กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 11:45:39 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2551  (อ่าน 3055 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2008, 12:36:43 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงภาคเหนือด้านตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ร่องความกดอากาศต่ำเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดน้อยลง  ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจายในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ  อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 34 องศา  ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในวันที่ 7-9 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมถึงประเทศลาว ทำให้ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังค่อนข้างแรง ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองมากกว่าภาคอื่น ๆ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่

หลังจากนั้น( 10-13 ต.ค.) ร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น



* Forecast2.jpg (40.48 KB, 693x430 - ดู 489 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2008, 12:43:32 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


"สาหร่ายผมนาง" คุณค่าจากท้องทะเล



     เมื่อเร็วๆนี้ "108 เคล็ดกิน" เพิ่งได้ไปเยือนเกาะยอ ที่จังหวัดสงขลามา และได้ไปลองลิ้มชิมรสอาหารพื้นบ้านขึ้นชื่อของชาวเกาะยออย่าง "ยำสาหร่ายผมนาง" ที่มีรสชาติเอร็ดอร่อย และประโยชน์ของสาหร่ายผมนางนั้นก็มีมากจนต้องขอนำมาบอกต่อเสียหน่อย
       
       "สาหร่ายผมนาง" นั้น คนเกาะยอเรียกกันสั้นๆ ว่า "สาย" มีลักษณะทัลลัสกลมแข็ง กรอบ อวบน้ำ แตกแขนงอิสระ โดยแขนงแตกออกจากแกนกลาง ต้นพุ่มขนาดใหญ่มีส่วนคล้ายรากเกาะกับหินหรือเปลือกหอยมองดูคล้ายเส้นผมปลิวอยู่ในน้ำ จึงมีชื่อว่า "สาหร่ายผมนาง"
       
       สาหร่ายชนิดนี้ถือเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยคุณค่าทางอาหารที่ได้จากสาหร่ายผมนางนั้นก็เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ โดยเฉพาะธาตุไอโอดีนและวิตามินต่างๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคหลายอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคโลหิตจาง และโรคมะเร็ง เป็นต้น และไม่เพียงแต่ยำสาหร่ายผมนางเท่านั้นที่กินได้อร่อย แต่สามารถนำมาทำ ยำ แกงจืด ก็กินได้อร่อยด้วยเช่นกัน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2008, 12:47:31 AM »

ข่าวสด


ประมงสิเกาเล็งอาชีพท่องเที่ยว จับมือ 12 ชุมชน-ผุดโครงการนำชมวิถีชายฝั่ง

ตรัง - นายเสรี พาณิชย์กุล นายอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เผยว่า จังหวัดตรังเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดแนวอําเภอ ที่ตั้งติดชายฝั่งทะเล 119 กิโลเมตร ชาวบ้านมีการดูแลและจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างดียิ่ง สภาพแวดล้อมทางทะเลของจังหวัดตรังยังคงอุดมสมบรณ์ ชาวบ้านใช้วิถีชีวิตที่อาศัยท้องทะเลเป็นที่ทํากิน บรรดาอําเภอต่างๆ ของจังหวัดตรังที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลโดยเฉพาะอําเภอสิเกา เป็นเสมือนอําเภอหน้าด่านของจังหวัด ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยือนสัมผัสกับอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นต้นทางที่จะนํานักท่องเที่ยวไปสู่แหล่งท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาะกระดาน เกาะสุกร เกาะไหง เกาะมุกข์ เกาะลิบง โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวเป็นจํานวนมาก

"จากการเจริญเติบโตและการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องส่งผลให้วิถีชีวิตของชุมชนชาวประมงค่อยๆ มีการปรับเปลี่ยนไปสู่การสร้างงานอาชีพอื่นๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากมายเป็นสิ่งที่ชาวประมงเองพยายามปรับเปลี่ยนอาชีพเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้มีชีวิตอย่างมั่นคงและอาชีพการทําธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ถือเป็นอาชีพหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเลือกที่หันมาให้ความสนใจและทํากันเป็นจํานวนมาก อาศัยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ชายฝั่ง"

นายเสรี กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น เพื่อให้เป็นการสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของชาวประมงที่หันมาสนใจการท่องเที่ยวอําเภอสิเกาจัดทําโครงการประมงนําชมวิถีชีวิตและทรัพยากรชายฝั่งอ่าวสิเกาถือเป็นจุดเริ่มของการพัฒนาชายฝั่งแบบบูรณาการที่คาดหวังว่าจะนําไปสู่การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของชายฝั่งอําเภาสิเกาได้อย่างเหมาะสม และเป็นธรรมต่อทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ผสมผสานการสัมผัสระบบนิเวศชายฝั่งกับวิถีชีวิตของชุมชน ชายฝั่งให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

"ในปีงบประมาณ 2551 ทางอําเภอแต่งตั้งคณะทํางานด้านการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อจะได้เป็นองค์กรในการที่จะเข้ามาช่วยดูแลและจัดการด้านกาารท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้ชาวบ้านได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการและสร้างอาชีพให้ กับตัวเองอาศัยความสมบูรณ์ทางทะเลของอ่าวสิเกาเป็นจุดขายโครงการประมงนําชมวิถีชีวิตและทรัพยากรชายฝั่งอ่าวสิเกา นอกจากจะรองรับการท่องเที่ยวแล้วยังเตรียมความพร้อมในอันที่จะได้ช่วยกันพัฒนาการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน"

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2008, 12:52:36 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


หาข้อมูลกทม.จมน้ำ !  กรมทรัพย์ยันปีหน้ารู้ผล

กรมทรัพยากรธรณีเตรียมศึกษาความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมใน กทม. หลังจาก "สมิทธ" ออกมาเตือนภัยสตอมเซิร์จ คาดช่วงกลางปีหน้าได้คำตอบ

นายอดิชาติ  สุรินทร์คำ ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า หลังจากมีการเตือนว่า กทม.อาจจะจมน้ำ   เนื่องจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น  ขณะนี้กรมทรัพยากรธรณีได้เตรียมหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมในเขต  กทม.แล้ว นายอดิชาติกล่าวว่า   การศึกษาในเรื่องนี้ได้วางแนวพื้นที่ศึกษาครอบคลุมพื้นที่อ่าวไทยตอนในรูปตัว  ก.  และ กทม. โดยอาศัยปัจจัยเรื่องการทรุดตัวของแผ่นดิน ปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง การกัดเซาะ  รวมทั้งลักษณะภูมิประเทศและด้านธรณีวิทยา  ซึ่งจะมีการถ่ายภาพ 3 มิติ  และสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ว่าอนาคตพื้นที่บริเวณอ่าวไทยรูปตัว  ก.  และ กทม. ตั้งแต่  100 เมตร จนถึง 10 กิโลเมตร จากริมทะเลมาประมวลกับจำนวนปีที่กำหนดขึ้น คาดว่าภายในช่วงกลางปี 2552 คงจะได้ทราบข้อมูลว่า กทม.จะจมน้ำจริงหรือไม่

กระแสข่าวกรุงเทพฯ  และจังหวัดใกล้เคียงอาจจะจมน้ำ  มาจากการให้ข้อมูลของนายสมิทธ   ธรรมสโรช  ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ที่ออกมากล่าวเตือนกรุงเทพมหานครและจังหวัดบริเวณอ่าวไทย   ให้ระวังภัยพิบัติจากการเกิดพายุรุนแรงพัดเข้าฝั่ง หรือระดับน้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น  หรือ สตอมเซิร์จ (Storm Surge) เนื่องจากภาวะโลกร้อนและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย  ทำให้สภาพอากาศและกระแสน้ำเย็นในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้พายุในทะเลภาคใต้มีความรุนแรงขึ้น

ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาชี้แจงว่า   ในรอบ   37   ปีมีพายุเคลื่อนตัวเข้าอ่าวไทยตอนบนในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน   แต่ความรุนแรงน้อยกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสตอมเซิร์จที่เป็นอันตราย พายุจะมีลมแรงมากกว่า 100 กม.ต่อ ชม. นอกจากนี้กรณีพายุไซโคลนนาร์กีสถล่มพม่าจนมีผู้เสียชีวิตร่วมแสนคน  ก็ไม่น่าเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยพายุที่เคลื่อนตัวเข้าพม่า   เกิดจากลมความชื้นมากทำให้พายุมีกำลังแรง  แต่พายุที่เข้าอ่าวไทยเกิดจากลมความชื้นน้อย นอกจากนี้ภูมิประเทศของพม่าเป็นแบบเปิดรับลม ส่วนอ่าวไทยเป็นแบบแคบและปิด.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2008, 12:56:09 AM »

แนวหน้า


ผวจ.ประจวบฯโชว์กึ๋น! แบ่งข้อพิพาทที่เกาะทะลุ ดึงท้องถิ่นร่วมแก้ปัญหา    
 
 ประจวบคีรีขันธ์: นายภูมิชัย ราชพิตรภักดีวิเศษ ปลัดอาวุโสอำเภอบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากนายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกตนและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม อ.บางสะพานน้อย เข้าประชุมชี้แจงเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทการบุกรุกที่ดินบนเกาะทะลุที่ยืดเยื้อมานาน โดยนายปานชัย สรุปในที่ประชุมให้แยกปัญหาออกเป็นสองส่วน ส่วนที่เป็นคดีความฟ้องร้องจากการออกโฉนดที่ดินบนเกาะทะลุโดยมิชอบระหว่างหน่วยงานรัฐภูมิภาคกับเจ้าของรีสอร์ทบนเกาะทะลุขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

 ขณะเดียวกันให้นายธวัชชัย วิสมล นายอำเภอบางสะพานน้อย ประกาศที่ดินสาธารณะรอบเกาะส่วนที่เหลือเกือบ 400 ไร่ เป็นที่ชายหาดน้ำท่วมถึง ที่ลาดเชิงเขาบนเกาะ จำนวน 3 แปลง ให้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะ และให้นายอานนท์ ลิมปภานุกูลกิจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ทรายทอง ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐภูมิภาคที่เกี่ยวข้องตรวจสอบรังวัดที่ดินสาธารณะบนเกาะเสนอมหาดไทยเพื่อประกาศออกเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(นสล.) เพื่อป้องกันการบุกรุก ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวขึ้นไปใช้ประโยชน์บนเกาะได้

 ในส่วนการพัฒนาที่ดินบนเกาะทะลุเป็นแหล่งท่องเที่ยว ผู้ว่าฯ ได้มีนโยบายให้สร้างสะพานท่าเทียบเรือเป็นสะพานสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันเพียงแห่งเดียวเท่านั้น พร้อมให้ระวังการก่อสร้างสะพานไม่ให้กระทบปะการังน้ำตื้นบริเวณชายฝั่ง และให้หน่วยงานรัฐภูมิภาคประชาชนและองค์กรอิสระ ร่วมกันอนุรักษ์ฟื้นฟูปลูกปะการังรอบเกาะ ทดแทนปะการังที่เสียหายให้คืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเป็นแหล่งพักพิงสัตว์น้ำวัยอ่อน แหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติ

 ด้านนายอานนท์ กล่าวว่า หลังจากนายภูมิชัย เข้าร่วมประชุมที่จังหวัด ได้มีหนังสือสั่งการให้ อบต.ทรายทอง ประสานกับสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 3 สาขา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ดินสาขาบางสะพาน เข้าตรวจสอบรังวัดกันแนวที่ดินบริเวณหน้าชายหาดพื้นที่ติดทะเลที่น้ำทะเลท่วมถึงรอบเกาะรวมถึงที่ราบเชิงเขา เสนอมหาดไทยประกาศเป็นที่ นสล. เพื่อกันไว้ให้ประชาชนใช้เป็นที่พักผ่อนใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติต่อไป 


*****************************************************************************************************************************


เปิดการท่องเที่ยวภูกระดึง ค้างแรมได้คืนละ 5,000 คน   
 
 เลย:นายศุภชาติ วรรณวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า จังหวัดเลยได้เปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึงประจำปี 2552 ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทยและจังหวัดเลย มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ประกอบด้วย หน้าผา น้ำตก ทุ่งหญ้าป่าสน ไม้ดอกนานาพันธุ์ และสัตว์ป่านานาชนิด

 จากความสวยงามและความมหัศจรรย์ของภูกระดึง สามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้เดินทางมาท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึงเป็นจำนวนมาก ซึ่งในทุกๆ ปี อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึงเป็นเวลา 8 เดือน เริ่มตั้งแต่ ต.ค.-พ.ค. และจะปิดเป็นเวลา 4 เดือน คือ ตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ย.

 นายศุภชาติ เปิดเผยอีกว่า ทั้งนี้ปีการท่องเที่ยว 2552 เป็นต้นไป กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปท่องเที่ยวและพักค้างคืนบนยอดภูกระดึงได้วันละ 5,000 คน เพื่อมิให้เกิดผลกระทบ ต่อสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเกิดจากการท่องเที่ยว จนอาจนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.02 วินาที กับ 20 คำสั่ง