กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 11:42:41 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 30 กันยายน 2551  (อ่าน 3158 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กันยายน 30, 2008, 12:45:53 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

เมื่อเวลา 05.00 น. วันนี้ (30 ก.ย.51) พายุโซนร้อน“ เมขลา ”บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของจังหวัดนครพนม หรือที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กม./ ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ ชม.

คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นสู่ชายฝั่งของเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนามตอนบนในเช้าวันนี้( 30 ก.ย. 51) และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น โดยมีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในแนวจังหวัดนครพนม ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ลาดเชิงเขาและใกล้ทางน้ำไหลโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ หนองคาย สกลนคร อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นได้อีกในระยะ 1-3 วันข้างหน้านี้ ( 30 ก.ย. - 2 ต.ค. 51)

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันที่ 30 ก.ย. – 1 ต.ค.51 นี้ไว้ด้วย   



กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.


คาดหมาย

พายุโซนร้อน “เมขลา” ในทะเลจีนใต้ตอนกลาง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนทางเหนือ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 1-2 ต.ค. ต่อจากนั้นพายุจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ส่วนร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงยังคงพาดผ่านตอนกลางของประเทศไทย และ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และ มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 3-5 ต.ค. ร่องความกดอากาศที่พาดผ่านประเทศไทย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ทั่วประเทศมีฝนลดลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 29 ก.ย. – 2 ต.ค. ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณพื้นที่ราบลุ่ม และบริเวณพื้นที่ลาดเชิงเขา อาทิเช่น บริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ลพบุรี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงาระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือในทะเลทางภาคใต้ทั้งสองฝั่งเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ เนื่องจากคลื่นลมมี กำลังค่อนข้างแรง



* Forecast2.jpg (40.01 KB, 693x430 - ดู 451 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 30, 2008, 12:59:26 AM »

เดลินิวส์


‘เมลามีน’ ตัวก่อ ‘นิ่ว’



 ใครทราบบ้างว่า สารเมลามีน มีโทษต่อร่ายกายอย่างไร วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องเกี่ยวกับ สารเมลามีน มาบอกกัน...

“เมลามีน” มีสารฟอร์มาลดีไฮด์ หรือ ฟอร์มาลิน เป็นส่วนประกอบ ซึ่งใช้ผลิตพลาสติก เช่น จานเมลามีน ถุงพลาสติก พลาสติกห่ออาหาร และ ยังใช้ในอุตสาหกรรมเม็ดสี ทำเป็นหมึกพิมพ์  สีเหลือง รวมทั้งนำไปใช้ทำน้ำยาดับเพลิง น้ำยาทำความสะอาด ปุ๋ยเคมี ส่วนผสมอาหารสัตว์ เพราะโครงสร้างเมลามีนมี ไนโตรเจน เป็นส่วนประกอบสูงมาก

คุณสมบัติของเมลามีน มีลักษณะเป็น เมตาโบไลท์ ของ ไซโรมาซีน (Cyromazine)  ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงชนิดหนึ่ง เมื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและพืชได้รับเข้าไปจะสามารถเปลี่ยนเป็นเมลามีนได้ มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบถึง 66.67%  คิดเป็นปริมาณโปรตีนได้ 416.66% จัดอยู่ในพวก Non-Protein Nitrogen (NPN) ของสัตว์กระเพาะรวม เช่น โค กระบือ สุกร แกะ แพะ แต่ไม่นิยมใช้ เพราะทำให้ กระบวนการย่อยสลาย (Hydrolysis) ช้าและไม่สมบูรณ์เหมือนพวก “ยูเรีย”

“เมลามีน” มีลักษณะเป็นผงสีขาว มีสูตรโครงสร้างทางเคมีว่า C3H6 N6 (1,3,5 Triazine 2,4,6 Triamine) ละลายน้ำได้น้อย ปกติมัก  จะนำเมลามีนคุณภาพดีไปทำเม็ดพลาสติกเรียกว่า “เม็ดเลซินเมลามีน” ส่วนเศษที่เหลือที่คุณภาพเลวจะนำไปทำของใช้ ซึ่งเมลามีนประเภทนี้มีราคาถูก และส่งผลให้เกิดอนุพันธ์เมลามีนขึ้นหลายชนิด เรียกว่า เมลามีนอันนาล็อก ประกอบด้วย ammeline, ammelide และ cyanuric acid แม้จะเป็นอนุพันธ์ของเมลามีนแต่ก็ยังมีโปรตีนสูงถึง 224.36%

อันตรายของสารเมลามีน ในคนจะทำให้เกิดการระคายเคืองเมื่อสูดดม ทำให้ตาและผิวหนังอักเสบ ซึ่งหากเกิดอาการที่ผิวหนังควรล้างด้วยน้ำสะอาด ถ้ามีอาการแพ้ให้ทาด้วยยาสเตียรอยด์ ชนิดไม่แรงมากนัก หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปปรึกษาแพทย์ และเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้ระบบสืบพันธุ์ถูกทำลาย เกิดนิ่วในท่อปัสสาวะและไต ลุกลามเป็นมะเร็งที่ท่อปัสสาวะ ข้อสังเกตคือ ปัสสาวะมีสีขาวขุ่น เพราะมีโปรตีนและเลือดถูกขับออกมาด้วย ส่งผลให้ตับและไตมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หากสะสมในปริมาณมากอาจเสียชีวิตได้ ถ้าในสัตว์เลี้ยงจะทำให้ซูบผอม อุจจาระแข็งเป็นเม็ด ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นไหม้รุนแรง พื้นคอกสีขาว ผิวหนังเป็นมะเร็ง หากมีปริมาณมาก ๆ จะทำให้ตายเฉียบพลัน เพราะไตวาย

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันให้มาก ๆ จะได้ห่างไกลปลอดภัยจากสารอันตรายทั้งหลาย.


****************************************************************************************************************************


รัสเซียส่งเรือรบลุยปราบโจรสลัดโซมาเลีย

 ทางการรัสเซียส่งเรือรบเข้าสู่น่านน้ำโซมาเลีย ภายหลังมีเหตุโจรสลัดเข้าปล้นเรือบรรทุกอาวุธ-รถถัง

นายอิกอร์ ไดกาโล โฆษกกองทัพเรือรัสเซียแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า ทางการรัสเซียได้ส่งเรือรบนิวสตราชิมีหรือเฟียร์เลส มุ่งหน้าสู่น่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลีย หลังเกิดเหตุโจรสลัดบุกปล้นและยึดเรือสินค้ายูเครนที่บรรทุกรถถังที-72 จำนวน 33 คัน รวมทั้งเครื่องกระสุนและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ เครื่องยิงระเบิดกับอะไหล่ต่าง ๆ สำหรับกองทัพเคนยา

โดย เรือไฟนา พร้อมลูกเรือ 21 คน รวมทั้งชาวยูเครน 17 คน ชาวรัสเซีย 3 คน และชาวลัต เวีย 1 คน ถูกโจรสลัดบุกปล้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ใกล้เมืองท่ามอมบาซาของเคนยา ทำให้รัสเซียส่งเรือฟรีเกตลำหนึ่งเข้าสู่ภูมิภาคโซมาเลีย เพื่อปราบปรามกลุ่มโจรสลัดที่นับวันออกอาละวาดบ่อยขึ้น รวมทั้งยังช่วยเหลือลูกเรือชาวรัสเซีย สำหรับเรือรบรัสเซียลำนี้ ติดขีปนาวุธและปืน พร้อมลูกเรือ 200 คน จะลอยลำอยู่ใกล้โซมาเลีย โดยใช้เวลาปฏิบัติการนานกว่าสองเดือนเพื่อที่จะรับรองความปลอดภัยให้แก่เรือต่าง ๆ ของรัสเซีย

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในโซมาเลียกล่าวว่า เรือสินค้าของยูเครนที่ขนส่งอาวุธรัสเซีย ได้ถูกโจรสลัดบุกปล้น ขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองฮาราดเฮเรในภูมิภาคที่ควบคุมโดยกลุ่มหัวรุนแรง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโมกาดิชูของโซมาเลีย ไปทางเหนือราว 410 กม. อย่างไรก็ตาม มีรายงานมาว่า กลุ่มโจรสลัดต้องการเงินค่าไถ่ โดยเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ได้โพสต์บทสนทนาทางโทรศัพท์ของชายผู้หนึ่งที่ระบุว่า เป็นลูกเรือของเรือสินค้ายูเครน ที่บอกว่า โจรสลัดต้องการคุยกับเจ้าของเรือเกี่ยวกับเงิน แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า โจรสลัดต้องการเงินค่าไถ่เท่าใด

เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานสมุทรศาสตร์ระหว่างประเทศกล่าวว่า เรือบรรทุกสารเคมีของกรีซลำหนึ่งพร้อมลูกเรือ 19 คน ได้ถูกโจรสลัดบุกปล้นในอ่าวเอเดนของโซมาเลีย นายโนเอล ชุง หัวหน้าศูนย์รายงานโจรสลัดของสำนักงานสมุทรศาสตร์ระหว่างประเทศ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียบอกว่า เรือกรีซถูกโจรสลัดเข้าโจมตีเมื่อวันศุกร์ระหว่างเดินทางจากยุโรปสู่ตะวันออกกลาง ซึ่งโจรสลัดโซมาเลีย ได้ใช้ปืนกลโจมตีเรือสินค้า.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 30, 2008, 01:09:37 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ประมงพื้นบ้านสงขลายันประท้วง “นิวคอสตอล” เพื่อความมั่นคงด้านทรัพยากร-ผวจ.ส่งคนเจรจาเครียด



 ประมงพื้นบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอของสงขลาออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 เรียกร้องและชี้แจงให้สังคมรับทราบถึงการออกมาเคลื่อนไหวประท้วงปิดปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา ระบุ ชุมนุมเพื่อเรียกร้องหลักประกันให้อาชีพประมงพื้นบ้านดำรงอยู่ต่อไป และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พี่น้องประชาชน ขณะที่จังหวัดสงขลาส่งตัวแทนเข้าเจรจา ล่าสุด ยังไม่มีการสลายการชุมนุม
       
       ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.ระโนด อ.สทิงพระ และ อ.สิงหนคร ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 เรียกร้อง และชี้แจงให้สังคมรับทราบถึงการออกมาเคลื่อนไหวประท้วงปิดปากน้ำทะเลสาบสงขลา โดยระบุว่า เป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องหลักประกันให้อาชีพประมงพื้นบ้านดำรงอยู่ต่อไปและสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พี่น้องประชาชนทั่วไป
       
       จากการที่รัฐบาลให้สัมปทานแก่บริษัท นิวคอสตอล ในการขุดเจาะน้ำมันบริเวณชายฝั่งทะเลอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลาเป็นระยะเวลา 16 ปี ในบริเวณที่ห่างจากฝั่งประมาณ 14-30 กิโลเมตร ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออาชีพชาวประมงและแหล่งอาหารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตามที่ได้ชี้แจงพี่น้องประชาชนมาในแถลงการณ์ฉบับที่ 1 และ 2 มาแล้วนั้น
       
       พวกเราประมงพื้นบ้าน 3 อำเภอ ได้แก่ ระโนด สทิงพระ และ สิงหนคร ขอชี้แจงต่อพี่น้องประชาชน ว่า โครงการขุดเจาะน้ำมันของบริษัทต่างชาตินี้เป็นโครงการที่ไม่โปร่งใส ละเมิดสิทธิชุมชนเห็นได้จากการที่อนุมัติให้ดำเนินโครงการทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบผลกระทบที่ชัดเจน และจะทำให้อาชีพประมงพื้นบ้านสูญสิ้นไปจากการดำเนินโครงการในพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ทำกินของชาวประมงพื้นบ้านซึ่งจับสัตว์น้ำในบริเวณนั้นมาเป็นเวลาหลายสิบปี
       
       อันจะมีผลกระทบตั้งแต่การเริ่มขนย้ายอุปกรณ์ก่อสร้างโครงการฯติดตั้งแท่นเจาะ การดำเนินการขุดเจาะน้ำมัน การลำเลียง และกักเก็บน้ำมันซึ่งนอกจากชาวประมงไม่สามารถจับสัตว์น้ำในพื้นที่เดิมดังกล่าวได้แล้วจะส่งผลให้ปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ ต้องอพยพหนีไปจากแหล่งทำการประมง รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาภายหลังการดำเนินโครงการและอาจรุนแรงขึ้นหากมีสารพิษตกค้างอยู่และสะสมในสัตว์น้ำซึ่งจะเป็นอาหารของพี่น้องประชาชนทั่วไปในเวลาต่อมา ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลปล่อยให้โครงการขนาดใหญ่ของทุนต่างชาติเข้ามารุกรานวิถีทำกินของประมงพื้นบ้าน อย่างยากที่ประเทศใดจะทำเช่นนี้นอกจากประเทศที่ไม่ต้องการให้มีชาวประมงพื้นบ้านอีกต่อไปแล้วจะให้ชาวประมงพื้นบ้านเช่นเราทำอย่างไร
       
       เราเห็นว่า หากมีการตรวจสอบโครงการ ให้มีความโปร่งใสตรวจสอบผลกระทบที่ชัดเจน จนกระทั่งพบว่ามีความจำเป็นต้องทำโครงการจริงๆ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะให้หลักประกันด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนทั่วไปและหลักประกันแก่ชาวประมงพื้นบ้านว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายน้อยที่สุดทั้งยังสามารถดำรงวิถีชีวิตประมงพื้นบ้านอยู่ต่อไปได้
       
       หากทำเช่นนี้ไม่ได้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้โครงการสัมปทานขุดเจาะน้ำมันนี้ดำเนินโครงการต่อไป แต่หากทำได้หนทางที่จะทำให้วิถีประมงพื้นบ้านดำรงอยู่ต่อไป
       
       รัฐบาลและบริษัทจะต้องสร้างหลักประกันในด้านอาชีพ เช่น พื้นที่ทำการประมง
       สิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมไปถึงวิถีชีวิตประมงพื้นบ้านและสุขภาพที่เกิดจากการได้รับอาหารที่ปลอดภัยอันเป็นการเชื่อมโยงไปถึงความมั่นคงทางอาหารของพี่น้องประชาชนทั่วไปที่มิได้ประกอบอาชีพประมงด้วยเช่นกัน
       
       แต่สิ่งที่เราเรียกร้องดังกล่าวข้างต้นที่ผ่านมา รัฐบาลกลับไม่มีท่าทีรับฟังตรงกันข้ามหน่วยงานรัฐกลับพยายามเจรจาแทนบริษัท ให้พวกเรายอมรับการชดเชยค่าเสียหาย ทั้งๆ ที่ยังปราศจากเงื่อนไขประการใดที่จะควบคุมบริษัทเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
       
       แม้แต่การเปิดเผยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชนซึ่งหมายถึงการเปิดเผยการทำงานผลบริษัทว่าจะมีผลกระทบอะไรบ้างก็ไม่จัดทำไม่ให้รายละเอียดใดๆ แก่ประชาชน
       
      ยิ่งไปกว่านั้นอย่าว่าแต่หลักประกันใดๆ ที่กล่าวมาเลยเราเห็นความพยายามปัดความรับผิดชอบของบริษัทได้จากการที่ว่าแม้หน่วยงานราชการจะพยายามเจรจาแทนบริษัทให้จ่ายค่าเสียหายแต่ทางบริษัทกลับบ่ายเบี่ยงมาตลอด


       
       วันนี้มีการลากแท่นเจาะ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมาเพื่อเริ่มดำเนินโครงการทั้งที่บริษัทเคยชี้แจงว่าจะแจ้งล่วงหน้า 15 วัน และรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาสัญญาว่าหากบริษัทดำเนินการโดยที่ไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจนจะให้ลากอุปกรณ์ทั้งหมดกลับไป แต่ทั้งหมดนี้เป็นการโกหกทั้งสิ้นจนเราสุดที่จะทนได้แล้วบริษัทและผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดเป็นฝ่ายบีบบังคับให้เราจำเป็นต้องนำเรือมาชุมนุมทั้งที่ไม่อยากทำ จึงขอยืนยันข้อเรียกร้องต่อบริษัทผู้ดำเนินโครงการและรัฐบาลให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
       
       1.ให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบในการอนุมัติสัมปทานและควบคุมกิจการของผู้ขุดเจาะน้ำมันต้องกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ในการที่จะควบคุมการดำเนินงานของบริษัทตลอดจนถึงหลังการดำเนินโครงการเสร็จสิ้นว่าจะมีวิธีการอย่างไร โดยจะต้องรับฟังความคิดเห็นเปิดเผยข้อมูลทุกด้านต่อประชาชนเพื่อพิจารณาและร่วมตัดสินใจในการกำหนดมาตรการ
       
       2.เมื่อกำหนดเงื่อนไขตามข้อ 1.ได้แล้ว ให้ออกกฎ กติกาที่จะกำหนดให้บริษัทต้องผูกพันที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าวโดยต้องไปกำหนดในสัญญาสัมปทานให้หน่วยงานราชการสามารถควบคุมบริษัทตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้
       
       3.เพื่อเป็นหลักประกันว่า การดำเนินการในอนาคตนั้นการทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้านต้องไม่กระทบกระเทือนจนไม่สามารถทำมาหากินได้ต้องให้ประชาชนตรวจสอบควบคุมการทำงานของบริษัทให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้หากบริษัทฝ่าฝืน
       ชาวประมงพื้นบ้านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทยุติการดำเนินงานได้ทันที
       
       4.ในส่วนของการดำเนินโครงการฯ หากบริษัทประสงค์จะดำเนินโครงการจะต้องทำข้อตกลงเหล่านี้ให้เรียบร้อยโดยเจรจาร่วมกันระหว่างชาวประมงพื้นบ้านบริษัท และตัวแทนภาครัฐวางข้อกำหนดที่จะแก้ไขสัญญาสัมปทานเหล่านี้ให้เรียบร้อยจึงจะดำเนินโครงการต่อไประหว่างการเจรจาจะต้องยุติการทำงานใดๆ ที่จะเป็นการก่อสร้างโครงการในท้องทะเลโดยเด็ดขาด
       
       5.นอกจากนั้น ในส่วนของค่าชดเชย ซึ่งค่าชดเชยเบื้องต้นสำหรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในระยะเริ่มก่อสร้างเท่าที่ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานราชการมาแล้ว
       ขอให้บริษัทเร่งดำเนินการดังกล่าว โดยทันที
       
       สุดท้ายนี้ขอเรียกร้องให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านยืนหยัดต่อสู้เพราะเราไม่มีอำนาจ ไม่มีวิถีทางอื่นจึงจำเป็นต้องนำเรือออกมาชุมนุมจนกว่าจะได้รับการยืนยันตามข้อตกลงที่กล่าวมาจึงขอบอกกล่าวต่อเพื่อนมิตรที่ทำการประมงว่าเราไม่มีหนทางอื่นใดที่จะแก้ปัญหาจะสร้างหลักประกันให้พ้นจากอันตราย จากการสูญเสียวิถีทำการประมง
       
       จึงขอเรียกร้องให้ร่วมกันต่อสู้จนกว่าบริษัทและภาครัฐจะสำนึกถึงภาระความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อสังคมและขอให้ประชาชนทั่วไปสาขาอาชีพอื่นๆ ได้เข้าใจถึงความจำเป็นในการนำเรือออกมาชุมนุมในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน”
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากการประท้วงปิดปากร่องน้ำของชาวประมงพื้นบ้านในครั้งนี้กำลังส่งผลกระทบต่อเรือขนส่งสินค้าและพลังงานในพื้นที่ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่อาจมีการใช้กำลังสลายผู้ชุมนุม
       
      อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายได้ส่งตัวแทนและกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อสรุป


****************************************************************************************************************************


จนท.ออสซีช่วยวาฬถูกอวนพันหางนานนับสัปดาห์
 
       วาฬหลังค่อมน้ำหนักตัวถึง 40 ตัน ที่ถูกอวนดักปลาฉลามพันเข้าที่หาง ขณะว่ายน้ำอยู่ในบริเวณนอกชายฝั่งโกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ของออสเตรเลียได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่แล้ว หลังจากที่มันต้องทนทรมานลากอวนที่มีความยาวถึง 150 เมตร และมีสมอติดอยู่ด้วยมานานถึง 7 วัน จนกระทั่งมันมีอาการอ่อนแรง

        การช่วยเหลือวาฬครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานถึง 7 ชั่วโมง ในการที่จะปลดอวนออกจากหางวาฬเคราะห์ร้าย แต่การช่วยเหลือก็ผ่านไปได้ด้วยดี โดยที่วาฬไม่ได้รับบาดเจ็บและมันสามารถว่ายน้ำได้ตามปกติ เหตุการณ์วาฬติดอวนมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่วาฬย้ายถิ่น

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 30, 2008, 01:14:21 AM »

มติชน


ธรณีเขย่านิวซีแลนด์ 7.3 ริกเตอร์ อาฟเตอร์ช็อคตาม

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ระบุว่า เมื่อเวลา 03.09 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 22.19 น.  วันที่ 29 ก.ย.  ตามเวลาประเทศไทยไทย ได้เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 7.3 ริกเตอร์ ที่หมู่เกาะเคอร์มาเดคของนิวซีแลนด์  มีระดับความลึกจากผิวดิน 35 กิโลเมตร  เบื้องต้นไม่มีรายงานการแจ้งเตือนภัยสึนามิ รวมถึงการแจ้งความเสียหาย

ทั้งนี้ ภายหลังเกือบ 1 ชั่วโมงนับจากเหตุแผ่นดินไหว ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อค วัดความรุนแรงได้ 5.3 ริกเตอร์ ทั้งนี้ เหตุแผ่นดินไหวมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในนิวซีแลนด์ เนื่องจากเป็ประเทศที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลก ซึ่งยังส่งผลให้เกิดภูเขาไฟปะทุบ่อยครั้งเช่นกัน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 30, 2008, 01:19:06 AM »

ข่าวสด


ท่าเทียบเรือมารีน่า ตีกลับข้อมูลไม่ชัด

ภูเก็ต - นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม บริเวณจังหวัดภูเก็ต มีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้มีโครงการด้านที่อยู่อาศัยและบริการชุมชน จำนวน 26 โครงการ มีทั้งโรงแรม อาคารพักอาศัยรวม อพาร์ตเมนต์ อาคารชุด โครงการจัดสรรที่ดิน ฯลฯ ส่วนใหญ่จะได้รับความเห็นชอบ

การประชุมครั้งนี้มีโครงการที่น่าสนใจ คือโครง การท่าเทียบเรือมารีน่า ยื่นเรื่องเข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ เนื่องจากการชี้แจงรายละเอียดไม่ชัดเจน โดยเฉพาะแนวสะพานว่าคาบเกี่ยวกับแนวปะการังหรือไม่อย่างใด โดยคณะกรรมการให้บริษัทที่ปรึกษาไปดำเนินการใหม่ ซึ่งรวมถึงการฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่


*******************************************************************************************************************************************


"อียิปต์"สร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ ชมโบราณวัตถุนครอเล็กซานเดรีย


 
อียิปต์วางแผนสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ ที่ เมืองอเล็กซานเดรีย บริเวณที่พระ ราชวังของพระนางคลีโอพัตราจมลงสู่ท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อประมาณศตวรรษที่ 4 เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยูเนสโกแถลงว่า จะจัดเงินทุนสนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพิพิธภัณฑ์ใต้ทะเล โดยบริเวณที่จะสร้างคือ "ห้องสมุดใหม่แห่งอเล็กซานเดรีย" ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่พระนางคลีโอพัตราหลบซ่อนตัวอยู่กับมาร์ก แอนโทนี่ ก่อนปลงพระชนมชีพ

เมื่อราวสิบกว่าปีที่แล้ว นักโบราณคดีได้ดำน้ำลงไปดูซากนครอเล็กซานเดรีย ในความลึก 5-6 เมตร พบว่า ในอ่าวอเล็กซานเดรียแห่งนี้มีสมบัติโบราณเต็มไปหมด ประเมินแล้วมากกว่า 2,000 ชิ้น ทั้งสฟิงห์ 26 ตัว ซากเรืออับปางที่เป็นของโรมันและกรีกโบราณ
 


นายนากิบ อามิน ผู้เชี่ยวชาญจากสมัชชาสูงสุดโบราณวัตถุอียิปต์ กล่าวว่า "สมบัติใต้ท้องทะเลที่พบนี้ดูแล้วน่าประทับใจจริงๆ เมืองโบราณอเล็กซานเดรียทั้งเมืองจมอยู่ใต้ทะเล ทั้งยังน่าจะเป็นที่ตั้งของโบราณสถาน อย่างประภาคารฟาโรห์แห่งอเล็กซานเดรีย ที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของยุคโบราณ"

ด้านนายฌากส์ รูจเจอรี่ สถาปนิกชาวฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในคณะการศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ กล่าวว่า "ธรรมชาติเป็นผู้สร้างบรรยากาศแปลกใหม่ ไม่เหมือนกับการเข้า ไปชมโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์อื่นๆ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ คงเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับนักบินอวกาศเมื่อขึ้นไปบนอวกาศ"

รูจเจอรี่ออกแบบพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำให้มีเสารูปใบเรือสูง 4 มุม เหมือนกับเรือแห่งเฟลลูคัส ซึ่งเป็นเรือที่ใช้ท่องแม่น้ำไนล์ในสมัยโบราณ บนยอดเสา 4 ยอด เป็นสัญลักษณ์แทนประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย

อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลในอ่าวมีความขุ่นมาก นักท่องเที่ยวอาจมองเห็นความสวยงามของโบราณวัตถุใต้ทะเลไม่ชัด โดยทางแก้อาจเป็นทำความสะอาดน้ำทะเลในบริเวณนั้นใหม่ หรือสร้างอ่าวเทียมขึ้นมาแทนที่

การสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้ทะเลของอียิปต์ไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำตามกฎของยูเนสโกเมื่อพ.ศ.2544 ที่เห็นว่า โบราณวัตถุใต้น้ำก็ควรเก็บรักษาไว้ใต้น้ำ เพื่อเป็นการเคารพประวัติศาสตร์ ทั้งยังเป็นวิธีการเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ดี

ถ้าการศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำสรุปได้ว่า

การสร้างพิพิธภัณฑ์จะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับประวัติศาสตร์ การก่อสร้างก็น่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี ถึงตอนนั้นรัฐบาลอียิปต์หวังว่า เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวจะเข้ามาสู่ประเทศมหา ศาล ทั้งยังเป็นการสนับสนุนอุตสาห กรรมการท่องเที่ยวเมืองอเล็กซานเดรีย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2008, 01:47:40 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 30, 2008, 01:52:10 AM »

คม ชัด ลึก


เมืองพัทยา ผุด "บ้านปลา" ริมอ่าว! อนุรักษ์-ทำกิน-ท่องเที่ยว ครบวงจร
 


จากสภาวะอากาศอันแปรปรวนเนื่องมาจากวิกฤติ "โลกร้อน" ทำให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติกันมากขึ้น

โครงการ "บ้านปลา" ของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก็ถือกำเนิดขึ้นจากกระแสความตื่นตัวต่อวิกฤติโลกร้อนเช่นกัน โดยโครงการนี้จัดให้มีขึ้นที่อ่าวพัทยา และดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 เพื่อสร้างระบบนิเวศอันสวยงามให้กลับสู่ท้องทะเลของเมืองท่องเที่ยวระดับโลก

 จุดประสงค์ในการดำเนินโครงการ คือ การสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเพื่อคืนสมดุลให้แก่ธรรมชาติ และยังเป็นการช่วยชาวประมงพื้นบ้านให้มีแหล่งจับสัตว์น้ำที่สมบูรณ์ไม่ห่างชายฝั่งมากนัก โดยไม่ต้องออกทะเลไปไกล ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันอีกทางหนึ่ง



 ผู้ที่ผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้นเป็น 3 หนุ่มมุมเดียวกัน คือ ธงชัย อาจทรง ไพรวัลย์ อารมณ์ชื่น และ อำนวย สมพงษ์ธรรม  สมาชิกสภาเมืองพัทยา

 ทั้งสามเห็นตรงกันว่า หาดจอมเทียนในอดีตเคยเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำจำนวนมาก แต่ต่อมาเมื่อมีเรืออวนรุน-อวนลาก เข้ามาหากินจึงทำให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลงอย่างน่าใจหาย จึงมีการระดมความคิดจากหลายฝ่ายเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เรืออวนเข้ามาใกล้ชายฝั่ง

 ด้วยเหตุนี้ โครงการบ้านปลาริมอ่าวพัทยาจึงเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยมีการระดมความคิดจากทั้งผู้บริหารท้องถิ่น นักอนุรักษ์ ชาวบ้าน และชาวประมงใกล้ฝั่ง

 สุดท้าย...ก็มีแนวคิดที่ตกผลึกตรงกัน คือ จะนำวัสดุก่อสร้างที่ใช้แล้ว คือ "ท่อระบายน้ำคอนกรีต" มาทำเป็นบ้านปลา

 โครงการก่อสร้างบ้านปลาถูกยกให้เป็นโครงการเร่งด่วนในสภาเมืองพัทยา เมื่อปี 2548 ในขณะที่ นายนิรันดร์ วัฒน์ศาสตร์สาธร ดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา

 สภาชุดนั้นได้อนุมัติงบประมาณ 1.5 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างบ้านปลาในพื้นที่จอมเทียน และนาเกลือ รวมทั้งจะผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเพิ่มรายได้ให้กลุ่มประมงใกล้ฝั่งในอนาคต

 สำหรับขั้นตอนสร้างบ้านปลา จะเริ่มจากการนำท่อระบายน้ำ (ใช้แล้ว) ขนาด 2.2 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร กว่า 1,000 ท่อน นำไปวางใต้ทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 5 กิโลเมตร

 ลักษณะของการวางท่อ จะวางแบบ "สลับฟันปลา" ตามแนวฝั่งทะเล โดยปัจจุบันมีการวางแนวบ้านปลาครบทั้ง 20 จุดของชายหาดจอมเทียนและบ้านนาเกลือ

 ส่วนผลการดำเนินโครงการตลอด 4 ปีที่ผ่านมาพบว่า โครงการบ้านปลาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่...

 จากการตรวจสอบด้วยจีพีเอส พบสัตว์น้ำเข้าไปอาศัยจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปลาอินทรี ปลาโมงสี ปลากระเบน ปลาเก๋า กุ้งม้าลาย กุ้งแชบ๊วย ฯลฯ มีการแข่งขัน "ตกปลา" เป็นประจำทุกปี และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองพัทยา

 นอกจากนี้ โครงการบ้านปลายังสร้างรอยยิ้มให้แก่ชาวประมงใกล้ฝั่งเป็นอย่างยิ่งที่มีสัตว์น้ำให้จับมากขึ้น แต่ก็มี "กฎเหล็ก" ไว้ว่า ห้ามลากอ้วน-วางรอก และ ระเบิดปลา เพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล

 ปัจจุบันชาวประมงพื้นบ้านสามารถหาปลาไปขายและสร้างรายได้ถึงวันละ 2,500-3,000 บาทเลยทีเดียว !!!

 นายเสนาะ ช่างไม้ หัวหน้ากลุ่มประมงเรือเล็กหาดจอมเทียน ช่วยยืนยันว่า โครงการบ้านปลาของเมืองพัทยาทำให้ชาวประมงในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นการทำให้ทรัพยากรทางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ขึ้นอีกด้วย และทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในหาดจอมเทียน โดยนักท่องเที่ยวสามารถดำน้ำดูปะการังและสัตว์น้ำต่างๆ ได้ ซึ่งถือเป็นโครงการที่น่าชื่นชมของผู้บริหารเมืองพัทยา

 ปิดท้ายที่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา กล่าวด้วยความภูมิใจว่า โครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในด้านการนำวัสดุที่ใช้แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์ ทั้งยังช่วยให้ชาวประมงมีแหล่งทำมาหากิน และยังเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอีกด้วย โดยในอนาคตจะผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งดำน้ำดูปะการัง และเป็นแหล่งศึกษาการเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำ เป็นต้น

 ประสบความสำเร็จแค่ไหน...ก็ขอบอกว่า บ้านปลาของเมืองพัทยา หัวบันไดไม่เคยแห้งเลยทีเดียว เพราะแต่ละวันจะมีทั้งนักท่องเที่ยวและนักทัศนศึกษาจากท้องถิ่นต่างๆ เข้ามาศึกษาดูงานกันอย่างล้นหลาม

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 30, 2008, 01:57:43 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


กลุ่มเรือประมงพื้นบ้าน จ.สงขลา ยอมเปิดร่องน้ำทะเลสาบสงขลาให้เรือสัญจรได้แล้ว

กลุ่มเรือประมงพื้นบ้านจังหวัดสงขลา ยอมเปิดร่องน้ำทะเลสาบสงขลาให้เรือทุกประเภทสัญจรไปมาได้แล้ว พร้อมนัดเจรจากับบริษัท นิวคอสตอลประเทศไทย จำกัด อีกครั้ง ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

นายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า กลุ่มชาวเรือประมงพื้นบ้าน และเรือประมงอวนลาก ที่ได้นำเรือประมงจำนวนหลายร้อยลำไปปิดร่องน้ำทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ได้ยอมเปิดร่องน้ำทะเลสาบสงขลาให้เรือทุกประเภทสามารถสัญจรไปมาได้แล้ว เมื่อเวลา 18.20 น. หลังใช้ความพยายามเจรจาทำความเข้าใจมาตลอดทั้งวัน โดยยกเว้นเรือของบริษัท นิวคอสตอลประเทศไทย จำกัด ที่ได้รับสัมปทานขุดเจาะน้ำมันในบริเวณอ่าวไทย ซึ่งต้องรอผลการเจรจากับกลุ่มชาวเรือประมง เกี่ยวกับปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ค่าชดเชย และค่าเสียโอกาส อีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 19 คำสั่ง