กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 13, 2025, 07:34:15 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "หอยหวาน"สัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก  (อ่าน 3894 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มิถุนายน 23, 2008, 01:12:17 AM »


"หอยหวาน"สัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก (รายงานพิเศษ) 
 
  

 หอยหวาน เป็นหอยทะเลฝาเดียวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทยและอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ความต้องการของหอยหวานมีมาก ทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฯลฯ ปัจจุบันราคารับซื้อจากฟาร์มประมาณ 300-360 บาทต่อกิโลกรัม และราคาจำหน่ายในร้านอาหารทะเลประมาณ 400-600 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งขณะนี้พบว่าปริมาณ หอยหวานจากธรรมชาติ ลดลงมาก และหอยหวานที่จับได้มีขนาดเล็กลง เนื่องจากปริมาณความต้องการของตลาดและราคาสูง ดังนั้นการเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์จึงเป็นอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ

 ศาสตราจารย์อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า จากภาวะการลดลงของประชากรหอยหวานในธรรมชาติและการขยายตัวของตลาดหอยหวานทำให้อนาคตและลู่ทางการส่งออกหอยหวานทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ มีอนาคตที่สดใส ดังนั้น การสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพการเพาะและเลี้ยงหอยหวานในเชิงพาณิชย์ ทั้งอาชีพใหม่ อาชีพเสริม หรือพัฒนาอาชีพเดิม จึงเป็นหนทางหนึ่งในการเพิ่มปริมาณผลผลิตหอยหวานสู่ตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ

 การเพาะเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่ประสบกับปัญหาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดอื่น เช่น กุ้งกุลาดำ ปลากะพงขาว เป็นต้น เนื่องจากหอยหวานมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์น้ำอื่นและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและนอกประเทศ เนื่องจากการเลี้ยงหอยหวานมีความเสี่ยงต่อโรคระบาดน้อย วิธีการเลี้ยงไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน และประการที่สำคัญ คือ สามารถใช้ทรัพยากรบุคคลหรือเครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่แล้วมาใช้งานได้ เป็นต้นว่า บ่อดิน บ่อคอนกรีต โรงเพาะฟัก วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ

 และการที่ วช. ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยแก่สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนศักยภาพและเทคนิคการเพาะและเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน ทาง วช. ได้ดำเนินการถ่ายทอดการวิจัย และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากการวิจัยสู่ภาคประชาชนจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเกษตรกรสามารถดำเนินธุรกิจฟาร์มเพาะฟักหอยหวาน และฟาร์มเลี้ยงหอยหวานขนาดตลาดในเชิงพาณิชย์ได้ ประมาณ 15 ฟาร์ม ซึ่งการที่เกษตรกรได้รับความรู้จากการฝึกอบรมมาใช้เป็นแนวทางใน การพัฒนาและส่งเสริมการลงทุน และเป็นอาชีพใหม่หรืออาชีพเสริม ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

 ดร.นิลนาจ ชัยธนาวิสุทธิ์ นักวิจัย จาก สถาบันวิจัยทรัพยากรสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หอยหวานอาศัยอยู่บริเวณ พื้นทะเลที่เป็นทรายปนโคลนที่ระดับความลึกประมาณ 5-20 เมตร หอยหวานกระจายทั่วไปบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ได้แก่ จังหวัด ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ระนอง และสตูล

 ดังนั้น การเลี้ยงหอยหวานจึงเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้ทางหนึ่ง ซึ่งในฐานะนักวิจัยคงไม่หยุดการพัฒนาเพียงแค่นี้ ต้องศึกษาอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพ ทั้งเรื่องการขนส่ง การพัฒนาเมนูอาหาร และการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และไต้หวัน จึงทำให้หอยหวานจากประเทศไทยมีลู่ทางส่งออกได้ไม่แพ้หอยหวานจากเวียดนาม 



จาก                         :                      แนวหน้า   วันที่ 23 มิถุนายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.022 วินาที กับ 20 คำสั่ง