พฤศจิกายน 28, 2025, 03:16:29 PM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2551
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2551 (อ่าน 2746 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2551
«
เมื่อ:
พฤศจิกายน 19, 2008, 11:55:16 PM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัด
ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ (20 - 21 พ.ย.)
ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงในช่วงวันที่ 20-22 พ.ย.นี้ ขอให้ชาวเรือและชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างโดยเฉพาะตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปถึง นราธิวาสควรงดออกจากฝั่งในระยะ 2-3 วันนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงแผ่ปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศา โดยจะมีอากาศเย็นลงโดยทั่วไปและมีลมแรง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
คาดหมาย
ในระยะนี้บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอย่างต่อเนื่อง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียส โดยจะมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง เว้นแต่ในช่วงวันที่ 22-23 พ.ย.จะมีหมอกหนาเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงในช่วงวันที่ 19-21 และ 25 พ.ย. นี้ ประกอบกับในวันที่ 25 พ.ย. จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงเคลื่อนตัวจากอ่าวไทยตอนล่างผ่านภาคใต้ตอนล่างและมาเลเซียลงสู่ทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่ ส่วนอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตรในช่วงวันดังกล่าว
ข้อควรระวัง
ในระยะนี้ขอให้ประชาชนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือรักษาสุขภาพ และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลง ไปควรระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 19-21 และ 25 พ.ย. นี้ไว้ด้วย
Forecast2.jpg
(39.57 KB, 693x430 - ดู 416 ครั้ง.)
Earthquake.jpg
(33.81 KB, 400x438 - ดู 392 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2551
«
ตอบ #1 เมื่อ:
พฤศจิกายน 20, 2008, 12:00:48 AM »
ไทยรัฐ
สลัดโซมาเลียยึดเรือประมงไทย
สำนักข่าวต่างประเทศเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานอ้างคำกล่าวนาย โนเอล ชูง เจ้าหน้าที่สำนักงานกรมเรือเดินสมุทร ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 19 พ.ย. ว่า เรือประมงไทยรวมทั้งลูกเรืออีก 16 คน ถูกโจรสลัดโซมาเลียบุกยึดจับตัวเรียกค่าไถ่ บริเวณอ่าวอาเดน ในน่านน้ำโซมาเลีย เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ย. โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มโจรสลัดใดๆทั้งสิ้น นับเป็นเรือลำที่ 8 ที่ถูกโจรสลัดโซมาเลีย บุกยึดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้มีรายงานจากสมาคมนักเดินเรือแอฟริกาตะวันออกว่า เรือสินค้าอีก 2 ลำของอิหร่านและกรีก ถูกโจรสลัดบุกยึดในวันเดียวกัน
นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ผู้จัดการของบริษัทศิริชัย ฟิชเชอร์รี จำกัด เปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า เรือไทยดังกล่าวชื่อ “เอกวัฒน์ นาวา 5” มีลูกเรือ 16 คน เป็นชาวไทย 15 คน กัมพูชา 1 คน ขณะนี้ บริษัทได้แจ้งข่าวให้ครอบครัวของลูกเรือทุกคนทราบแล้ว บริษัทอยู่ระหว่างการรอข้อเรียกร้องจากโจรสลัดอยู่
ด้านผู้บังคับการ เจน แคมเบล โฆษกประจำกองทัพเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่าเรือไทยถูกโจรสลัดยึดจริง เนื่องจากกองทัพเรือได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรือไทย จึงมีการส่งเครื่องบินไปตรวจสอบและพบว่ากลุ่มโจรสลัดได้ยึดเรือไทยเป็นที่เรียบร้อย ขณะนั้นไม่มีเรือรบของสหรัฐฯอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ส.ค. โจรสลัดโซมาเลียได้บุกยึดเรือบรรทุกสินค้า “เดอะ เอมวีธอร์ สตาร์” ของไทย ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท โธเรเซน ไทย เอเยนซี่ บริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เพิ่งได้รับการปล่อยเป็นอิสระเมื่อปลายเดือน ต.ค.หลังกลุ่มโจรสลัดได้รับค่าไถ่ไม่ทราบจำนวน
ส่วนเรือบรรทุกน้ำมันดิบ “ซิริอุส สตาร์” ของซาอุดีอาระเบีย ที่ถูกโจรสลัดยึดไปเมื่อวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. ขณะนี้กลุ่มโจรสลัดได้ติดต่อเรียกร้องค่าไถ่ผ่านทางสำนักข่าวอัลจาซีรา แต่ไม่ระบุจำนวนเงิน นาย ชูง เผยเพิ่มว่า เรือจำนวน 17 ลำ รวมลูกเรือกว่า 300 คน ถูกโจรสลัดครอบครอง และอยู่ระหว่างการเจรจาค่าไถ่ รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว และเรือบรรทุกอาวุธ “เอมวี ไฟนาร์” ของยูเครน
ขณะเดียวกัน เมื่อตอนค่ำของวันที่ 18 พ.ย. กองทัพเรืออินเดียเผยว่า เรือพิฆาต ไอเอนเอส ทาบาร์ ทำการจมเรือโจรสลัดโซมาเลีย ระหว่างปฏิบัติภารกิจไล่ล่าโจรสลัด บริเวณอ่าวอาเดนในน่านน้ำโซมาเลีย โดยเรือพิฆาตอินเดีย ค้นพบเรือต้องสงสัยเมื่อตอนดึกของคืนวันอังคาร และได้ประกาศขอตรวจค้นเรือ แต่ถูกปฏิเสธและเปิดฉากยิงใส่เรือรบอินเดียด้วยอาวุธเบาและจรวดอาร์พีจี ทำให้ฝ่ายอินเดียยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัวจนเรือดังกล่าวระเบิดและจมลง ทั้งนี้ กองทัพเรืออินเดียเผยว่า เรือโจรสลัดที่จม เป็น “เรือแม่” ซึ่งเป็นเรือบัญชาการของกลุ่มโจรสลัด ทำหน้าที่ส่งเรือเร็วขนาดเล็ก เข้าบุกยึดเรือสินค้าต่างๆ
นอกจากนี้ รัฐบาลและกลุ่มเอกชนของต่างชาติ ตอบสนองต่อสถานการณ์โจรสลัดที่เพิ่มทุกขณะ โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ผู้ไม่ขอระบุชื่อ เปิดเผยเมื่อ 19 พ.ย. ว่า กระทรวงกลาโหมมีแผนยื่นมติขอความเห็นชอบต่อสภา ในการอนุมัติให้ส่งเรือรบเข้าไปยังน่านน้ำของโซมาเลีย เพื่อปกป้องเรือสินค้า และเส้นทางเดินเรือ ด้านญี่ปุ่นนาย ทาโร เอโสะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเสนอให้รัฐบาลเร่งหาวิธีรับมือปัญหาโจรสลัด และ ก่อนหน้านี้ 1 วัน กลุ่มบริษัทขนส่งทางเรือยักษ์ใหญ่ ออดฟ์เจล เอสอี ของนอร์เวย์ สั่งให้เรือบรรทุกน้ำมันมากกว่า 90 ลำ เปลี่ยนเส้นทาง โดยให้ไปอ้อมทวีปแอฟริกาแทนเส้นทางคลองสุเอซที่ผ่านน่านน้ำโซมาเลีย
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการ เจน แคมเบล กล่าวด้วยว่า การป้องกันปัญหาโจรสลัด ในขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในบริเวณอ่าวอาเดน มีเรือสินค้ากว่า 21,000 ลำต่อปี ใช้เส้นทางเดินเรือดังกล่าว ประกอบกับจำนวนเรือรบและเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ และกองกำลังสนธิสัญญาแอตแลนติคเหนือ (นาโต้) มีไม่เพียงพอ อนึ่ง อ่าวอาเดนในน่านน้ำโซมาเลีย เป็นทางผ่านสู่คลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่มีความสำคัญต่อการค้าขายระหว่างทวีปยุโรปกับ เอเชีย
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2551
«
ตอบ #2 เมื่อ:
พฤศจิกายน 20, 2008, 12:25:14 AM »
คม ชัด ลึก
กินลม ชมวิว เที่ยวทะเลในวันเดียว
และเมื่อต้องท่องเที่ยวภายในวันเดียว แน่นอนก็ต้องออกเดินทางแต่เช้าตรู่ จุดมุ่งหมายแรกที่เดินทางไปถึงก็คือ
สถานตากอากาศบางปู
เหตุมาที่นี่เพราะว่ามีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
อาหารทะเลที่สดมาก
ๆ (อยู่ติดกับทะเลไม่สดได้ไง จริงไหม) แล้วยังเป็น
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบางปู
ที่มีพื้นที่ถึง 338 ไร่เลยทีเดียว โดยทางด้านตะวันออกของสะพานสุขตา สะพานที่ทอดยาวไปในทะเลกว่า 500 เมตร มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติโดยรอบ ระยะทาง 1,496 เมตร ตลอดทางเดินก็จะได้พบกับนกชายเลนหลายชนิดที่มาหาอาหารกินจากบ่อกุ้งร้าง ยังมีปลาตีน ปูแสมและปูก้ามดาบ รวมถึงต้นชะครามและไม้ป่าชายเลนอีกหลายชนิด ที่เชื่อเถอะอยู่ในเมืองไม่มีทางเห็น ก่อนที่จะมาจบที่หอชมเรือนยอดสูง 8 เมตร ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบเลยทีเดียว
ใครที่อยากมาเที่ยวบางปู เราขอแนะนำว่าให้มาในช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะจะเป็นเวลาพอดิบพอดีที่ฝูงนกนางนวลอพยพหนีหนาวเดินทางไกลมากว่า 3,000 ไมล์ จากแหล่งที่อยู่อาศัยบริเวณที่ราบสูงตอนในของทวีปเอเชียแถบประเทศทิเบต คาจิกิสถาน จีนตอนเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียในช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายน
นกนางนวลที่เราไปเจอมามีนิสัยขี้เล่น ชอบบินมาอยู่ใกล้ๆกับคนโดยเฉพาะเวลาให้อาหาร ถ้ามีแคบหมูอยู่ในมือ เป็นต้องได้สัมผัสเจ้านกนางนวลนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นของโปรดสุดยอดนั่นเอง ไม่เชื่อพิสูจน์ได้ ส่วนการเดินทางมาเที่ยวที่สถานตากอากาศบางปูนั้นก็ง่ายใกล้กับกรุงเทพฯนิดเดียว โดยบางปูจะตั้งอยู่หลักกิโลเมตรที่ 37 ถนนสุขุมวิท ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว
เอาละอิ่มอร่อยได้เห็นนกนางนวลกันชัดไปแล้ว ชีพจรก็ลงเท้าต่อไป เพราะวันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.จะพาไปงานเทศกาล "
ชมโลมา...ที่ท่าข้าม
" จัดโดยเทศบาล ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเดินทางมาอีกไม่ไกลเท่าไรจากบางปู อยู่แถวๆเชิงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงถนนบางนา-ตราด นี่เอง
งานนี้ วีรวิทย์ วิวัฒนวานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา มาเปิดเทศกาลด้วยตัวเอง หลังจากเสร็จพิธีการเรียบร้อย ชาวคณะก็ถูกต้อนให้ลงเรือเตรียมตัวชมโลมา แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับ ไม่ใช่ทุกคนที่มาแล้วจะเจอโลมาทุกครั้งไป ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ลมมรสุมต่างๆ ถ้ามีลมแรงมากหรือฝนตกการพบเห็นโลมาก็จะมีโอกาสน้อย พูดง่ายๆตามภาษาชาวบ้านก็คือ พกดวงมาด้วยเห็นชัวร์...
โลมา ที่พบในบริเวณแม่น้ำบางปะกงจะมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกันคือ
โลมาปากขวด โลมาหลังโหนก โลมาหัวบาตรหลังเรียบ และโลมาอิรวดี
(พันธุ์นี้จะพบมากที่สุด) โลมาอิรวดียังเป็นสัตว์ในพระบรมราชินูปถัมน์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และได้รับการจัดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 138 คือ ห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามครอบครอง หรือห้ามเพาะพันธุ์เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอีกด้วยนะ เตือนแล้วนะ อย่าเด็ดขาด
ทั้งนี้ก็ได้ความรู้มาด้วยว่า การที่จะได้เห็นหน้าค่าตาน่ารักน่าหยิกของเจ้าโลมาเหล่านี้ ต้องล่องเรือออกไปในช่วงเช้า และกลางคืน แต่สงสัยวันที่ชาวคณะจะไปชมพกดวงมาน้อย จึงไม่ได้เห็นโลมาสักตัว ก็ตั้งใจไว้ว่ามีโอกาสจะมาอีก เผื่อจะมีโอกาสได้เห็นโลมาสักครั้งในชีวิตแบบตัวเป็นๆ
ส่วนการที่จะมาชมโลมานั้นก็ต้องมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน -กุมภาพันธ์นะ เพราะเป็นช่วงที่น้ำเค็มหนุนเข้ามามากกว่าฤดูไหนๆ ทำให้โลมาเข้ามาหากินในบริเวณแม่น้ำบางปะกง ให้พบเห็นกันได้มาก ส่วนการเดินทางมาชมโลมานั้นก็มาตามถนนเส้นบางนา-ตราด ข้ามสะพานแม่น้ำบางปะกง กลับรถบริเวณช่องกลับรถที่ 2 (กม.53) ชิดซ้ายเข้าทางคู่ขนานแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสี่แยก ศูนย์ฝึกอบรมโรงไฟฟ้าบางปะกง จากนั้นก็สามารถเลือกเลี้ยวซ้ายหรือขวาก็ได้เพื่อไปท่าเรือต่างๆ ได้ตามสะดวก
จบไปแล้วกับ 1 วันสบายๆ ที่ได้ชมนกนางนวลฝูงใหญ่ และโลมาที่สงสัยจะอายจึงไม่ยอมว่ายมาให้ยลโฉม แต่ก็ได้ชิมอาหารอร่อยๆ แถมยังใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้ เรียกได้ว่าครบทุกรสเลยก็ว่าได้ นับว่าเป็นทริปที่สนุก สบาย และสะดวก(ในการเดินทาง) จริงๆเลย
*****************************************************************************************************************************
จัดเทศกาลกินปลาทู 10 บาท รำลึกอตีตสุขาภิบาลท่าฉลอม
เมืองมหาชัย เปิดงานประจำปีนมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่าฉลอม 19-23 พฤศจิกายน พ่วง “เทศกาลกินปลาทูเมนู 10 บาท” 20-23 พฤศจิกายน รำลึกอดีตแหล่งปลาทูรสเลิศ และ "สุขาภิบาล" แห่งแรกของไทยในสมัย ร.5
นาย วีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัด และนายกุลวัชร หงษ์คู นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร แถลงข่าวจัดงานประจำปีนมัสการ “พระโพธิสัตว์กวนอิม ระหว่างวันที่ 19-23 พฤศจิกายนนี้ เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ณ ลานวัดสุทธิวาตวราราม หรือวัดช่องลม ต.ท่าฉลอม โดยการแถลงข่าวครั้งนี้คณะผู้บริหารเทศบาลนครสมุทรสาคร แถลงเปิด งาน "เทศกาลกินปลาทูเมนู 10 บาท" เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายนี้ นอกจากนี้ยังเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวรำลึกถึงอดีตเพราะ ต.ท่าฉลอม ได้รับการยกระดับเป็น "สุขาภิบาล" เป็นครั้งแรกด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงถือเป็นต้นแบบการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของชาวท่าฉลอม และชาวสมุทรสาคร
นายกเทศมนตรี นครสมุทรสาคร กล่าวอีกว่า ที่ตั้งของ ต.ท่าฉลอม มีสภาพเป็นปากแม่น้ำที่ออกสู่อ่าวไทย และเป็นแหล่งกำเนิดของปลาทูรสเลิศมาตั้งแต่ในอดีต ภายในงานนอกจากจะได้อิ่มอร่อยกับปลาทูแล้วยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2551
«
ตอบ #3 เมื่อ:
พฤศจิกายน 20, 2008, 12:29:39 AM »
แนวหน้า
พบ"เต่าตนุเผือก" คู่แรกแห่งสยาม เป็นมงคลแก่ชาติ
คู่แรกแห่งสยาม
ลูกเต่าตนุเผือก จำนวน 2 ตัว ถูกฝักออกจากไข่ที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นับเป็นเต่าตนุเผือกคู่แรกแห่งสยามและเป็นมงคลของประเทศ ซึ่งกองทัพเรือจะเลี้ยงดูต่อไป
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พล.ร.ต.จักรชัย ภู่เจริญยศ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้รับรายงานจาก น.อ.มนตรี จึงมั่นคง ผอ.ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งดูแลศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า ไข่เต่าตนุที่ รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ซันซื่อ ผอ.ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ พร้อมคณะ ที่เดินทางไปเก็บจากเกาะคราม พร้อมนำมาฝังทรายเพาะฟักไว้ที่ชายหาดทราย หน้าศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน2551 ขณะนี้ไข่เต่าตนุได้ฟักตัวออกมาแล้วพบว่า มีลูกเต่าสีขาว หรือเต่าเผือก จำนวน 2ตัว
หลังทราบข่าว รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกาและสพ.ญ.ฐนิดา เหตระล จึงเดินทางมาชื่นชมและตรวจสอบ พร้อมกล่าวว่า ลูกเต่าเผือก 2ตัว สุขภาพแข็งแรง ปล่อยให้คลานบนพื้นทรายและว่ายน้ำเพื่อขยายปอด แต่ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ เนื่องจากมีสีขาว ไม่สามารถอำพรางตัวเองกับสภาพแวดล้อมในทะเลได้ จึงเป็นเป้าให้สัตว์ใหญ่กัดกิน จำเป็นต้องเลี้ยงและดูแลอย่างดีในเรื่องสุขภาพ เพื่อให้ประชาชน เยาวชน นิสิตและนักศึกษา ได้ชื่นชมลูกเต่าเผือกคู่แรกแห่งสยาม เพราะคนไทยเชื่อกันว่า สัตว์ทุกชนิดที่เป็นสีเผือก ถือเป็นสัตว์มงคลคู่บ้านคู่เมือง
ด้าน พล.ร.ต.จักรชัย กล่าวว่า รู้สึกดีใจพร้อมกับทุกคนที่ทราบข่าว เพราะเต่าเผือกเป็นสัตว์หายาก เท่าที่ติดตามข้อมูลเคยพบที่ออสเตรเลียและเม็กกซิโก ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบว่ามีเต่าตนุเผือกที่ไหนมาก่อน ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เต่าตนุเผือก 2ตัวนี้ จะเป็นคู่แรกแห่งสยาม ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดีแล้ว
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...