กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 14, 2024, 08:26:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2551  (อ่าน 2175 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 12:29:30 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังอ่อนพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

 ในช่วงวันที่ 25-27 ส.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย โดยมีฝนตกหนักในบางพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค. ร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นอีก


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค. ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และ แพร่ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก



* Forecast2.jpg (41.14 KB, 693x430 - ดู 268 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (33.84 KB, 400x444 - ดู 259 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 27, 2008, 12:21:00 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 12:45:53 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ตราดเข้มพรานล่าโลมา แฉมีกลุ่มบริโภคเนื้อโลมาในพื้นที่
 
ตราด - ประมงตราดเข้มพรานล่าโลมา แฉมีพรานแล่เนื้อโลมาขาย ด้านนายก อบต.แหลมกลัด ชี้อ่าวตราดมีโลมาจำนวนมากขึ้นแต่ถูกจับขายต่อเนื่อง
       
       ร.ต.สุรัตน์ เกิดมะลิ ประมงจังหวัดตราด เปิดเผยว่า จากการที่ปรากฏข่าวมีการล่าโลมาเพื่อนำไปขายตามแหล่งท่องเที่ยวใน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา และจังหวัดในภาคตะวันออกของไทยนั้นเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากโลมาเป็นสัตว์หายากและเป็นสัตว์สงวน ห้ามมีการล่าเด็ดขาด หากใครกระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. พ.ศ.2494 ซึ่งมีโทษถึงจำคุก แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ มีแหล่งรับซื้อโลมาอยู่ และขายได้ราคาสูงถึง 100,000 บาท/ตัว โดยในพื้นที่ จ.ตราด มีโลมาอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณอ่าวตราด จะมีมากถึง 100 ตัวทีเดียว และโลมาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นโลมาหัวบาตร ส่วนโลมาอิรวดีมีน้อย
       
       “ผมเคยได้ยินว่ามีการล่าโลมาเพื่อนำไปขายส่งเสริมการท่องเที่ยวมีมานานเป็นปีแล้ว ปัจจุบันเห็นแต่ข่าวการล่าเพื่อนำไปชำแหละเนื้อขายในตลาดสดใน อ.คลองใหญ่ ซึ่งลักษณะนี้กระทำไม่ได้ จะต้องถูกจับและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เนื่องจากโลมาเป็นสัตว์สงวน และมีประโยชน์กับมนุษย์ ซึ่งผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสที่กรมประมง”
       
       ขณะที่ นายประดิษฐ์ คุ้มชนม์ นายก อบต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด กล่าวว่า หลังจากมีข่าวแพร่ออกไปว่ามีโลมามาอยู่ในอ่าวตราดจำนวนหลายสิบตัว ซึ่งคุ้นเคยกับชาวประมง และปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใน ต.แหลมกลัด เนื่องจากโลมาจะเชื่องและไม่กลัวคน ซึ่งที่ผ่านมาทราบข่าวว่ามีพรานล่าโลมาเข้ามาล่าอยู่บ้าง จึงได้มีกลุ่มอนุรักษ์และชาวประมงพื้นบ้านได้ดูแลและช่วยกันแจ้งข่าว
       
       ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบปัญหาในเรื่องนี้ทราบว่า มีพรานล่าโลมาที่เป็นชาวกัมพูชาและชาวไทยร่วมกันจับโลมาทั้งในพื้นที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา รวมทั้งในพื้นที่ อ.คลองใหญ่ ติดกับ ต.แหลมกลัด อ.เมือง และบางส่วนนำไปขายให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน จ.เกาะกง บางส่วนจะนำเนื้อมาแล่ขายในตลาด อ.คลองใหญ่ ที่มีผู้นิยมกินกันอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเคยมีเจ้าหน้าที่ประมง จ.ตราด และเจ้าหน้าที่ อบต.แหลมกลัด เข้าไปตรวจสอบและเคยห้ามปราบมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ทาง อบต.แหลมกลัดจะเข้มงวดในเรื่องนี้มากขึ้น


***************************************************************************************************************************


ธรณีพิโรธทิเบต 6.8 ริกเตอร์ตึกร้าว-หลายเมืองไหวหนัก!

      สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในอำเภอจงปาของทิเบตว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.8 ริกเตอร์ในอำเภอจงปา จังหวัดลื่อคาเสอ ทางตอนใต้ของทิเบตเมื่อคืนวันจันทร์ (25) ที่ผ่านมา โดยแรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ไกลในหลายเมือง และทำให้อาคารหลายหลังเกิดรอยร้าว
       
        ขณะที่ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ปรับลดความรุนแรงของเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวลงมาอยู่ที่ 6.3 ริกเตอร์ โดยระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.22 น.ตามเวลาท้องถิ่น (20.22 น.ตามเวลาในไทย) มีจุดศูนย์กลางห่างจากเมืองจัมลาของเนปาลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 225 กิโลเมตร และเกิดลึกลงไปใต้พื้นดินราว 35 กิโลเมตร
       
        ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก 2 ระลอก โดยวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.3 และ5.2 ริกเตอร์ตามลำดับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายแต่อย่างใด
       
        ทั้งนี้จังหวัดลื่อคาเสอของเขตปกครองตนเองทิเบตตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 7,000 ราย ขณะที่ยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 18,000 คน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 01:19:43 AM »

คม ชัด ลึก


"ยานใต้น้ำไร้คนขับ" ทร.ใช้ฝึกปราบเรือดำน้ำ
 


ความฝันของกองทัพเรือที่ต้องการจะมี "เรือดำน้ำ" เข้าประจำการในกองทัพเพื่อหลักประกันทางยุทธศาตร์ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ดูจะไกลเกินฝัน เนื่องจากเรือดำน้ำแต่ละลำมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท และการจัดซื้อจะต้องซื้อหลายลำเพื่อนำมาประกอบเป็นกำลังรบ

 แม้ความฝันในการมีกองเรือดำน้ำจะยากที่จะเป็นจริงแค่ไหน แต่กองทัพเรือไทยก็มุ่งมั่นที่จะไล่ตาม และพัฒนาเทคโนโลยีเรือดำน้ำขึ้นมาเองให้ได้ โดยได้พัฒนาโครงการ "ยานใต้น้ำ" ขึ้นมาเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีเบื้องต้นของเรือดำน้ำเพื่อต่อยอดขึ้นสู่ระดับสูงในอนาคต

 เมื่อเร็วๆ นี้ พล.ร.อ.ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ปฏิบัติหน้าที่นายทหารโครงการวิจัย และพัฒนา ยานใต้น้ำไร้คนขับสำหรับฝึกปราบเรือดำน้ำ พร้อมนักวิจัยจากกองทัพเรือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัทนนทรี จำกัด ได้ร่วมทดสอบยานใต้น้ำไร้คนขับ บริเวณอ่าวสัตหีบ ระหว่าง เกาะตอม่อ กับ เกาะพระ



 การทดสอบยานใต้น้ำครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าของโครงการใน "ระยะสุดท้าย" ก่อนจะปิดโครงการภายในวันที่ 30 กันยายน เพื่อส่งมอบยานใต้น้ำไร้คนขับ จำนวน 3 ลำ ให้กองทัพเรือไว้ใช้ในราชการต่อไป

 พล.ร.อ.ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ว่า ยานใต้น้ำไร้คนขับที่จัดสร้างขึ้นจะมีคุณลักษณะเหมือนเรือดำน้ำที่ใช้ในแวดวงการทหาร แต่มีขนาดเล็กกว่า

 กองทัพเรือ ตั้งเป้าจะใช้ยานใต้น้ำในโครงการนี้เพื่อ "ฝึกปราบเรือดำน้ำ" เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีเรือดำน้ำประจำการ แม้โครงการเรือดำน้ำจะมีการริเริ่มมานานกว่า 60 ปี ตามพระดำริของ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ครั้งยังทรงรับราชการอยู่ในกองทัพเรือ แต่หลังจากนั้นก็มิได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง



 พล.ร.อ.ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ กล่าวย้ำว่า เรือดำน้ำของข้าศึกเป็นภัยคุกคามสำคัญสำหรับเรือรบของกองทัพเรือ เนื่องจากการตรวจพบเรือดำน้ำทำได้ยาก แม้ว่าจะมีเครื่องมือที่ทันสมัยก็ตาม

 ดังนั้น กำลังพลประจำเรือผิวน้ำ จึงต้องฝึกฝนอย่างหนักถึงจะมีขีดความสามารถในการ "ปราบเรือดำน้ำ" ของข้าศึกได้

 การฝึกปราบเรือดำน้ำที่ดีที่สุด คือ การฝึกค้นหา และปราบเรือดำน้ำจริงๆ แต่เนื่องจากกองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำประจำการ จึงต้องรอคอยโอกาสที่เรือดำน้ำจากมิตรประเทศเดินทางมายังน่านน้ำไทย และอาศัยห้วงดังกล่าวทำการฝึกเป็นครั้งคราว



 ด้วยอุปสรรคประการสำคัญนี้ทำให้คณะวิจัยของกองทัพไทย นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และช่างเทคนิค จากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมกันพัฒนายานใต้น้ำไร้คนขับเพื่อใช้เป็น "เป้าฝึกปราบเรือดำน้ำ" ตามนโยบายการพึ่งพาตนเองของกระทรวงกลาโหม

 ระยะแรก เริ่มขึ้นเมื่อปี 2543 โดยสามารถพัฒนายานใต้น้ำที่ขับเคลื่อนใต้น้ำได้จริง เป็นยานรูปร่างคล้ายตอร์ปิโด ความยาว 3 เมตร น้ำหนัก 300 กก. ดำน้ำลึกสุด 30 เมตร ใช้กำลังแบตเตอรี่ขับใบจักร อยู่ใต้น้ำติดต่อกันได้นาน 2 ชั่วโมง แล่นด้วยตัวเองในลักษณะอิสระ และจะลอยขึ้นเมื่อหมดพลังงานทำให้มีปัญหาในการเก็บกู้ และไฮโดรโฟน (เครื่องส่งสัญญานเสียงใต้น้ำ) ของยานก็ยังทำงานได้ไม่ดีพอ

 แต่มีข้อดี คือ ใช้งบประมาณการผลิตเพียง 3 แสนบาท...ขณะที่ต่างประเทศตั้งราคาขายตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป



 ส่วนยานใต้น้ำลำปัจจุบันได้รับการปรับปรุงจนมีขีดความสามารถสูงกว่ารุ่นแรกมาก โดยสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง ความเร็วสูงสุด 5 น็อต มีระบบหาตำแหน่งด้วยสัญญาณดาวเทียม (GPS) และสามารถส่งคลื่นวิทยุบอกตำแหน่งไปยังเรือใหญ่ทำให้สามารถตามเก็บยานขึ้นจากน้ำได้ง่าย มีระบบส่งสัญญาณเสียงใต้น้ำ ทำให้เกิดสัญญาณปรากฏบนจอโซนาร์ของเรือผิวน้ำได้เหมือนสถานการณ์จริง ทั้งยังสามารถกำหนดรูปแบบการเคลื่อนที่ใต้น้ำ เพื่อประโยชน์สำหรับการฝึกพนักงานโซนาร์ให้ค้นหาเรือด้วยสัญญาณวิทยุได้ถึง 10 รูปแบบ

 ยานใต้น้ำในปัจจุบันใช้งบประมาณราว 9 แสนบาท...ถูกกว่าของต่างประเทศ 5 เท่าในยานที่มีประสิทธิภาพพอๆ กัน

 ผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ เพราะทุกระบบสามารถทำงานได้ถูกต้องเที่ยงตรงตามที่ตั้งโปรแกรมไว้ ไม่มีปัญหาการรั่วซึม สามารถเคลื่อนที่ท่ามกลางกระแสน้ำ และสภาวะแวดล้อมจริงได้ดี

 ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพกับหน่วยงานพลเรือน และภาคเอกชนต่างๆ ประกอบด้วย กรมอู่ทหารเรือ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ ภาควิชาวิศวกรรมการบิน และอากาศยาน ม.เกษตรศาสตร์ และบริษัท นนทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านการสร้างเครื่องจักรสำหรับงานอุตสาหกรรม

 "เราทำงานร่วมกันมายาวนานหลายปีด้วยความวิริยะอุตสาหะ ซึ่งนอกเหนือจากจะได้มาซึ่งยานใต้น้ำอันเป็นเป้าหมายแล้ว การแสดงบทบาทนักวิจัยไทยบนพื้นฐานการพึ่งพาตนเองยังเป็นอีกตัวอย่างที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถในสาขาอื่นหันมาใช้ศักยภาพของตนริเริ่มพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่จะยังประโยชน์แก่ประเทศชาติในอนาคตต่อไป"

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 01:25:22 AM »

แนวหน้า


ทรงปลูกปะการังกิ่งแรกเปิดโครงการ ‘วินีไทย ปลูกปะการัง 8 หมื่นกิ่ง ถวายในหลวง’ 
 
 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดโครงการ “วีนิไทย ร่วมใจปลูกปะการัง ๘๐,๐๐๐ กิ่งที่เริ่มต้น เพื่อล้นเกล้า” จัดทำโดย บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองทัพเรือ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี และ มูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ ในวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา

 มร.กุนเธอร์ วิลแฮล์ม นาโดนี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผงพลาสติกพีวีซี และโซดาไฟ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งทำกิจกรรมเพื่อสังคมโดยมีรูปแบบที่อยู่ในกรอบของมาตรฐานโลกคือ การเข้าไปเชื่อมโยงให้ความรู้ความใส่ใจกับคุณภาพชีวิตกับคนในชุมชน และมองว่าแนวทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมก็คือ ต้องให้ความสำคัญกับเสียงเรียกร้องปัญหาที่ได้ยินมาจากชุมชน ปัญหาหนึ่งที่บริษัทฯ มองเห็น คือปัญหาการถูกรบกวนของปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลและเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำที่หายาก ซึ่งส่งผลกระทบทางตรงกับวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชน

 “บริษัทฯได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมด้านการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ปะการังในพื้นที่ท้องทะเลไทย โดยผ่านมูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ โดยความอุปถัมภ์ของ บมจ.วีนิไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา โดยเราสามารถขยายพันธุ์ปะการังเขากวางโดยใช้ท่อพีวีซีได้รวม 10,000 กิ่งเป็นผลสำเร็จ

 และจากความสำเร็จนี้เอง เราจึงได้ขยายขอบข่ายการดำเนินการโครงการต่อเนื่องยังพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยอื่นๆ และในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา จึงได้จัดโครงการ วีนิไทย ร่วมใจ ปลูกปะการัง ๘๐,๐๐๐กิ่ง ที่เริ่มต้น เพื่อล้นเกล้า เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล”

 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดโครงการฯ ในวันที่ 26 สิงหาคม ศกนี้ ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา โดยพระองค์จะทรงปลูกปะการังต้นแรกเพื่อเริ่มโครงการ วีนิไทย ร่วมใจปลูกปะการัง ๘๐,๐๐๐ กิ่ง ที่เริ่มต้น เพื่อล้นเกล้า โดยจะมีรหัสประจำต้นที่ทรงปลูกคือ 00001 โดยส่วนที่เหลือจะเป็นการเชิญแขกผู้มีเกียรติ ศิลปิน ดารา ร่วมปลูกเพื่อปลุกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ปะการังแก่ชุมชน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี”

 อ.ประสาน แสงไพบูลย์ ประธานมูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ โดยความอุปถัมภ์ของ บมจ.วีนิไทย เปิดเผยว่า แนวคิดด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูปะการังได้มีการเริ่มทำการทดลองปลูกปะการังด้วยท่อพีวีซีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยคณะอาจารย์สถาบันราชภัฏรำไพพรรณี ร่วมกับ นักเรียนโรงเรียนพลูตาหลวงวิทยา ณ บริเวณหาดแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ทดลองเพาะเลี้ยงปะการังที่อยู่ในสภาพแตกหัก โดยใช้แปลงเหล็กข้ออ้อยและใช้ท่อพีวีซีเป็นฐานยึดกิ่งปะการังที่หักเพื่อเลียนแบบลักษณะการดำรงชีวิตในธรรมชาติ พบว่าท่อพีวีซีสามารถทำให้ปะการังฟื้นคืนสภาพและเจริญเติบโตได้อย่างดี แสดงให้เห็นว่าวัสดุพีวีซีสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้

 นปัจจุบันจึงมีการพัฒนาสร้างแปลงขยายพันธุ์ปะการังด้วยวัสดุพีวีซี ทั้งแปลงแทนการใช้เหล็กข้ออ้อย จากนั้นในปี พ.ศ. 2546 จึงได้มีการริเริ่มโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูปะการังเขากวาง จำนวน 10,000 ต้น โดยมีเป้าหมายที่จะให้มีปริมาณปะการังเพียงพอในการฟื้นฟูท้องทะเลไทยและเพื่อเก็บบางส่วนไว้เป็นต้นพันธุ์สำหรับการขยายพันธุ์ต่อไป

 โครงการ “วีนิไทย ร่วมใจ ปลูกปะการัง ๘๐,๐๐๐ กิ่ง ที่เริ่มต้น เพื่อล้นเกล้า” ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์พันธุ์ปะการัง ประกอบด้วย บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองทัพเรือ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี และมูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ โดยความอุปถัมภ์ของ บมจ. วีนิไทย และ ตลอดจนชุมชนอนุรักษ์ทะเลในจังหวัดต่างๆ ประกอบด้วย พื้นที่ชายฝั่งช่องแสมสาร จ. ชลบุรี พื้นที่เกาะเสม็ด จ. ระยอง พื้นที่เกาะหวาย จ. ตราด พื้นที่เกาะทะลุ จ. ประจวบคีรีขันธ์ 

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 01:35:16 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


 กรมประมง สร้างเครือข่าย “ยุวประมง” มุ่งปลูกจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลให้กับเยาวชน

วันนี้ (23 ส.ค. 51) ที่โรงเรียนวัดสลักเพชร ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด นายบุญเลิศ วรวงศ์ ปลัดอำเภอเกาะช้าง เป็นประธานเปิดฝึกอบรมหลักสูตร “ยุวประมง” รุ่นที่ 3 ประจำปี 2551 ซึ่งศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลอ่าวไทย กรมประมง โดยหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะช้างจัดขึ้น โดยมีเยาวชนในพื้นที่อำเภอเกาะช้างกว่า 150 คน เข้าร่วมโครงการ

นายประทีป เจริญทรัพย์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะช้าง กล่าวว่า การจัดโครงการในครั้งนี้เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะค่ายในระยะเวลา 3 วันของการจัดโครงการ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกรมประมง ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันกำลังเจ้าหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดทางด้านทรัพยากรประมงมีจำนวนไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ดังนั้นการสร้างเยาวชนยุวประมงนี้จึงมีความจำเป็นในการช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางราชการจึงมีจำเป็น โดยเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้ในเรื่องของทะเลไทย สัตว์ทะเล และกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการประมง การแจ้งข้อมูลให้กับภาครัฐ พร้อมทั้งปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนมีความรักและหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำซึ่งเป็นสมบัติของชาติ 

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง