พฤศจิกายน 14, 2025, 12:47:28 AM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
"หอยหวาน"สัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: "หอยหวาน"สัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก (อ่าน 3895 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
"หอยหวาน"สัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก
«
เมื่อ:
มิถุนายน 23, 2008, 01:12:17 AM »
"หอยหวาน"สัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก
(รายงานพิเศษ)
หอยหวาน
เป็นหอยทะเลฝาเดียวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทยและอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ความต้องการของหอยหวานมีมาก ทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฯลฯ ปัจจุบันราคารับซื้อจากฟาร์มประมาณ 300-360 บาทต่อกิโลกรัม และราคาจำหน่ายในร้านอาหารทะเลประมาณ 400-600 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งขณะนี้พบว่าปริมาณ หอยหวานจากธรรมชาติ ลดลงมาก และหอยหวานที่จับได้มีขนาดเล็กลง เนื่องจากปริมาณความต้องการของตลาดและราคาสูง ดังนั้นการเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์จึงเป็นอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ
ศาสตราจารย์อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า จากภาวะการลดลงของประชากรหอยหวานในธรรมชาติและการขยายตัวของตลาดหอยหวานทำให้อนาคตและลู่ทางการส่งออกหอยหวานทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ มีอนาคตที่สดใส ดังนั้น การสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพการเพาะและเลี้ยงหอยหวานในเชิงพาณิชย์ ทั้งอาชีพใหม่ อาชีพเสริม หรือพัฒนาอาชีพเดิม จึงเป็นหนทางหนึ่งในการเพิ่มปริมาณผลผลิตหอยหวานสู่ตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ
การเพาะเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่ประสบกับปัญหาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดอื่น เช่น กุ้งกุลาดำ ปลากะพงขาว เป็นต้น เนื่องจากหอยหวานมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์น้ำอื่นและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและนอกประเทศ เนื่องจากการเลี้ยงหอยหวานมีความเสี่ยงต่อโรคระบาดน้อย วิธีการเลี้ยงไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน และประการที่สำคัญ คือ สามารถใช้ทรัพยากรบุคคลหรือเครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่แล้วมาใช้งานได้ เป็นต้นว่า บ่อดิน บ่อคอนกรีต โรงเพาะฟัก วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ
และการที่ วช. ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยแก่สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนศักยภาพและเทคนิคการเพาะและเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน ทาง วช. ได้ดำเนินการถ่ายทอดการวิจัย และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากการวิจัยสู่ภาคประชาชนจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเกษตรกรสามารถดำเนินธุรกิจฟาร์มเพาะฟักหอยหวาน และฟาร์มเลี้ยงหอยหวานขนาดตลาดในเชิงพาณิชย์ได้ ประมาณ 15 ฟาร์ม ซึ่งการที่เกษตรกรได้รับความรู้จากการฝึกอบรมมาใช้เป็นแนวทางใน การพัฒนาและส่งเสริมการลงทุน และเป็นอาชีพใหม่หรืออาชีพเสริม ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ดร.นิลนาจ ชัยธนาวิสุทธิ์ นักวิจัย จาก สถาบันวิจัยทรัพยากรสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หอยหวานอาศัยอยู่บริเวณ พื้นทะเลที่เป็นทรายปนโคลนที่ระดับความลึกประมาณ 5-20 เมตร หอยหวานกระจายทั่วไปบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ได้แก่ จังหวัด ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ระนอง และสตูล
ดังนั้น การเลี้ยงหอยหวานจึงเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้ทางหนึ่ง ซึ่งในฐานะนักวิจัยคงไม่หยุดการพัฒนาเพียงแค่นี้ ต้องศึกษาอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพ ทั้งเรื่องการขนส่ง การพัฒนาเมนูอาหาร และการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และไต้หวัน จึงทำให้หอยหวานจากประเทศไทยมีลู่ทางส่งออกได้ไม่แพ้หอยหวานจากเวียดนาม
จาก : แนวหน้า วันที่ 23 มิถุนายน 2551
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...