กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 01, 2024, 01:11:04 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สงสัย ว่าจริงหรือไม่ - โอนย้าย อช.ทางทะเลไปสังกัด ทช.  (อ่าน 3435 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Way_farinG
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 127



« เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 11:27:39 AM »

เรื่องของเรื่อง ไปอ่านเจอในพันทิพ.. เห็นว่า มันเกี่ยวเนื่องกับที่พวกเราลงชื่อ ไม่เห็นด้วยกับการให้เอกชนทำสัมประทานอุทยานแห่งชาติ..


เรื่องเหมือนจะเงียบๆ ไป พร้อมกับการเลื่อนการประชุมเป็นว่าเล่น เพื่อหลบเลี่ยงพวกที่จะไปประท้วง.. ตามนโยบายของ ร.บ ยุคนี้..


เรื่องมีอยู่ว่า..

เจ๊เค้าเดินแผนเซ้งอุทยานฯ ... โอนย้าย อช.ทางทะเลไปสังกัด ทช.

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย อนงค์วรรณ มีหนังสือให้ตั้งคณะกรรมการระดับกระทรวง พิจารณาโอนย้ายอุทยานแห่งชาติทางทะเล 14 แห่ง จากทั้งหมด 21 แห่ง ที่สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไปสังกัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

เหตุผล ไม่มีอะไรมากไปกว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีบุคคลากรที่มีความพร้อมในการบริหารจัดการ มากกว่า  ....  แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ การส่งผ่านความคิดเซ้งอุทยานไปด้วย

ขณะที่นายสำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รับลูกทันที สัปดาห์นี้ จะเรียกประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องการโอนย้าย  แถมยังเห็นด้วย 100 % กับการที่จะให้เอกชนเข้าไปบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ไปทำงานด้านอื่นซะ

หนึ่งในคณะกรรมการระดับกระทรวง บอกว่า การโอนย้ายต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านวิชาการ และการบริหารจัดการ เพราะเป็นแหล่งจัดเก็บรายได้อันดับ 1 

รายได้อุทยานแห่งชาติทางทะเล แหล่งรวมรายได้หลักของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  เพราะพื้นที่หลายแห่งเป็นเกาะแก่ง แหล่งดำน้ำดูประการังสวยงาม ติดอันดับต้นๆ ของโลก   ..... 

ลองเลือกมาแบบเก็งว่า น่าจะใช่  .... นำรายได้ของปี 47 ก่อนเกิดสึนามิ มาให้ดูด้วยกั๊บ จะได้เห็นว่ายุคกำลังรุ่งเรืองเนี่ยะ  ถ้าไม่ติดสึนามิปลายปี 47  ก็น่าจะมีรายได้เยอะขึ้น

อุทยานแห่งชาติ
ปี2550
ปี2549
ปี2547

อ่าวพังงา
27,989,244.00
22,076,767.00
38,190,712.50

มก.สุรินทร์
11,092,208.02
6,738,070.00
11,232,150.00

มก.สิมิรัน
16,217,516.34
8,498,700.00
26,732,850.00

มก.ลันตา
2,352,500.00
1,349,625.00
2,322,450.00

หาดนพรัตน์ฯ
9,672,432.00
4,275,266.89
3,442,813.00

เขาหลัก-ลำรู่
949,450.00
274,750.00
2,236,100.00

มก.อ่างทอง
13,252,176.29
14,041,031.65
12,887,620.00

หาดเจ้าไหม
4,571,620.00
3,222,390.00
4,929,272.00

มก.ตะรุเตา
3,847,842.15
2,522,810.00
4,174,630.00

มก.ชุมพร
2,057,680.00
992,310.00
5,109,480.00

มก.เภตรา
335,950.00
177,570.00
251,170.00

เขาแหลมหญ้า-เสม็ด
25,639,905.20
17,850,160.00
17,984,338.80

หมู่เกาะช้าง
7,693,761.75
9,299,090.00
5,508,115.00

หมู่เกาะพยาม
ไม่มีแจ้ง
ไม่มีแจ้ง
ไม่มีแจ้ง

รายได้รวมแล้ว มากกว่า 1 ใน 3 ของรายได้รวมของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ 106 แห่ง 


ขอบคุณ : ข้อมูลรายได้และภาพ จากเว็ปไซด์กรมอุทยานแห่งชาติฯ


...............................................

ที่มา: พันทิพดอทคอม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:30:36 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  ~James Michener
Sea Man
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2208


ท้องฟ้า/ภูเขา/ป่าไม้/ทะเล


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 12:28:08 PM »

ถ้าเป็นจริงต้อง...ลุยกันต่ดีไหม....เซ็ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:31:03 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 02:10:00 PM »

ข่าวที่คุณสายน้ำสรุปในวันนี้ที่ http://www.saveoursea.net/boardapr2007/index.php?topic=1363.0

มีการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์ มติชน เรื่อง ทะเลไทยจะหันไปทางไหนดี     โดย อาจารย์ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์


ลองไปอ่านดูก่อนนะคะ เผื่ออจะได้ความคิดว่าเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดีค่ะ....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:31:17 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

Saaychol
Way_farinG
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 127



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2008, 04:37:28 PM »

เมืองไทยจะสวยขึ้น มิใช่เพราะแคมเปญของ ททท. แต่จะเป็นเพราะนโยบายที่ชัดเจนและบุคลากรที่มั่นคง หากบุคลากรยังไม่รู้จะหันไปทางไหน ป่าไทยทะเลไทยคงหันไปทางเดียวกัน




ประโยคนี่อะ.. ใช่เลย.. แต่ประเด็นคือ.. บุคลากรของเราจะเห็นแก่ ประโยชน์ส่วนตัว หรือ ประโยชน์ส่วนรวม มากกว่ากัน..


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:31:29 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  ~James Michener
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:35:18 AM »

บทความของ อ.ธรณ์ ลงไว้ใน น.ส.พ.มติชน วันที่ 9 พฤศจิกายน 2551 ..... ขอยกมาไว้ที่นี่เลยครับ จะได้อยู่ที่เดียวกัน



ทะเลไทยจะหันไปทางไหนดี           โดย ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์



ตลอดขวบปีที่ผ่านมา ทะเลไทยเป็นข่าวดังหลายครั้งครา เช่น วาฬฝูงใหญ่ว่ายมาเกยตื้นที่เกาะราชา (ภาษาอังกฤษเรียก Stranding ยังตอบไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นเพราะเหตุใด) วาฬสี่ตัวโผล่ขึ้นมากินปลาที่บางแสน (ภาษาไทยเรียกปรากฏการณ์วาฬหิว) คลื่นพายุหรือ Storm Serge ที่สร้างความหวาดหวั่นให้คุณๆ หลายท่าน (ไม่ต้องกลัวครับ ไม่มีไต้ฝุ่น ไม่มีคลื่นยักษ์) รวมถึงเรื่องล่าสุด แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish แปลได้ตรงศัพท์ดีแท้)

เรื่องทั้งหมดนั้น ผมเคยเขียนถึงแล้ว รวมถึงเรื่องแมงกะพรุนตัวที่ว่า แต่จะแถมท้ายให้อีกนิด แมงกะพรุนกลุ่มนี้มีพิษร้ายแรง แต่พบในเมืองไทยมานานแล้ว ไม่ได้มีเยอะจนต้องประกาศห้ามจุ่มเท้าลงทะเล เพราะถ้ากลัวเช่นนั้น ก็ไม่ควรไปลงน้ำทะเลที่ไหนเลย เพราะพวกเค้าพบได้ในทะเลเขตร้อนทั่วโลก ในเมืองไทยจัดว่าพบน้อยด้วยซ้ำ หากเทียบกับออสเตรเลียหรืออีกหลายประเทศ วิธีป้องกันคือใส่ชุดกางเกงยาวเสื้อแขนยาวตอนลงน้ำ (แต่ถอดตอนขึ้นหาด มิฉะนั้นจะซื้อบิกินีมาทำไมจ๊ะ) หากคุณโชคร้ายโดนเจ้านี่เข้าจริงๆ (ความเป็นไปได้น้อยกว่าโดนฟ้าผ่า) ให้รีบใช้น้ำส้มสายชูราดเยอะๆ แล้วไปหาหมอโดยด่วน

มีอีกหนึ่งประเด็นที่เขียนถึงแล้ว แต่อยากเขียนถึงอีก ไม่ใช่ปรากฏการณ์ในทะเล เป็นเหตุการณ์บนบก เกิดในห้องประชุม แต่เกี่ยวข้องกับทะเลโดยตรง เพราะมีกระแสความเปลี่ยนแปลงในการจัดการทะเลสำคัญสุดของไทย หรืออุทยานแห่งชาติทางทะเล เริ่มจากแนวคิดว่า เราน่าจะเอาอุทยานไปให้เอกชนเช่า (คิดง่ายดีเนอะ) แต่เมื่อเกิดกระแสต่อต้าน ล่าสุด ผู้บริหารกรมอุทยานหลายท่านออกมายืนยันตรงกัน แนวคิดนี้จะไม่ถูกสานต่อ อย่างน้อยก็ในช่วงนี้

แนวคิดใหม่ล่าสุด คือ การโอนย้ายอุทยานแห่งชาติทางทะเล เดิมทีอยู่ในการดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ให้ไปอยู่ในกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผอิญผมพอทราบความเป็นมาบ้าง จึงถือโอกาสมาเล่าสู่กันฟัง

เหตุการณ์ย้อนไปตั้งแต่สมัยการตั้งกระทรวงทรัพยากรฯครั้งนั้น เราพูดกันถึงความรับผิดชอบของกรมต่างๆ โดยเฉพาะกรมอุทยาน ซึ่งเป็นกรมใหญ่ที่แยกมาจากกรมป่าไม้ มีหลายกฎหมายรองรับ เช่น พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า ฯลฯ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่กรมนี้ขาดแคลน คือ บุคลากรทางทะเล เพราะเจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดจบมาทางป่าไม้ แม้มีความสามารถและประสบการณ์ด้านการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ แต่ป่ากับทะเลต่างกัน มิฉะนั้นเค้าคงไม่มีคณะวนศาสตร์กับคณะประมง อย่างไรก็ตาม ทช.เพิ่งตั้งใหม่ มีบุคลากรน้อยกว่า อส.ร่วม 20 เท่า (ในครั้งนั้น) อุทยานทางทะเลมี 26 แห่ง ย้ายไปหมดอาจเกิดความปั่นป่วน จึงทดลองย้ายอุทยานนำร่องเพียงหนึ่งแห่ง ได้แก่ หมู่เกาะอ่างทอง ผ่านไปเกือบสองปี จึงย้ายคืนกลับมา อส. เนื่องจากไม่เวิร์ก(มั้ง)

ในความคิดของผม อุทยานทางทะเลเป็นเหมือนลูกเมียน้อย เป็นมาตลอดตั้งแต่ก่อนปรับปรุงระบบราชการ เพราะก่อนหน้านั้น กรมป่าไม้เคยจัดตั้งส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล แต่จู่ๆ ก็ถูกยุบไปด้วยสาเหตุที่ไม่ทราบได้ จากนั้นก็ถูกย้ายไปย้ายมา จนมาถึงปัจจุบัน อุทยานทางทะเลแม้ยังเป็นลูกเมียน้อยอยู่ แต่สวยจ้ะ ความสวยจึงนำมาด้วยความสนใจ นักท่องเที่ยวพากันไป ความสำคัญและรายได้ก็พุ่งพรวด โดยเห็นได้จากครั้งที่มีแนวคิดจะให้เอกชนเช่าอุทยาน พื้นที่ซึ่งไปเมียงมองดูกัน ส่วนใหญ่ก็อยู่ในอุทยานทางทะเลทั้งนั้น ทั้งที่อุทยานทางบกมีจำนวนมากกว่าตั้งสี่ห้าเท่า

เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใน ทช. แนวคิดการโอนย้ายอุทยานทางทะเลจึงกลับมาใหม่ ตามหลักเหตุผลว่า อุทยานทางทะเลควรจะให้คนที่เชี่ยวชาญทางทะเลรับผิดชอบ อีกทั้งยังช่วยลดความซ้ำซ้อน หมู่เกาะแห่งเดียวมีหน่วยงานตั้งสามแห่งดูแล ทั้งกรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยาน หากย้ายมา ทช. อย่างน้อยก็ลดความซับซ้อน สำหรับกรมประมง บทบาทกำลังเปลี่ยนไปในด้านการผลิตและขายสัตว์น้ำ ปล่อยหน้าที่ด้านการอนุรักษ์มาให้กับ ทช.

เมื่อดูจากเหตุผลข้อนี้ ผมเห็นด้วยครับ แต่ยังอดเป็นห่วงลึกๆไม่ได้ เพราะตามกระแสข่าว ท่านผู้บริหารยังกล่าวถึงแนวคิดเรื่องการให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ ผมไม่ได้แย้งในข้อนี้ เพียงแต่ตั้งคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ และยังไม่เห็นกระบวนการใดๆที่นำไปสู่คำตอบเหล่านั้น

สองสามวันก่อน มีรายการโทรทัศน์มาสัมภาษณ์ผม พิธีกรสาวถามว่า อาจารย์ทำอะไรบ้างคะ ปลูกป่าปลูกปะการังปล่อยปลาปล่อยเต่า ผมบอกกับเธอว่า ผมเป็นนักอนุรักษ์ครับ มิใช่นักฟื้นฟู จริงอยู่ ผมอาจปลูกบ้างปล่อยบ้าง แต่นับว่าน้อยนิด เมื่อเทียบกับนักฟื้นฟูธรรมชาติท่านอื่น เพราะหน้าที่ของนักอนุรักษ์ตามความคิดของผม คือ รักษา ผมมีหน้าที่รักษาทะเลด้วยวิชาการ และให้ความคิดเห็นที่บางครั้งอาจจะดูเหมือนต่อต้านการกระทำบางประการ ที่อาจคิดถึงมนุษย์มากเกินไป คิดถึงทะเลน้อยเกินไป

เหตุที่ต้องนำ เรื่องนี้มากล่าวถึง เพื่อย้ำเตือนตัวเองว่า หน้าที่ของเราคืออะไร? เพราะผมรู้จักกับอธิบดี ทช.ท่านใหม่เป็นอย่างดี รู้จักตั้งแต่พี่เขาเป็นผู้ช่วยอยู่ตะรุเตา เป็นหัวหน้าอุทยานสามร้อยยอด ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่ผมรู้จักผู้บริหารกรมอุทยานหลายต่อหลายท่าน ทุกครั้งที่ต้องเขียนประเด็นไม่เห็นด้วย จึงเหมือนกับการต่อว่าให้ร้ายกับพี่ๆ อาๆ ที่ผมรู้จักมาแต่อ้อนแต่ออก เพียงแต่...ผมรู้จักกุ้งหอยปูปลามาตั้งแต่อ้อนแต่ออกเช่นกัน จึงได้แต่หวัง พวกเขาจะเข้าใจผมบ้าง เหมือนดังเช่นครั้งนี้

ผมอยากบอกว่า พี่ครับ พี่ใจเย็นสักนิดดีไหมครับ ไปทีละเรื่อง ก้าวทีละขั้น เริ่มจากหาทางเปลี่ยนแปลงโอนย้ายอุทยานฯทางทะเลเข้ามาอยู่ในกรมกองที่เกี่ยว ข้องโดยตรง อาศัยการระดมความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อผลสำเร็จเป็นของทะเลที่พี่รัก ผมก็รัก และคนไทยทุกคนก็รัก

จากนั้น เราค่อยมาคิดกันต่อ จะให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในด้านการท่องเที่ยวในเขตอุทยานทางทะเลในรูปแบบไหน หากไม่แน่ใจหรือต้องเอามรดกของชาติไปเสี่ยง เราควรใจเย็นไว้ก่อน เศรษฐกิจมีขึ้นมีลง โรงแรมมีเจ๊งมีสร้าง แต่แนวปะการัง เจ๊งแล้วเจ๊งเลยครับพี่ เจ๊งไปชั่วลูกชั่วหลาน ชั่วกาลนานตราบที่ยังมีคนไทยอยู่บนแผ่นดินไทย

อีกอย่างที่อยากฝากไป ถึงท่านผู้บริหารเชิงนโยบาย แปลความง่ายๆ ว่านักการเมือง การปรับเปลี่ยนบุคลากรเป็นเรื่องดีครับ เพื่อให้เหมาะสมกับนโยบายและสถานการณ์ แต่กรุณาให้เวลากับพวกเขาสักนิด การเปลี่ยนย้ายตำแหน่งไปมาด้วยอัตราเร็วพอๆ กับตลาดหุ้นที่ดิ่งลงและดิ่งขึ้น จะทำให้เกิดความอลหม่านมึนตึ้บ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติก็เหมือนกับการลงทุนหรือเศรษฐกิจ เราต้องการความชัดเจนและมั่นคง เศรษฐกิจไทยอาจอยู่นอกเหนือจากอำนาจของเรา แต่ผู้ดูแลทรัพยากรไทยอยู่ในอำนาจและความรับผิดชอบของท่าน

เมืองไทยจะสวยขึ้น มิใช่เพราะแคมเปญของ ททท. แต่จะเป็นเพราะนโยบายที่ชัดเจนและบุคลากรที่มั่นคง หากบุคลากรยังไม่รู้จะหันไปทางไหน ป่าไทยทะเลไทยคงหันไปทางเดียวกัน

ทางสู่ความเสื่อมสูญครับ...


บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:37:41 AM »


กรมอุทยานฯเปิดศึกเกาหลาทช. ค้านถ่ายโอน "อุทยานทางทะเล"

นายสำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาขอบเขตงานระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กับ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชว่า กำลังอยู่ระหว่างเสนอต่อคณะกรรมการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการของกลุ่มภารกิจ ด้านทรัพยากรธรรมชาติที่มี นายไพศาล กุวลัยรัตน์ ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธาน ให้พิจารณาก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน( กพร.)อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้โดยความเห็นของ ทช. เห็นว่าอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อย่างน้อย 14 แห่งจาก 18 แห่ง ควรมาอยู่ที่ ทช. เพื่อให้มีการบริหารจัดการเชิงระบบนิเวศ เพราะอุทยายานที่อยู่บนบก และอุทยานที่อยู่ในทะเลนั้นระบบนิเวศต่างกัน ซึ่งทช. เองก็มีความพร้อมทางด้านบุคลากรที่มีความรู้ความสมารถในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล ซึ่งแตกต่างกับทรัพยากรทางบกอย่างสิ้นเชิง

นายสำราญ กล่าวว่า การขอโอนอุทยานทางทะเลไม่ได้เป็นการแย่งงานกรมใด แต่ยังเป็นการบูรณาการทำงานด้านทรัพยากรระหว่างหน่วยงาน และจะเน้นอุทยานที่มีระบบนิเวศเป็นเกาะทางทะเลที่มีความอ่อนไหวต่อทรัพยากรทางทะเลมากๆ เช่น อุทยานแห่งชาติตะรุเตา อ่างทอง พังงา สุรินทร์ สิมิลัน เสม็ด เกาะช้าง หมู่เกาะพีพี เภตรา เกาะลันตา เกาะระ-พระทอง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม นายอุภัย วายุพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ทำหนังสือความเห็นกรณีการโอนอุทยานแห่งชาติทางทะเลให้กับทช. ส่งถึง นายไพศาล ประธานคณะกรรมการปรับปรุงฯ โดยให้เหตุผลว่าภายใต้ พ.ร.บ.อุทยาน พ.ศ.2504 ยังไม่ได้มีการกำหนดนิยามของคำว่า "อุทยานแห่งชาติทางทะเล" ไว้อย่างชัดเจน จึงต้องมีการกำหนดนิยามก่อน

นอกจากนี้ระบบนิเวศภายในอุทยาน เช่น ป่าบก ป่าชายเลน ถ้ำ ภูเขาสูง ชายฝั่งทะเลและแนวปะการัง ซึ่งตามภารกิจและพื้นที่รับผิดชอบของ ทช. นั้นจะเป็นพื้นที่ป่าชายเลน ทะเลและชายฝั่ง หากรวมเรื่องป่าบกด้วย ควรหารือในรายละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรในภาพรวม รวมทั้งในช่วงปี 2545 เคยมีการโอนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองมาที่ ทช. แต่ต่อมาส่งกลับคืนให้ กรมอุทยานฯดังนั้นจึงควรต้องมีการสรุปผลการศึกษาเรื่องนี้ก่อน



จาก               :                แนวหน้า   วันที่ 10 พฤศจิกายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Way_farinG
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 127



« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 02:50:26 AM »

  ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างค่า..
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  ~James Michener
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 02:58:40 AM »

มันน่าจะแยก กันให้ชัดแจ่มแจ๋วไปเลยนะคะ.....

แล้วก็น่าจะวาง เรื่องของคำจำกัดความของแต่ละฝ่าย ก็ให้ชัดเจน มากกว่าการเหวี่ยงแห ให้คลุมเครือ แล้ว ตีความตามแต่ ผลประโยชน์ ของตน ให้ชัดแจ้งเช่นกัน

ยิ่ง อ่าน ก็ยิ่ง งง  แล้วที่นี้ ถ้าใครใหญ่ ผลประโยชน์ ก็เกิดกับผู้นั้น หรือป่าว น้า...
   
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Way_farinG
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 127



« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 03:13:34 AM »

มันน่าจะแยก กันให้ชัดแจ่มแจ๋วไปเลยนะคะ.....

แล้วก็น่าจะวาง เรื่องของคำจำกัดความของแต่ละฝ่าย ก็ให้ชัดเจน มากกว่าการเหวี่ยงแห ให้คลุมเครือ แล้ว ตีความตามแต่ ผลประโยชน์ ของตน ให้ชัดแจ้งเช่นกัน

ยิ่ง อ่าน ก็ยิ่ง งง  แล้วที่นี้ ถ้าใครใหญ่ ผลประโยชน์ ก็เกิดกับผู้นั้น หรือป่าว น้า...
   




เห็นด้วยกะเจ๊สีนวลนะ เรื่องการให้ความชัดเจนกับคำจำกัดความ เพราะ ไม่เช่นนั้นมันก็เหมือนกับสภาวะบ้านเมืองเราตอนนี้ ไม่รู้จะใส่เสื้อสีไรดี 

บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  ~James Michener
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.114 วินาที กับ 20 คำสั่ง