กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 10:30:54 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2551  (อ่าน 4385 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 12:30:38 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง  ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศอุ่นขึ้นโดยมีหมอกในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ สำหรับภาคใต้มีฝนกระจายในระยะนี้

อนึ่ง คลื่นกระแสลมตะวันออกจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ในช่วงวันที่ 18-19 ตุลาคม 2551 ลักษณะเช่นนี้จะทำให้อ่าวไทยและภาคใต้ มีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่  อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 36 องศา  ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในระยะนี้ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคใต้มีฝนกระจาย ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทย ตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย โดยอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้าในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

สำหรับในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. คลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนผ่านภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกชุกและมีฝนตก หนักบางแห่ง คลื่นลมในอ่าวไทยมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนชาวเรือขอให้ระวังอันตรายในการเดินเรือโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (39.53 KB, 693x430 - ดู 345 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 12:35:55 AM »

เดลินิวส์


 วิธีเลือกซื้อปลาหมึก

   

บ้านไหนที่ชอบซื้อปลาหมึกมาทาน วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีการเลือกซื้อปลาหมึกมาฝากกัน...

ปลาหมึกที่นิยมทานมีอยู่ 2 ชนิด คือ ปลาหมึกกล้วย และปลาหมึกกระดอง

- ปลาหมึกกล้วย ตัวจะออกรี ๆ ยาว ๆ คล้ายกล้วย มีเยื่อหุ้มตัวสีออกน้ำตาล ส่วนด้านข้างจะมีปีกเล็ก ๆ 2 ปีก มีสีเข้มเป็นพิเศษ นิยมนำมาทำปลาหมึกยัดไส้

- ปลาหมึกกระดอง ลักษณะตัวแบนใหญ่สีขาว นิยมนำมาทำปลาหมึกปิ้ง และอาหารอื่น ๆ เช่น ผัด หรือยำลักษณะตัวแบนใหญ่สีขาว


การเลือกซื้อปลาหมึก คือ ควรเลือกซื้อปลาหมึกที่เนื้อแน่น ไม่เละ และลองดมดู ไม่มีกลิ่นฉุน ๆ ของฟอร์มาลีน ส่วนจะเลือกปลาหมึกชนิดใด ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะอาหารที่ต้องการปรุง

ก่อนนำปลาหมึกไปปรุงอาหาร ต้องล้างปลาหมึกให้สะอาด ลอกเยื่อบาง ๆ ออกให้หมด พร้อมกับกระดองด้านในออก ควักถุงหมึก และลูกตาออก นอกจากนี้ ควรบั้งปลาหมึกก่อน เพราะเนื้อปลาหมึกค่อนข้างแน่น หากไม่บั้ง เครื่องปรุงจะไม่ซึมเข้าเนื้อ และไม่อร่อย

ครั้งหน้าถ้าจะซื้อปลาหมึก ก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปสังเกตปลาหมึกก่อนซื้อกันดูได้.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 17, 2008, 12:38:01 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 12:43:34 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


กระบี่ยอดเยี่ยม เพาะพันธุ์สัตว์น้ำมูลค่าสูง-ปลาทะเลสวยงามได้อื้อ

กระบี่ - ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเยี่ยม เพาะพันธุ์สัตว์น้ำสัตว์น้ำมูลค่าสูง และปลาทะเลสวยงามได้เกือบครบ เผย เป็นแหล่งศึกษาดูงานและแหล่งท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมของจังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชมปีละ 4-5 หมื่นคน
       
       นายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย และพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบันทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ ได้ทำการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำมูลค่าสูงได้หลายชนิด อาทิ ปลากะรังดอกแดง ปลาเก๋า ปลาช่อนทะเล ปลาหมอทะเล ปลากะพงขาว ปลากุสหลาด เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรได้มีตัวเลือกในการนำพันธุ์สัตว์นำเหล่านี้ไปเพาะเลี้ยง ป้องกันความเสี่ยง ในเรื่องของราคาที่ไม่แน่นอน เนื่องบางชนิดก็ราคาสูง แต่บางชนิดก็มีราคาตกต่ำ ขึ้นอยู่กับตลาด
       
       นอกจากนี้ ก็ยังได้มีการเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลสวยงามได้อีกหลายชนิดด้วย เช่น ปลาการ์ตูน ปลานกนางแอ่น ปลาหูช้าง ม้าน้ำ ปลาสลิดหินฟ้าเหลือง ปลาตะกรับลายเสือ ปลานีออนเมเซล ปลากระรังหน้างอน ปลากะรังหงษ์ เป็นต้น
       
       ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย และพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ ยังกล่าวอีกว่า ตอนแรกทางศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุ์สัตว์ได้มีการเพาะพันธุ์ปลากะรังดอกแดง เนื่องจากประเทศไทยส่งออกปลากะรังดอกแดงมาเป็นอันดับหนึ่ง จากนั้นก็ได้มีการเพาะพันธุ์ปลากะรังเสือและปลากะรังหน้างอน หรือปลากะรังหงษ์ ซึ่งมีราคาสู ตกกิโลกรัมละประมาณ 4,000-5,000 บาท
       
       ในปีนี้ศูนย์วิจัยฯประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาหมอทะเล และปลากุสหลาด ซึ่งเป็นปลาที่มีราคาสูง ส่วนปลากะรังก็เป็นปลาที่นิยมบริโภคกันมาก นับว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ สามารถเพาะพันธุ์สัตว์น้ำได้เกือบทุกชนิดแล้ว นี่คือ ความภาคภูมิใจ และยังเป็นผลดีกับเกษตรกรที่จะได้มีทางเลือก ในการประกอบอาชีพ และนอกจากจะเป็นศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์น้ำมูลค่าสูงหลายชนิดแล้ว ยังมีการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามอีกด้วย
       
       “ตอนแรกได้มีการเพาะเลี้ยงปลาในกระชังเพียงอย่างเดียว จากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชม และรู้สึกชอบ จึงบอกกันปากต่อปากจึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมมมากขึ้น ทำให้จังหวัดเห็นความสำคัญ โดยในปี พ.ศ.2548 จังหวัดได้สนับสนุนงบประมาณ 8 ล้านบาท เพื่อปรับภูมิทัศน์บริเวณบ่อเลี้ยงปลา แต่รูปแบบก็ยังเป็นการแสดงขั้นตอนการเพาะเลี้ยง การดำเนินการ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้วปีละประมาณ 4-5 หมื่นคน และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจ คือ มีนักเรียน นักศึกษาเข้ามาศึกษาดูงาน เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งด้วย”

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 12:56:22 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


'ปลาตีน' ไขปริศนา                 :              คอลัมน์โลกน่ารู้

    ปลาดึกดำบรรพ์ที่เคยมีชีวิตเมื่อ 375 ล้านปีก่อนชนิดนี้ มีอวัยวะในส่วนหัว ซึ่งกรุยทางให้สัตว์มีกระดูกสันหลังขึ้นมาอยู่บนบกในเวลาต่อมา

    นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับส่วน  "ลำคอ"  ที่อยู่ใต้กะโหลกของ  ทิกทาลิก โรเซ ซึ่งเรียกกันง่ายๆ ว่า "ปลาเดินได้" ปลาชนิดนี้ถูกค้นพบในเขตอาร์กติกของแคนาดาเมื่อปี 2547

    ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวิวัฒนาการของปลาสู่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ  ซึ่งเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังพวกแรกที่ขึ้นมาใช้ชีวิตบนบก

    นักวิทยาศาสตร์รายงานในวารสาร  Nature  ว่า  การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนย้ายจากในน้ำขึ้นมาอยู่บนบก ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนครีบให้เป็นขาเท่านั้น

    ส่วนกะโหลกของมันบ่งบอกว่า  มีการเปลี่ยนแปลงจากปลายุคแรกเริ่มซึ่งช่วยเอื้อต่อสภาพการกินอาหารและการ หายใจในสภาพที่อยู่บนบก มันมีลักษณะเหมือนปลาชนิดอื่นๆ ในยุคเดียวกันคือ มีเหงือกและมีปอด

    เจสัน  ดาวน์ แห่งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ในเมืองฟิลาเดลเฟีย บอกว่า ทิกทาลิกไม่ใช่สัตว์บก มันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในน้ำ แต่เริ่มมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของเขตน้ำตื้น

    เข้าใจว่ามันอาศัยอยู่ตามดินเลนในน้ำจืด ซึ่งเป็นเขตที่ราบลุ่มในภูมิอากาศกึ่งเขตร้อน มันเป็นนักล่าขนาดใหญ่ ตัวยาว 9 ฟุต มีฟันคม มีหัวแบนเหมือนจระเข้ มันอาจขึ้นมาอยู่บนบกได้ในชั่วเวลาสั้นๆ

    นีล ชูบิน แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก นักวิจัยร่วม บอกว่า ลักษณะกะโหลกของมันบ่งบอกว่าเวลาอยู่ในน้ำ มันจับปลากิน เวลาอยู่บนบก มันจับแมลงกิน

    ทิกทาลิกเป็นผู้บุกเบิกของสัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งหลาย ไล่ตั้งแต่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จนกระทั่งถึงมนุษย์.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 12:58:58 AM »

แนวหน้า


เปิดศูนย์ปราบปรามประมงทะเล สร้างความมั่นคงทางอาชีพตลอดแนวชายฝั่งจว.ชายแดนใต้

นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จังหวัดปัตตานี ถึงการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลว่า เกิดขึ้นจากมติของคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแผนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน และการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ในการพึ่งพาตนเอง ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการฟื้นฟูและบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ น้ำให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพ

ทั้งนี้โดยศูนย์ฯ ดังกล่าวมีพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี ถึงจังหวัดนราธิวาส ระยะทางชายฝั่งทะเลประมาณ 241 กิโลเมตร มีประชากรประกอบอาชีพด้านการประมง ประมาณ 9 หมื่นคน โดยมีเรือประมงทั้งเรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ไปจนถึงเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กที่ทำการประมงในพื้นที่ประมาณ 4,800 ลำ โดยมีการทำประมงทั้งในน่านน้ำและนอกน่านน้ำ

ส่วนงบประมาณดำเนินการเป็นงบจากกรมประมงเป็นหลัก อีกส่วนหนึ่งได้การสนับสนุนเพิ่มเติมจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (ศอบต.) เพื่อใช้ในการร่วมกันสร้างจิตสำนึกของประชาชนในพื้นที่ในการบริหารจัดการ ทรัพยากรสัตว์น้ำร่วมกัน เช่น โครงการเสริมสร้างการจัดการชุมชนประมงต้นแบบ ที่ได้เริ่มดำเนินการในบางส่วนแล้ว เป็นต้น

"ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลจังหวัดปัตตานี มียานพาหนะในการปฏิบัติการทั้งสิ้น 4 ลำ ได้แก่ เรือตรวจประมงทะเล ขนาด 60 ฟุต 1 ลำ เรือตรวจประมงทะเล ขนาด 28 ฟุต 1 ลำ และเรือตรวจประมงทะเล ขนาด 24 ฟุต 2 ลำ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการควบคุมเฝ้าระวังการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำให้ เป็นไปตามประกาศและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน จะดำเนินการในการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน องค์กรท้องถิ่นในพื้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ และพฤติกรรมการทำการประมงอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้สัตว์น้ำได้เจริญเติบโตและขยายพันธุ์ และเพิ่มวงจรชีวิตของสัตว์น้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ชาวประมงชายฝั่งทะเลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีทรัพยากรสัตว์น้ำที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวอีก ด้วย" นายสมพัฒน์ กล่าว


******************************************************************************************************************************


เดินเครื่องโปรเจ็กต์"อุทยานสีเขียว" เล็งนำร่อง"เขาใหญ่"บริหารท่องเที่ยว

นายอุภัย วายุพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยถึงนโยบายในการจัดการอุทยานแห่งชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุดมี นายวิสูตร สมนึก รองอธิบดีกรมอุทยานเป็นประธานฯ และจัดระดมความคิดเห็นจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักทั่วประเทศจำนวน 200 คน โดยตั้งเป้าว่าภายใน 1 เดือนจะมีการวางมาตรการและคัดเลือกอุทยานแห่งชาตินำร่อง พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ จากการประชุมผู้บริหาร กระทรวงฯ มีการเสนอให้นำร่องที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ส่วนทางทะเลมีทั้งตะรุเตา สุรินทร์ สิมิลัน เสม็ด พีพี หมู่เกาะอ่างทอง เป็นต้น

สำหรับแนวทางและมาตรการภายใต้โครงการอุทยานสีเขียว ประกอบด้วยการประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมจะเริ่มตั้งแต่การลดใช้พลังงาน การบำบัดน้ำเสีย การคัดแยกขยะ การลดมลพิษทางอากาศ การฟื้นฟูและปลูกต้นไม้ในพื้นที่เสื่อมโทรม โดยจะหามาตรการจูงใจและให้รางวัลกับนักท่องเที่ยวที่ช่วยในการลดมลพิษจากการ ท่องเที่ยว รูปแบบที่เหมาะสมอาจเป็นการให้มัดจำขวดพลาสติก การเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าและถุงกระดาษก่อนเข้าไปในพื้นที่อุทยาน

นอกจากนี้จะจัดทำมาตรฐานการบริการทั้งห้องน้ำ ที่พัก การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ส่วนด้านบริหารจัดการจะกำหนดเขตการให้บริการที่ชัดเจน การจำกัดนักท่องเที่ยว ทั้งนี้จะขอความร่วมมือจากกระทรวงการท่องเทียวและการกีฬา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย

นายณรงค์ มหรรณพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่าที่ผ่านมา เขาใหญ่ได้เริ่มดำเนินการมาตรการบางเรื่องมาแล้ว เช่น การให้นักเที่ยวต้องมัดจำขยะเปียกและขยะแห้งที่บริเวณด่านทางเข้าเป็นเงิน 100 บาท และก่อนออกจากอุทยานก็ให้นำขยะมาให้ตรวจและรับเงินมัดจำคืน เนื่องจากมีการสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวที่มาเขาใหญ่สร้างขยะคนละประมาณ 480กรัม และเคยมีสัตว์ป่าที่กินถุงพลาสติกหรือกินขยะที่เน่าเสียจนตายมาแล้ว จึงได้เสนอโครงการขยะคืนถิ่นขึ้น ตั้งเป้าจะลดขยะในเขาใหญ่ได้ร้อยละ 50 และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวให้หันมาใช้ถุงผ้า แทนการนำถุงพลาสติกเข้ามา โดยกำลังคิดว่าจะใช้รูปแบบไหนในการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ทั้งนี้เขาใหญ่จะไม่ทำแค่พื้นที่อุทยานเท่านั้น แต่มองไปถึงโรงแรม และชุมชนรอบเขาใหญ่ที่จะขอความร่วมมือกันทำในส่วนนี้ด้วย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 01:02:10 AM »

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น


ผู้รอดชีวิตเรือไททานิคนำทรัพย์สินประมูล

    นาง มิลล์วีนา ดีน ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากเรือไททานิคอัปปาง นำทรัพย์สินออกประมูลเพื่อนำไปจ่ายค่าบ้านพักคนชรา

    นาง มิลล์วีนา ดีน ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากเหตุเรือไททานิค อัปปางเมื่อ 96 ปีก่อนซึ่งขณะนั้นเธอยังเป็นทารกอายุ 2 เดือน เปิดเผยว่า จะนำกระเป๋าเสื้อผ้า ,สัมภาระและของใช้ส่วนตัวต่างๆ ที่ ทางครอบครัวได้รับจากผู้ใจบุญในสหรัฐที่ช่วยเหลือโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ออกประมูลที่บริษัทรับประมูลในอังกฤษ เพื่อจะนำไปชำระค่าใช้จ่ายที่บ้านพักคนชราสหรัฐและไปจ่ายค่ารักษากระดูก สะโพกหัก โดยคาดว่าอาจจะได้เงินประมาณ 3,000 ปอนด์หรือประมาณ 180,000 บาท

    ส่วน การประมูลทรัพย์สินของ นางดีน จะมีขึ้นที่บริษัทรับประมูล เฮนรี่ อัลดริจด์ แอนด์ ซัน ในเมืองเดวิซซ์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ ในวันเสาร์นี้
    สำหรับเหตุเรือไทนานิค อัปปาง เมื่อ 96 ปี นับเป็นโศกนาฏกรรมทางการเดินเรือที่มีความเสียหายและผู้เสียชีวิตมากที่สุด ครั้งหนึ่งของโลกเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตไปถึง 1,500 คน

    ส่วน นาง ดีน ซึ่งเป็น 1 ใน 700 ที่รอดชีวิต แม้จะเกิดในอังกฤษแต่ ตั้งแต่รอดชีวิตจากเหตุเรืออัปปาง ครอบครัวของเธอได้ตั้งรกรากอยู่เมืองแคนซัสของสหรัฐ มาแล้วเกือบร้อยปี

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 01:04:02 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงทางภาคใต้ของเม็กซิโก

    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและนักวิทยาศาสตร์สหรัฐกล่าวว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.5 ริคเตอร์ ที่รัฐชิอาปาส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของเม็กซิโก ใกล้กับพรมแดนกัวเตมาลา สร้างความโกลาหลให้กับผู้คนที่อยู่อาศัยในย่านดังกล่าว

    ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐระบุว่าแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือน ได้ 6.5 ริคเตอร์ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ เวลา 02.41 น. ตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไป 72.5 กิโลเมตร นอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้บริเวณเมืองซูเชียเต รัฐชิอาปาส ของเม็กซิโก อย่างไรก็ตามไม่มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ และไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและความเสียหาย.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 01:06:34 AM »

สถาบันวิจัยและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง  กรมประมง


ปล่อยขี้ตังคืนถิ่น ครั้งที่ 3  สู่บ้านเล  แหล่งปลาขี้ตัง เลสาบสงขลา

   

          ปลาตะกรับ หรือภาษาท้องถิ่น เรียกว่า “ขี้ตัง’” เป็นพันธุ์ปลาชนิดใหม่ที่ทางสถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง (NICA)  ได้พยายามค้นคว้าหาพันธุ์สัตว์น้ำชนิดใหม่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และเป็นที่นิยมในการบริโภค  ภายใต้โครงการการเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์  สามารถทำการเพาะพันธุ์แบบผสมเทียม จนประสบความสำเร็จมาสดๆร้อนๆ  พันธุ์ปลาตะกรับที่ได้รับความสำเร็จจากการเพาะขยายพันธุ์จนบัดนี้ หลายต่อหลายตัว และหลายต่อหลายครั้ง ที่ทำการรวบรวมและเก็บเกี่ยวเพื่อไปทำการศึกษาวิจัยของนักวิชาการและจับ เพื่อทำการประมงของชาวประมง ซึ่งพบว่า สัตว์น้ำทุกชนิดโดยเฉพาะปลาตะกรับในบริเวณทะเลสาบมีรสชาติดี  ราคาสูง เป็นที่ต้องการบริโภคของบรรดานักชิมทั้งหลาย  และพ่อแม่พันธุ์ส่วนใหญ่แล้วเป็นพันธุ์ที่ได้จากการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์มา จากบริเวณดังกล่าว

   

           ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่กรมประมงจะได้ตอบแทนธรรมชาติโดยการปล่อยสัตว์น้ำคืนความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายแก่ธรรมชาติบ้าง
เมื่อ วันที่ 13 ตุลาคม 2551 สถาบันฯ   ได้นำพันธุ์ปลาตะกรับ จำนวน 26,000 ตัว จัดเป็นครั้งที่ 3 หลังจากประสบความสำเร็จ มาปล่อยบริเวณบ้านเล อ.สทิ้งหม้อ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่บริเวณปากทะเลสาบสงขลา ที่เคยมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของสัตว์น้ำนานาชนิด  เพื่อเป็นการตอบแทนและคืนความอุดมสมบูรณ์สู่ธรรมชาติ ตามโครงการฟื้นฟูทรัพยากรประมงในทะเลสาบสงขลา ที่ได้มีการดำเนินติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว  ซึ่งชาวประมงที่ได้ร่วมกันปล่อยต่างก็มีความสำนึกดีว่า แต่ละปีพวกเขาก็ได้มีการทำประมง เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสัตว์น้ำบริเวณนี้ปีละหลายๆ ตัวและมีรายได้สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้กับหลายครอบครัว ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนและคำสารภาพของชาวประมงขณะที่ร่วมกันปล่อย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 04:06:53 AM »

 
บันทึกการเข้า
ตุ๊กแกผา
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 378



« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 08:16:58 AM »

เลือกปลาหมึกได้แล้ว ก็บริโภคกันแต่พอดีๆ น๊ะค่ะ เพราะเป็น 1 ใน 3 ของอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง

จากงานวิจัย.....พบว่าปลาหมึกที่มีขนาดใหญ่(ที่นิยมนำมาย่างกินกันนั้น) ใน 100 กรัม มีปริมาณโคเลสเตอรอลสูงถึง 1,170 มก. (ปกติร่างกายต้องการปริมาณโคเลสเตอรอลเพียง 300 มก. เท่านั้น)

พี่ๆอย่าเผลอบริโภคมากๆ บ่อยๆ น๊ะค่ะ.......เดี๋ยวจะหาว่าน้องๆไม่เตือน
บันทึกการเข้า
myjoefiend
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 63



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2008, 02:18:29 PM »

ไม่ทันแล้วละครับ เพราะชอบกินปลาหมึก แต่ที่ชอบสุดคือปลาหมึกที่ จ กระบี่ จาเรือชาวประมงโดยตรง เพราะว่าทั้งสดและไร้สารเจอปน และตัวใหญ่เนื้อหนามาก ดีน๊ะที่ผมยังออกกำลังกายเผาผลาญ แต่แฟนผมสิ 10 กิโล ภายใน 8 เดือน พูดแล้ว แซด... กินเยอะได้แต่ต้องออกกำลังกายให้สมดุลน๊ะจ๊ะจะบอกให้ อิอิ
บันทึกการเข้า

มุ่งไปอย่างใจหวัง ไปกันกับเพื่อนคู่ชีพและคนรู้ใจ
2.5 MEGACAB GL.
http://www.thaitritonclub.com
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.024 วินาที กับ 20 คำสั่ง