กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 05:02:46 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2551  (อ่าน 3063 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 12:40:21 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกด อากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณตั้งแต่จังหวัดชุมพร ลงไป ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้ต่อไป อีก 1 - 2 วัน ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยคลื่นสูง 2 - 4 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1 - 2 วันนี้

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 2 - 4 องศากับมีลมแรง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา กับมีลมแรง และฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 9-11 และ 14-15 พ.ย. ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกด อากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ คลื่นลมในอ่าวไทยโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสูงมากกว่า 2 เมตร เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12--13 พ.ย. ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้จะมีกำลังปานกลาง ทำให้ฝนและคลื่นลมอ่อนลงบ้าง สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริม เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. ต่อจากนั้น(12-15 พ.ย.)จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะดังกล่าวจะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า กับจะมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย.


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้บริเวณภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และปัตตานี ยังคงต้องเฝ้าระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยและในทะเลอันดามันขอให้ระวังอันตรายในการเดินเรือโดย เฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือขอให้รักษาสุขภาพเนื่องจากมีอากาศหนาว เย็นลง



* Forecast2.jpg (40.57 KB, 693x430 - ดู 469 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (27.57 KB, 450x307 - ดู 483 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 12:43:23 AM »

เดลินิวส์


 ผู้ว่าฯสุราษฎร์ ห่วงคลื่นสูงสั่งดูแลเข้มเดินทางข้ามเกาะ   

วันนี้ (9พ.ย.) นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลความปลอดภัยการเดินเรือข้ามเกาะอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ เนื่องจากในพื้นที่ยังมีฝนตกตลอดเวลา และทะเลมีคลื่นสูง ทั้งนี้ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางทะเลให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า อุทยานแห่งชาติเขาสก และให้เรือเฟอร์รี่ หรือเรือโดยสารระมัดระวังการเดินเรือ ส่วนเรือสปีดโบ๊ทรับ-ส่งนักท่องเที่ยว และเรือประมงขนาดเล็ก ควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

สำหรับบรรยากาศของท่าเรือข้ามเกาะ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางข้ามเกาะสมุย-พะงัน จำนวนมาก เพื่อเตรียมฉลองงานฟูลมูนปาร์ตี้ที่หาดริ้น เกาะพะงัน ซึ่งครั้งนี้ตรงกับวันที่ 12 พ.ย.ช่วงเทศกาลลอยกระทง ทำให้บนเกาะพะงันค่อนข้างคึกคัก.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:01:50 AM »

มติชน


"มติชน"สำรวจชาวเล 20 ชุมชนวิกฤต "ไร้บ้าน-ที่ทำกิน"ไม่มีแม้เงินซื้อข้าว กสม.ติงรบ.อย่าเฉย เร่งแก้ปัญหา



"มติชน"สำรวจชาวเลพบ 20 ชุมชนวิกฤต ถูกฟ้องแย่งที่ดิน-หากินไม่ได้-ถูกรุกทางวัฒนธรรม แฉหาดราไวย์แหล่งเที่ยวชื่อดังแต่ไม่มีน้ำมีไฟให้ใช้ "มอแกน" เกาะสุรินทร์โอดไม่มีเงินซื้อข้าว เหตุอุทยานฯห้ามหาปลาขาย กสม.ติงรัฐให้ความสนใจ อย่าปล่อยให้อยู่อย่างไรเกียรติ ทั้งที่เป็นเจ้าของพื้นที่มานาน

ความคืบหน้ากรณีที่กลุ่มชาวเลซึ่งประกอบด้วย มอแกน มอแกลน และอุรักลาโว้ย ในท้องทะเลอันดามัน กำลังประสบความลำบาก เนื่องจากถูกฟ้องร้องไล่รื้อบ้านและที่ดินที่เคยอยู่มานาน หลายพื้นที่ต้องอยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ เนื่องจากไม่สามารถทำมาหากินตามวิถีดั้งเดิมได้ เนื่องจากกลายเป็นเขตอุทยานฯและพื้นที่จับจองของเอกชน โดยหลายฝ่ายอยู่ระหว่างร่วมกันหาทางออก มีการเสนอให้มีเขตวัฒนธรรมพิเศษเพื่อให้โอกาสชาวเลได้คงวิถีชีวิตดั้งเดิมให้อยู่รอดได้นั้น

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าว "มติชน" รายงานว่า จากการลงพื้นที่และสำรวจร่วมกับเครือข่ายผู้ประสบภัยสึนามิ พบว่ามีชาวเลไม่น้อยกว่า 20 ชุมชน กำลังประสบความลำบากในหลายด้าน โดยด้านแรกที่พบ คือปัญหาใหญ่ที่สุด คือปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัย ในลักษณะคล้ายๆ กัน คืออยู่กันมาก่อนแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ จนกระแสการท่องเที่ยวเฟื่องฟู ทำให้ถูกแอบนำที่ดินไปออกโฉนด เช่น ชุมชนราไวย์ จ.ภูเก็ต ที่มีชาวเลอาศัยอยู่กว่า 100 หลังคาเรือน และอยู่มานานนับ 100 ปี มีผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยืนยันได้ ปรากฏว่ามีอดีตผู้ใหญ่บ้านแอบนำที่ดินไปออกเอกสารสิทธิ ทำให้ชาวเลหลายรายที่เป็นเจ้าของพื้นที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี โดยเฉพาะรายที่สร้างบ้านใหม่ในที่ดินของตัวเอง นอกจากนี้ ชาวเลอีกหลายชุมชนยังไม่มีบัตรประชาชน โดยเฉพาะชาวมอแกนในหมู่เกาะย่าน จ.ระนอง เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงของทางการไทยหวาดระแวงว่าเป็นชาวมอแกนที่ข้ามฝั่งมา จากพม่า ทั้งๆ ที่มีการยืนยันว่าเป็นผู้ที่มาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว ทำให้คนเหล่านี้ไม่ได้รับบริการของรัฐ เช่น การรักษาในโรงพยาบาล

นายหริ ฟองสารธาร ชาวอุรักลาโว้ยหาดราไวย์ กล่าวว่า ทั้งที่หาดราไวย์เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก แต่ชุมชนชาวเลยังไม่มีน้ำมีไฟฟ้าใช้โดยตรงโดยต้องต่อมาจากบ้านของคนอื่น จึงเสียค่าน้ำค่าไฟแพงกว่าคนทั่วไป ส่วนเรื่องที่ดิน เดิมพวกตนไม่คิดว่าเรื่องเอกสารสิทธิเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเชื่อว่าไม่มีใคร โกงใคร ในที่สุดจึงถูกคนอื่นโกง แต่ชาวบ้านยืนยันว่าไม่ยอมย้ายไปไหนเพราะอยู่กันมานาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวเลส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาการทำมาหากิน เนื่องจากถูกห้ามจับปลาและดำหอย โดยอ้างว่าทำลายการท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวมอแกนที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา และเกาะเหลา จ.ระนอง โดยหมู่เกาะสุรินทร์ถูกประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ จึงห้ามชาวมอแกนจับปลาขาย แต่ผ่อนปรนให้จับปลามาทำอาหารกินได้ ชาวบ้านจึงขาดแคลนข้าวสารและเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆ เนื่องจากไม่มีรายได้ แม้ทางอุทยานฯจะว่าจ้างชาวมอแกนบางส่วนขับเรือพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ แต่ก็ว่าจ้างได้เพียงปีละ 6 เดือนในช่วงเปิดเกาะให้ท่องเที่ยว อีก 6 เดือนที่เหลือชาวบ้านจึงต้องอยู่กันอย่างอดอยาก

นายซาระมะ กล้าทะเล ผู้นำชาวมอแกน หมู่เกาะสุรินทร์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ถูกห้ามแทบทุกอย่าง ถูกกล่าวหาว่าทำลายธรรมชาติทั้งที่หาหอยหาปลาได้วันละไม่เกิน 2-3 ตัว และตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเคยตระเวนไปหากินแถวหมู่เกาะสิมิลัน แต่วันนี้ทำไม่ได้แล้วเพราะถูกจับ แม้ฤดูท่องเที่ยวจะมีรายได้วันละ 100-200 บาท จากการรับจ้างอุทยานฯ ก็ไม่เพียงพอซื้อข้าวสารที่ราคาสูงและสิ่งของจำเป็นได้

"เรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่รุ่นพ่อ ตอนแรกที่อุทยานฯเข้ามา เขามาขอที่ดินจากพ่อผม ซึ่งพ่อก็แบ่งให้เพราะคิดว่ามีคนบนฝั่งเข้ามาอยู่ พวกเราจะได้ไม่ต้องกลัวถูกปล้น แต่พอเข้ามาแล้ว เขาย้ายเรามาอยู่อีกที่หนึ่ง แถมห้ามเราสารพัด ไม่รู้ว่าอนาคตลูกหลานจะอยู่กันอย่างไร" นายซาระมะกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน การจำกัดพื้นที่และทำมาหากิน ยังทำให้กลุ่มชาวเลถูกรุกรานทางวัฒนธรรม จนพิธีกรรมเก่าแก่หลายอย่างกำลังสูญหาย รวมทั้งถูกองค์กรศาสนาใช้เงินชักจูงให้ชาวบ้านหันมานับถือศาสนาที่เข้าไปเผย แพร่ โดยเฉพาะหลายพื้นที่หลังเกิดเหตุสึนามิ เช่น ชุมชนชาวอุรักลาโว้ยที่บ้านสังกะอู้ เกาะลันตา จ.กระบี่ กำลังแตกแยกกันอย่างรุนแรง เพราะบางส่วนหันไปนับถือศาสนาใหม่ แต่บางส่วนยังคงนับถือผีเหมือนบรรพบุรุษ นอกจากนี้ ศาสนาใหม่มักตั้งเงื่อนไขต่างๆ เช่น ห้ามชาวเลจัดงานศพที่มีการร้องรำทำเพลงตามความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าผู้เสีย ชีวิตไปดีอย่างเด็ดขาด

คุณหญิงอัมพร มีศุข กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านชาติพันธุ์ กล่าวว่า อยากให้สังคมไทยคิดว่าชาวเลก็คือคนไทยเช่นเดียวกับกลุ่มชนเผ่าทั้งหลาย เพราะหากไปตรวจสอบประวัติแล้ว คนเหล่านี้อาจอยู่ในท้องทะเลอันดามันมาก่อนรัฐไทยด้วยซ้ำ แต่ทุกวันนี้สังคมไทยกลับมองเห็นชาวเลเป็นใครก็ไม่รู้ รัฐบาลควรทำให้คนเหล่านี้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีและได้รับบริการของรัฐเช่น เดียวกับคนทั่วไป


"ที่สำคัญคือ ต้องช่วยให้เขาได้รับความเป็นธรรมเหมือนคนอื่นๆ คนไทยบางคนทำผิดเรายังให้เขาแก้ตัวได้ แต่ชาวมอแกนถ้าเขาไม่ผิด เราก็ต้องช่วยเขา หลายพื้นที่ถูกฟ้องร้องเรื่องที่ดินทั้งที่พวกเขาอยู่มาก่อน กระบวนการยุติธรรมควรเข้าไปดูแลให้ลึกซึ้ง อย่ายึดแค่กฎหมายหรือเอกสารของทางการเท่านั้น ควรเอาข้อเท็จจริงเป็นหลัก" คุณหญิงอัมพรกล่าว และว่า อุทยานฯก็ควรผ่อนปรนให้กับชาวเลที่อยู่ในพื้นที่มาก่อน เพื่อให้ทำมาหากินต่อไปได้ ไม่ใช่ยึดเอากฎหมายอย่างเข้มงวด

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:14:46 AM »

ข่าวสด


บังกลาเทศส่งเรือรบไล่ตะเพิด"พม่า-แดวู" รุกล้ำน่านน้ำ-ลอบเจาะก๊าซ



เมื่อ 9 พ.ย. เอเอฟพีรายงานจากกรุงธากา เมืองหลวงบังกลาเทศ ว่า พม่ายอมถอนแท่นขุดเจาะก๊าซและน้ำมันดิบออกจากพื้นที่ขัดแย้งทางทะเลในอ่าว เบงกอล หลังจากบังกลาเทศส่งเรือรบเข้าไปขู่ พร้อมเปิดศึกเต็มพิกัด

นาย อิฟเตคาร์ อาเหม็ด ชอว์ดรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศบังกลาเทศ กล่าวว่า เรือรบกองทัพพม่านำทีมงานบริษัทแดวู ประเทศเกาหลีใต้ เข้ามาตั้งแท่นขุดเจาะสำรวจก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลบริเวณ อ่าวเบงกอล ทำให้กองทัพเรือและกองทัพบกบังกลาเทศต้องสั่งพร้อมรบสูงสุด เนื่องจากถือเป็นการละเมิดน่านน้ำ นอกจากนั้น ยังส่งเรือรบ 4 ลำเข้าไปยังจุดขัดแย้งอีกด้วย

นายชอว์ดรี ระบุว่า ล่าสุดบริษัทแดวูทยอยเก็บอุปกรณ์ รวมทั้งแท่นขุดเจาะออกจากน่านน้ำบังกลาเทศแล้ว และหวังว่าพม่าจะไม่ รุกล้ำเข้ามาสำรวจทรัพยากรในพื้นที่ดังกล่าวอีก จนกว่าจะเจรจาปักปันเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลเรียบร้อยตามหลักเกณฑ์สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ด้านโฆษกกองทัพบกบังกลาเทศกล่าวว่า สถานการณ์ในอ่าวเบงกอลลดความตึงเครียดลงไปมากเมื่อฝ่ายพม่ายอมถอนเรือรบออก ไป

เจ้าหน้าที่กองทัพบังกลาเทศเปิดเผยกับเอเอฟพีด้วยว่า ก่อนหน้านี้ กองทัพพม่า สั่งเพิ่มกำลังทหารเข้าประจำการในพื้นที่ตามแนวชายแดน 220 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน บังกลาเทศส่งเรือรบติดขีปนาวุธหลายลำ และหน่วยรบพิเศษ 2 ชุดพร้อมรับมือ

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้แทนรัฐบาลทั้ง 2 ชาติตั้งวงเปิดประชุมเจรจาร่วมกันในกรุงเนย์ปิดอว์ นครหลวงแห่งใหม่ของพม่า เพื่อหาทางคลี่คลายปมขัดแย้งทางทะเล แต่ไม่ได้ข้อสรุปเป็นรูปธรรม โดยฝ่ายพม่ายืนกรานว่า การขุดค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติปริมาณมหาศาลแห่งใหม่ในอ่าวเบงกอลนั้นทำถูก ต้องตามกฎหมายทุกประการ

ทั้งนี้ การเจรจาครั้งใหม่ของทั้ง 2 ฝ่ายจะเริ่มดำเนินการอีกครั้งในกรุงธากา ระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 01:26:41 AM »

แนวหน้า


แนะใช้ข้อพิพาทเกาะอาดัง กรณีศึกษาของส่วนราชการ ล้อมคอกก่อนเกิดปัญหาจริง

สตูล:นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวระหว่างนำคณะลงตรวจสอบการก่อสร้างรีสอร์ทบนเกาะอาดัง ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ของบริษัท อาดัง รีสอร์ท จำกัด ผู้ได้รับสัมปทาน ว่า หลังจากมาดูสภาพพื้นที่ทับซ้อนระหว่างกรมธนารักษ์ และกรมอุทยานแห่งชาติทางทะเล ขณะนี้นั้นหน่วยงานต่างๆ คงจะต้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ของตัวเอง อีกส่วนคือปัญหาความขัดแย้งระหว่างกรมธนารักษ์และกรมอุทยานฯ จากปัญหาความไม่ชัดเจนเรื่องข้อกฎหมายแต่ละหน่วยงานถืออยู่ตั้งแต่ต้น วิธีการดำเนินการก็คือต้องมาพูดคุยกันก่อนเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม ซึ่งหากไม่สามารถหาข้อยุติได้ก็ต้องไปหาข้อยุติอีกกระบวนการหนึ่ง คือ เรื่องของการพิจารณาหาข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ

จากการมาตรวจดูในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังมารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งการลงมาดูในครั้งนี้ถือเป็นการดูในภาพรวมในแง่ของการท่องเที่ยวที่ตั้ง ก็ถือว่าเหมาะสม ส่วนเรื่องของสิ่งแวดล้อมคงต้องดูในรายละเอียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม คงต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าในการดำเนินการครั้งนี้มีผลกระทบต่อสิ่ง แวดล้อมมากน้อยแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตรวจสอบโดยละเอียดและมีการรายงานขึ้นมา

ผวจ.สตูล กล่าวอีกว่า กรณีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างกรมธนารักษ์และกรมอุทยานฯ ถือว่าเป็นบทเรียนและเป็นตัวอย่างสำหรับการดำเนินอื่นๆ ต่อไปด้วย ว่าจำเป็นจะต้องมีการศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกเรื่องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรมีการทำข้อตกลงระหว่างส่วนราชการด้วย ให้ได้ข้อยุติตั้งแต่ตอนต้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีภายหลังตามมา ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาได้อีกกรณีหนึ่ง


*****************************************************************************************************************************


ปากน้ำ-กองทัพบก ร่วมปลูกป่าชายเลน เฉลิมพระเกียรติฯ

สมุทรปราการ:นายสุรชัย ขันอาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากกรมกิจการพลเรือนทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก ได้กำหนดจัดกิจกรรม “มหกรรมการอนุรักษ์และปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” หนึ่งในโครงการ “พลิกฟื้นผืนป่า ด้วยพระบารมี” โดยกำหนดจัดพร้อมกันทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายทะเล ในวันอังคารที่ 25 พ.ย.นี้

โดยในส่วนของจังหวัดสมุทรปราการนั้นจะกำหนดจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นที่ศูนย์ ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก(บางปู) เฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสนองแนวพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่ทรงมีความ ห่วงใยในพื้นที่ป่าชายเลน ตลอดจน รณรงค์และปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนทั่วไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.021 วินาที กับ 19 คำสั่ง