กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 07:31:30 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2551  (อ่าน 5065 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 12:20:25 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักในระยะแรก ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิเช่น บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก หนองคาย และเลยใ ห้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ สำหรับร่องความกดอากาศต่ำยังคงพาดผ่านภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุก และฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายจากการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย
 
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 20-22 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศอุ่นขึ้น ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 23-26 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา

สำหรับร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ และอ่าวไทยตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุก และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนบนโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 23-26 ต.ค.


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 23-26 ต.ค. ขอให้ประชาชนในภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน อาทิเช่น บริเวณจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือขอให้ระวังอันตรายจากการเดินเรือโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้า คะนองไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (38.89 KB, 693x430 - ดู 1607 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 12:34:13 AM »

ข่าวสด


ปลาน้ำลึก                      :                   คอลัมน์ เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์



นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ถ่ายวิดีโอปลาที่อยู่ใต้ทะเลลึกที่สุดเท่าที่ ถ่ายได้ ปลานี้มีชื่อว่า "โกสต์ลีย์ สเนลฟิช" ถ่ายในระดับความลึก 7.7 กิโลเมตร แถบแนวร่องญี่ปุ่น ในมหาสมุทรแปซิฟิก

นายมอนตี้ ไพรด์ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยอะเบอร์ดีน สกอต แลนด์ ผู้ร่วมการสำรวจโครงการ "HADEEP" กับมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น กล่าวว่า การที่ "โกสต์ลีย์ สเนลฟิช" อาศัยอยู่ในความลึกระดับนี้ได้จะต้องทนทานต่อแรงกดดันมาก ซึ่งแรงกดดันนี้เทียบเท่ากับช้าง 1,600 เชือก ยืนอยู่บนหลังคารถมินิ 1 คัน และปลา 17 ตัว ที่ถ่ายวิดีโอมาตัวที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวประมาณ 12 นิ้ว


********************************************************************************************************************************


เศรษฐีรัสเซียกลัวตาย สั่งเรือยอชต์ติดเรดาร์ป้องขีปนาวุธ

   

เป็น เศรษฐีทั้งที "โรมัน อับราโมวิช" ชาวรัสเซีย เจ้า ของทีมฟุตบอลเชลซี ที่หนีมาอยู่อังกฤษ เพื่อให้รอดจากคดีต่างๆ ในรัสเซีย รวมทั้งเงื้อมมือมัจจุราชของ "นายกรัฐ มนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน" ได้สั่งต่อเรือยอชต์ของเอกชนลำใหญ่ที่สุดในโลก เรือลำนี้ยาว 550 ฟุต ราคาสูงถึง 13,000 ล้านบาท!

เรือ "อีคลิปส์" กำลังต่อที่อู่ต่อเรือในประเทศเยอรมนี ซึ่งอู่แห่งนี้เคยต่อ "เรือรบบิสมาร์ก" อันโด่งดังในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว



เหตุ ที่ราคาแพงเพราะนอกจากความหรูหรา มีทั้งห้องดูภาพยนตร์ ห้องปฐมพยาบาล อควาเรียม และห้องเต้นรำ อับราโมวิชยังสั่งให้ทำระบบเรดาร์ป้องกันเรืออย่างเต็มที่ ทั้งสัญญาณเตือนจรวดมิสไซล์ที่อาจยิงมาจากโจรสลัด ผู้ก่อการร้าย

กระจก ในเรือยังเป็นกระจกกันกระสุน ฐานจอดเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ เรือดำน้ำสีเหลืองที่ดำน้ำได้ลึก 160 ฟุต ระบบป้องกันการก่อกวนทางคอมพิวเตอร์ ส่วนกำลังพล 70 นาย ที่เป็นลูกเรือนั้น ล้วนแต่เป็นอดีตทหารหน่วยเอสเอเอส

"อีคลิปส์" เป็นเรือยอชต์ลำที่ 4 ของอับราโมวิช โดยเรือยอชต์ 3 ลำที่เขากำลังใช้อยู่คือ เรือพีโลรัส ยาว 377 ฟุต เรือเอซตาซี ยาว 282 ฟุต และเรือซัสเซอร์โร ยาว 160 ฟุต แต่เชื่อว่า เรือทั้ง 3 ลำนี้ไม่ได้ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธทางอากาศและไม่มีเรือดำน้ำ

จาก สถิติของสำนักงานทางทะเลนานาชาติ พบว่า ปีที่แล้วโจรสลัดปล้นเรือรวม 269 ลำ จับตัวประกันไว้กว่า 300 ราย ฆ่าตัวประกัน 5 ราย ส่วนทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่อับราโมวิช ชอบพา น.ส.ดาเรีย ซูโคว่า แฟนสาวไปล่องนั้น ก็มีความปลอดภัยน้อยลงกว่าเดิม เช่น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการปล้นเรือยอชต์ราคา 1,300 ล้านบาท ที่นอกชายฝั่งคอสตาริกา โจรได้ทรัพย์สินไปราว 7 ล้านบาท - เดลี่เมล์

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 12:43:35 AM »

คม ชัด ลึก


อาสาสมัคร "เด็กชายเล" คืน "ป่าชายเลน" ให้ธรรมชาติ



ปัจจุบันนี้พื้นที่ป่าชายเลนตามแนวชายฝั่งมีพื้นที่ลดลงจำนวนมากเมื่อเทียบ กับในอดีต บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาพื้นที่ป่าชายเลน จึงผุดโครงการ "เด็กชายเล รักษ์ป่าชายเลน" เพื่อรณรงค์ให้คนทั่วไป หันมาให้ความสำคัญและร่วมกันอนุรักษ์ป่าชายเลนให้คงอยู่ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

 สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ผู้บริหารแผนกกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมว่า ในปีนี้ทางกระทิงแดงมีโครงการที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้เข้าร่วมกิจกรรมใน ฐานะอาสาสมัครเรดบูลสปิริตทั้งหมด 9 โครงการในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งโครงการ "เด็กชายเล รักษ์ป่าชายเลน" ที่บ้านแหลมหินและบ้านทองหลาง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ก็เป็นหนึ่งในโครงการนี้ด้วย

 "เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนที่สูญเสีย ไปจำนวนมาก บวกกับการสำรวจลงพื้นที่และพบว่าที่นี่เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง ชาวบ้านจะสามารถดูแลป่าชายเลนที่เรามาปลูกไว้ได้หลังจากที่เรากลับไปแล้ว เพราะชาวบ้านที่นี่มีการรวมกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนอยู่ก่อนหน้าแล้ว นี่เองจึงเป็นเหตุผลให้เราเลือกที่นี่ และจุดประสงค์สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งคือ การสร้างจิตสำนึกให้อาสาสมัครได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ป่าชาย เลน และระบบนิเวศบริเวณชายฝั่ง ทั้งยังเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงให้อาสาสมัครได้มาเรียนรู้ และเห็นถึงสภาพป่าชายเลนในพื้นที่จริงด้วย สำหรับครั้งนี้เราได้นำต้นไม้ 4 ชนิดมาปลูก คือ ต้นโกงกาง ต้นปีป ต้นแสม และ ต้นถั่วทะเล" สุทธิรัตน์กล่าว



 ขณะ ที่สมาชิกกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลและชายฝั่ง บ้านทองหลาง สุวิทย์ สิทธิศักดิ์ เล่าว่า พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณนี้หายไปจำนวนมาก เนื่องจากกลุ่มนายทุนเข้ามาบุกรุกพื้นที่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ทั้งการปลูกบ้านจัดสรร ธุรกิจนากุ้ง ฯลฯ จึงทำให้เกิดปัญหาน้ำเสียตามมา และส่งผลให้พื้นที่ป่าถูกทำลาย ชาวบ้านจึงมีการรวมกลุ่มกันขึ้นเพื่อต่อรองและทวงคืนพื้นที่เหล่านั้น และช่วยกันปลูกป่าชายเลนขึ้นทดแทน รวมถึงแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันไปดูแลป่าชายเลนเหล่านั้นให้กลับคืนสู่สภาพเดิม

 หันมาฟังความคิดเห็นของอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการนี้กันบ้าง "มุม" ประทีป ปิฉิมพลี พนักงานบริษัทเอกชน อาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการนี้ด้วยความตั้งใจกล่าวว่า จริงๆ แล้วเขากับเพื่อนๆ สมัครมาร่วมโครงการนี้กันหลายคน แต่เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับเลือก ยิ่งทำให้เขาดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมครั้งนี้ เพราะการเดินทางมาครั้งนี้ทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องระบบนิเวศของป่าชายเลน ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งป่าชายเลนนี้จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของมนุษย์ อีกทั้งยังได้เพื่อนใหม่ๆ กลับไปด้วย

 ด้าน "น้ำ" ศิริลักษณา วีระชีพสุข อีกหนึ่งอาสาสมัครที่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการเล่าว่า เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม โดยส่วนตัวเป็นคนชอบป่าอยู่แล้ว และมีความตั้งใจอยากร่วมกิจกรรมประเภทนี้ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสสักครั้ง



 " ก่อนหน้าที่จะมาน้ำลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต เห็นโครงการนี้พอดีก็เลยลงชื่อสมัครทันที ดีใจมากที่ได้รับเลือกให้ร่วมกิจกรรม เพราะจะได้มีโอกาสทำอะไรให้สังคมบ้าง ก่อนเดินทางมายังคิดเลยว่าต้องเป็นอะไรที่หนักแน่ๆ แต่พอมาลงพื้นที่จริงๆ มีชาวบ้านมาช่วยกันทำเยอะแยะ งานเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้มาก ประทับใจกับชาวบ้านในชุมชนที่มาร่วมแรงร่วมใจโดยมีจุดหมายเดียวกัน และยังให้การต้อนรับและดูแลพวกเราอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองด้วย" น้ำกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยรอยยิ้ม

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 12:47:55 AM »

แนวหน้า


ประกาศคุ้มครองเกาะสุราษฎร์ 34แห่งครอบคลุม"สมุย-พะงัน"

นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขณะนี้ สผ.ได้เตรียมประกาศพื้นที่เกาะสมุย เกาะแตน เกาะพะงัน และเกาะบริวารของ จ.สุราษฎร์ธานี รวม 34 เกาะ เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งที่ 5 ด้วย ต่อจาก 4 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเมืองพัทยา ชลบุรี

ทั้งนี้โดยพื้นที่เกาะสมุย มีศักยภาพต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวหลายด้าน เพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพที่สมบูรณ์ในเกาะแตน มีนิเวศชายฝั่งที่สมบูรณ์ มีสภาพป่าและพืชพรรณธรรมชาติปกคลุม ทำให้มีความสมดุลทางธรรมชาติที่ควรสงวนไว้ ซึ่งหากไม่มีการควบคุมป้องกัน หรือบริหารจัดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม สูญเสียทัศนียภาพและเอกลักษณ์ของพื้นที่ไปได้

นายวิเชียรกล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายของการปรับปรุงร่างประกาศฯ เพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมแล้ว จะมีมาตรการสำคัญตามมา คือ การทำเขตควบคุมพื้นที่การใช้ประโยชน์ในพื้นที่สูงและชายฝั่ง รวมทั้งการห้ามทำกิจกรรมที่อาจเป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดผลกระทบในทางการ เปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของพื้นที่ โดยจะมีการกำหนดประเภทและขนาดของโครงการ หรือกิจการที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

นายวิเชียรกล่าวด้วยว่า กำลังพิจารณาประกาศให้ถนนสายประวัติศาสตร์ ถนนสายต้นยาง-ขี้เหล็ก ซึ่งเชื่อมระหว่าง จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีคุณค่าเด่นชัดทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยเฉพาะเป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเห็นแบบอย่างการปลูกต้นไม้มาจากยุโรป


******************************************************************************************************************************


นำร่องติดตั้งระบบGISเรือประมง ติดตามข้อมูลดาวเทียมช่วยงานเตือนภัย-บริหารจัดการ

ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ว่าเป็นความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีด้านดาวเทียมภูมิสารสารสนเทศ หรือ GIS มาใช้ในการติดตามเรือประมงเพื่อเก็บข้อมูลการเดินเรือในแต่ละครั้ง เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการทั้งในส่วนของเจ้าของเรือและกรมประมง

ทั้งนี้โดยเจ้าของเรือสามารถจะทราบได้ว่าในขณะนั้นเรือประมงแต่ละลำของตัว เองอยู่ในพื้นที่ใด หากเกิดปัญหาขึ้นก็สามารถประสานความช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์ และสามารถนำข้อมูลที่บันทึกไว้ในการออกเรือ แต่ละครั้งมาวิเคราะห์ถึงความคุ้มทุน วางแผนการใช้เชื้อเพลิง การเตรียมเสบียงอาหาร และวางแผนการนำสินค้าสัตว์น้ำที่จับได้ไปขึ้นท่า ทำให้สามารถกำหนดค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่จะใช้ในการออกเรือแต่ละรอบว่าจะ บริหารจัดการอย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุด

ส่วนกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยแจ้งเตือนเรือประมงเมื่อ เกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าแผ่นดินไหว พายุ หรือหากเรือประมงเกิดประสบเหตุร้ายกลางทะเล ก็จะสามารถแจ้งให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที รวมทั้งการแจ้งเตือนภัยเมื่อเรือเดินทางเข้าสู่พื้นที่เฝ้าระวัง หรือพื้นที่อันตรายหรือเขตอนุรักษ์ให้กับผู้ประกอบการได้ และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการนำมาใช้เป็นหลักฐานในการต่อรองกับประเทศ เพื่อนบ้านหากถูกกล่าวหาว่าลักลอบรุกล้ำเขตน่านน้ำ

นายพันธ์ศักดิ์ สิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการ NECTEC กล่าวว่าโครงการนี้เป็นการนำร่องใช้เวลา 1 ปี ซึ่งเบื้องต้นมีการติดตั้งระบบติดตามเรือไปแล้ว 12 ลำ ซึ่งตามโครงการจะติดตั้งให้ได้ 50 ลำ โดยกรมประมงจะเป็นผู้คัดเลือกผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการ ส่วน NECTEC จะเป็นผู้พัฒนาระบบและจัดหาอุปกรณ์

นายธงชัย จารุพัฒน์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า ได้ให้ความช่วยเหลือเรื่องการถ่ายภาพทางภูมิศาสตร์ของดาวเทียม THOS ซึ่งมีโครงการที่จะนำมาใช้ในโครงการเกี่ยวกับทางการเกษตรหลายโครงการ เช่น เรื่องการสำรวจพื้นที่ที่มีความละเอียดสูง

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 12:53:27 AM »

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น


ปากน้ำโพธิ์จับปลาราหูยักษ์นน.กว่า 200 กก.
 
   

    ชาว ปากน้ำโพธิ์ ตะลึง จับปลาราหูยักษ์ความยาวกว่า 2 เมตร น้ำหนักรวมกว่า 200 กิโลกรัม ในแม่น้ำปิง ได้เป็นอีกครั้ง 2 ก่อนนำถวายวัดให้ประชาชน ได้เข้าชม



    ชาวบ้านตำบลบางม่วง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ กว่า 100 คน ต้องแตกตื่นอีกครั้ง เนื่องจากชาวบ้านที่ออกหาปลาพบปลาราหูในแม่น้ำปิงเชิงสะพานพิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นปลาราหูมาติดค้างตาข่ายหลังจากเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้มี ชาวบ้านได้จับปลาราหูได้จากบริเวณเดียวกัน ซึ่งปลาราหูที่ชาวบ้านจับได้ครั้งนี้มีน้ำหนักตัวกว่า 20 ก.ก. ขนาดลำตัวยาวกว่า 2 เมตร มีขนาดเล็กกว่าตัวที่แล้ว ซึ่งชาวบ้านเปิดเผยว่าได้ออกหาปลาตามปกติและได้นำตาข่ายมาดักปลาไว้ พอมาดูก็พบว่าเป็นปลาราหูมาติดจึงลากมาริมฝั่งแม่น้ำ เบื้องต้นชาวประมงที่จับปลาราหูได้นำปลาตัวนี้มาถวายให้กับวัดเทพสามัคคี ธรรมตำบลบางม่วง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ชมและเป็นการอนุรักษ์ไว้เป็นการชั่วคราว

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2008, 05:37:05 AM »


สาธุ.....ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองให้ปลากระเบนราหูน้ำจืดที่ถูกจับได้จงอยู่รอดปลอดภัยตลอดไปด้วยเถิด....  
บันทึกการเข้า

Saaychol
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.022 วินาที กับ 20 คำสั่ง