กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 10:14:33 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน  (อ่าน 5689 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2008, 01:18:29 AM »


เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน


นักวิชาการชี้ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงที่บางแสน เกิดจากแพลงก์ตอน เตือนประชาชนอย่าด่วนบริโภคปลา ปู กุ้ง หอยที่ลอยตาย เพราะแพลงก์ตอนบางชนิดสร้างสารพิษได้

ผศ.ดร.สมถวิล  จริตควร  ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงบริเวณชายหาดบางแสน  จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตตายลงจำนวนมาก  ว่าเป็นปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี  หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ(water  discolouration  หรือ  red tide) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอนพืช  เนื่องจากแพลงก์ตอนเหล่านี้ต่างก็มีสีในตัวเอง  เมื่อเจริญเติบโตจำนวนมากก็จะทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนไปตามสีของแพลงก์ตอนชนิดที่มีมากในขณะนั้น  ทั้งนี้ ผลการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบางแสนมาวิเคราะห์ พบว่าปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการบลูม (Bloom) ของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส  (Chaetoceros  spp.)  ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่เซลล์มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกต่อกันเป็นสายยาว และยังไม่เคยมีรายงานว่าสร้างสารพิษ

"สาเหตุการเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเปลี่ยนสี  คาดว่าเกิดจากช่วงนี้มีฝนตกหนักบ่อยครั้ง เกิดการชะล้างเอาแร่ธาตุจากหน้าดินไหลลงสู่ทะเลจำนวนมาก  กอปรกับน้ำทิ้งจากบ้านเรือนที่มีปริมาณธาตุอาหาร  เช่น ไนโตรเจนและฟอสเฟตมากอยู่แล้ว จึงยิ่งเหมือนเติมปุ๋ยลงน้ำทะเล ขณะเดียวกันอุณหภูมิ  ความเค็มของน้ำทะเล  รวมถึงแสงแดดอยู่ในช่วงพอเหมาะ จึงทำให้แพลงก์ตอนเกิดการสังเคราะห์แสงและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปกคลุมผิวหน้าน้ำ"

ผศ.ดร.สมถวิลกล่าวว่า  เมื่อมีปริมาณแพลงก์ตอนมากก็ยิ่งทำให้มีการใช้ออกซิเจนในการหายใจมากตามไปด้วย  ออกซิเจนที่อยู่ในน้ำจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้น้ำเริ่มเน่า สิ่งมีชีวิตทั้งในน้ำ สัตว์หน้าดิน และสัตว์ที่ฝังตัวอยู่ตัวในดิน เริ่มขาดอากาศหายใจและตายเป็นจำนวนมาก  ทั้งปลา  ไส้เดือนดิน  หอยทับทิม ปูเสฉวน หอยเสียบ ปูม้า ปลาลิ้นหมา และพบว่าชาวบ้านเก็บปู  ปลา เพื่อนำไปประกอบอาหาร จึงอยากเตือนว่าไม่สามารถทำได้เช่นนี้ทุกครั้งไป  เพราะแม้ว่าการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอสครั้งนี้จะไม่มีพิษ  แต่ในน้ำทะเลมีแพลงก์ตอนมากกว่า  5,000  ชนิด ซึ่งชนิดที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมีถึง 300 ชนิด  และในจำนวนนั้นมีกว่า  40  ชนิดที่ผลิตสารพิษได้ 

"สารพิษนี้จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ได้จากการที่สัตว์น้ำกินแพลงก์ตอนพืชกลุ่มนี้เข้าไป  พิษจะถูกสะสมอยู่ในตัวของสัตว์ทะเล  เช่น หอย โดยที่ไม่เกิดอันตราย แต่จะไปมีผลต่อผู้บริโภคแทน  ทั้งนี้ พิษบางชนิดรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้  อาทิ  พิษอัมพาตในหอย (paralytic shellfish  poison,  PSP)  เกิดจากการบริโภคหอยสองฝา เช่น หอยแมลงภู่ และหอยนางรมที่กรองแพลงก์ตอนพืชบางชนิดของกลุ่มอเล็กซานเดรียม   (Alexandrium  sp.) หรือกลุ่มไพโรดิเนียม  (Pyrodinium  sp.)  เป็นต้น  แพลงก์ตอนเหล่านี้จะสร้างสารพิษต่อระบบประสาท  ที่สำคัญสารพิษนี้ละลายได้ในน้ำ  และมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหาร  จึงไม่สามารถทำลายด้วยการหุงต้ม  โดยผู้ที่ได้รับสารพิษจะมีอาการชาบริเวณปาก  ลิ้น และปลายนิ้วหายใจลำบาก  กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต  และอาจเสียชีวิตเนื่องจากการล้มเหลวของระบบหายใจ เป็นต้น" ผศ.ดร.สมถวิลกล่าว

ทั้งนี้ ในเมืองไทยได้มีรายงานการเกิดน้ำแดงที่เป็นพิษอัมพาต (PSP)  ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม  พ.ศ.2526 โดยเกิดที่ปากแม่น้ำปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ป่วย 63 ราย และเสียชีวิต  1 ราย เนื่องจากกินหอยแมลงภู่ที่จับมาจากบริเวณที่เกิดน้ำแดง.



จาก             :            X-cite  ไทยโพสต์   วันที่ 14 ตุลาคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2008, 01:23:38 AM »


นักวิชาการ เตือนชาวบ้านอย่าเก็บสัตว์ทะเลที่ตายจากปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมาปรุงอาหาร

    นัก วิชาการ เตือนชาวบ้านอย่าเก็บสัตว์ทะเลที่ตายจากปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมาปรุง อาหาร เหตุพบแพลงค์ตอนกว่า 40 ชนิดมีสารพิษ หวั่นได้รับพิษรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

    ผศ.ดร.สมถวิล จริตควร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีที่น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง บริเวณชายหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จนทำให้สิ่งมีชีวิตตายลงจำนวนมากว่า เป็นปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (water discolouration หรือ red tide) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวด เร็ว (บลูม)ของแพลงก์ตอนพืช ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp) ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่เซลล์มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกต่อกันเป็นสายยาว เคลื่อนที่ไม่ได้ อาศัยล่องลอยไปตามกระแสน้ำ หากอยู่รวมกันจำนวนมากจะเห็นเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลแดง ซึ่งยังไม่เคยมีรายงานว่าสร้างสารพิษ

    ผศ.ดร.สมถวิล กล่าวว่า ในน้ำทะเลมีแพลงก์ตอนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีและผลิตสารพิษ กว่า 40 จาก 5,000 ชนิด ดังนั้น จึงเตือนชาวบ้านอย่าเก็บปลา ปู กุ้ง หอย ที่ตายจากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี นำไปประกอบอาหาร โดยสารพิษนี้จะถูกสะสมอยู่ในตัวของสัตว์ทะเลโดยไม่เกิดอันตราย แต่จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ จนถึงขึ้นเสียชีวิตได้ มีผลต่อระบบประสาท อาทิ พิษอัมพาตในหอย (paralytic shellfish poison, PSP) ซึ่งสารพิษนี้มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยผู้ที่ได้รับสารพิษจะมีอาการชาบริเวณปาก ลิ้น และปลายนิ้ว หายใจลำบาก กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และอาจเสียชีวิตเนื่องจากการล้มเหลวของระบบหายใจ



จาก             :            สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์    วันที่ 15 ตุลาคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 12:50:21 AM »


เผยเหตุน้ำทะเลบางแสนแดง เกิดจากแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส



       นักวิชาการเผยปรากฏการน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงที่บางแสน เกิดจากแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp.) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยมีรายงานการสร้างสารพิษมาก่อน พร้อมเตือนประชาชนกรณีปลา ปู กุ้ง หอย ตายจากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี อาจไม่สามารถนำมาบริโภคได้ทุกครั้ง ระบุต้องรอผลการวิเคราะห์ให้แน่ชัดก่อน เพราะแพลงก์ตอนบางชนิดสร้างสารพิษได้
       
       จากกรณีข่าวน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าวัน ที่ 12 ตุลาคม บริเวณชายหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตตายลงจำนวนมากนั้น ผศ.ดร.สมถวิล จริตควร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา อธิบายว่า เป็นปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (water discolouration หรือ red tide) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวด เร็ว(บลูม หรือ Bloom)ของแพลงก์ตอนพืช เนื่องจากแพลงก์ตอนเหล่านี้ต่างก็มีสีในตัวเอง เมื่อเกิดการเจริญเติบโตจำนวนมาก จึงทำให้สีของน้ำทะเลเปลี่ยนไปตามสีของแพลงก์ตอนชนิดที่มีมากในขณะนั้น เช่น สีแดง เกิดจากแพลงก์ตอนสกุลเซอราเตียม (Ceratium sp.) สีส้มเกิดจากสกุลเพอริดิเนียม(Peridinium sp.) หรือ สีเขียวเกิดจากสกุลนอคติลูกา ( Noctiluca sp.) เป็นต้น



       “ ทั้งนี้ผลการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบางแสนมาวิเคราะห์พบว่า ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp.) ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่เซลล์มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกต่อกันเป็นสายยาว โดยแต่ละเซลล์จะมีรยางค์ยื่นออกทางด้านข้างมุมละ 1 เส้น ( 1 เซลล์มีรยางค์ 4 เส้น) เคลื่อนที่ไม่ได้ อาศัยล่องลอยไปตามกระแสน้ำ หากอยู่รวมกันจำนวนมากจะเห็นเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลแดง และยังไม่เคยมีรายงานว่าสร้างสารพิษ
       
       ส่วนสาเหตุการเกิดปรากฏการณน้ำทะเปลี่ยนสี คาดว่าเกิดจากช่วงนี้มีฝนตกหนักบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการชะล้างเอาแร่ธาตุจากหน้าดินไหลลงสู่ทะเลจำนวนมาก กอปรกับน้ำทิ้งจากบ้านเรือนที่มีปริมาณธาตุอาหาร เช่น ไนโตรเจนและฟอสเฟตมากอยู่แล้ว จึงยิ่งเหมือนเติมปุ๋ยลงน้ำทะเล ขณะเดียวกันอุณหภูมิ ความเค็มของน้ำทะเล รวมถึงแสงแดดอยู่ในช่วงพอเหมาะจึงทำแพลงก์ตอนให้เกิดการสังเคราะห์แสงและ เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปกคลุมผิวหน้าน้ำ
       
       ดังนั้นเมื่อมีปริมาณแพลงก์ตอนมากก็ยิ่งทำให้มีการใช้ออกซิเจนในการ หายใจมากตามไปด้วย ออกซิเจนที่อยู่ในน้ำจึงลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อแพลงก์ตอนหนาแน่น เซลล์บางส่วนก็จะตาย แบคทีเรียจะย่อยสลายโดยต้องใช้ออกซิเจนอีก ส่งผลทำให้น้ำเริ่มเน่า สิ่งมีชีวิตทั้งในน้ำ สัตว์หน้าดิน และสัตว์ที่ฝังตัวอยู่ตัวในดินเริ่มขาดอากาศหายใจและตายเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นว่ามีทั้งปลา ไส้เดือนดิน หอยทับทิม ปูเสฉวน หอยเสียบ ปูม้า ปลาลิ้นหมา ขึ้นมาตายจำนวนมาก”



       ผศ.ดร.สมถวิล กล่าวว่า ขณะที่เดินสำรวจพบชาวบ้านมาเก็บปู ปลาเพื่อนำไปประกอบอาหารจำนวนมาก จึงอยากเตือนว่าไม่สามารถทำได้เช่นนี้ทุกครั้งไป เพราะแม้ว่าการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส ครั้งนี้จะไม่มีพิษ แต่ในน้ำทะเลมีแพลงก์ตอนมากกว่า 5,000 ชนิด ซึ่งชนิดที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมีถึง 300 ชนิด
       
       และในจำนวนนั้นมีกว่า 40 ชนิดที่ผลิตสารพิษได้ โดยสารพิษนี้จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ได้จากการที่สัตว์น้ำกิน แพลงก์ตอนพืชกลุ่มนี้เข้าไป พิษจะถูกสะสมอยู่ในตัวของสัตว์ทะเล เช่น หอย โดยที่ไม่เกิดอันตราย แต่จะไปมีผลต่อผู้บริโภคแทน ทั้งนี้พิษบางชนิดรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิตได้ อาทิ พิษอัมพาตในหอย (paralytic shellfish poison, PSP) เกิดจากการบริโภคหอยสองฝา เช่น หอยแมลงภู่ และหอยนางรมที่กรองแพลงก์ตอนพืชบางชนิดของกลุ่มอเล็กซานเดรียม (Alexandrium sp.) หรือกลุ่มไพโรดิเนียม (Pyrodinium sp.) เป็นต้น

       แพลงก์ตอนเหล่านี้จะสร้างสารพิษต่อระบบประสาท ที่สำคัญสารพิษนี้ละลายได้ในน้ำ และมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหาร จึงไม่สามารถทำลายด้วยการหุงต้ม โดยผู้ที่ได้รับสารพิษจะมีอาการชาบริเวณปาก ลิ้น และปลายนิ้ว หายใจลำบาก กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และอาจเสียชีวิตเนื่องจากการล้มเหลวของระบบหายใจ เป็นต้น


       
       ทั้งนี้ในเมืองไทยได้มีรายงานการเกิดน้ำแดงที่เป็นพิษอัมพาต(PSP) ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2526 โดยเกิดที่ปากแม่น้ำปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ป่วย 63 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากกินหอยแมลงภู่ที่จับมาจากบริเวณที่เกิดน้ำแดง ในปัจจุบันถึงแม้จะมีรายงานการเกิดน้ำแดงบ้างแต่ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ เกิดขึ้นอีก แต่ก็ควรระมัดระวัง ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดกรณีเช่นนี้จึงต้องรอให้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน ว่าสาเหตุที่ปลาตายจำนวนมากเป็นเกิดจากอะไร เป็นกลุ่มแพลงก์ตอนที่มีพิษหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเอง



จาก             :            ผู้จัดการออนไลน์    วันที่ 16 ตุลาคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
ตุ๊กแกผา
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 378



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 09:21:13 AM »

โอ! น่ากลัวมากๆ(หมายถึงข่าว ไม่ใช่คนชื่อO) ถึงจะดูเหมือนธรรมดาที่เกิดบ่อยๆ แต่เตือนบ่อยๆก็ดีกว่า เพราะมันอาจมีคนประมาทกินมันก็ได้....เนอะ
บันทึกการเข้า
myjoefiend
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 63



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 04:30:55 AM »

  เคยเจอตอนอยู่สมุย แต่ดันไปเล่นน้ำอยู่เลย เกิดมัน เข้าไปในปาดก็ซี๊แหงแก๋เลย คราวหน้าเจอแบบนี้คงไม่กล้าลงเล่นน้ำแน่ๆเลย ทะเลมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ ขอบคุณครับสำหรับข้อมล
บันทึกการเข้า

มุ่งไปอย่างใจหวัง ไปกันกับเพื่อนคู่ชีพและคนรู้ใจ
2.5 MEGACAB GL.
http://www.thaitritonclub.com
topping
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 566


งืม ๆๆ


« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 09:22:01 PM »

เป็นเพราะคนเราใช้ไนโตรเจนกับฟอสเฟส (เช่น ปุ๋ยเคมี, ผงซักฟอก) กันเยอะ
พอน้ำชะลงทะเล ก็เกิดแพลงตอนบูม  .... ฆ่าสัตว์ทะเลทางอ้อม

ถ้าเราช่วยกันลดการใช้สารเหล่านี้ ก็จะเป็นผลดีกับสัตว์ทะเลด้วยจ้า
บันทึกการเข้า

แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 09:38:26 PM »

ขอบคุณค่ะ หวังว่าไม่มีใครโลภจนเก็บมาขายนะ 
บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 12:59:14 AM »


นักวิชาการ ย้ำน้ำทะเลเปลี่ยนสีไม่มีสารพิษ ทำให้สิ่งมีชีวิตตาย

    นักวิชาการ ย้ำน้ำทะเลเปลี่ยนสีไม่มีสารพิษทำให้สิ่งมีชีวิตตาย พร้อมระบุ นักท่องเที่ยวรับประทานอาหารทะเลได้ตามปกติ

    จากกรณีที่น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง ที่ชายหาดบางแสน ทำให้สิ่งมีชีวิตตายจำนวนมากนั้น และประชาชนที่จะไปเที่ยวทะเลในช่วงนี้เกิดความกังวลว่า จะสามารถรับประทานอาหารทะเล หรือเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้ได้หรือไม่นั้น ผศ.ดร.สมถวิล จริตควร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ยืนยันว่า จากการนำผลการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบางแสนมาวิเคราะห์พบว่า น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp.) ซึ่งแพลงก์ตอนกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่สาเหตุสร้างสารพิษ จนทำให้สิ่งมีชีวิตตาย แต่สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณแพลงก์ตอนที่มีจำนวนมาก ทำให้ใช้ออกซิเจนในน้ำหายใจมากและลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สัตว์น้ำขาดอากาศหายใจ รวมทั้ง ปริมาณแพลงก์ตอนที่หนาแน่นมาก เซลล์บางส่วนก็จะตาย ทำให้น้ำเริ่มเน่า และสิ่งมีชีวิตตายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเจริญของแพลงก์ตอนดังกล่าวไม่มีพิษ จึงไม่ส่งผลกระทบต่ออาหารทะเล ดังนั้น นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานอาหารทะเลที่วางขายทั้งในหาดบางแสน หรือทะเลแถบจังหวัดอื่นๆได้ตามปกติ

    ผศ.ดร.สมถวิล กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่จะบริโภคอาหารทะเลโดยทั่วไปนั้น ควรเลือกอาหารทะเลที่ยังสด ใหม่ และหากเกิดเหตุกรณีน้ำทะเลเปลี่ยนสีในครั้งต่อไป ก่อนที่จะเก็บสัตว์ทะเลมาบริโภค ควรรอผลการพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นแพลงก์ตอนชนิดใด เพราะอาจเกิดจากแพลงก์ตอนชนิดที่มีพิษได้



จาก             :            สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์    วันที่ 21 ตุลาคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Oo
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 455



« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 01:37:54 AM »

ขากลับจากพัทยา
ไอ้เราก็อุตส่าห์ไม่กินอาหารทะเล

เลือกไปกินร้านส้มตำก็ไม่สั่งปูดอง ปูม้า ปูทะเล
สั่งแค่ส้มตำปูเค็ม

แต่เนื่องจากตะกละ เห็นพี่ปูเค็มพลีชีพแล้ว
จะไม่กินก็กะไรอยู่
2 ชม. ต่อมา ผื่นขึ้นเต็มแขนเลยง่ะ 
กินยาแก้แพ้แล้ว???

ตอนนี้พี่ผื่น..ตะกละยังคงเป็นรอยย้ำที่แขนอยู่เลย 

บันทึกการเข้า
marine_wi
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 216


ผู้พิทักษ์ทะเลตัวน้อย


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 02:36:04 AM »

จะกินอะไรก็ระวังกันเน้อ

น่ากลัวจริงๆๆ

น้ำทะเลเปลี่ยนสี   แต่ความรักทะเลที่มีจะไม่เปลี่ยนไป
บันทึกการเข้า
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 02:46:37 AM »

กินใจ จิงๆๆ นะเนี่ย  แล้วเมื่อไร จะโตล่ะจ๊ะ
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
marine_wi
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 216


ผู้พิทักษ์ทะเลตัวน้อย


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 02:54:04 AM »

เป็นเว็บบอร์ดที่อบอุ่นมากมาย 
และเป็นห่วงทั้งทะเล  และมนุยษ์

ซึ้งสุดๆๆ

เดี๋ยววิก็โตแล้วน่า  พี่ SNR ไม่ต้องห่วง
พอเจ๋งแล้วเราจะไปร่วมงานกันแน่ๆ

หวังว่าพี่SNRจะไม่หนีไปก่อนนะค่ะ
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.025 วินาที กับ 20 คำสั่ง