พฤศจิกายน 28, 2025, 07:31:39 PM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551 (อ่าน 3698 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
«
เมื่อ:
สิงหาคม 12, 2008, 01:47:17 AM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงยังคงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกชุกหนาแน่นต่อไปอีก และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัด
แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แพร่ พะเยา ลำปาง ลำพูน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์
ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้
อนึ่ง ระดับน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาต่างๆมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในที่ลุ่มตามแนวแม่น้ำได้ เช่นจังหวัด
เชียงราย เลย หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร
ขอให้ประชาชนที่อาศัยตามพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดดังกล่าวเตรียมการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
คาดหมาย
ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเกือบตลอดช่วง ในวันที่ 12-13 ส.ค.มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นต่อไปอีก โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่
ในช่วงวันที่ 14-17 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้และร่องความกดอากาศต่ำจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ อาทิเช่น จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์และเพชรบูรณ์ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับประชาชนที่อยู่ที่ลุ่มบริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาให้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ไว้ด้วย
Forecast2.jpg
(39.63 KB, 665x415 - ดู 415 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #1 เมื่อ:
สิงหาคม 12, 2008, 02:00:20 AM »
มติชน
ทึ่ง! หนุ่มล่องทะเลสตูล ฟลุคตกปลาหมอยักษ์มหึมา
หนุ่มนักตกปลาสมัครเล่น ออกล่องทะเลสตูล พิชิตปลาหมอยักษ์ขนาด น้ำหนักจตัว 130 กก. ยาว1.80ม. ได้ถึง 2 ตัว ด้านใต้เกาะหลีเป๊ะ เอาเข้ากลับฝั่งชาวบ้านตกใจ บอกเป็นปลาหมอยักษืที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบเห็น ทำลายสถิติที่ชาวบ้านเคยตกปลามา
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 ส.ค. นายนิรัญ กองสีสังข์ อายุ 32 ปี นักตกปลาสมัครเล่นจาก จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กล่าวว่า ตนเช่าเหมาเรือศรีวัฒนา ซึ่งมีนายเจียน คำแป้น หรือไต๋หลี อายุ 46 ปี เป็นคนนำทางนำเรือออกจากฝั่งจากท่าเรือปากบารา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ตกปลาไปเรื่อยๆ และมีจุดหมายที่ปะการังนกแก้ว ซึ่งเป็นแหล่งตกปลาที่มีหินและถ้ำใต้น้ำ ซึ่งปลาหมอทะเลยักษ์มักจะอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว และเป็นแหล่งที่นักตกปลามักจะมาพิชิตปลาหมอทะเลยักษ์บริเวณนี้
นายนิรัญ กล่าวต่อว่า จุดที่ตกปลาได้อยู่ทางด้านทิศใต้ของเกาะหลีเป๊ะ ห่างจากเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ประมาณ 60ไมล์ทะเล หรือ 90 กม.และห่างจากฝั่งท่าเรือปากบาราประมาณ 200 กม. ขณะที่หย่อนเบ็ดลงไปปรากฏว่าเบ็ดขาดหมด ไต้ก๋งจึงให้เปลี่ยนตาเบ็ดและใช้เหยื่อปลาโอเป็นตัวล่อ และสามารถจับปลาหมอทะเลได้ถึง 2 ตัว และเมื่อนำกลับมาถึงท่าเรือ ปรากฏว่าชาวบ้านฮือฮากันมากเนื่องจากปลาหมอทะเลยักษ์ทั้ง 2 ตัวมีน้ำหนักตัวละประมาณ130 กก. ความยาว 1.80 เมตร ซึ่งถือเป็นตัวที่ใหญ่และน้ำหนักมากที่สุดที่เคยตกได้ เพราะก่อนหน้าที่ทุกปีจะมีการตกปลาหมอได้1-2 ตัวแต่น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 100 ก.ก.ซึ่งถือว่าตัวนี้ทำลายสถิติกว่าทุกตัวที่ได้มา และตนจะนำปลาไป จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งถือว่าในการตกปลาครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่สุดของตน
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #2 เมื่อ:
สิงหาคม 12, 2008, 02:08:13 AM »
ข่าวสด
กฟภ.เทงบฯ 620 ล. เคเบิลไฟฟ้าใต้น้ำ
กระบี่ - นายวัชรินทร์ นิลเอก ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดสรรงบประมาณเพื่อวางสายเคเบิลใต้น้ำขยายเขตบริการไฟฟ้าจำนวน 3 แห่ง ไปยังเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง งบประมาณการลงทุน จำนวน 620 ล้านบาท อ่าวไร่เลย์ ต.อ่าวนาง จำนวน 70 ล้านบาท และปรับปรุงระบบให้บริการในเขต อ.เกาะลันตา จำนวน 60 ล้านบาท
ขณะนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ได้คำนวณค่าใช้จ่าย ส่วนที่นอกเหนือจากการประ กวดราคา เช่น การติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงต่ำ แรงสูง ค่าจ้างแพขนานยนต์บรรทุกเสาไฟฟ้าไปเกาะพีพี ค่านำสายไฟฟ้าลงใต้ดินบางส่วนบนเกาะพีพี เพื่อเสนองบประมาณดำเนินการไปพลางๆ ก่อน ขณะที่รอการเดินสายไฟฟ้าด้วยระบบเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งเมื่อได้รับสายเคเบิลใต้น้ำแล้ว สามารถที่จะดำเนินการพาดสายได้ทันที และจะแล้วเสร็จในต้นปี"52
นายวัชรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับที่อ่าวไร่เลย์และที่อ.เกาะลันตา จะดำเนินการทันทีหลังจากที่เกาะพีพีแล้วเสร็จ คาดว่าภายในปี"52 จะได้ใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเช่นเดียวกัน
**************************************************************************************************
ลิลลี่แพดซิตี้ แนวคิดเมืองลอยน้ำ
เมื่อมองภาพสเกตช์เมืองลอยน้ำ "ลิลลี่แพดซิตี้" ครั้งแรก จะเห็นว่ามันเหมือนกับสวนลอยน้ำ
นายวินเซนต์ คัลลีบัต สถาปนิกชาวเบลเยียม เป็นผู้ออกแบบเมืองนี้เพื่อแก้ปัญหาระดับน้ำทะเลสูงจนท่วมเมืองตามชายฝั่งในอนาคต โดยเมืองใหญ่ๆ ที่มีโอกาสน้ำท่วมจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทุกๆ ปี ได้แก่ นิวยอร์ก โตเกียว และลอนดอน
นายคัลลีบัต จึงออกแบบเมืองลอยน้ำ ถ้าเผื่อว่าเมืองใหญ่เหล่านี้จมอยู่ใต้น้ำจริง เมืองลอยน้ำ "ลิลลี่แพดซิตี้" 1 แห่ง มีประชากรอยู่อาศัยได้ 50,000 คน แต่ละเมืองผลิตพลังงานใช้ได้เอง มีทะเลสาบอยู่ตรงกลางเพื่อเก็บน้ำฝนสะอาด มีภาพเทือกเขาปลอมๆ ไว้ให้ประชาชนดูแก้เบื่อตาจากวิวทะเล ไทเท เนียมไดออกไซด์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในการสร้างเมืองยังดูดคาร์บอนไดออก ไซด์ในบรรยากาศด้วย
สำหรับพลังงานที่แต่ละเมืองนำมาใช้นั้น เป็นพลังงานสีเขียวที่นำกลับมาใช้ได้ใหม่ เช่น พลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานจากคลื่น พลังงานลม พลังงานเธอร์มัล พลังงานไฮดรอลิก การสร้างพลังงานนั้นมีจำนวนมากกว่าพลังงานที่แต่ละเมืองใช้ พลังงานจึงเหลือเฟือ และยังเป็นเมืองที่แพร่ก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ ส่วนขยะจะถูกนำมารีไซเคิล
แรงบันดาลใจที่คัลลีบัตนำมาออกแบบ "ลิลลี่แพดซิตี้" ได้มาจากรูปร่างของบัววิกตอเรีย เขากล่าวว่า "หลายประเทศหาทางแก้ปัญหาระดับน้ำทะเลสูงขึ้นด้วยการสร้างชายหาด การสร้างเขื่อนกั้นที่นับวันต้องสร้างให้แข็งแรงขึ้น แน่นหนาขึ้น แต่การแก้ปัญหานี้เป็นทางแก้ที่ไม่ยั่งยืน ขณะที่โครงการลิลลี่แพดเป็นโครงการที่แก้ปัญหาได้ในระยะยาว"
"ลิลลี่แพดซิตี้" เป็นเมืองที่ไม่มีถนน ไม่มีรถยนต์ ทั้งเมืองจะมีแต่บ้านและสวน เป้าหมายคือ ต้องการผสมผสานมนุษย์ให้เข้ากับธรรมชาติ และอีกสิ่งหนึ่งที่คัลลีบัตต้องการคือ การพยายามที่จะทำให้ผู้คนนับล้านที่ไร้ที่อยู่อาศัยเพราะน้ำทะเลท่วม มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบายเหมือนกับอยู่บนพื้นดิน
จากรายงานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเรื่องภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ IPCC พบว่า ภายในค.ศ.2100 ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 9-88 เซนติเมตร แต่ตัวเลขโดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 50 เซนติเมตร เราจะได้เห็นภาพชายหาดถูกน้ำท่วมจนมิด อย่างประเทศที่เป็นเกาะในทะเลแปซิ ฟิก เช่น ทูวาลู คิริบาติ มัลดีฟส์ จะถูกน้ำท่วมจนเกือบทั้งเกาะ พื้นที่สูงสุดของเกาะจะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลแค่ 2-3 เซนติเมตร และถ้าน้ำทะเลสูงขึ้น 50 เซนติเมตร อาคารต่างๆ จะถูกกระแสน้ำพัดจนพังไปทั้งเกาะ ทั้งยังเกิดดินทรุดตัว
แม้ว่าหลายเกาะอาจรอดพ้นจากน้ำท่วมไปได้ แต่ปัญหาที่ต้องพบเจอแน่นอนคือ ขาดแหล่งน้ำจืดเพื่อการดื่มการใช้ เพราะน้ำทะเลจะเข้าไปในแหล่งน้ำจืดใต้ดิน นอกจากนี้ ประชาชนที่อยู่ตามชายฝั่งที่มีพื้นที่ต่ำ โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ และพม่า ยังอาจจมน้ำด้วย
*************************************************************************************************
บังกลาเทศไม่หวั่นจมบาดาล
จากข้อมูลภาพ ถ่ายผ่านดาวเทียมตั้งแต่พ.ศ.2516 เป็นต้นมา พบว่า บังกลา เทศมีพื้นดินเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับคำทำนายของนักวิทยา ศาสตร์หลายคน ที่ระบุว่า สิ้นศตวรรษนี้ ชาวบังกลาเทศกว่า 20 ล้านคน อาจไร้ที่อยู่ เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น จนกลืนบังกลาเทศไปทั้งหมด
นายมามินัล เฮก ซาร์เคอร์ เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและภูมิประเทศ กล่าวว่า ในช่วง 32 ปีที่ผ่านมา บังกลาเทศมีพื้นดินเพิ่มขึ้น 20 ตารางกิโลเมตร ทั้งนี้ เกิดจากตะกอนดินปีละ 1,000 ล้านตัน จากแม่น้ำคงคาและแม่น้ำพรหมบุตร ไหลมารวมตัวกันที่อ่าวเบงกอล จนสร้างเป็นแผ่นดินใหม่
ที่ผ่านมา สหประชาชาติทำนายว่า ภายใน 42 ปีข้างหน้า บังกลาเทศจะสูญพื้นที่ 17% ขณะที่ศ.เจมส์ แฮนเซ่น จากองค์การนาซ่า ระบุว่า ในอีก 100 ปี ข้างหน้า แผ่นดินทั้งหมดจะอยู่ใต้น้ำ ด้านนายซาร์เคอร์ กล่าวว่า "จริงอยู่ที่บังกลาเทศสูญเสียพื้นดิน เพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและการพังทลายของแม่น้ำที่มีอยู่ในประเทศกว่า 100 สาย แต่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ลืมไปว่า เราได้ที่ดินจากตะกอนแม่น้ำด้วย"
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #3 เมื่อ:
สิงหาคม 12, 2008, 02:23:33 AM »
กรุงเทพธุรกิจ
คอนโดปูทะเล
คอนโดปูในพื้นที่ อ.สัตหีบ ใช้ตะกร้าพลาสติกประกบกันสูง 5 ชั้น(10ใบ) ในช่องเหล็กที่แบ่งไว้ วางตามแนวชายฝั่งทะเลน้ำตื้น เป็นความพยายามปรับตัวเพื่ออยู่รอดของประมงปูทะเล อนุรักษ์เพาะเลี้ยง ให้ขนาดเหมาะสมแก่การจับขาย
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #4 เมื่อ:
สิงหาคม 12, 2008, 02:35:49 AM »
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
ทส. ตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อ สำนักสนองงานพระราชดำริ ดูแลงานด้านการอนุรักษ์อันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อ สำนักสนองงานพระราชดำริ เพื่อดูแลงานด้านการอนุรักษ์อันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริ
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ เรียกว่า สำนักสนองงานพระราชดำริ เพื่อดูแลและปฏิบัติงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งขณะนี้ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งให้มีผลในทางปฏิบัติทันที ทั้งนี้สำนักดังกล่าวมีอำนาจและหน้าที่ในการประสานกับทางสำนักพระราชวัง กระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาโครงการตามแนวพระราชดำริ และจัดทำแผนแม่บท แผนงาน ขอตั้งงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมอนุรักษ์ ฟื้นฟู วิจัย และพัฒนาป่าไม้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมไปถึง งานพัฒนาป่าไม้ในเขตพื้นที่เฉพาะ ขณะที่โครงสร้างของสำนักสนองงานพระราชดำริ จะแบ่งเป็นกลุ่มประสานงานต่าง ๆ อาทิ กลุ่มโครงการหมู่บ้านพิทักษ์ป่ารักษาสิ่งแวดล้อม กลุ่มประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีที่ตั้งอยู่ที่อาคารศูนย์ปฎิบัติการป่าไม้ ชั้น 5 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช
นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า ได้ให้นายไพศาล กุวลัยลักษณ์ อดีตรองปลัดกระทรวงที่ถูกย้ายมารักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ แทนนายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ ติดตามและขับเคลื่อนองค์กรใหม่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริถือเป็นงานสำคัญ อีกทั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฏรในพื้นที่ของกรมอุทยานฯ เป็นประจำ และทรงกังวลพระทัยต่อป่าไม้ ดังนั้นการดำเนินงานของสำนักสนองงานพระราชดำริ ต้องมีทั้งความคล่องตัว และประสิทธิภาพ ส่วนการเลือกบุคคลเป็นทีมงานนั้นจะพิจารณาผู้ที่เคยทำงานเกี่ยวข้องกับโครงการพระราชดำริก่อน โดยคาดว่าจะคัดเลือกตัวบุคคลที่จะเป็นผู้อำนวยการได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนโครงการแรกที่จะดำเนินการภายใต้สำนักสนองงานพระราชดำริ คือ โครงการรักษ์น้ำ รักษ์ป่า ซึ่งขณะนี้ ได้อนุมัติงบประมาณ 391 ล้านไปแล้ว
***************************************************************************************************
จีนส่งเรือกำจัดสาหร่ายเขียวตลอดระยะเวลาการแข่งเรือใบโอลิมปิก
เจ้าหน้าที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันเรือใบโอลิมปิกในเมืองฉิงเต้าของจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า คณะกรรมการจะส่งเรือ 4 ลำออกลาดตระเวณนอกชายฝั่งเเพื่อค้นหาและเก็บกวาดสาหร่ายเขียวที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งเรือใบโอลิมปิกเป็นประจำวันละ 2 ครั้งในเวลา 05.00 น. และ 10.00 น. ซึ่งหากเรือตรวจพบสาหร่ายเขียวในช่วงเวลาดังกล่าวก็จะมีการส่งเรือออกกำจัดโดยเร็วก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้นและจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีนักกีฬารายใดที่ร้องเรียนหรือแสดงความไม่พอใจที่พบเห็นสาหร่ายเขียว ซึ่งก่อนหน้านี้จีนวิตกกังวลอย่างมากหลังพบสาหร่ายเขียวแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วบริเวณชายฝั่งของเมืองฉิงเต้า เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาในการแข่งเรือใบ
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
ประชาชาติ
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 70
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #5 เมื่อ:
สิงหาคม 18, 2008, 06:36:24 AM »
น่าเสียดายเป็นที่สุดครับสำหรับปลาหมอสองตัวนี้
หมายตกปลานี้มีชื่อว่า กองปลานกแก้ว หรือ กระรังลูกแก้ว เป็นที่นิยมสำหรับนักตกปลาที่นิยมตกปลาหมอทะเล
ที่เรียกว่ากระรังลูกแก้วนั้นเป็นชื่อใหม่ ตั้งเพราะไม่อยากให้กระทบกับการท่องเที่ยวสตูล ชื่อเดิมๆที่นักดำน้ำอย่างเราๆรู้จักชื่อว่า หินแปดไมล์
หินนี้พวกเราก็รู้เหมือนนักตกปลาว่าเป็นที่อุดมด้วยปลาหมอยักษ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเมือก่อนเรือตกปลาจะเข้าไปค่อนข้างลำบากเพราะมีนักดำน้ำไปดำกันบ่อย
เด้วนี้ไปกันไม่มาก ปลาหมอยักษ์ก็ลดหายไปคราวละหลายๆตัว อย่างน้อยก็สองตัวนี้เพิ่มมา
เซ็งครับ
บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #6 เมื่อ:
สิงหาคม 19, 2008, 01:06:31 AM »
ขอเซ้งด้วยคนครับ ....
อีกไม่นาน ก็อาจมีข่าว Manta ติดเบ็ดไปด้วย ..... เซ็งอีกทีครับ
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...