กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 15, 2024, 12:42:10 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2551  (อ่าน 2121 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 12:48:54 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

    ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่างเข้าสู่หย่อม ความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และปัตตานี ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้

    อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่เสริมเข้ามาปก คลุมถึงประเทศไทยตอนบนแล้วในวันนี้(9 พ.ย.) ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรกและอุณหภูมิลดลง 1-3 องศากับมีลมแรง โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือก่อนภาคอื่นๆ


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง  อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 34 องศา  ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 8-9 พ.ย. ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกด อากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ คลื่นลมในอ่าวไทยโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือของประเทศไทย ทำให้มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า

สำหรับในช่วงวันที่ 10-14 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมเข้า มาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรกและอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา กับมีลมแรง ส่วนร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น โดยจะมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย โดยมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้บริเวณภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และ สงขลา ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยและในทะเลอันดามันขอให้ระวังอันตรายในการเดินเรือโดย เฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือขอให้รักษาสุขภาพเนื่องจากมีอากาศหนาว เย็นลง



* Forecast2.jpg (40.65 KB, 684x423 - ดู 216 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (23.98 KB, 450x296 - ดู 229 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 01:02:07 AM »

มติชน


ทะเลไทยจะหันไปทางไหนดี           โดย ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์



ตลอดขวบปีที่ผ่านมา ทะเลไทยเป็นข่าวดังหลายครั้งครา เช่น วาฬฝูงใหญ่ว่ายมาเกยตื้นที่เกาะราชา (ภาษาอังกฤษเรียก Stranding ยังตอบไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นเพราะเหตุใด) วาฬสี่ตัวโผล่ขึ้นมากินปลาที่บางแสน (ภาษาไทยเรียกปรากฏการณ์วาฬหิว) คลื่นพายุหรือ Storm Serge ที่สร้างความหวาดหวั่นให้คุณๆ หลายท่าน (ไม่ต้องกลัวครับ ไม่มีไต้ฝุ่น ไม่มีคลื่นยักษ์) รวมถึงเรื่องล่าสุด แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish แปลได้ตรงศัพท์ดีแท้)

เรื่องทั้งหมดนั้น ผมเคยเขียนถึงแล้ว รวมถึงเรื่องแมงกะพรุนตัวที่ว่า แต่จะแถมท้ายให้อีกนิด แมงกะพรุนกลุ่มนี้มีพิษร้ายแรง แต่พบในเมืองไทยมานานแล้ว ไม่ได้มีเยอะจนต้องประกาศห้ามจุ่มเท้าลงทะเล เพราะถ้ากลัวเช่นนั้น ก็ไม่ควรไปลงน้ำทะเลที่ไหนเลย เพราะพวกเค้าพบได้ในทะเลเขตร้อนทั่วโลก ในเมืองไทยจัดว่าพบน้อยด้วยซ้ำ หากเทียบกับออสเตรเลียหรืออีกหลายประเทศ วิธีป้องกันคือใส่ชุดกางเกงยาวเสื้อแขนยาวตอนลงน้ำ (แต่ถอดตอนขึ้นหาด มิฉะนั้นจะซื้อบิกินีมาทำไมจ๊ะ) หากคุณโชคร้ายโดนเจ้านี่เข้าจริงๆ (ความเป็นไปได้น้อยกว่าโดนฟ้าผ่า) ให้รีบใช้น้ำส้มสายชูราดเยอะๆ แล้วไปหาหมอโดยด่วน

มีอีกหนึ่งประเด็นที่เขียนถึงแล้ว แต่อยากเขียนถึงอีก ไม่ใช่ปรากฏการณ์ในทะเล เป็นเหตุการณ์บนบก เกิดในห้องประชุม แต่เกี่ยวข้องกับทะเลโดยตรง เพราะมีกระแสความเปลี่ยนแปลงในการจัดการทะเลสำคัญสุดของไทย หรืออุทยานแห่งชาติทางทะเล เริ่มจากแนวคิดว่า เราน่าจะเอาอุทยานไปให้เอกชนเช่า (คิดง่ายดีเนอะ) แต่เมื่อเกิดกระแสต่อต้าน ล่าสุด ผู้บริหารกรมอุทยานหลายท่านออกมายืนยันตรงกัน แนวคิดนี้จะไม่ถูกสานต่อ อย่างน้อยก็ในช่วงนี้

แนวคิดใหม่ล่าสุด คือ การโอนย้ายอุทยานแห่งชาติทางทะเล เดิมทีอยู่ในการดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ให้ไปอยู่ในกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผอิญผมพอทราบความเป็นมาบ้าง จึงถือโอกาสมาเล่าสู่กันฟัง

เหตุการณ์ย้อนไปตั้งแต่สมัยการตั้งกระทรวงทรัพยากรฯครั้งนั้น เราพูดกันถึงความรับผิดชอบของกรมต่างๆ โดยเฉพาะกรมอุทยาน ซึ่งเป็นกรมใหญ่ที่แยกมาจากกรมป่าไม้ มีหลายกฎหมายรองรับ เช่น พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า ฯลฯ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่กรมนี้ขาดแคลน คือ บุคลากรทางทะเล เพราะเจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดจบมาทางป่าไม้ แม้มีความสามารถและประสบการณ์ด้านการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ แต่ป่ากับทะเลต่างกัน มิฉะนั้นเค้าคงไม่มีคณะวนศาสตร์กับคณะประมง อย่างไรก็ตาม ทช.เพิ่งตั้งใหม่ มีบุคลากรน้อยกว่า อส.ร่วม 20 เท่า (ในครั้งนั้น) อุทยานทางทะเลมี 26 แห่ง ย้ายไปหมดอาจเกิดความปั่นป่วน จึงทดลองย้ายอุทยานนำร่องเพียงหนึ่งแห่ง ได้แก่ หมู่เกาะอ่างทอง ผ่านไปเกือบสองปี จึงย้ายคืนกลับมา อส. เนื่องจากไม่เวิร์ก(มั้ง)

ในความคิดของผม อุทยานทางทะเลเป็นเหมือนลูกเมียน้อย เป็นมาตลอดตั้งแต่ก่อนปรับปรุงระบบราชการ เพราะก่อนหน้านั้น กรมป่าไม้เคยจัดตั้งส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล แต่จู่ๆ ก็ถูกยุบไปด้วยสาเหตุที่ไม่ทราบได้ จากนั้นก็ถูกย้ายไปย้ายมา จนมาถึงปัจจุบัน อุทยานทางทะเลแม้ยังเป็นลูกเมียน้อยอยู่ แต่สวยจ้ะ ความสวยจึงนำมาด้วยความสนใจ นักท่องเที่ยวพากันไป ความสำคัญและรายได้ก็พุ่งพรวด โดยเห็นได้จากครั้งที่มีแนวคิดจะให้เอกชนเช่าอุทยาน พื้นที่ซึ่งไปเมียงมองดูกัน ส่วนใหญ่ก็อยู่ในอุทยานทางทะเลทั้งนั้น ทั้งที่อุทยานทางบกมีจำนวนมากกว่าตั้งสี่ห้าเท่า

เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใน ทช. แนวคิดการโอนย้ายอุทยานทางทะเลจึงกลับมาใหม่ ตามหลักเหตุผลว่า อุทยานทางทะเลควรจะให้คนที่เชี่ยวชาญทางทะเลรับผิดชอบ อีกทั้งยังช่วยลดความซ้ำซ้อน หมู่เกาะแห่งเดียวมีหน่วยงานตั้งสามแห่งดูแล ทั้งกรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยาน หากย้ายมา ทช. อย่างน้อยก็ลดความซับซ้อน สำหรับกรมประมง บทบาทกำลังเปลี่ยนไปในด้านการผลิตและขายสัตว์น้ำ ปล่อยหน้าที่ด้านการอนุรักษ์มาให้กับ ทช.

เมื่อดูจากเหตุผลข้อนี้ ผมเห็นด้วยครับ แต่ยังอดเป็นห่วงลึกๆไม่ได้ เพราะตามกระแสข่าว ท่านผู้บริหารยังกล่าวถึงแนวคิดเรื่องการให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ ผมไม่ได้แย้งในข้อนี้ เพียงแต่ตั้งคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ และยังไม่เห็นกระบวนการใดๆที่นำไปสู่คำตอบเหล่านั้น

สองสามวันก่อน มีรายการโทรทัศน์มาสัมภาษณ์ผม พิธีกรสาวถามว่า อาจารย์ทำอะไรบ้างคะ ปลูกป่าปลูกปะการังปล่อยปลาปล่อยเต่า ผมบอกกับเธอว่า ผมเป็นนักอนุรักษ์ครับ มิใช่นักฟื้นฟู จริงอยู่ ผมอาจปลูกบ้างปล่อยบ้าง แต่นับว่าน้อยนิด เมื่อเทียบกับนักฟื้นฟูธรรมชาติท่านอื่น เพราะหน้าที่ของนักอนุรักษ์ตามความคิดของผม คือ รักษา ผมมีหน้าที่รักษาทะเลด้วยวิชาการ และให้ความคิดเห็นที่บางครั้งอาจจะดูเหมือนต่อต้านการกระทำบางประการ ที่อาจคิดถึงมนุษย์มากเกินไป คิดถึงทะเลน้อยเกินไป

เหตุที่ต้องนำ เรื่องนี้มากล่าวถึง เพื่อย้ำเตือนตัวเองว่า หน้าที่ของเราคืออะไร? เพราะผมรู้จักกับอธิบดี ทช.ท่านใหม่เป็นอย่างดี รู้จักตั้งแต่พี่เขาเป็นผู้ช่วยอยู่ตะรุเตา เป็นหัวหน้าอุทยานสามร้อยยอด ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่ผมรู้จักผู้บริหารกรมอุทยานหลายต่อหลายท่าน ทุกครั้งที่ต้องเขียนประเด็นไม่เห็นด้วย จึงเหมือนกับการต่อว่าให้ร้ายกับพี่ๆ อาๆ ที่ผมรู้จักมาแต่อ้อนแต่ออก เพียงแต่...ผมรู้จักกุ้งหอยปูปลามาตั้งแต่อ้อนแต่ออกเช่นกัน จึงได้แต่หวัง พวกเขาจะเข้าใจผมบ้าง เหมือนดังเช่นครั้งนี้

ผมอยากบอกว่า พี่ครับ พี่ใจเย็นสักนิดดีไหมครับ ไปทีละเรื่อง ก้าวทีละขั้น เริ่มจากหาทางเปลี่ยนแปลงโอนย้ายอุทยานฯทางทะเลเข้ามาอยู่ในกรมกองที่เกี่ยว ข้องโดยตรง อาศัยการระดมความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อผลสำเร็จเป็นของทะเลที่พี่รัก ผมก็รัก และคนไทยทุกคนก็รัก

จากนั้น เราค่อยมาคิดกันต่อ จะให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในด้านการท่องเที่ยวในเขตอุทยานทางทะเลในรูปแบบไหน หากไม่แน่ใจหรือต้องเอามรดกของชาติไปเสี่ยง เราควรใจเย็นไว้ก่อน เศรษฐกิจมีขึ้นมีลง โรงแรมมีเจ๊งมีสร้าง แต่แนวปะการัง เจ๊งแล้วเจ๊งเลยครับพี่ เจ๊งไปชั่วลูกชั่วหลาน ชั่วกาลนานตราบที่ยังมีคนไทยอยู่บนแผ่นดินไทย

อีกอย่างที่อยากฝากไป ถึงท่านผู้บริหารเชิงนโยบาย แปลความง่ายๆ ว่านักการเมือง การปรับเปลี่ยนบุคลากรเป็นเรื่องดีครับ เพื่อให้เหมาะสมกับนโยบายและสถานการณ์ แต่กรุณาให้เวลากับพวกเขาสักนิด การเปลี่ยนย้ายตำแหน่งไปมาด้วยอัตราเร็วพอๆ กับตลาดหุ้นที่ดิ่งลงและดิ่งขึ้น จะทำให้เกิดความอลหม่านมึนตึ้บ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติก็เหมือนกับการลงทุนหรือเศรษฐกิจ เราต้องการความชัดเจนและมั่นคง เศรษฐกิจไทยอาจอยู่นอกเหนือจากอำนาจของเรา แต่ผู้ดูแลทรัพยากรไทยอยู่ในอำนาจและความรับผิดชอบของท่าน

เมืองไทยจะสวยขึ้น มิใช่เพราะแคมเปญของ ททท. แต่จะเป็นเพราะนโยบายที่ชัดเจนและบุคลากรที่มั่นคง หากบุคลากรยังไม่รู้จะหันไปทางไหน ป่าไทยทะเลไทยคงหันไปทางเดียวกัน

ทางสู่ความเสื่อมสูญครับ...

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 01:04:35 AM »

ข่าวสด


ชาวเกาะลันตาโวย อบต.รื้อบ้าน 18 หลัง

กระบี่ - นายสานันท์ แก้วอินทร์ ตัวแทนชาวบ้านในท้องที่หมู่ที่ 6 บ้านคลองนิน ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา ร้องว่า ขณะนี้ชาวบ้านคลองนิน 18 ครัวเรือน เดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากอบต.เกาะลันตาใหญ่ มีคำสั่งให้ชาวบ้านรื้อถอนอาคารทั้งหมด ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทั้งที่บ้านที่อาศัยอยู่ตกทอดมาถึง 3 ชั่วอายุคน รวมระยะเวลากว่า 70 ปี ชาวบ้านรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือขออุทธรณ์คำสั่ง เนื่องจากคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายบุญเชิญ ชุ่มชื่น ชาวบ้านอีกรายกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาก่อนที่จะมีคำสั่งให้รื้อถอนบ้าน ทาง อบต.ก็ไม่ได้มีการเข้ามาตรวจสอบ หรือสอบถามชาวบ้านแต่อย่างใด ว่าที่ดินที่อาศัยอยู่ปัจจุบันเป็นที่บุกรุก หรือว่าเป็นที่ดินมรดก

ด้าน นายหิรัญ ดินแดง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลันตาใหญ่ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีคำสั่งให้ชาวบ้านรื้อถอนบ้านออกจากที่ดังกล่าว เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลันตาใหญ่ รับแจ้งจากนายอำเภอเกาะลันตาให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ.2525 กับบุคคลที่ก่อสร้างอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่สาธารณะบริเวณหาดคลองนิน หมู่ที่ 6 ต.เกาะลันตาใหญ่ ตั้งแต่ ถนนเลียบชายหาดจากสถานีตรวจอากาศไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ หลังจากนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป และจะให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านอย่างที่สุด

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 01:19:01 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


เกิดเหตุระบบดับเพลิงระเบิดในเรือดำน้ำของรัสเซียทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน

 นาย อิกอร์ ดีกาโล่ ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพเรือรัสเซียรายงานโดยไม่เปิดเผยรายละเอียด เกี่ยวกับสภาวการณ์ของอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า ในระหว่างที่มีทดสอบประสิทธิภาพของเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ในมหาสมุทร แปซิฟิก

ระบบดับเพลิงได้เกิดระเบิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่และคนงานประจำเรือ อย่างไรก็ตาม ตัวเรือดำน้ำไม่ได้รับความเสียหาย โดยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยังทำงานตามปกติและระดับของกัมมันตรังสีบนเรือก็ยัง อยู่ในระดับปกติ แต่ทางกองทัพเรือได้สั่งให้เรือลำดังกล่าวระงับการทดสอบและกลับเข้าฝั่งแล้ว

ทางด้านนายอนาโตลี เซิร์ดยูคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียได้รายงานเรื่องนี้ต่อประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ แล้ว ซึ่งประธานาธิบดีเมดเวเดฟมีคำสั่งให้สอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด และยืนยันจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายอย่างเต็มที่ทุกคน


***************************************************************************************************


เรือสินค้าเดนมาร์กถูกโจรสลัดปล้นสะดมใกล้น่านน้ำโซมาเลีย

    เกิดเหตุโจรสลัดปล้นสะดมเรือสินค้าเดนมาร์ก พร้อมลูกเรือ 13 คนใกล้ชายฝั่งของโซมาเลียเมื่อวันศุกร์ ขณะที่เรือลำดังกล่าวอยู่ในอ่าวเอเดน เส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ โดยเดินทางมาจากภูมิภาคตะวันออกกลางไปยังเอเชีย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งๆที่หลายฝ่ายเพิ่มการลาดตระเวนให้มากขึ้นแล้ว โดยนาโต้ได้ส่งเรือรบ 3 ลำไปยังอ่าวเอเดนเพื่อช่วยเหลือกองทัพเรือสหรัฐในการลาดตระเวนป้องกันการโจมตีจากกลุ่มโจรสลัด ขณะที่สหภาพยุโรปเตรียมส่งเรืออย่างน้อย 4 ลำลาดตระเวนในน่านน้ำดังกล่าวในเดือนธันวาคมนี้.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.356 วินาที กับ 20 คำสั่ง