กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 15, 2024, 07:14:21 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2551  (อ่าน 2146 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2008, 12:44:00 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงยังคงคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ร่องความกดอากาศต่ำเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้

อนึ่ง พายุโซนร้อน “ฮีโกส (HIGOS)” ปกคลุมทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้วันที่ 4-5 ต.ค. 2551 
 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง

ส่วนในช่วงวันที่ 5-8 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวเและเวียดนามตอนบน ทำให้ร่องความกดอากาศที่พาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่

อนึ่ง พายุโซนร้อน” ฮีโกส” ในทะเลจีนใต้ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งใกล้เกาะฮ่องกงประมาณวันที่ 5 ต.ค


ข้อควรระวัง

ในวันที่ 5-8 ต.ค. ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณพื้นที่ราบลุ่ม และบริเวณพื้นที่ลาดเชิงเขา ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้



* Forecast2.jpg (40.9 KB, 693x430 - ดู 256 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (16.08 KB, 400x273 - ดู 266 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2008, 12:52:38 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ชาวประมงสตูลสลด ปลากะพงตายเกลื่อน

สตูล – ชาวประมง จ.สตูล ประสบปัญหาปลาที่เลี้ยงในกระชัง ลอยตายเป็นแพ มากกว่า 20 เจ้า คาด เหตุจากโรคพอรอชีน หรือ โรคพยาธิภายนอก
       
       วันนี้ (2 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชังบ้านหาดทรายยาว ม. 2 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล ประสบปัญหาปลาที่เลี้ยงในกระชังลอยตายขึ้นเป็นแพเกลื่อนมากกว่า 20 เจ้า เดือดร้อนไปทั่ว ล่าสุด เกษตรกรต้องช่วยกันตักขึ้น เพื่อนำไปฝั่งเพราะเกรงปลาที่เหลืออยู่ตายตามไปด้วย
       
       นายกูย๊ะโกบ ฮายู ประธานประมงกลุ่มเลี้ยงปลาในกระชัง บ้านหาดทรายยาว บอกกับทีมข่าว ว่า ปลากะพงที่เลี้ยงในกระชังที่ลอยตายเกลื่อนขึ้นเป็นแพ เริ่มทยอยตายตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมา และตายเรื่อยมา โดยมาเริ่มหนักอีกครั้งในระยะนี้ ซึ่งอาการของปลากะพงที่ลอยตาย จะมีอาการเกล็ดตามลำตัวหลุดออก เลือดช้ำตามลำตัว หางเปื่อยและตายในที่สุด โดยในระยะแรกได้แจ้งให้ทางประมงจังหวัดทราบและได้นำน้ำและปลาที่ตายไปตรวจ
       
       ทางการแจ้งว่า เป็นโรคของปลาที่ระบาดในขณะนี้ คือ โรคพอรอชีน หรือ โรคพยาธิภายนอก และแนะนำให้นำปลาที่เหลืออยู่มาแช่ฟอร์มาลิน แต่ไม่ได้ผลก็ยังทำให้ปลาตายเพิ่มมากอีกและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


*****************************************************************************************************************************


โจรสลัดโซมาเลียรวยอื้อได้ค่าไถ่ 18-30 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

      ภัยจากโจรสลัดกำลังคุกคามธุรกิจโลกอย่างหนักข้อ ล่าสุดในวันพฤหัสบดี (2) มีรายงานจากแชตแทม เฮาส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของอังกฤษว่า ในช่วงปีนี้ โจรสลัดในอ่าวเอเดนนอกชายฝั่งโซมาเลียก่อเหตุปล้นยึดเรือไปแล้วกว่า 30 ลำ และเรียกเก็บค่าไถ่ไปได้โดยรวมถึงระหว่าง 18-30 ล้านดอลลาร์ จนกลายเป็นธุรกิจทำกำไรงามให้กับเหล่ามิจฉาชีพ
       
       ทั้งนี้ในรายงานชื่อ "ภัยคุกคามการค้าโลก, เงินหล่อเลี้ยงสงครามในประเทศ" ระบุว่า ในปีนี้ พวกโจรสลัดได้เรียกค่าไถ่เรือสูงถึงราว 500,000-2,000,000 ดอลลาร์ต่อลำ ทำให้ผู้เดินเรือสินค้าในเส้นทางสายสำคัญนี้คิดหาทางเลี่ยงไปใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปเพื่อเข้าสู่ยุโรปและอเมริกาเหนือแทน ทว่ายังต้องพิจารณาถึงเรื่องของการเสียเวลาและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น อันจะมีผลให้ต้นทุนดำเนินการและราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย
       
       การปล้นยึดเรือในบริเวณนอกชายฝั่งโซมาเลียที่มีความยาวถึง 3,300 กิโลเมตรเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนพื้นที่นี้กลายเป็นจุดอันตรายที่สุดในโลก และยังเป็นภัยคุกคามเส้นทางเดินเรือสินค้าสำคัญระหว่างยุโรปกับเอเชีย ขณะที่ค่าเบี้ยประกันความเสี่ยงการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวก็ได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่าตัวในปีนี้เช่นกัน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2008, 01:02:08 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


หินยักษ์สึนามิ                                 :                          โลกน่ารู้

หินปะการังขนาดยักษ์ก้อนนี้ โผล่ขึ้นกลางทุ่งบนเกาะตองกาตาปู ประเทศตองกา สันนิษฐานว่า คลื่นสึนามิลูกอภิมหายักษ์ซึ่งเกิดจากภูเขาไฟระเบิด เป็นตัวการซัดหินก้อนนี้ลอยละลิ่วขึ้นฝั่งลึกหลายร้อยเมตร

นักวิจัยเชื่อว่า  คลื่นยักษ์ได้ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่งของเกาะแห่งนี้เมื่อ  7,000 ปีก่อน หลังจากการละลายของน้ำแข็งในยุคน้ำแข็งครั้งหลังสุด ได้ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างในระดับปัจจุบัน

หินที่ถูกซัดขึ้นฝั่งมีทั้งหมด 7 ลูก ลูกใหญ่ที่สุดมีความกว้าง 15 เมตร หนักประมาณ 1,600  ตัน ทุกวันนี้ตั้งอยู่ห่างจากทะเลร่วม 1000 เมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 10 เมตร กลายเป็นสิ่งประหลาดบนพื้นราบของเกาะในแปซิฟิกใต้แห่งนี้

"เราเข้าใจว่านี่เป็นวัตถุชิ้นใหญ่ที่สุดที่สึนามิพาขึ้นสู่ที่สูง"  คลิฟ  โฟรลิก  นักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบันธรณีฟิสิกส์  มหาวิทยาลัยเทกซัส วิทยาเขตออสติน บอก "หินแบบนี้ไม่พบในที่อื่นๆ ของตองกา เราเจอที่เดียวบนเกาะแห่งเดียว"

เขาเชื่อว่า หินที่ใหญ่กว่าก้อนนี้ซึ่งถูกสึนามิพัดขึ้นฝั่งคงไม่มีแล้ว แต่เขากับทีมงานเชื่อว่า สึนามิของตองกาคงใหญ่เท่ากับหรือใหญ่กว่าสึนามิที่เกาะกรากะตัว

ก้อนปะการังนี้มีชีวิตและเติบโตตลอดระยะเวลาประมาณ  122,000-130,000 ปีที่ผ่านมา เป็นไปได้ว่าสึนามิอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาเหล่านั้น

แต่นักวิจัยกะว่าคลื่นยักษ์คงเกิดขึ้นในช่วง  7,000 ปีที่ผ่านมานี้ เพราะพื้นที่โดยรอบไม่ปรากฏการกัดเซาะพังทลาย หรือวี่แววของการสึกกร่อน ซึ่งจะต้องเกิดให้เห็นหากเวลาผ่านไปนานเกินกว่า 100,000 ปี.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2008, 01:09:20 AM »

กรุงเทพธุรกิจ


ให้ 3 วัน ไม่รับเงื่อนไขชดเชย ปิดอ่าวสงขลาต่อ

:ประมงพื้นบ้านย้ำให้เวลา"บ.คอสตอล" 3วันเปิดเวทีอัดทุกวัน ถ้าไม่รับเงื่อนไขเจรจาชดเชยจะปิดอ่าวร่องน้ำต่อไป และรุกคืบต่อ ส.ส.สงขลา เผยช่วยเจรจาค่าชดเชยลด55% เหลือ510ล้าน ในระยะ5ปี

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายประพร เอกอุรุ นายกสมาคมประมงสงขลา กล่าวว่าจากกรณีเรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงอวนลากเล็ก จ.สงขลา  4 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ระโนด อ.สทิงพระ อ.สิงหนคร นำเรือประมงกว่า 500 ลำปิดปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา และปิดร่องน้ำท่าเรือน้ำลึก

เพื่อประท้วงเรียกร้องค่าชดเชยและค่าเสียโอกาส จากบริษัท นิวคอสตอล(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้รับสัมปทานขุดเจาะน้ำมันในบริเวณอ่าวไทย ห่างฝั่ง อ.สทิงพระ ราว 30 กม. ซึ่งชาวบ้านเกรงว่าจะส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและอาชีพการทำประมง เพราะบริเวณที่มีการขุดเจาะน้ำมันอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ประมง ส่วนการปิดร่องน้ำท่าเรือน้ำลึก เพื่อไม่ให้เรือบรรทุกอุปกรณ์และเครื่องมือในการขุดเจาะออกจากท่าเรือ ปตท.สผ.เพื่อนำไปส่งยังฐานขุดเจาะที่มีการเคลื่อนย้ายมาติดตั้งแล้ว

การปิดร่องน้ำฯ ส่งผลให้เรือขนส่งสินค้าไม่สามารถเข้าออกท่าเรือน้ำลึกสงขลาได้ เช่นเดียวกับเรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซแอลพีจีและเรือทุกประเภทก็ไม่สามารถเข้า-ออกได้เช่นกัน ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจให้กับจังหวัดสงขลาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเส้นทางออกปากทะเลสาบสงขลามีทางออกทางเดียวเท่านั้น จึงต้องมีการเจรจาในเรื่องของเงินค่าชดเชยให้กับชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทำการประมง จนสามารถเปิดให้เรือต่างๆ ผ่านได้แล้ว

ยกเว้นเรือขนส่งของบริษัทนิวคอสตอล (ประเทศไทย) จำกัด 3 ลำออกจากท่าเรือ ปตท.สผ.และมีการเจรจานอกรอบระหว่างแกนนำชาวประมงพื้นบ้านกับตัวแทนบริษัทนิวคอสตอลฯ ซึ่งผ่านมา 12 ครั้งยังไม่สำเร็จ

นายประพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเจรจาครั้งนี้ชาวประมงพื้นบ้านขอให้ตนเข้าไปช่วยในการไกล่เกลี่ยร่วมเจรจาต่อรองกับทางตัวแทนบริษัทด้วย เพื่อให้การเจรจาต่อรองมีน้ำหนักขึ้นและทำให้ชาวประมงพื้นบ้านมีความมั่นใจ เนื่องจากนอกจากจะมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมประมงสงขลาแล้วยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดสงขลา ในพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบอยู่ด้วย คืออำเภอเมือง สิงหนคร สทิงพระ และอำเภอระโนด

สำหรับผลสรุปในการต่อรองเงินค่าชดเชยกับเรือประมงพื้นบ้าน 3 อำเภอ คือ เรือประเภทที่ 1 เป็นเรือท้ายตัดความยาวเกินกว่า 6 เมตร จำนวน 895 ลำ เรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยวันละ 700 บาท/วัน/ลำ ลดเหลือ 300 บาท/วัน/ลำ เป็นเวลา 6 เดือน/ปี เป็นเวลาตลอดระยะที่ขุดเจาะน้ำมัน 5 ปี

เรือประมงพื้นบ้าน ประเภทที่ 2 ความยาวต่ำกว่า 6 เมตร จำนวน 180 ลำ เรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยวันละ 400 บาท/วัน/ลำ ลดเหลือ 150 บาท/วัน/ลำ เป็นเวลา 6 เดือน/ปี เป็นเวลาตลอดระยะที่ขุดเจาะน้ำมัน 5 ปี

และเรือประมงพื้นบ้าน ประเภทที่ 3 ซึ่งเป็นเรือลอบปู ลอบหมึก จำนวน 28 ลำ เรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยวันละ 2,000 บาท/วัน/ลำ ลดเหลือ 950 บาท/วัน/ลำ เป็นเวลา 12 เดือน/ปี เป็นเวลาตลอดระยะที่ขุดเจาะน้ำมัน 5 ปี

ส่วนเรือประมงอวนลากเล็กจาก 4 อำเภอ คือ ระโนด สทิงพระ สิงหนคร และอำเภอเมืองสงขลา จำนวน 253 ลำ เรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยวันละ 1,500 บาท/วัน/ลำ ลดเหลือ 700 บาท/วัน/ลำ เป็นเวลา 10 เดือน/ปี เป็นเวลาตลอดระยะที่ขุดเจาะน้ำมัน 5 ปี

รวมยอดค่าชดเชย 5 ปีที่ชาวประมงพื้นบ้านและเรืออวนลาก ใน 4 อำเภอ เรียกร้องต่อบริษัทนิวคอสตอลฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 510,540,000บาท (ห้าร้อยสิบล้านห้าแสนสี่หมื่นบาท) ซึ่งลดลงจากข้อเรียกร้องเดิมตั้งไว้ถึง 55% ซึ่งในส่วนนี้ทางตัวแทนของบริษัทนิวคอสตอลฯ รับนำเสนอให้ที่ประชุมของบริษัทฯเป็นการเร่งด่วนต่อไป

จากปัญหาที่เกิดขึ้นชาวประมงพื้นบ้านได้รับความเดือดร้อนจริง ๆ ในพื้นที่ที่ชาวประมงได้ทำการประมงมาหลายชั่วอายุคน ในวันนี้ได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทฯได้มาขุดเจาะน้ำมันตรงนี้ ทำให้ชาวประมงในหลายอำเภอได้รับความเดือดร้อนและได้ทำการปิดร่องน้ำทะเลสาบสงขลาจนทำให้เรือต่าง ๆ ไม่สามารถผ่านเข้า-ออกร่องน้ำได้ จนต้องทำการขอร้องจนชาวประมงพื้นบ้าน ยินยอมเปิดร่องน้ำให้และไม่ยินยอมให้เรือขนส่งของบริษัทนิวคอสตอลฯ 3 ลำออกจากท่าเรือ ปตท.สผ. คิดว่า วันนี้สถานการณ์ก็คลี่คลายลงไประดับหนึ่ง และจะดีขึ้นเรื่อยๆ

นายเจริญ ทองมา หนึ่งในแกนนำคณะกรรมการประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า สาเหตุการชุมนุมของเรือประมงพื้นบ้าน เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการขุดเจาะน้ำมัน ในพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ชาวประมงประกอบอาชีพ ทำให้ชาวประมงมีผลกระทบต่อการทำการประมง ทั้งในด้านในการจับสัตว์น้ำ และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้น โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเรือประมงพื้นบ้านได้เคลื่อนไหวเรียกร้องต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และต่อบริษัทฯ มาโดยต่อเนื่อง แต่พวกเราเรือประมงพื้นบ้านไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงจัง

อีกทั้งทางบริษัทฯ ยังคงจะดำเนินการขุดเจาะน้ำมันต่อไปอีก โดยไม่สนใจต่อข้อเรียกร้องของชาวประมงพื้นบ้าน ทำให้พวกเราเรือประมงพื้นบ้านจึงออกมาเคลื่อนไหวด้วยการปิดร่องน้ำทะเลสาบสงขลาและร่องน้ำท่าเรือน้ำลึกสงขลา เป็นผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่ จ.สงขลา ได้รับความเสียหายอย่างมาก

ผลการประชุมที่ทางแกนนำประมงพื้นบ้านไปประชุมกับตัวแทนบริษัทฯ เป็นผลให้ชาวประมงพื้นบ้านพอใจในระดับหนึ่ง โดยทาง แกนนำจะจัดชุมนุมทุกวันตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่บริเวณสนามหญ้าด้านทิศตะวันตกลานพระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง เพื่อรอฟังคำตอบจากข้อเสนอที่แกนนำชาวประมงพื้นบ้านได้ยื่นไว้กับตัวแทนบริษัทฯ

ทั้งนี้ ที่ประชุมตามบันทึกข้อตกลงไว้ ภายใน 3 วัน โดยขณะรอฟังผล เรือประมงพื้นบ้านจะจอดเรือลอยลำตลอดแนวร่องน้ำเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เรือของ บ.นิวคอสตอล ฯ ออกจากท่าเทียบเรือ ปตท.สผ. และเพื่อเตรียมความพร้อมจนกว่าบริษัทฯ จะดำเนินการตามข้อเสนอของชาวประมงพื้นบ้าน

นายเจริญ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าค่าชดเชยจะลดลงถึง 55% จากยอดเดิมก็ไม่เป็นไร โดยทางเราได้เสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาลและบริษัท นิวคอสตอลฯ จะต้องสร้างหลักประกันในด้านอาชีพ เช่น พื้นที่ทำการประมง สิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมไปถึงวิถีชีวิตประมงพื้นบ้านและสุขภาพที่จะเกิดขึ้นจากการได้รับอาหารที่ปลอดภัย อันเป้นการเชื่อมโยงไปถึงความมั่นคงทางอาหารของพี่น้องประชาชนทั่วไปที่มิได้ประกอบอาชีพประมงด้วยเช่น

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2008, 08:57:43 AM »

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.713 วินาที กับ 20 คำสั่ง