เมื่อเริ่มเรื่องแล้วก็รู้สึกทะแม่งๆๆ ก็เลยไปหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ก็ได้เรื่องตามที่มาดังนี้ค่ะวางทุ่นที่หมู่เกาะสิมิลัน / วินิจ รังผึ้ง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 ตุลาคม 2551 โดย : วินิจ รังผึ้ง
เมื่อฝนขาดเม็ดสายลมหนาวเริ่มเดินทางมาเยือน คลื่นลมในท้องทะเลฝั่งอันดามันเริ่มสงบเงียบ อันดามันก็จะเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนอีกหน ฤดูกาลท่องเที่ยวอันดามันจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในราวเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทันทีที่เริ่มเปิดฤดูกาล เรือท่องเที่ยวก็จะพานักท่องเที่ยวมุ่งไปเยือนหมู่เกาะน้อยใหญ่กันอย่างคึกคัก หาดทรายชายทะเล แนวปะการัง และหมู่เกาะที่สวยงามในท้องทะเลอันดามันก็ต้องทำงานหนักอีกหนในการรองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว หลังจากที่ได้มีโอกาสพักผ่อนเพื่อให้ธรรมชาติได้มีโอกาสฟื้นตัวมาราว 6 เดือนในช่วงฤดูมรสุม
และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวและการดำน้ำที่ใกล้จะมาถึงในปีนี้ กลุ่มคนรักและห่วงใยท้องทะเลที่มีทั้งหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มนักดำน้ำอาสาสมัครก็จะได้ร่วมใจกันทำการวางทุ่นสำหรับผูกเรือ และทุ่นสำหรับการลงดำน้ำที่บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะที่ได้รับการขนานนามว่าสวยงามที่สุดของท้องทะเลอันดามัน และที่นั่นก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์ของคนรักทะเลที่ไม่มีใครปฏิเสธ
ด้วยระยะทางจากภูเก็ตถึงหมู่เกาะสิมิลันนั้นมีระยะทางถึงราว 70 กิโลเมตรเลยทีเดียว เรือบริการดำน้ำจากภูเก็จอาจต้องใช้เวลาเดินทางถึงราว 6-7 ชั่วโมง แต่จุดที่อยู่ใกล้สุดนั้นต้องเดินทางจากท่าเรือทับละมุ จังหวัดพังงา ซึ่งระยะทางห่างออกไปราว 40 กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่งเรือราว 4 ชั่วโมงหรือเรือเร็วราวชั่วโมงเศษเท่านั้น
ชื่อของสิมิลันมีความหมายถึงเกาะทั้ง 9 เพราะหมู่เกาะแห่งนี้ตั้งเรียงรายกันตามแนวเหนือใต้เรียงรายกันอยู่ 9 เกาะ สิ่งที่ทำให้หมู่เกาะสิมิลันนั้นมีความแตกต่างไปจากหมู่เกาะอื่นๆก็คือ ความใสของน้ำ และสีสันที่สดใสของน้ำทะเล อีกทั้งยังมีหาดทรายที่ขาวละเอียดสะอาดสะอ้านเป็นธรรมชาติกว่าหมู่เกาะอื่นๆ ซึ่งก็คงเป็นเพราะทำเลที่ตั้งของหมู่เกาะสิมิลันแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ไกลฝั่งมาก จึงไม่ถูกอิทธิพลของตะกอนปากแม่น้ำและมลพิษต่างๆที่ไหลลงมาจากฝั่งแพร่กระจายมาถึง อีกทั้งยังตั้งอยู่ในแนวน้ำลึกที่ได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำจากภายนอก ที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ฝูงปลาและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่นี่มีความหลากหลายของสายพันธุ์และปริมาณที่มาชุมนุมกันอยู่มากมาย โลกใต้ทะเลที่นี่จึงงดงามเป็นแหล่งดำน้ำที่ติดอันอับ 1 ใน 10 ความสวยงามของโลกเลยทีเดียว
เมื่อชื่อเสียงความงดงามของหมู่เกาะสิมิลันแพร่กระจายออกไป จนผู้คนไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่ชื่อของสิมิลันยังโด่งดังไปในหมู่นักดำน้ำจากทั่วโลก ทำให้ทุกวันนี้ในช่วงฤดูการดำน้ำที่เริ่มจากปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงสิ้นสุดเมษายน จะมีเรือบริการดำน้ำพานักท่องเที่ยวมาดำน้ำจำนวนมากมายมาเยือนหมู่เกาะแห่งนี้ โดยแบ่งนักท่องเที่ยวนักเดินทางเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมเกาะและดำน้ำแบบน้ำตื้นที่ใช้เพียงหน้ากากและท่อหายใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่มากันเป็นหมู่คณะหรือมาเที่ยวกับบริษัทนำเที่ยวต่างๆ นักท่องเที่ยวเหล่านี้มักจะพักแรมบนเกาะสี่ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ กับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มซึ่งเป็นนักดำน้ำลึกแบบสคูบาซึ่งส่วนใหญ่จะเดินทางมากับเรือบริการดำน้ำที่มีห้องพักบนเรือพร้อมสรรพ นักดำน้ำประเภทนี้แทบจะไม่ขึ้นเกาะเลย เพราะมาเพื่อดำน้ำ ขึ้นมาพักผ่อนรับประทานอาหารบนเรือ บางลำมีห้องชมภาพยนตร์ ห้องพักผ่อนพร้อม จนได้เวลาลงดำน้ำก็จะลงดำกัน
แต่ละวันมีเรือบริการดำน้ำมาเยือนหมู่เกาะสิมิลันนับสิบลำ มีนักดำน้ำหลายร้อยคนเลยทีเดียว และส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างประเทศ ปีหนึ่งๆสิมิลันจึงสร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยวนับร้อยล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนหากหมู่เกาะแห่งนี้ไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ และปล่อยให้มีการบุกรุกทำลาย การทำประมงอย่างผิดกฎหมาย สิมิลันก็คงจะย่อยยับหมดคุณค่าไปในไม่ช้า
ในอดีตเมื่อเริ่มราว 20 ปีก่อนนั้น การมาเที่ยวเกาะหรือการจอดเรือเพื่อลงดำน้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมากับเรือท่องเที่ยวที่ถูกดัดแปลงมาจากเรือประมง กัปตันเรือก็เป็นไต้ก๋งเรือประมงเก่า เคยแต่ใช้วิธีการทิ้งสมอเรือมาตลอดชีวิต ก็จะใช้วิธีการทิ้งสมอเพื่อจอดเรือ ซึ่งการทิ้งสมอเรือขนาดใหญ่ลงไปแต่ละครั้ง ก็จะไปโดนปะการังแตกหักเสียหาย หรือเมื่อกระแสน้ำคลื่นลมพัดเรือให้เลื่อนลอยไป สมอเรือก็จะครูดแนวปะการังแตกหักเสียหายไปเป็นบริเวณกว้าง และเมื่อมีเรือท่องเที่ยวมากขึ้น ปะการังก็จะถูกทำลายลงไปมากขึ้นทุกที
จึงได้มีแนวความคิดของคนรักทะเลร่วมกันจัดทำโครงการวางทุ่นจอดเรือด้วยการผูกสายทุ่นไว้กับโขดหินหรือโขดปะการังขนาดใหญ่ใต้น้ำแล้วผูกขึ้นมาเป็นทุ่นลอยอยู่บนผิวน้ำ เมื่อเรือท่องเที่ยวเข้ามาก็จะนำเชือกเรือมาผูกโดยไม่ต้องใช้การทิ้งสมอทำลายปะการังอีก ซึ่งการวางทุ่นผูกเรือและทุ่นตามจุดดำน้ำนั้น ในอดีตแต่ละปีก็จะมีการวางทุ่น การผูกทุ่นกัน 1 ครั้งตอนต้นฤดูกาล และทุ่นก็จะถูกใช้งานตลอดฤดูกาลท่องเที่ยว อาจจะมีการขาด และเสียหายทรุดโทรม ซึ่งในช่วงปิดฤดูกาลดำน้ำ ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันที่เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ ก็จะทำการเก็บทุ่นเพื่อนำมาตรวจเช็คเก็บรักษาไว้เพื่อจะนำไปวางทุ่นใหม่อีกครั้งในช่วงต้นฤดูกาลปีถัดไป
การวางทุ่นในช่วงแรกๆนั้น ได้เริ่มต้นจากความร่วมมือร่วมใจของบรรดานักดำน้ำอาสาสมัคร ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ ธุรกิจภาคเอกชน และทางอุทยานฯซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ร่วมกันตั้งแต่ระดมทุนหางบประมาณ และลงแรงดำน้ำลงไปผูกทุ่นวางทุ่น และต่อมาก็ได้ส่งผ่านให้เป็นหน้าที่ของทางกรมอุทยานฯซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการวางทุ่น เพราะทางอุทยานฯมีงบประมาณที่ได้จากการเก็บเงินค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวที่เข้าไปดำน้ำมาดำเนินการ ซึ่งในปี 2550 ที่ผ่านมาหมู่เกาะสิมิลันมีรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมถึง 16,217,516 บาท บรรดานักดำน้ำทั้งหลายจึงไม่มีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในการวางทุ่นมานานหลายปี
กระทั่งในปีนี้ได้มีการรื้อฟื้นโครงการผูกทุ่นดำน้ำโดยความร่วมมือร่วมใจของนักดำน้ำอาสาสมัคร หน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความรู้สึกรักและหวงแหนทรัพยากรท้องทะเลร่วมกันโดยใช้ชื่อโครงการว่า อาสาฯอนุรักษ์ทะเลไทย 2551 ซึ่งจะมีการระดมอาสมัครนักดำน้ำลงไปวางทุ่นกันที่หมู่เกาะสิมิลันระหว่างวันที่ 7-8 พฤศจิกายน 2551
บุคคลที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในโครงการวางทุ่นครั้งนี้ก็คือคุณสมพันธ์ จารุมิลินท รองประธานกรรมการบริหาร ทรูวิชั่นส์ ซึ่งทางคุณสมพันธ์นั้นเป็นนักดำน้ำตัวยงที่เริ่มทำโครงการวางทุ่นอนุรักษ์ทะเลมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน โดยในปีนี้ทาง ทรูวิชั่นส์ก็ได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกองทัพเรือ โดยการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ธนาคารกสิกรไทย กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจน้ำ และอีกหลายๆหน่วยงาน จะได้ร่วมกันทำโครงการวางทุ่นตามจุดจอดเรือและจุดดำน้ำต่างๆ บริเวณหมู่เกาะสิมิลันจำนวน 70 ทุ่น แยกเป็นทุ่นขนาดเล็กสำหรับผูกเรือยาง เรือหางยาว ทุ่นขนาดกลางเพื่อไว้สำหรับผูกเรือบริการดำน้ำและเรือท่องเที่ยวขนาดกลางไปถึงใหญ่ และทุ่นจอดเรือขนาดใหญ่ที่จะมีไว้สำหรับผู้เรือสำราญขนาดใหญ่ เรือรบ หรือเรือประมงขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาจอดหลบลมเป็นครั้งคราว
ซึ่งการวางทุ่นสมัยใหม่นั้นจะมีการนำฐานทุ่นคอนกรีตหล่อขนาดใหญ่ทิ้งลงไปวางตามจุด แล้วผูกสายทุ่นขึ้นมาถึงทุ่นลอยบนผิวน้ำ โดยจะไม่มีการนำไปผูกไว้กับโขดหินหรือโขดปะการังขนาดใหญ่เหมือนในอดีต ซึ่งจะเป็นการหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนต่อแนวปะการังได้เป็นอย่างดี
การผูกทุ่นครั้งนี้จะมีอาสาสมัครนักดำน้ำทั้งจากทางกรมอุทยานฯ จากกองทัพเรือ จากบริษัทไดฟ์มาสเตอร์ จำกัด และนักดำน้ำอาสาสมัครทั่วไปซึ่งมีทั้งดาราและผู้มีชื่อเสียง โดยได้รับเกียรติจากพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี จะลงไปดำน้ำเป็นอาสาสมัครกิตติมศักดิ์ร่วมผูกทุ่นในโครงการนี้ด้วย ก็หวังว่าโครงการวางทุ่นโดยการมีส่วนร่วมจากหลายๆหน่วยงานและด้วยความร่วมมือร่วมใจของอาสาสมัครนักดำน้ำในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความรักความหวงแหนในทรัพยากรแห่งท้องทะเลร่วมกัน
ฤดูกาลแห่งการเดินทางสู่ท้องทะเลอันดามันกำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้ง หมู่เกาะสิมิลันยังคงความงดงามและจะยังคงเป็นสวรรค์ของคนรักทะเล รักการดำน้ำอย่างไม่เสื่อมคลาย หากมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนก็อย่าลืมช่วยกันดูแลทะนุถนอมหมู่เกาะแห่งนี้ให้งดงามเป็นเกาะสวรรค์ของคนรักทะเลตลอดไป.