที่ติดตั่งกับเครื่องยนต์ดีเซลแล้วซึ่งผมติดมาแล้ว ผมใช้รถกระบะในการเชิงพาณิชย์ ซึ่งผมสามารถประหยัดได้ กมละ1บาท(น้ำมันดีเซล34 บาท)และใช้ก๊าซ แอลพีจีร่วมดีเซล ใช้แก็สตก กมละ 20สตางค์(แก็ส 12.59 บาท/ลิตร) ผมยกตัวอย่างให้ดูนะครับ โตโยต้า วีโก้ เครื่อง2500 ซีซี อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย 12 กม/ลิตร(ความเร็ว 100-110 กม/ขม) เฉลี่ยแล้วตก กมละ 2.83 บาท/กม
พอผมติดตั้งอุปกรณ์แก็สร่วมดีเซลไปแล้ว ผมวิ่งได้ระยะทางเพิ่ม 18 กม/ลิตร เฉลี่ยแล้วตก กมละ 1.89 บาท/ลิตร ใช้แก็สไปกมละ 20 สตางค์ รวมเป็น 2.09 บาท/กม ประหยัดไปเกือบกมละ 1บาท แล้วผมจะไปเปลี่ยนเครื่องเป็นเบนซินทำไมครับ ถ้าสนใจลองเข้าไปดูสิคับ xxxxxxxx หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ สิงหาคม 28, 2008, 09:21:34 AM หุๆ....ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ แต่ขออภัยที่นี่ปลอดโฆษณาค่ะ จึงต้องขอลบ Website โฆษณาออกนะคะ.... ;) หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Dennn ที่ สิงหาคม 28, 2008, 10:36:51 AM อยากใช้จักรยานจัง แต่ที่นี่ไม่มีช่องทางสำหรับจักรยาน แถมมอไซด์ก็เยอะอีก คิดถึงตอนเคยใช้แต่จักรยานอยู่เป็นปี น้ำหนักลดไปไม่เหลือไขมันเลย ประหยัดเงินด้วย
หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ สิงหาคม 28, 2008, 10:52:56 AM นั่นสิคะ....อยากใช้จักรยานไปไหนมาไหนจัง...... ;D ได้ยินข่าวรถใช้แก๊สระเบิดแทบทุกวันแล้ว เสียวไส้จังค่ะ ถึงรถเราเองจะไม่ได้ติด แต่พอไปอยู่ข้างๆรถที่ติดแก๊สก็ยังรู้สึกหวาดๆชอบกล เคยเห็นปั๊มที่ให้เติมทั้งน้ำมันและแก๊สแล้วมีร้านกาแฟให้นั่งพักดื่มกาแฟและสูบบุหรี่ด้วย แล้วก็มีคนไปนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจไม่ไกลจากหัวจ่ายก๊าซและน้ำมันนัก นึกภาพว่าหากแก๊สรั่วออกมาจากหัวจ่ายหรือจากถังในรถที่มาเติมแก๊ส.....อูววววว......เผ่นไกลๆดีกว่า..... 8) หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Mr.can ที่ สิงหาคม 29, 2008, 04:25:41 AM คุ้มครับ
เพราะ แถม ฌาปณกิจศพ หลังการประสบอุบัติเหตุ ใครที่ขับรถแล้วรถติดแก๊สวิ่งตามหลังก็ระวังตู...เอาเองเด้อ 8) 8) หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ สิงหาคม 29, 2008, 05:54:19 AM :-X :-X :-X หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Dragon ที่ สิงหาคม 29, 2008, 02:05:56 PM สวัสดีครับ .. พอดีผมพอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องติดตั้งแก๊สอยู่บ้างเลยอยากแจมครับ
*** กับข้อความของคุณPursuit of Happiness *** > ต้องอย่าลืมด้วยนะครับ ว่าเครื่องcommon rail Diesel ที่ถอดออกมาก็ขายได้ ราวสี่หมื่นปลาย ถึงห้าหมื่น ต้องเอามาคำนวณด้วยครับ > เครื่องเบนซินเก่า ส่วนใหญ่นิยม block JZ ของ Toyota ซึ่งก็มีทั้ง 1JZ, 2JZ ที่นิยมเนื่องจากมีเครื่องเก่ามามากเพราะใช้ในรถหลายรุ่น+มีอะไหล่แพร่หลาย+ทน+กำลังดี+กิน เชื้อเพลิงไม่มากจนเกินไป ถ้าบรรทุกไม่มากนัก 1JZ ก็พอเอาอยู่ครับ ราคาน่าจะไล่ไปที่สามหมื่นต้นๆ ขึ้นไป ถ้าบรรทุกหนักมากเป็นประจำจึงค่อยพิจารณา 2JZ ซึ่งมีทั้งรุ่นมีและไม่มี Turbo charge > ค่าวางเครื่อง 10,000 บาทไม่แพงหรอกครับ เพราะเครื่องยนต์ยุคปัจจุบันมี electronics มาก มีsensor หลายตัว เรื่องการwiring สายไฟที่ดีจึงจำเป็น ผมว่าร้านดีๆ จะวางแพงกว่านั้นอีกหน่อย ด้วยนะครับ > เครื่อง JZ เป็น 6 สูบซึ่งราคาติดตั้งก๊าซระบบหัวฉีด LPG ในปัจจุบัน น่าจะอยู่ที่ 45,000-47,000 ในขณะที่ CNG อยู่ที่ห้าหมื่นแก่ ถึงหกหมื่นกว่าบาทขึ้นไป > อัตราการบริโภคจะเทียบว่าเป็น 13.1 กม/ลิตรสำหรับDiesel และ 8.5 กม/ลิตร สำหรับ CNG ไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าเครื่องคนละเครื่องกันเลย > LPG หรือ CNG ก็ระเบิดและติดไฟได้เหมือนกันครับ และCNG ระเบิดทุกครั้งมีคนแก้วหูแตก ไปหลายคน และเสี่ยงกับชิ้นส่วนที่ปลิวว่อนด้วยความเร็วสูงเนื่องจากความดันในระบบสูงถึง 200bar เพียงแต่ในแง่การติดไฟ CNG ปลอดภัยกว่านิดหน่อย คือถ้ารั่วนอกรถ(คือในที่เปิด)ก๊าซจะลอยขึ้น ฟ้าทำให้โอกาสติดไฟได้ยากกว่าเท่านั้นเอง > ถ้ารัฐบาลลอยตัวราคาแก๊สจริง ...สมมุติว่าไม่สนใจว่าแก๊สที่ใช้ตามบ้านราคาสูงแล้วจะมี ประชาชนบ่นจนเสียคะแนนประชานิยม ควรจะอยู่แค่ลิตรละ 17-18 บาทเท่านั้นครับ (ปัจจุบัน 11.5 บาท) > แก๊ส 1 ถังก็เช่นเดียวกันครับ วิ่งได้กี่กิโล ขึ้นอยู่รถ กับเครื่อง วิธีการขับ โหลดบรรทุก ฯลฯ บอก เป๊ะๆ ไม่ได้ แต่ CNG วิ่งได้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ 100 กิโลกว่าๆ จริงครับ โดยประมาณในขณะที่ LPG วิ่งได้ยาว สามสี่ร้อยกิโล > เครื่องยนต์ดีเซล ติดแก๊สได้นะครับ แต่มี 2 ทางเลือก 1. ใช้เชื้อเพลิงร่วมเหมือนรถเบนซินนี่ล่ะ (ที่เราเรียกกันว่า bi-fuel) แต่ใช้แก๊สผสมไปในอัตราได้ไม่เกิน 35% (ถ้าระบบที่ไม่มี ECU ดีๆ มาแปรผันการจ่าย อาจได้แค่ 20-25% เท่านั้น) (และควรเป็น CNG จะดีกว่า) ค่าติดตั้งประมาณ 20,000กว่า ถึง 40,000 กว่าบาท แล้วแต่ว่าจะเอาแบบแปรผันการจ่ายน้ำมันหรือไม่ 2. ดัดแปลงเครื่องดีเซลนั้นให้มีหัวเทียน แล้วใช้แก๊สอย่างเดียว อย่างนี้เรียกว่าว่าแบบ dedicated ครับ นิยมในพวกรถใหญ่ แต่หาคนทำได้ดีในเมืองไทย ได้ยิ่งกว่าหาฉลามวาฬเจอพร้อมกัน 4 ตัวในทะเลไทย *** ของพี่สายชล *** > รถเก่าถ้าสุขภาพเครื่องยนต์ยังดี อย่างน้อยติดระบบ fix mixer ของ LPG ราคาไม่เกิน 20,00 บาท ก็น่าจะมีความสุขได้ครับ > รถในโลกยังมีพลังงานอีกหลายรูปแบบที่กำลังจะมาครับ บางรายใช้ลมอัดกระป๋องเหมือนถังอากาศของเรา แล้วเอาไปปั่นล้อรถ วิ่งได้วันละ 100 กม กลับบ้านก็เอา ปั๊มลมเสียบ เหมือนอัดถังอากาศของSCUBA นั่นแหละครับ บ้างก็ใช้ Fuel Cell บ้างก็ใช้Hydrogen โดยตรง Hybrid เองก็มีหลายรูปแบบ แต่ถ้าซื้อรถใหม่ช่วงแรกๆ ยังไม่คุ้มเพราะราคารถแพง และค่าbattery ไฟฟ้าที่จะต้องเปลี่ยน สองสามแสนบาท ในขณะที่มีอายุแถวๆ แสนกิโลเท่านั้นเอง ยังต้องรอการพัฒนา technology ของ battery ต่อไปครับ *** ของคุณ Sky *** >คุ้มหรือไม่คำนวณง่ายๆ ครับ ถ้าวิ่งวันละน้อยกว่า 100 กม LPG น่าสน ถ้าวันละมากกว่า 100 กม CNG จึงจะเริ่มน่าสนใจ > อัตราสิ้นเปลือง ถ้ารถเราปกติวิ่งเบนซิน 10 กม/ลิตร ก๊าซจะเหลือแค่ 8 กมครับ (80%) กินกว่าแน่เพราะความหนาแน่นไม่เท่ากับเบนซิน (ทำให้ Air-to-Fuel ratio ไม่เหมือนกัน) แต่ ราคาแก๊สถูกกว่าพอสมควร จึงทำให้โดยรวมแล้วประหยัดเงินกว่าครับ จากสองข้อข้างบนนี้ ลองคำนวณดูได้ครับ ว่าเราประหยัดไปวันละกี่บาท และคุ้มทุนค่าติดตั้ง เมื่อวิ่ง ไปกี่วัน > ถ้าตอนนี้ติดตั้ง LPG แล้วในอนาคตจะเปลี่ยนเป็น CNG สิ่งที่จะต้องเปลี่ยนมีมากกว่า หม้อต้ม กับถังนะครับ เพราะตลอดเส้นทางจะต้องรับแรงดันมากกว่ากันหลายเท่านัก (จากไม่เกิน 6 bar ไป เป็น 200 bar) ท่อทางทั้งหลาย ตัวกรอง ฯล จะต้องเปลี่ยนทั้งหมดครับ *** ของคุณ Sunshine *** > ต้องถามว่า รถกระบะวิ่งน้ำมันได้กี่กิโล/ลิตรครับ ? > ส่วนเรื่องปรับให้บางและหวังประหยัด .... ระวัง! เพราะจะส่งผลให้เครื่องร้อน แรงตก และในเครื่องยนต์ที่มี Turbo อาจถึงกับเครื่องพังได้ครับ อย่าไปหวังจูนให้ประหยัดเอาเป็นเอาตาย เน้นการจูนให้สมบูรณ์(optimized)ดีกว่าครับ *** ของคุณ Denn *** ไม่ว่า CNG หรือ LPG ถ้าจูนถูกต้อง จะต้องวิ่งเหมือนน้ำมัน และแรงม้าแรงบิดไม่ตกเกิน (2-3%) เรียกว่าไม่รู้สึกล่ะครับ ถ้ารู้สึกได้ว่าแรงตกละก็แสดงว่าtuning ไม่ดีครับ *** ของคุณ Vita *** > อยากฝากทุกท่านว่าการเลือกใช้พลังงานทางเลือกอย่าเลือกเพราะ "ราคา" อย่างเดียวครับ ควรเลือกเพราะสาเหตุอื่นด้วย อย่างเช่นมลพิษน้อยกว่า หรือควรเลือกใช้พวก gasohol เพราะจะสร้างวงจรการผลิตพลังงานทดแทนจากการเกษตรด้วยครับ แถมมลพิษก็น้อยกว่า > tip ข้อ 9 นั้นผมขอเสริมว่ารถในยุคปัจจุบันไม่ควร "เบิ้ล" เครื่องแล้วครับ หลายสิบปีที่แล้วอาจจำเป็นสำหรับรถคาบิวเรเตอร์ ... อยากฝากไว้อย่างนี้ครับ ขึ้นชื่อว่า "เชื้อเพลิง" อะไรก็อันตราย น้ำมันไวไฟเหมือนกัน ติดไฟได้เหมือนกัน แถมอยู่ใน container ซึ่งปิดไม่สนิท (ถ้ารถคว่ำน้ำมันรถเราจะไหลออกทางท่อหายใจของถังได้) แถมไม่มีsafety valve เหมือนถังแก๊ส ...ทุกชนิดมีจุดดีจุดด้อยทั้งหมด ... ควรใช้ด้วยความไม่ประมาท การติดแก๊สในรถยนต์ เราเสี่ยงเพราะว่าเรากำลังเจอกับอู่ข้างถนน ซึ่งเหมือนกับร้านก๋วยเตี๋ยว คือมีเยอะแยะทุกหัวระแหง แต่จะอร่อยหรือเปล่า สกปรกหรือเปล่า เราต้องดูต้องเสี่ยงกันเอาเอง จึงควรเลือกร้านให้ดี รถติดแก๊สจะวิ่งดีหรือไม่อยู่ที่"ความรู้จริงเรื่องเครื่องยนต์/เรื่องการ tuning" แต่จะปลอดภัยหรือไม่อยู่ที่ "การติดตั้งครับ" ยิ่งละเอียดรอบคอบยิ่งปลอดภัย หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ สิงหาคม 29, 2008, 02:29:12 PM ขอบคุณคุณ Dragon มากครับ....
ที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็น และทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ สิงหาคม 29, 2008, 02:49:43 PM อ่านที่คุณ Dragon ตอบข้อข้องใจและแสดงความคิดเห็นแล้ว.....รู้เลยค่ะว่าคุณรู้จริง......(http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_52.gif) ขอขอบคุณและขอคาราวะค่ะ.....(http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_53.gif) หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Dragon ที่ สิงหาคม 29, 2008, 05:37:40 PM แค่มาแชร์ความเห็นน่ะครับ ..แฮ่ม
...อย่าถึงกับคารวะเลยครับพี่ พี่เป็นผู้ใหญ่กว่าตั้งเยอะ ;D หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ สิงหาคม 29, 2008, 05:55:49 PM หุๆ....(http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_140.gif) คนจะแก่...แก่ความรู้....ใช่อยู่นาน......เด๊อค่ะ.....(http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_149.gif) หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ สิงหาคม 30, 2008, 02:22:18 PM *** ของคุณ Sky *** > ถ้าตอนนี้ติดตั้ง LPG แล้วในอนาคตจะเปลี่ยนเป็น CNG สิ่งที่จะต้องเปลี่ยนมีมากกว่า หม้อต้ม กับถังนะครับ เพราะตลอดเส้นทางจะต้องรับแรงดันมากกว่ากันหลายเท่านัก (จากไม่เกิน 6 bar ไป เป็น 200 bar) ท่อทางทั้งหลาย ตัวกรอง ฯล จะต้องเปลี่ยนทั้งหมดครับ Sky หมายถึง ชุดอุปกรณ์ของ LPG ในปัจจุบัน ชุดหัวฉีดและกล่องต่างๆ ก็รองรับระบบ NGV เพียงแต่เปลี่ยนหม้อต้มกับถังค่ะ คือ ถ้าเรารู้อยู่แล้ว ว่าอนาคตเราจะมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนไปใช้ NGV ก็ใช้อุปกรณ์ชุดที่รองรับระบบ NGV ค่ะ ;D ขอบคุณมากนะคะ คุณ Dragon ที่ช่วยให้ความรู้เพิ่มเติมค่ะ หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ กันยายน 03, 2008, 05:17:45 AM ไปหามาให้อ่านค่ะ...
ไทยรัฐ. หมายเหตุประเทศไทย ทุกข์ของคนใช้ NGV [3 ก.ย. 51 - 16:35] สัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนเรื่อง ห้ามรถติดก๊าซแอลพีจีจอดในตึก โดยชี้ให้เห็นถึงอันตรายการใช้ก๊าซแอลพีจีในรถยนต์ และเรียกร้องให้ใช้ก๊าซ NGV แทน ก็มีท่านผู้อ่านเขียนจดหมายมาให้ข้อมูลผมทันที เป็นเรื่องที่ ปตท. และ กระทรวงพลังงาน ต้องอ่านครับ กระผมในฐานะประชาชนระดับกลางสูง มีทาวน์เฮาส์อยู่ชานเมือง ต้องขับรถไปทำงานในตัวเมืองทุกวัน แต่สู้ค่าน้ำมันไม่ไหว จึงตัดสินใจเอาเงินออมไว้สำหรับค่าเทอมลูกๆ (2 คน) ติดตั้งก๊าซ NGV ซึ่งเชื่อว่าคุ้มค่าและปลอดภัยสำหรับครอบครัว เป็นเงิน 52,000 บาท เมื่อปลายปี 2550 โดยเชื่อว่าเบรกอีเวนท์พอยท์อยู่ที่ประมาณ 8 เดือน ก็จะได้ค่าติดตั้งคืน เชื่อไหมครับ ยิ่งใช้เอ็นจีวีเงินเหลือเยอะขึ้น ประหยัดไป 1 ใน 3 จากค่าน้ำมัน 10,000 บาทเหลือ 3,000 บาทต่อเดือน แต่...คุณภาพชีวิตแย่ลง ต้องเสียเวลาหาปั๊มเอ็นจีวี พอเจอปัมก็คิวยาวมากๆ เฉลี่ยต้องใช่เวลาในการเติมอย่างน้อย 1 ชั่วโมง บวกลบ บางทีรอคิวเป็นชั่วโมง พอถึงคิวตัวเองปรากฏว่าก๊าซหมด ทำงานมาเหนื่อยๆ ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่โหดร้ายในการเติมเอ็นจีวี สุขภาพจิตเสีย เสียเวลาในการทำมาหากิน คุณภาพชีวิตครอบครัวแย่ลง เพราะลูกๆแทบไม่มีเวลาเจอหน้าพ่อ เอ็นจีวีเอาเวลาของพ่อหลังเลิกงานไป รัฐบาลและนักวิชาการป่าวร้องบอกให้ใช้เอ็นจีวี แต่ช่วยหาสถานบริการเอ็นจีวีให้หน่อยได้ไหมครับ สถานการณ์ความเป็นจริงทุกวันนี้ มันเหมือนโดนหลอกให้ติดตั้งเอ็นจีวี ไม่ติดเลยยังรู้สึกดีกว่า แต่ติดแล้วต้องหาทางเติมเอ็นจีวีให้ได้ เพราะติดตั้งมาแพง รอให้พร้อมก่อนดีไหม ทั้ง ปตท. รัฐบาล นักวิชาการ ค่อยมาบอกให้ประชาชนติดตั้งใช้เอ็นจีวี ทุกวันนี้มีปั๊มเอ็นจีวีที่ไหน รถติดที่นั่น เพราะคิวมันยาวมาถึงถนนใหญ่ และผมก็รู้สึกไม่ดีที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านที่ไม่ใช้เอ็นจีวีเดือดร้อน กระผมติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและคนอื่นๆ ได้รู้สึกถึงความเหนื่อยหน่ายของพลังงานทางเลือกเอ็นจีวี จึงได้นำรถอีกคันหนึ่งที่เอาไว้รับส่งลูกไปโรงเรียนไปทำการติดตั้งก๊าซ LPG ระบบหัวฉีด ซึ่งจากการศึกษาของผมเอง ระบบนี้เป็นระบบที่ดี ปลอดภัย แต่ค่อนข้างแพงประมาณ 40,000 บาท ที่แพงเพราะเป็น 2 ระบบ เลือกใช้น้ำมันก็ได้หรือก๊าซก็ได้ ที่ปลอดภัยเพราะควบคุมการจ่ายก๊าซด้วยคอมพิวเตอร์ ถังบรรจุก๊าซมีมาตรฐาน มอก. ในการเติมก๊าซแอลพีจี เต็มถังใช้เวลาเหมือนเติมน้ำมันทุกประการ และประสิทธิภาพก็เหมือนขับด้วยน้ำมันเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ประหยัดได้เกือบ 1 ใน 3 ไม่รู้สึกเหนื่อยหน่ายในการเติม ได้มีเวลาเล่นกับลูกในตอนเย็นหลังเลิกงาน ผมใช้รถแอลพีจีคันนี้ได้เกือบสองเดือนแล้วครับ คุณภาพชีวิตผมดีขึ้นมากเลย ทุกคนรวมทั้งตัวผมผู้ใช้แอลพีจี ต่างก็ตระหนักดีว่าเอ็นจีวีดีกว่า และพร้อมที่จะใช้ทุกเมื่อตราบที่ ปตท.พร้อมจะบริการ ถ้ายังไม่พร้อมอย่าประกาศเชิญชวนให้เขามาใช้ ทุกวันนี้ผมให้แฟนใช้เอ็นจีวีไว้รับส่งลูก เพราะปลอดภัย แต่ เวลาของภรรยาผมหายไปวันละ 1 ชั่วโมงอย่างน้อยเพื่อรอคิวเติมเอ็นจีวี ไม่เป็นไรเพราะแฟนผมเวลาเยอะหลังส่งลูกไปโรงเรียน ผมรู้จักข้อดีข้อเสียของแอลพีจีและเอ็นจีวี เมื่อมีคนถามผมควรติดอะไรดี คำตอบของผมคือ ถ้ามองถึงอนาคตข้างหน้าอันไกลนิดหน่อยติดเอ็นจีวี ถ้านาทีนี้ติดแอลพีจีซะเถอะจะได้ไม่ต้องทรมาน อ่านความทุกข์ของผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีแล้ว เห็นใจจริงๆครับ ในฐานะที่ผมเขียนสนับสนุนเอ็นจีวี ก็ขอส่งต่อไปยัง ปตท. และ กระทรวงพลังงาน ให้เร่งขยายปั๊มเอ็นจีวีเร็วที่สุด ในมาเลเซียเขามีทั้ง ปั๊มขนาดเล็ก และ ปั๊มเคลื่อนที่ เพื่อบริการให้เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเป็นปั๊มขนาดใหญ่เสมอไปครับ. ลม เปลี่ยนทิศ หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ กันยายน 03, 2008, 12:37:55 PM ประสบการณ์โดยตรงเลย
ขอบคุณพี่สายชลมากค่า ;D หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ กันยายน 03, 2008, 01:52:40 PM อยากใช้จักรยานจัง แต่ที่นี่ไม่มีช่องทางสำหรับจักรยาน แถมมอไซด์ก็เยอะอีก คิดถึงตอนเคยใช้แต่จักรยานอยู่เป็นปี น้ำหนักลดไปไม่เหลือไขมันเลย ประหยัดเงินด้วย นึกอยู่ว่าจะไปซื้อเลยเนี่ยย.........มีใครมีความรู้แนะนำ รุ่นไหนน่าใช้ไหมครับวันก่อนดูข่าว มีฝรั่งที่อเมริกา ถีบจักรยานไปทำงาน ที่ทำงานไกล 60 กว่ากิโลเมตรนะครับ ถ้าจำไม่ผิด เค้าบอกว่าประหยัดค่าน้ำมันเดือนหนึ่งๆ หลายกะตังค์ ช่วยลดโลกร้อน ได้ออกกำลังกาย.............ปลื้มเลยเรา หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Sri_Nuan.Ray ที่ กันยายน 03, 2008, 02:27:50 PM อยู่เขาหลักก็ใช้ เจ้าน้องทับทิม (เสือหมอบคันกระจิ๋วหลิว) ที่หอบหิ้ว มาจาก กทม. เวลาช่วงเย็น เป็นการออกกำลังกายอ่ะจ๊ะ
แต่ว่า เวลาเดินทาง ก็ยังคงใช้ เจ้าสีนวลเรย์ สีนิลเหมือนเดิม เพราะ ไกลจัง แต่ว่าใช้ความเร็ว ประมาณ 90-100กม./ชม. ก็ยังคงเป็น นโยบายประหยัดน้ำมันเช่นกัน หากไม่ไกลมากนัก ก็จะใช้ น้องซิล มอเตอร์ไซด์ มือสองสมบัติจากพี่ติ๊ก มาใช้คะ ลดพลังงาน ไม่เพิ่มมลพิษ.... แต่ทางที่ดี การเดินเป็นการออกกำลังกายและเป็นการประหยัดพลังงาน ดีที่สุดจ้า.... :-* :-* หัวข้อ: Re: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?? เริ่มหัวข้อโดย: Dragon ที่ กันยายน 07, 2008, 02:15:36 PM ไปหามาให้อ่านค่ะ... ...ระบบนี้เป็นระบบที่ดี ปลอดภัย แต่ค่อนข้างแพงประมาณ 40,000 บาท ที่แพงเพราะเป็น 2 ระบบ เลือกใช้น้ำมันก็ได้หรือก๊าซก็ได้ ที่ปลอดภัยเพราะควบคุมการจ่ายก๊าซด้วยคอมพิวเตอร์ ถังบรรจุก๊าซมีมาตรฐาน มอก. ผมว่าเจ้าของเรื่องคงเข้าใจอะไรครับ เพระว่า CNG ที่ไปติดมานั่น มันก็ควรจะสองระบบเหมือนกันนะครับ อีกอย่างถ้าเป็นระบบหัวฉีด การฉีดเชื้อเพลิงต่างหากล่ะครับ ที่ถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เล็กๆในกล่อง ECU ส่วนการจ่ายแก๊สไม่ได้คุมด้วยคอมฯ แน่ๆ ครับ เพราะคุมด้วยวาลว์ที่ถังแก๊ส กับหม้อต้ม (regulator) เท่านั้น อ้อ เจ้าของเรื่องติดแพงไปหน่อยครับ 35,000-37,000 บาทเท่านั้นสำหรับระบบหัวฉีด-เครื่อง 4 สูบ ยกเว้นว่าจะเป็นเครื่อง 6 สูบจึงจะถือว่าถูกมาก เพราะว่าปกติอยู่ราว 45,000-47,000 บาท ปตท ย่อมต้องสนับสนุน(และบีบให้รัฐสนับสนุน CNG แน่ๆ อยู่แล้ว เพราะ "ปตท ผูกขาด" ไงครับ หมายเหตุ - CNG ก็ไม่ได้อันตรายไปกว่า น้ำมันเบนซิน หรือ LPG นะครับ ถ้าติดตั้งอย่างถูกต้องและเอาใจใ่ส่ - CNG อันตรายกว่าเชื้อเพลิงอื่น ในแง่ของแรงดันในระบบที่สูงมาก และไม่กลิ่นผสม เวลารั่วซึมเราจึงไม่ค่อยรู้ |