พฤศจิกายน 13, 2025, 11:28:33 PM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
พิษร้ายปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนด์ - "เก๋า-กะพง"ใหญ่มีพิษด้วย
หน้า:
1
[
2
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: พิษร้ายปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนด์ - "เก๋า-กะพง"ใหญ่มีพิษด้วย (อ่าน 12130 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: พิษร้ายปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนด์ - "เก๋า-กะพง"ใหญ่มีพิษด้วย
«
ตอบ #15 เมื่อ:
มกราคม 16, 2008, 11:40:26 PM »
พิษปักเป้าทนร้อน
เตือนพิษปลาปักเป้าทนความร้อนสูง และความเค็มจากการแปรรูปเป็นปลาร้าไม่สามารถทำลายพิษได้ สธ.สั่ง สสจ.ทุกแห่งกวดขันเรื่องการจำหน่ายปลาปักเป้า และขอร้องผู้ประกอบการเห็นแก่ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ไม่นำปลาปักเป้ามาแปรรูปเป็นอาหารจำหน่าย
นพ.มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีชาวบ้านจังหวัดระยองเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง แขนขาอ่อนแรง นิ้วมือชา ภายหลังรับประทานส้มตำปลาร้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการนำปลาปักเป้ามาหมักเป็นปลาร้ารวมกับปลาชนิดอื่นว่า ได้สั่งการให้สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัดกวดขันเรื่องการนำปลาปักเป้าน้ำจืดและน้ำเค็มมาจำหน่ายแก่ผู้บริโภค ทั้งร้านหมูกระทะ และการแปรรูปเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้น หมักทำเป็นปลาร้ารวมกับปลาอื่นๆ เนื่องจากพิษของปลาปักเป้าทนต่อความร้อน ความเค็ม ไม่สลายไปเมื่อนำมาปรุงอาหาร
พิษของปลาปักเป้ามีชื่อว่า เตดโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) พบมากที่ส่วนของไข่ ตับ ลำไส้ หนังของปลา หลังได้รับพิษประมาณ 10-30 นาที จะมีอาการเริ่มจากชาที่ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้า จนมีอาการรุนแรง กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต หายใจไม่ออก ไม่รู้สึกตัวและเสียชีวิตในที่สุด
นพ.มรกตกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศ ฉบับที่ 264 พ.ศ.2545 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย คือปลาปักเป้าทุกชนิดและอาหารที่มีปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค เพราะประชาชนไทยยังมีทางเลือกรับประทานอาหารอื่นๆ ได้อีกมากมาย ซึ่งก็ต้องขอร้องผู้ประกอบการอาหารเห็นแก่ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ไม่นำปลาปักเป้ามาแปรรูปเป็นอาหารจำหน่ายโดยเด็ดขาด
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า พิษจากปลาปักเป้ายังไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ การรักษาของแพทย์จะต้องใช้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยให้น้ำเกลือ หากหยุดหายใจจะใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งพิษของปลาปักเป้าจะขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ หากพิษหมดจากร่างกายอาการผู้ป่วยก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในการรับประทานอาหารจำพวกปลา เช่น เนื้อสัตว์ปิ้งย่างในร้านหมูกระทะ ข้าวต้มปลา ปลาผัดขึ้นฉ่าย ปลาผัดเผ็ดต่างๆ ขอให้สังเกตลักษณะของเนื้อปลา ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนเนื้อไก่ หากรับประทานแล้วมีอาการผิดปกติให้รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมาการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมาจากการหยุดหายใจ.
จาก : ไทยโพสต์ วันที่ 17 มกราคม 2551
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: พิษร้ายปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนด์ - "เก๋า-กะพง"ใหญ่มีพิษด้วย
«
ตอบ #16 เมื่อ:
มกราคม 16, 2008, 11:54:25 PM »
สธ.ชี้พิษปลาปักเป้าทนความร้อน-ความเค็ม
สธ.ชี้พิษปลาปักเป้าทนความร้อนสูง และความเค็มจากการแปรรูป ทำปลาร้าไม่สามารถทำลายพิษได้ สั่ง สสจ.กวดขันการจำหน่ายปลาปักเป้า วอนผู้ประกอบการไม่นำมาแปรรูปเป็นอาหารจำหน่าย
นพ.มรกต กรเกษม รมช.กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีชาวบ้านจังหวัดระยอง เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง แขน ขา อ่อนแรง นิ้วมือชา ภายหลังรับประทานส้มตำปลาร้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการนำปลาปักเป้ามาหมักเป็นปลาร้ารวมกับปลาชนิดอื่น ว่าได้สั่งการให้สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัดกวดขันเรื่องการนำปลาปักเป้าน้ำจืดและน้ำเค็มมาจำหน่ายแก่ผู้บริโภค ทั้งร้านหมูกะทะ และการแปรรูปเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้น หมักทำเป็นปลาร้ารวมกับปลาอื่นๆ
เนื่องจากพิษของปลาปักเป้า ทนต่อความร้อน ความเค็ม ไม่สลายไปเมื่อนำมาปรุงอาหาร โดยพิษของปลาปักเป้ามีชื่อว่า เตดโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) พบมากที่ส่วนของไข่ ตับ ลำไส้ หนังของปลา หลังได้รับพิษประมาณ 1030 นาที จะมีอาการเริ่มจากชาที่ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้า จนมีอาการรุนแรง กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต หายใจไม่ออก ไม่รู้สึกตัว และเสียชีวิตในที่สุด
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศ ฉบับที่ 264 พ.ศ. 2545 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย คือปลาปักเป้าทุกชนิด และอาหารที่มีปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค เพราะประชาชนไทยยังมีทางเลือกรับประทานอาหารอื่นๆ ได้อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ขอร้องผู้ประกอบการอาหาร เห็นแก่ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ไม่นำปลาปักเป้ามาแปรรูปเป็นอาหารจำหน่ายโดยเด็ดขาด
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า พิษจากปลาปักเป้า ยังไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ การรักษาของแพทย์ จะต้องใช้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยให้น้ำเกลือ หากหยุดหายใจจะใส่เครื่องช่วยหายใจ โดยพิษของปลาปักเป้าจะขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ หากพิษหมดจากร่างกายอาการผู้ป่วยก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นในการรับประทานอาหารจำพวกปลา เช่น เนื้อสัตว์ปิ้งย่างในร้านหมูกะทะ ข้าวต้มปลา ปลาผัดขึ้นฉ่าย ปลาผัดเผ็ดต่างๆ ขอให้สังเกตลักษณะของเนื้อปลา ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนเนื้อไก่ หากรับประทานแล้วมีอาการผิดปกติให้รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมาการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมาจากการหยุดหายใจ
จาก : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 16 มกราคม 2551
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: พิษร้ายปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนด์ - "เก๋า-กะพง"ใหญ่มีพิษด้วย
«
ตอบ #17 เมื่อ:
มกราคม 22, 2008, 12:22:21 AM »
เปิบปลาปักเป้า ถึงตาย!
จากกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการรายงานถึงการเปิบส้มตำปลาร้าของกลุ่มแม่บ้านจ.ระยอง ความไม่ธรรมดาของกรณีดังกล่าวอยู่ที่ ปลาร้า ซึ่งทำมาจาก ปลาปักเป้า เมื่อได้รับประทานจึงทำให้เกิดความผิดปกทางร่างกาย อันเนื่องมาจากพิษของปลาปักเป้า
ที่ผ่านมาในบ้านเราเคยเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานปลาปักเป้าด้วยความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ต่างก็มีความเสี่ยงพอกัน หากผู้ประกอบอาหารไม่มีความรู้ ความชำนาญที่เพียงพอ หรือพ่อค้า แม่ค้าจงใจซื้อมาทำขาย เพราะประหยัดต้นทุน เมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น ที่นิยมรับประทานเนื้อปลาปักเป้า เพราะมีรสชาติดี หวาน กรุบ แต่ผู้ประกอบอาหารจะต้องมีใบรับรองที่ถูกต้องว่ามีความรู้ความสามารถในการประกอบอาหารชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัย
และจากกระแสข่าวยังส่งผลไปถึงผู้บริโภคที่นิยมรับประทานเนื้อปลา เนื่องจากต้องการรักษาสุขภาพ เพราะเนื้อปลานั้นย่อยง่าย มีไขมันต่ำ จนเกิดความลำบากใจ ต้องชั่งใจหากจะต้องซื้อหาอาหารที่มีลูกชิ้นปลา เนื้อปลาแล่ หรือสารพัดอาหารแปรรูปจากปลา ให้ต้องหวาดผวา กลัวจะได้รับประทานเนื้อปลาไม่พึงประสงค์!
ปลาปักเป้า หรือ Puffer Fish
เป็นปลาที่มีอยู่ทั้งในน้ำจืด น้ำเค็ม ในประเทศไทยก็หาได้ไม่ยาก ถูกแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ คือ
1.Tetraodontidae
มีฟัน 4 สี่ ผิวเกลี้ยง และ
2.Diodontidae
มีฟันเพียง 2 ซี่ คล้ายจะงอยปากนกแก้ว มีหนามรอบตัว พบมากกว่าสายพันธุ์แรก แต่ถึงอย่างไรปลาปักเป้าทั้งหมดล้วนมีพิษสงค์ ที่ทำคุณถึงตาย ขอย้ำ ถึงตาย!
พิษของมันมีชื่อเรียกว่า Tetrodotoxin มักจะอยู่ที่ส่วนหนัง ไข่ ลำไส้ และตับ
ซึ่งความร้อนในการประกอบอาหารเพียงแค่ 170 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที ก็ไม่สามารถทำลายพิษลงได้
สาเหตุของความกลัวพิษร้ายจากปลาปักเป้า ก็เพราะ
ยังไม่มียารักษาโดยตรง
ทั้งนี้อาการจะเกิดขึ้นหลังรับประทาน 10-45 นาที หรือช้า-เร็วก็ยังขึ้นอยู่กับปริมาณ และความต้านทานของร่างกายโดยจะแบ่งอาการเป็น 4 ระยะ คือ
-ระยะแรก
: มีอาการชาที่ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้า ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้ อาเจียน
-ระยะที่สอง
: ชามากขึ้น อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรงจนอาจจะเดินหรือยืนไม่ได้
-ระยะที่สาม
: กล้ามเนื้อกระตุกคล้ายอาการชัก พูดตะกุกตะกักจนอาจพูดไม่ได้ เพราะกล่องเสียงเป็นอัมพาต แต่ยังรู้สึกตัว
-ระยะที่สี่
: กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต หายใจไม่ออก หมดสติ รูม่านตาขยายโตเต็มที่ ไม่มีปฏิกิริยาไวต่อแสง หากยังไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องหัวใจจะหยุดเต้น และเสียชีวิตภายในเวลาอันรวดเร็ว
บางรายอาจโชคดี รับสารพิษเข้าไปไม่มากก็จะมีอาการเพียงระยะแรก และระยะที่สอง การขับพิษออกจากร่างกายนั้นจะออกทางไต หรือการปัสสาวะ
แม้ว่าในช่วงนี้ มือปราบปลาปักเป้า จะประกาศขอลุยปราบปลาปักเป้าเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้บริโภค ทั้งตรวจตราแหล่งซื้อ-ขาย ผลิต-แปรรูป แต่เพื่อความไม่ประมาท ปลอดภัยไว้ก่อน คุณผู้อ่านควรใส่ใจในแหล่งที่มา มาตรฐานของวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหาร เลี่ยงการรับประทานอาหารจากแหล่งที่ไม่คุ้นเคย
วิธีการสังเกตเนื้อปลาปักเป้า
มีลักษณะคล้ายเนื้อไก่ สีขาวอมชมพู มัดกล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนกว่าเนื้อปลาทั่วๆ ไป
จากภาพ เนื้อปลาแล่ทั้ง 2 ชิ้น ต่างก็เป็นเนื้อปลาปักเป้า
ชิ้นปลาด้านบน
คือ เนื้อปลาที่แล่ด้านข้างลำตัว จะมีพังผืดติดอยู่คล้ายไก่
ชิ้นปลาด้านล่าง
คือ เนื้อปลาที่แล่ด้านใน ที่สามารถมองเห็นมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่
จาก : เดลินิวส์ วันที่ 22 มกราคม 2551
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: พิษร้ายปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนด์ - "เก๋า-กะพง"ใหญ่มีพิษด้วย
«
ตอบ #18 เมื่อ:
มกราคม 25, 2008, 12:10:55 AM »
เตือน!! ปักเป้าน้ำจืดพิษร้ายกว่าปักเป้าน้ำเค็ม
ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากกรณีที่โรงพยาบาลบ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง รับรักษาผู้ป่วย จำนวน 3 ราย ซึ่งมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ชาที่ลิ้น ปลายมือปลายเท้า แขนขาอ่อนแรง อุจจาระร่วง หลังจากได้รับประทานส้มตำปลาร้า และจากการตรวจสอบพบว่าปลาร้าที่นำมาทำส้มตำมีปลาปักเป้าผสมอยู่ นั้น ทางกรมประมงได้มีการแจ้งให้ผู้ผลิตใส่ใจตรวจสอบคัดแยกวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากพิษของปลาปักเป้าน้ำจืดเป็นพิษอัมพาต หรือ พีเอสพี (PSP,Paralytic Shellfish Poisoning) และมีความรุนแรงของพิษสูงกว่าพิษของปลาปักเป้าทะเลที่ชื่อ เททโทรโดท๊อกซิน (Tetrodotoxin)
อย่างไรก็ตาม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบปลาที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปลาร้าอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค รวมไปถึงเผยแพร่ข้อมูลของพิษจากปลาปักเป้า เพื่อให้ผู้ผลิตมีความเข้าใจถึงอันตรายของปลาดังกล่าว สำหรับการทำปลาร้าส่วนใหญ่มักจะใช้ปลาน้ำจืด เช่น ปลากระดี่ ปลาสร้อย ปลาช่อน ปลานิล เป็นต้น
จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 22 มกราคม 2551
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: พิษร้ายปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนด์ - "เก๋า-กะพง"ใหญ่มีพิษด้วย
«
ตอบ #19 เมื่อ:
มกราคม 29, 2008, 02:16:08 AM »
"มือปราบปลาปักเป้า"ใช่อยากดัง แต่คือ"ความเป็น-ตาย"ของมนุษย์
ผู้การวิสุทธิ์อธิบายพิษภัยของปลาปักเป้า
เมื่อเอ่ยถึงชื่อของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ปศท.(กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี) หลายคนคงคิดถึงผลงานในการปราบปรามซีดีเถื่อน หนังโป๊ ของละเมิดลิขสิทธิ์ จนได้รับฉายา มือปราบน้องแนท มือปราบโป๊เปลือย ฯลฯ มาแล้ว ในสมัยที่เคยดำรงตำแหน่งเป็น รอง ผบก.ปดส. แม้ว่าในวันนี้จะขึ้นมาเป็น ผบก.ปศท. แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งภาพของการเป็นมือปราบและยังคงสร้างกระแสให้สังคมได้ตื่นตัวในผลงานใหม่ในการจับปลาปักเป้า ภัยใกล้ตัวที่ประชาชนหลายคนคาดไม่ถึงอย่างจิงจังและต่อเนื่องจนได้รับฉายาใหม่ว่า มือปราบปลาปักเป้า
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ บอกว่า รู้สึกภูมิใจกับฉายาใหม่ที่ได้รับเพราะทำให้ประชาชนได้รู้ถึงพิษภัยของเรื่องที่ใกล้ตัว ที่ประชาชนยังไม่ทราบ โดยก่อนที่จะมาจับกุมปลาปักเป้าอย่างจริงจังนั้น ตนก็ไม่ทราบถึงพิษภัยของมันมาก่อนเช่นกัน จนกระทั่งไปจับซีดีเถื่อนที่ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงพบว่ามีการขนปลาปักเป้าเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปแล่ขายให้ประชาชนกิน เมื่อกลับมาจึงได้ศึกษาข้อมูลและพบว่าปลาเหล่านี้เป็นปลาที่ผิดกฎหมายห้ามจำหน่าย และหากบริโภคก็อาจทำให้ตายได้ จึงได้ดำเนินการปราบปรามและจับกุม
ผู้การวิสุทธิ์ลงพื้นที่จับปลาปักเป้าด้วยตนเอง
ตามรายงานทางวิชาการปลาปักเป้าเป็นปลาที่มีพิษรุนแรงต่อระบบประสาททำให้ผู้ที่บริโภคกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และมักเสียชีวิต โดยพิษของมันทนความร้อนได้มากว่า 200 องศาเซลเซียส เมื่อนำไปปรุงอาหารพิษจึงไม่สลาย ซึ่งพิษนี้มีอันตรายมากกว่าไซนาไนด์ถึง 1,200 เท่า พิษของปลาปักเป้าเพียงตัวเดียวสามารถฆ่าคนได้ถึง 30 คนทีเดียว อีกทั้งยังไม่มีเซรุ่มแก้พิษได้ จึงถือว่าเป็นอันตรายมากที่มีผู้ลักลอบนำปลาเหล่านี้มาแล่เพื่อเป็นอาหาร หรือแปรรูปเป็นลูกชิ้น ทอดมัน หรือเดี๋ยวนี้ก็พบว่าไปทำปลาร้า และนำไปดัดแปลงทำอาหารได้หลายชนิดหากไม่เข้าไปดูแลจับกุมก็จะมีการลักลอบผลิตอยู่เรื่อยๆ เพราะต้นทุนถูกกว่าปลาชนิดอื่นมาก
พล.ต.ต.วิสุทธิ์บอกด้วยความเป็นห่วง
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ บอกอีกว่า กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ไม่ได้เพียงดูแลเรื่องคดีที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังดูแลในเรื่องของอาหาร ยา และการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ ทางพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ก็ได้กำชับให้ดูแลในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชน และหากเรื่องใดที่เกี่ยวกับผู้บริโภคในลักษณะนี้ เราก็ดูแลปราบปรามเช่นกัน ทั้งเครื่องสำอางปลอม ผ้าเบรกปลอม ฯลฯ เราก็จับ เพียงแต่ปลาปักเป้าเป็นเหมือนเรื่องใกล้ตัวที่คนยังไม่ค่อยทราบ การปราบปรามจับกุมจึงเป็นกระแสทำให้ประชาชนตื่นตัว
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ยังเล่าถึงการจับปลาปักเป้าว่า เมื่อถูกนำมาแปรรูปแล้วเป็นเรื่องยากที่จะทราบว่าเป็นเนื้ออะไรเพราะเนื้อปลาปักเป้าที่นำมาแล่หนังออกจนหมดแล้วจะคล้ายกับเนื้อไก่มาก เราเคยไปจับกุมปลาปักเป้าที่แล่แล้วหากไม่พบชิ้นส่วนที่เป็นหนังปลาก็จะไม่รู้เลย ยิ่งเมื่อดัดแปลงไปทำอาหารอย่างอื่น เช่น ลูกชิ้น ทอดมัน ก็จะยิ่งไม่ทราบเลยว่าทำมาจากอะไรการจับกุมจึงยากมากยิ่งขึ้น จึงขอเตือนผู้ที่จะขายให้นึกถึงผู้ที่บริโภคที่อาจได้รับพิษเข้าไปจนถึงตายได้ ซึ่งการเข้ามาจับกุมปราบปรามจึงมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดการลักลอบผลิตปลาปักเป้า
ผบก.ปศท. ยังฝากเตือนถึงประชาชนอีกว่า สำหรับผู้ที่มีอาการต่อไปนี้ขอให้ทราบว่าถูกพิษจากการบริโภคปลาปักเป้า ขออย่าให้นิ่งนอนใจว่าเป็นการแพ้อาหารทะเล หรือผงชูรสขอให้รีบไปพบแพทย์เนื่องจากอันตราย คือ 1.มีอาการชาที่หน้า ริมฝีปาก ลิ้น ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้อาเจียน 2.ชามากขึ้น แขนขาไม่มีแรง จนยืนหรือเดินไม่ได้ 3.กล้ามเนื้อกระตุกคล้ายชัก เดินเซ พูดไม่ได้เพราะกล่องเสียงเป็นอัมพาต 4.กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตหายใจไม่ออก หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องหัวใจจะหยุดเต้นและเสียชีวิตในที่สุด
นับตั้งแต่เข้ามาทำงานที่ ปศท. เราได้จับกุมปลาปักเป้ามาแล้วประมาณ 20 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 2 ตัน บางครั้งถึง 10 ตันก็มี หากไม่มีการกวดขันคาดว่าจะมีเนื้อปลาปักเป้าออกไปสู่ผู้บริโภคไม่ต่ำกว่า 1,000 ตันต่อวัน ซึ่งจะมีทุกที่ ที่มีสะพานปลา พบแหล่งใหญ่ที่ สมุทรสาครและระยอง แม้ว่าการจับกุมจะยากและไม่มีใครอยากทำเพราะว่าต้องทำสำนวนให้เสร็จและทำลายปลาในครึ่งวัน ไม่เช่นนั้นปลาจะเน่า อีกทั้งการทำลายก็ต้องเช่าเมรุตามวัดใกล้ๆ เพื่อเผาหรือกลบฝัง ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง บางครั้งก็ต้องจ่ายเอง แต่ก็รู้สึกดีใจที่มีส่วนกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทราบ และจะปราบปรามอย่างเข้มงวดต่อไป
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าว
ปลาปักเป้าก็ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนให้ความสนใจมากขึ้น หากไม่มีหน่วยงานเข้ามาดูแลปราบปรามประชาชนที่ไม่ทราบก็อาจต้องเสียชีวิตเพราะพิษของปลาเหล่านี้ เมื่อไปจับกุมดูแลตอนนั้นก็คงสายไปเหมือนวัวหายล้อมคอกเช่นกรณีอื่นๆ ก็ขอสนับสนุนให้ ผู้การวิสุทธ์ สร้างผลงานปราบปรามเช่นนี้ต่อไป
จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 29 มกราคม 2551
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า:
1
[
2
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...