กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 15, 2024, 01:36:17 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2551  (อ่าน 2230 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2008, 12:57:59 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนกระจาย และฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ได้ในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

 ในช่วงวันที่ 7-8 พ.ย. ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนกลางเข้าสู่หย่อมความกด อากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ คลื่นลมในอ่าวไทยโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือของประเทศไทย ทำให้มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

สำหรับในช่วงวันที่ 9-13 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมเข้า มาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรกและอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา กับมีลมแรง ส่วนร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น โดยจะมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย โดยมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

 ในระยะนี้ขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาค ใต้โดยเฉพาะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พัทลุง ตรังและสตูลระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักถึงหนักมากที่จะทำให้เกิดน้ำ ท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นได้ ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยและในทะเลอันดามันขอให้ระวังอันตรายในการเดินเรือโดย เฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือขอให้รักษาสุขภาพเนื่องจากมีอากาศหนาว เย็นลง



* Forecast2.jpg (40.48 KB, 693x430 - ดู 440 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2008, 01:09:18 AM »

มติชน


"ปองพล"ยันไม่ย้ายชาวเล"มอแกน"เข้าเกาะพระทอง

นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน กรณีชนชาวเลในแถบอันดามันกำลังประสบความลำบาก เนื่องจากไม่มีที่ทำกินและถูกรุกรานทางวัฒนธรรมอย่างหนัก ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษยช์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ควรหารือกันเพื่อช่วยกันหาทางออก โดยเชิญองค์กรภาคประชาชนที่ทำงานด้านนี้ นักวิชาการ เข้ามาร่วมด้วย

"มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อเสนอของผมที่ต้องการให้ใช้เกาะพระทอง จ.พังงา เป็นพื้นที่ให้ชาวเลได้อยู่อาศัย โดยสิ่งที่ผมเสนอไปนั้นสำหรับชาวเลที่ประสบภัยสึนามิ หรือชาวเลที่ไม่มีที่อยู่ แต่สำหรับชาวเลที่อยู่กันตามเกาะต่างๆ ก็ควรให้ได้อยู่ตามวิถีชีวิตเดิม" นายปองพลกล่าว

นายธนู แนบเนียน ผู้ประสานงานองค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน กล่าวว่า ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าอันดามัน และหมู่เกาะต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติจะเป็นมรดกโลกทางด้านใด คือ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิต หรือทั้งสองด้านรวมกัน ส่วนตัวคิดว่าควรเป็นการผสมผสานกันระหว่างทรัพยากรธรรมชาติและประเพณี วัฒนธรรมประวัติศาสตร์วิถีชีวิต

นายกฤษ ศรีฟ้า นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวว่า พยายามติดต่อ ดร.นฤมล อรุโณทัย ผู้ที่ทำวิจัยเรื่องมอแกน และเข้าใจวิถีชีวิตชาวมอแกนในหมู่เกาะสุรินทร์มากที่สุด เพื่อสอบถามประเด็นที่นายปองพล  อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการว่าด้วยมรดกโลก นำเสนอว่าเป็นอย่างไร จะขอทราบว่าการยกอันดามันเป็นมรดกโลกมีขอบเขตมีกรอบอะไรอย่างไร เนื่องจากยังไม่ทราบเลยว่าเป็นมรดกโลกแล้วจะได้จะเสียอย่างไร มีส่วนร่วมของภาคประชาชนหรือไม่ ชาวบ้านที่อาศัยตามชายทะเลตามเกาะต่างๆ จะสามารถมีการดำรงชีพต่อไปได้หรือไม่อย่างไร

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2008, 01:15:35 AM »

ข่าวสด


เที่ยวชุมชนโคกไคร ตื่นตา"หาดปูมดแดง"                :              รู้ก่อนเที่ยว


ปูมดแดงบนชายหาด

อำเภอทับปุด เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดพังงา ที่สมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และผลผลิตทางการเกษตร เช่น ขมิ้นชัน ข้าวไร่ ที่เกิดจากไร่นาสวนผสม และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป นั่นคือวัดบางเหรียง หรือวัดราษฎร์อุปถัมภ์ เครื่องยืนยันคือศาสนิกชนที่มากันไม่ขาดสาย เพื่อกราบไหว้พระพุทธมิ่งมงคลบนยอดเขาล้าน และเจ้าแม่กวนอิมตามแต่ความเชื่อความศรัทธา

ชุมชนโคกไคร ตำบลมะรุ่ย เป็นชุมชนหนึ่งในอำเภอทับปุด ที่มีความสมบูรณ์ทางทรัพยากรดังที่กล่าวมาแล้ว ชุมชนโคกไครมีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามโดดเด่นด้วยแหล่งท่องเที่ยวทาง ธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องกัน นับถือศาสนาอิสลาม มีชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่ายแบบดั้งเดิมมาหลายชั่วอายุคน

ชุมชนแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและโดดเด่นหลายแห่ง เช่น ดอนหอยตลับ ถ้ำภาพเขียนสีน้ำมันโบราณ ถ้ำลอดที่ตำบลบ่อแสน ถ้ำมืด ถ้ำลากูน หาดตั้งเลน ทุ่งสาหร่าย ฟาร์มหอย และหาดทรายร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากพื้นผิวโลกที่เป็นรอยแยก เป็นรอยต่อระหว่างอำเภอทับปุด กับอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ รอยต่อระหว่างน้ำจืดกับน้ำเค็ม


1.-2.กิจกรรมล่องเรือชมธรรมชาติ    3.หญ้าทะเลของโปรดพะยูน    4.ชายหาดยามน้ำลง    5.ปูมดแดง

รวมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทโบราณวัตถุ อายุยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นที่กล่าวขวัญของนักท่องเที่ยว

และ ที่โดดเด่น เป็นมุกเม็ดงามของชุมชนโคกไครแห่งหนึ่งคือ "ปูมดแดง" ปูมดแดงเป็นปูขนาดเล็ก พบหลายแห่งทางภาคใต้ แต่ที่ชุกชุมที่สุดน่าจะเป็นที่ชุมชนแห่งนี้ จะพบเห็นปูตัวแดงๆ มากมายตามชายหาด จนเรียกกันว่า หาดปูมดแดง

แต่ปูมดแดงใช่ว่าจะพบได้ทุกวัน ขึ้นอยู่กับธรรมชาติน้ำขึ้นน้ำลง ดูได้เพียงเดือนละ 2 หน คือในช่วงน้ำลงต่ำสุดเท่านั้น ช่วงละ 3-4 วัน เป็นช่วงที่จะพบเห็นได้มากที่สุด

ชุมชนแห่งนี้ ยังมีสัตว์น้ำที่สำคัญอีกอย่าง ที่มาปรากฏให้เห็น นั่นคือพะยูน ที่ชาวบ้านพบเห็นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะพบว่า ทะเลในบริเวณนี้เป็นแหล่ง ของหญ้าทะเล ที่เป็นอาหารหลักของพะยูน เมื่อมีหญ้าทะเลอุดมสมบูรณ์ ย่อมมีพะยูนมาดำผุดดำว่ายให้เห็นในน้ำทะเลสีเขียวมรกต

วันนี้ชุมชนโคกไคร มีการรวมตัวของสมาชิกในหมู่บ้าน จัดตั้งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานจัดการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวในรูปขององค์กรชุมชน เป้าหมายคือ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยา กรธรรมชาติป่าชายเลนให้มีความยั่งยืนตลอดไป ขณะเดียวกัน เป็นการสร้างงานเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน

สำหรับด้านเงินทุนดำเนินการในระยะเริ่มต้น โดยการระดมทุนในรูปของการขายหุ้น ในราคาหุ้นละ 100 บาท ได้เงินทั้งสิ้น 333,900 บาท ในด้านการประชาสัมพันธ์ระยะแรกได้จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น แล่นเรือแคนูชมทิวทัศน์สองฝั่งคลองน้ำเค็ม พร้อมกับศึกษาพืชสมุนไพรและระบบนิเวศป่าชายเลนที่ยังคงความสมบูรณ์ ชมถ้ำลอด ภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 3,000 ปี ลอดอุโมงค์ชมลากูนน้อยใหญ่ สำรวจถ้ำชาวเล และไปดูปูมดแดง

สำหรับผู้ที่สนใจ ต้องการล่องเรือซีแคนู ศึกษาพืชสมุนไพร และความเคลื่อนไหวของป่าชายเลน ที่ยังอุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งในพังงา ติดต่อได้ที่ศูนย์การท่องเที่ยว ชุมชนบ้านโคกไคร หมายเลขโทรศัพท์ 08-9290-9265

นี่คือชุมชนโคก ไคร ชุมชนเล็กๆ ที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติ และวิถีชุมชนเอาไว้ รอให้ไปสัมผัสซึมซับความประทับใจ ที่มุมหนึ่งของพังงา

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.112 วินาที กับ 20 คำสั่ง