กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 01, 2024, 03:28:30 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2551  (อ่าน 3786 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 03:35:31 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา

     ลักษณะอากาศทั่วไป
        
   
    บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าว
    มีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับภาคกลางและภาคตะวันออกมีลมตะวันออกพัดปกคลุม โดยในภาคใต้มีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านอยู่
    ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทย
    และทะเลอันดามันบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย
   
         
     พยากรณ์อากาศสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล          
   
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่    อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย
     บริเวณ ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอย่างต่อ เนื่อง ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า เว้นแต่ช่วงวันที่ 21-24 ต.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา สำหรับร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ และอ่าวไทย ตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุก และมีฝนตกหนักบางแห่ง เว้นแต่ช่วงวันที่ 21-24 ต.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง จะสูงประมาณ 2 เมตร
     
ข้อควรระวัง
     ใน ช่วงวันที่ 21-24 ต.ค. ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ อาทิเช่นบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานีระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนชาวเรือขอให้ระวังอันตรายในการเดินเรือโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ไว้ด้วย


* SEch2.jpg (92.25 KB, 700x700 - ดู 570 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 03:38:29 AM »

ไทยรัฐ

โจรสลัดโซมาเลียปล่อยเรือไทยแล้ว หลังได้เงินค่าไถ่


สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันนี้ (20 ต.ค.) ว่า วานนี้ (19 ต.ค.) นายอาลี อับดี  อวา เร รัฐมนตรีต่างประเทศแห่งภูมิภาคกึ่งปกครองตนเองปุนต์แลนด์ ทางภาคเหนือของโซมาเลีย แถลงว่า โจรสลัดโซมาเลียปล่อยเรือบรรทุกสินค้าชื่อ “เดอะ เอ็ม วี ธอร์ สตาร์” ของไทย พร้อมลูกเรือทั้งหมด 28 คน เป็นอิสระตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. 2551 หลังได้รับเงินค่าไถ่ไม่ทราบจำนวน

 

ทั้ง นี้ เรือลำดังกล่าว มี บริษัท โธเรเซน ไทย เอเยนซี่ บริษัทเดินเรือใหญ่ที่สุดของไทยในกรุงเทพฯ เป็นเจ้าของ โดยถูกโจรสลัดปล้นยึดไปจากอ่ามเอเดน นอกชายฝั่งโซมาเลียตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. 2551

 

สำหรับ ในปีนี้ เรือของชาติต่างๆ ถูกโจรสลัดปล้นบริเวณนอกชายฝั่งโซมาเลียไปแล้วอย่างน้อย 29 ลำ ล่าสุด เรือรบของสหรัฐฯ รัสเซียและยุโรป หลายลำกำลังโอบล้อมเรือชื่อ “เอ็มวี ไฟน่า” ของยูเครน ที่บรรทุกรถถังจำนวน 33 คัน และอาวุธหนักจำนวนมาก หลังถูกโจรสลัดโซมาเลียปล้นยึดไปเมื่อเดือนที่แล้ว

-------------------------------------------------------------------------------------------

ภาคเอกชนห่วงใยสังคม มอบสิ่งดีๆสู่ชุมชน



ปัจจุบันการตื่นตัวเรื่องความรับผิดชอบในสังคมมีค่อน ข้างสูง ซึ่งมีองค์กรธุรกิจหลากหลายแห่งได้หยิบยื่นกิจกรรมดีๆ หรือที่เรียกว่ากิจกรรมซีเอสอาร์ (CSR-Corporate Social Responsibility) มอบสิ่งดีๆคืนสู่สังคม โดยไม่ต้องถามหาถึงความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม ภาคธุรกิจที่ให้ความสนใจและทำกิจกรรมซีเอสอาร์อย่างต่อเนื่องและน่าเป็นแบบอ ย่าง มีอาทิ กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา (ประเทศไทย), คาร์ฟูร์ และฟอร์ด

กิจกรรมสร้างสรรค์ที่กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ได้ให้ความสนใจคือ “แคมเปญรักน้ำ” ที่รณรงค์ให้ทุก คนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำโดยผ่านกิจกรรมล่าสุดคือ“โครงการโคคา-โคลา อนุรักษ์ชายฝั่งสากล” กิจกรรม ที่รวบรวมอาสาสมัครช่วยกันกำจัดขยะทั้งบนบกและในท้องทะเล ซึ่งมูลนิธิโคคา-โคลาให้การสนับสนุนงบประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จัดกิจกรรมพร้อมๆ กันกว่า 33 ประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย กิจกรรมนี้ได้จัดต่อเนื่อง เป็นปีที่ 4 แล้ว โดยในปี นี้ได้เลือกคืนความสมดุลให้กับทรัพยากรธรรมชาติบริเวณหาดอ่าวนาง จ.กระบี่ และชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี ไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นอกจากการรวมใจกันของอาสาสมัคร ทั้งเด็กและผู้ใหญ่แล้วยังสามารถเก็บปริมาณขยะประเภทต่างๆ ทั้งที่เป็นอันตรายและยากแก่การย่อยสลายมากถึง 3,658 กิโลกรัม หรือเกือบ 4 ตันเลยทีเดียว

ใน ขณะที่ “คาร์ฟูร์” ได้ตั้งมูลนิธิคาร์ฟูร์ขึ้นภายใต้ปณิธานมุ่งตอบ แทนและมอบสิ่งดีๆให้กับสังคม จึงได้ร่วมกับคาร์ฟูร์ประเทศไทย พัฒนาโครงการต่างๆ ที่จะเป็นประตูสู่การพัฒนาชีวิตมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว โดยได้ริเริ่มเมื่อปี 2544 ในการร่วมสร้างศูนย์การเรียน รู้ด้วยตนเองสำหรับเด็กที่ด้อยโอกาสบนดอยสูง ตลอดจนพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งระบบประปาภูเขา แผงพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้า รวมทั้งการมอบทุนสนับสนุนโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ในศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โครงการในพระราชดำริ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี และล่าสุดได้จัดกิจกรรม “น้องๆอมก๋อยตะลุยกรุงเทพฯ พาเด็กๆจากยอดดอยกว่า 30 ชีวิตลงมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในการเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร



สำหรับโครงการ “สัปดาห์ฟอร์ดห่วงใยโลก” ของฟอร์ด มอเตอร์ คอมปะนี เป็นกิจกรรมซีเอสอาร์ ที่สร้างสรรค์จัดมาแล้วหลายปี โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โลกให้น่าอยู่ขึ้นกว่า เดิม ของ มร.บิล ฟอร์ด หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย จึงได้ก่อตั้งองค์การอาสาสมัครฟอร์ดขึ้นในปี 2548 พร้อมผุดโครงการ “Ford Global Week of Caring” หรือสัปดาห์ฟอร์ดห่วงใยโลก ในเดือนกันยายนของทุกปี ซึ่งเหล่าพนักงานอาสาสมัครของฟอร์ดจำนวนนับหมื่นคนทั่วโลก จะผนึกกำลังทำกิจกรรมเพื่อสังคมและช่วยเหลือผู้เดือดร้อนหรือด้อยโอกาสใน ชุมชนของตน โดยในปีนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้นำร่องพัฒนาและส่งเสริมเกาะมันในสู่การเป็นเกาะแห่งการเรียนรู้และ อนุรักษ์ทรัพยากร ทางทะเลชายฝั่งตะวันออกแห่งแรกของไทย ด้วยกิจกรรม “ฟอร์ดอาสาสร้างแคมป์เฮ้าส์ส่งเสริมการศึกษาสิ่งแวดล้อมชายฝั่งเกาะมันใน” ที่สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล จ.ระยอง ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมเกาะมันในเป็นแหล่งการเรียนรู้

ด้านธรรมชาติวิทยาแล้วยังปลูกฝังแนวความคิดการอนุรักษ์ในรูปแบบการท่อง เที่ยว ที่ยั่งยืนอีกด้วย...สังคมจะน่าอยู่ ถ้าทุกคนรู้จัก “ให้” และมีความรับผิดชอบต่อสังคมแบบนี้. 

-------------------------------------------------------------------------------------------
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 20, 2008, 03:46:01 AM โดย Sri_Nuan.Ray » บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 03:49:49 AM »

มติชน

นมเมลามีนหรือจะสู้นมแม่


โดย พล.ท.นพ.อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์สภากาชาดไทย



เรา ได้ยินชื่อเมลามีนมากว่า 40 ปี ยังจำจาน ชาม ช้อน ที่ทำขึ้นจากส่วนผสมของเมลามีน จาน ชาม ช้อน เหล่านั้นเบาและทนทาน มีทั้งสีและลวดลายต่างๆ นอกจากเบาและสวยงามตามที่ควรจะเป็นแถมยังทนทาน ตกไม่แตก ราคาย่อมเยา เมื่อเปรียบเทียบขนาด สีสัน ลวดลายแบบเดียวกับจาน ชาม กระเบื้อง หรือจาน ชาม เซรามิค หรือแบบอื่นๆ ที่มีขายตามท้องตลาด

เรื่อง ของเมลามีนซบเซาจากตลาดจาน ชาม ไปพักหนึ่ง คงจะอยู่ตัวหรือไม่มีอะไรใหม่ในเรื่องการตลาดหรือแนวคิดใหม่ ของใช้เหล่านั้นยังอยู่ทนจนเบื่อ กลับไปหากระเบื้องเคลือบหรือเซรามิคแบบดั้งเดิม

จู่ๆ เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีทารกในเมืองจีน ตายไป 4 คน เจ็บป่วยกว่า 53,000 คน ต้องนอนโรงพยาบาล 13,000 คน ในจำนวนนี้มี 4 คนอยู่ที่ฮ่องกง เรื่องเมลามีนกลับมาโด่งดัง ปรากฏว่าเด็กตาย เด็กป่วย เหล่านั้น เนื่องจากดื่มกินนมที่มีส่วนผสมของเมลามีน

เรามารู้จัก "เมลามีน" สักหน่อยดีไหม

เมลามีน คืออะไร

เป็นผงสีขาวๆ ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติคสังเคราะห์ครั้งแรกโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1830

ใช้เมลามีนทำอะไร

รูป แบบที่ใช้กันบ่อยที่สุดคือ เมลามีนเรซิ่นใช้ในการผลิตฟอร์มิกา กระเบื้องยางปูพื้น กระดานขาวสำหรับขีดเขียน ที่เราเรียกว่าไวท์บอร์ด และจาน ชาม ช้อน ซ่อม เครื่องครัวต่างๆ

ทำไมจึงเติมเมลามีนผสมในนมผงด้วยเล่า

คิด ได้ยังไง จะเพราะความไม่รู้ อวิชชา หรือความโลภ หรือรู้มาก ด้วยเหตุที่ว่า จึงเอาเมลามีนซึ่งมีปริมาณไนโตรเจนมากและค่อนข้างราคาถูก โดยการผสมเมลามีนลงในนมที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้นมผงเหล่านั้นเสมือนว่ามีระดับโปรตีนสูง

มีผลเสียต่อสุขาพในระยะยาวอย่างไรบ้าง

เมลามีนทำให้เกิดการตกผลึกในท่อไตขนาดเล็กและอุดตันในท่อต่อเชื่อมต่างๆ ในไตเป็นผลทำให้เกิดการทำลายไตและไตวายในที่สุด

เมื่อเด็กทารกกินนมปนเปื้อนเมลามีนจะมีอาการอะไรบ้าง

1.ร้อนกวนโดยไม่รู้สาเหตุหรืออธิบายไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเวลาปัสสาวะ

2.อาเจียน

3.ปัสสาวะเป็นเลือด

4.เวลาปัสสาวะจะปวดมากหรือปัสสาวะขัดลำบาก

5.ปัสสาวะมีก้อนหินหรือนิ่วเล็กๆ

6.บวม

7.กดเจ็บหรืออาการเจ็บเมื่อเคาะที่บริเวณไต (ชายโครงด้านล่างบริเวณหลังเหนือบั้นเอว)

อย่าง ที่บอกให้ทราบแต่ต้นแล้วว่ามีเด็กป่วยและตาย ปรากฏว่า 80% ของเด็กเหล่านั้นอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เด็กและทารกเหล่านั้นพึ่งพาแต่นมขวดอย่างเดียว ยิ่งมีการเสี่ยงสูงยิ่งขึ้น

ขณะ นี้เมลามีนเพ่นพ่านผสมอยู่ในนมหรือผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของนมจาก บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 30 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา เมืองไทยได้เอาของออกจากร้านขายของได้แก่ ช็อกโกแลตนมเคลือบน้ำตาล ตรา เอ็ม แอนด์ เอ็ม (M&M chocolates) ขนมปังกรอบลอตเต้ โคอาล่า (Lotte Koala biscuits) ขนมเวเฟอร์แท่ง โอรีโอ (Oreo wafer sticks) ช็อกโกแลตนมตราโดฟ (Dove milk chocolate) ขนมถั่วตัดคาราเมล ตราสนิกเกอร์ (Snickers caramel peanut bar) กาแฟเหมาฮวด (Mao Huad Coffee) และขนมปังกรอบโอ๊ดมีล (Oatmeal crackers) ของเหล่านี้ล้วนมีส่วนผสมนมหรือส่วนประกอบของนมจากประเทศจีน ประเทศไทยมีบริษัทดัชมิลนำเข้านมผงจากประเทศจีนกว่า 120 ตัน และแจ้งว่ามีการปนเปื้อนสารเมลามีน กระทบกระเทือนต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท ได้ข่าวล่าสุดว่าทางบริษัทส่งคืนประเทศจีน

หลายประเทศตื่นตัวทั้งในกลุ่มอาเซียน ได้เอาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมออกจากหิ้งขายของท่านคงจะเห็นจากข่าวโทรทัศน์และหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว

แต่ ที่น่ากลัวคือ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้กระจายไปตามชนบท ผลิตภัณฑ์ราคาถูกนำเข้าจากผู้ประกอบการตามแนวชายแดนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามริมแม่น้ำโขง และนำเข้าแถวจังหวัดตากผ่านทางแม่สอด จากประเทศพม่า จากประเทศจีน ไปอยู่ตามร้านขายของชำหรือร้านขายขนมของเล่นเด็ก ไม่พบว่าผู้ประกอบการเหล่านั้นหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในชนบทจะใส่ใจเอา ผลิตภัณฑ์ผสมสารพิษเมลามีนออกจากหิ้งขายของเพื่อจะไม่ทำลายชีวิตของเด็กไทย ต่อไปหรือไม่

เรื่องนี้พ่อแม่ ครูอาจารย์ต้องใส่ใจบอกต่อหรือทำความเข้าใจให้เด็กๆ ได้รับทราบ และแนะนำไม่ให้บริโภคขนมขบเคี้ยวหรือขนมหวานที่มีส่วนผสมนม โยเกิร์ต ท็อฟฟี่นม ช็อกโกแลต ที่อาจมีสารอันตรายเหล่านี้ด้วย

ส่วนเรื่องนม เลี้ยงลูก จะเป็นบุญกุศลโดยแท้ต่อลูกของท่าน โดยเฉพาะแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง-นมแม่ไม่ต้องให้ลูกเสี่ยงสารพิษเมลา มีนในนมผสมที่ท่านไม่รู้จักที่มาที่ไปหรือไม่แน่ใจอย่าเสี่ยงเลย องค์การอนามัยโลก (WHO) กองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) แถลงการณ์ประฌามกรณีนมปนเปื้อนของอื่น และส่งเสริมให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีที่สุด

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - -

ถ่านผลไม้ดูดกลิ่นอับ ภูมิปัญญาไทยลดใช้พลังงาน




โครงการ แผนพลังงานชุมชน กระทรวงพลังงาน โดยนายอุทัย ภูริพงศธร พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช กระทรวงพลังงาน เปิดโครงการจัดทำแผน "พลังงาน 80 ชุมชน สนองพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง" มาตั้งแต่ปี 2550 ที่ ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช

ที่ อบต.นาหมอบุญกับชาวบ้านนั้น มีการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่เป็นพลังงานสะอาดที่มีอยู่ในชุมชน และชุมชนจัดการเองได้ โดยกระทรวงพลังงานถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ชาวชุมชนได้เลือกนำไปใช้ตามความเหมาะ สมของแต่ละพื้นที่ ทั้งเตาเผาถ่านถัง 200 ลิตร เตาซุปเปอร์อั้งโล่ เตาชีวมวล และอื่นๆ ซึ่งล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านที่ร่วมกันทำ

นายอุทัยกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น คือ การต่อยอดความรู้การเผาถ่าน โดยทดลองและเรียนรู้จนสามารถนำผลไม้ที่เหลือทิ้ง ที่ถ้าปล่อยไว้ก็เน่าเสียหาย ให้กลายเป็นถ่านผลไม้ดูดกลิ่น ใส่บรรจุภัณฑ์สวยๆ ขายสร้างรายได้เพิ่ม โดยใช้หลักการดูควัน และการจัดวางกองท่อนไม้ที่เผาถ่านและผลไม้ที่ต้องการเผา ซึ่งเป็นการประยุกต์ภูมิปัญญาการเผาถ่านแบบดั้งเดิมกับการเผาด้วยเตาเผาถ่าน ถัง 200 ลิตร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พลังงานนำมาถ่ายทอดให้ ซึ่งมีทั้งแบบตั้งและแบบนอนให้เลือกใช้



อุทัย ภูริพงศธร

" การเผาผลไม้เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านเอง จากเดิมที่ทางพลังงานมาแนะนำเรื่องการเผาถ่าน โดยเอาเศษไม้จากการตัดแต่งกิ่งไม้มาเผา แต่ชาวบ้านมีการต่อยอด โดยตั้งสมมติฐานว่า น่าจะลองเผาวัสดุอื่นๆ ที่เป็นพืชดู เช่น สับปะรด มังคุด เงาะ กะลามะพร้าว ใบไม้ ดอกไม้ และจากการทดสอบของชาวบ้านก็พบว่า สามารถเผาผลไม้ให้เป็นถ่านได้เช่นกัน"

ข้อค้นพบของชาวบ้าน คือ การเผาผลไม้ซึ่งเดิมเตาเผาธรรมดาที่เคยใช้กัน ไม่สามารถเผาพวกเปลือกบางๆ อย่างผลไม้ ใบไม้พวกนี้ได้ แต่เตาเผาถ่านถัง 200 ลิตร ที่กระทรวงพลังงานนำมาเผยแพร่นี้เมื่อเรารู้หลักการดูควัน และการจัดวางตำแหน่งในเตาเผาว่าวางตรงจุดไหนอย่างไรไม่ให้เป็นมอดไหม้เป็น ขี้เถ้าไปเสียก่อน ก็ทำให้สามารถเผาสิ่งที่เผาได้ยากอย่างผลไม้ให้กลายเป็นถ่านที่ยังคงลักษณะ คงเดิม กระบวนการเผาที่เรียนรู้ คือ เวลาเผาก็เผาพร้อมกับท่อนไม้ที่เราต้องการเผาถ่าน โดยให้ท่อนไม้อยู่ด้านล่าง แล้ววางผลไม้ที่ต้องการเผาไว้ด้านบน ทำให้เมื่อเผาผลไม้ไม่มอดไหม้ไปก่อนถ่านไม้ที่เผา ถือเป็นภูมิปัญญา และชาวบ้านก็ยังคงทดลองและเรียนรู้กันต่อไป โดยการนำอะไรแปลกๆ มาเผา ซึ่งก็อาจค้นพบหรือสร้างความรู้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อีก

วันนี้ชาว บ้านสามารถนำผลผลิตทางการเกษตร ที่ผลิตขึ้นแล้วขายไม่ทัน เกิดการเน่าเสีย หรือราคาตก ไม่ว่าจะเป็นสับปะรด มังคุด เงาะ และพืชผักผลไม้อื่นๆ มาเผาให้เป็นถ่านนำออกขายเป็นผลิตภัณฑ์ดูดกลิ่นในตู้เย็น ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เมื่อนำมาใส่บรรจุภัณฑ์สวยๆ ก็สามารถขายได้ราคา 5-10 บาท นับว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี

ชุมชน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการจัดทำแผนพลังงานชุมชน กับกระทรวงพลังงานในปี 2552 สามารถสมัครได้ที่ สำนักงานพลังงานจังหวัด หรือศูนย์ประสานงานกลางการวางแผนพลังงานชุมชน โทร.0-2223-3344 ต่อ 2262-3

บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 03:55:42 AM »

คม ชัด ลึก

ตามดู"เชียงใหม่ ซู อควาเรียม" รวมสัตว์น้ำหนึ่งเดียวในเอเชีย




อีกไม่นาน "เชียงใหม่ ซู อควาเรียม" พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครบวงจรแห่งแรกหนึ่งเดียวในเอเชีย ความภูมิใจของชาวเชียงใหม่ โดยความร่วมมือของสวนสัตว์เชียงใหม่ และบริษัท มารีนสเคป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเชี่ยวชาญและสร้างอควาเรียมทั่วโลกไม่น้อยกว่า 27 แห่ง

 ก็จะได้ ฤกษ์เปิดให้ประชาชนได้ยลความอลังการเดือนพฤศจิกายนนี้ ล่าสุดคืบหน้ากว่า 95% เหลือเพียงการปรับระบบน้ำให้ได้มาตรฐาน และปล่อยพันธุ์สัตว์ให้ทดลองใช้ชีวิตเท่านั้น

 ความพิเศษของ "เชียงใหม่ ซู อควาเรียม" ใช้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท และแตกต่างจากอควาเรียมอื่นในประเทศไทย เห็นจะเป็นอุโมงค์ใต้น้ำที่มีความยาวกว่า 133 เมตร ยาวที่สุดในเอเชีย และการเชื่อมต่อระหว่างโลกของสัตว์น้ำจืดและน้ำเค็มไว้ด้วยกัน ซึ่งยังไม่มีอควาเรียมใดจัดโซนลักษณะดังกล่าวท่ามกลางการจำลองปะการัง โขดหินเทียม ที่พริ้วไหว เสมือนจริงมากที่สุด


 ธนภัทร พงษ์ภมร ผอ.สัตว์เชียงใหม่ บอกว่า เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครบวงจรแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชีย ที่นำสิ่งมีชีวิตใต้ผืนน้ำ ทั้งสัตว์น้ำจืดและน้ำเค็มมาอยู่ใน จ.เชียงใหม่ ที่มีระดับความสูงจากน้ำทะเลกว่า 700 เมตร

 "เชียงใหม่ ซู อควาเรียม" แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นบนเป็นโซนจัดแสดงนิทรรศการ เมื่อเริ่มเข้าไปในอควาเรียมจะพบกับศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศวิทยาทางน้ำ ที่เริ่มจากการจำลองระบบนิเวศบริเวณยอดดอยอินทนนท์ ต้นกำเนิดแห่งสายน้ำที่ไหลหล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ก่อนเดินเข้าสู่ป่าโกงกางที่จำลองบรรยากาศหุบเขาและเขื่อนภูมิพล

 อย่าง ไรก็ดี หากเดินเรื่อยมาจะพบบรรยากาศของป่าชุ่มน้ำที่ตกแต่งให้คล้ายลุ่มน้ำอเมซอน สายน้ำแหล่งรวบรวมพันธุ์สัตว์น่าพิศวง ขณะที่โซนจัดแสดงแมลงนานาชนิด จะเป็นการรวบรวมแมลงหายากใกล้สูญพันธุ์


 ธนภัทร กล่าวอีกว่า จากนั้นก็จะลงมาพบกับ "อุโมงค์ใต้น้ำ" ที่ยาวที่สุดในภูมิภาคเอเชีย 133 เมตร โดยจะแยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนน้ำจืดและน้ำเค็ม ซึ่งนักเที่ยวจะได้พบการนำสิ่งมีชีวิตในน้ำจืดอันน่าพิศวงมาประชันกับสิ่งมี ชีวิตใต้ท้องทะเลอันสวยงาม ภายใต้การสรรค์สร้างที่ลงตัว

 "พันธุ์ปลา ที่จัดแสดงมี 200 กว่าสายพันธุ์ 8,000 กว่าตัว เป็นปลาทะเลราว 5,000 ตัว ซึ่งแบ่งประเภทจากแหล่งที่มาคือนำเข้าจาก อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ และการจัดหาจากทะเลอันดามันและอ่าวไทย ในส่วนแท็งก์น้ำจืดก็จะมีปลาไม่ต่ำกว่า 4,000 ตัว ซึ่งล้วนมาจากลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำเจ้าพระยา"

 ขณะที่แท็งก์น้ำเค็มนั้น นักท่องเที่ยวจะเร้าใจไปกับฉลามร้ายอันน่าเกรงขาม พร้อมเรียกความตื่นตาตื่นใจให้ผู้พบเห็นด้วยปลากระเบนจมูกวัว นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ปลานกแก้วแสงอาทิตย์ นำเข้าจากออสเตรเลีย ที่มีลำตัวยาวกว่า 30 เมตร และนำเข้าถึง 50 ตัว

 หากพูดถึงความ พร้อม ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ บอกคืบหน้าไปกว่า 95% ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองระบบน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ให้มีค่ากรดและด่างอยู่ในปริมาณสมดุล คาดอีกสัปดาห์จะสามารถปล่อยปลาเข้าสู่แท็งก์ต่างๆ ได้

 เดือน พฤศจิกายนนี้ ก็จะได้ชมความสวยงาม อลังการของ "เชียงใหม่ ซู อควาเรียม" กันแล้ว ด้วยอัตราค่าบริการที่ถูก เฉพาะเดือนแรกค่าบริการผู้ใหญ่ 180 บาท จากราคาปกติ 220 บาท และเด็ก 110 บาทจากปกติ 130 บาท
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Udomlert
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 162


« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 04:04:33 AM »

ขอบคุณสำหรับข่าวครับ สีนวลขยันจัง
บันทึกการเข้า
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 04:13:17 AM »

ขอบคุณคร้าบบ พี่จิ๋ว

อ่านแทน พี่จ๋อมและพี่น้อย เวลา พี่ทั้งสองไม่ว่างน่ะคะ อิอิ  เวลาพี่ทั้งสองอยู่ หนูก็ระเริง ไปตามเรื่องน่ะค่ะ

ที่นี้ หาหนังสือพิมพ์ ยากหน่อย ไม่ค่อยจะ Up-date เท่าไรนัก  Net ช่วยได้ค่ะ....
   
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 08:58:08 AM »


ขอบคุณมากจ้ะหนูติ่ง........น่ารักที่สุดเลย.......
บันทึกการเข้า

Saaychol
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 20 คำสั่ง