พฤศจิกายน 25, 2025, 01:43:08 AM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 6 มกราคม 2552
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 6 มกราคม 2552 (อ่าน 3240 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 6 มกราคม 2552
«
เมื่อ:
มกราคม 05, 2009, 11:35:14 PM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีกและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลัง อ่อนลง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนบางแห่ง และคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมี กำลังอ่อนลง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 5-7 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศา และมีหมอกหนาในบางพื้นที่โดยเฉพาะในภาคเหนือ ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 8-11 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 2-4 องศา อากาศหนาวเย็นลงโดยทั่วไปและมีลมแรง ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. ชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่ง
Forecast2.jpg
(37.82 KB, 684x423 - ดู 570 ครั้ง.)
Earthquake.jpg
(35.45 KB, 400x447 - ดู 532 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 6 มกราคม 2552
«
ตอบ #1 เมื่อ:
มกราคม 05, 2009, 11:40:36 PM »
เดลินิวส์
แผ่นดินไหวถล่มอินโดฯ '7.6ริคเตอร์'
แผ่นดินไหวหลายระลอกถล่มจังหวัดปาปัวของอินโดนีเซียเมื่อตอนเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกวัดได้ 7.6 ริคเตอร์ เล่นเอาชาวบ้านเผ่นหนีกระเจิงตอนรุ่งสางและฟ้ามืดเพราะไฟฟ้าขัดข้องคิดว่าจะมีคลื่นสึนามิตามมาหลอนอีก มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ศพ บาดเจ็บอีกหลายสิบคน แต่ทางศูนย์แผ่นดินไหวแดนอิเหนาชี้ไม่มีสึนามิแน่เพราะจุดศูนย์กลางอยู่บนฝั่งไม่ใช่ในทะเล แต่ที่ญี่ปุ่นก็โดนสึนามิเล็ก ๆ สูงแค่ 10-40 ซม.พัดไปถึงจนได้
สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ห่างไกลทางภาคตะวันออก ของประเทศอินโดนีเซียเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.3 ริคเตอร์ และเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กไปถึงพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่มีรายงานความเสียหายที่นั่นและไม่มีคลื่นสึนามิในพื้นที่จังหวัดปาปัวของอินโดนีเซีย
สำหรับแผ่นดินไหวครั้งแรกนั้น ตามรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐระบุ ว่า วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.6 ริคเตอร์ เกิดเมื่อเวลา 04.43 น. เช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น บนฝั่งซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมานอกวารีจังหวัดปาปัว 135 กม.และลึกลงไปใต้ดิน 35 กม. หลังจากนั้นยังมีคลื่นสั่นสะเทือนตามหลังหรืออาฟ เตอร์ช็อกอีก 10 ครั้ง ส่วนที่นอกชายฝั่งด้านทิศตะวันออกของประเทศไต้หวัน ก็มีแผ่นดินไหว 5.1 ริคเตอร์ เมื่อเวลา 06.04 น. เช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ไม่มีรายงานความเสียหาย เช่นเดียวกับที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน ใกล้กับชายแดนปากีสถานมีรายงานแผ่นดินไหว 5.9 ริคเตอร์ เมื่อเวลา 12.53 น. วันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโฮโยโน แห่งอินโดนีเซีย แถลงว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ศพ และพื้นรันเวย์สนามบินใกล้กับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวได้รับความเสียหายทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินพาณิชย์ในพื้นที่ดังกล่าว ตนได้สั่งการให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนแล้ว หาทางแก้ไขให้สามารถมีไฟฟ้าใช้รวมถึงสาธารณูปโภค อื่น ๆ ด้วย โดยที่ยังไม่ทราบขอบเขตความเสียหายว่ารุนแรงขนาดไหน
ในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นทราบว่าเป็นเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ในสภาพศีรษะถูกของแข็งกระแทกจนเสียชีวิต ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนายเฮ้งค์กี้ เตวู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท้องถิ่น นอกจากนั้นรถพยาบาลฉุกเฉินของโรงพยาบาลยังไปรับศพเพิ่มมาอีก 2 ศพ ส่วนผู้บาดเจ็บอื่น ๆ นั้น มี 19 คน มีทั้งกระดูกหัก บาดแผลถลอก และอื่น ๆ
พล.ต.ต.บากุส เอโกดานโต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปาปัว เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่ามีโรงแรมแห่งหนึ่งและโกดังข้าวพังถล่มลงมา แต่ยังไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตหรือไม่ ขณะนี้ได้ตั้งทีมกู้ภัยเร่งดำเนินการค้นหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายใต้ซากปรักหักพังอย่างเร่งด่วนแล้ว สำหรับโรงแรมดังกล่าวนั้นทราบว่าชื่อโรงแรมมูเตียราเป็นอาคารสูงหลายชั้นตั้งอยู่ที่เมืองมานอกวารี ทั้งนี้จากการเปิดเผยของพยาบาลของโรงพยาบาลทหารเรือว่า มีผู้บาดเจ็บจากโรงแรม 20 คนมารักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาล
รายงานระบุอีกว่า กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาดทำให้ประชาชนในเมืองมานอกวารีซึ่งมีประชากรทั้งสิ้น 167,000 คน ต้องเผ่นหนีออกจากที่พักอาศัยอย่างหวาดกลัวท่ามกลางความมืดเพราะเกรงว่าจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ทั้งนี้จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและตรวจวัดแผ่นดินไหวได้ออกประกาศเตือนเรื่องคลื่นยักษ์สึนามิแต่ได้ยกเลิกไปภายในเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากที่ตรวจพบในภายหลังว่า จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวนั้นอยู่บนฝั่งไม่ได้อยู่ในทะเล ส่วนสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นแจ้งว่า คลื่นสึนามิสูง 10-40 ซม. พัดเข้าสู่ชายฝั่งหลายเมืองของญี่ปุ่นด้วยกัน จึงต้องแจ้งเตือนให้ป้องกันไว้ก่อนว่าอาจเกิดสึนามิลูกใหญ่พัดตามมาก็ได้
นายราห์มัต ปริโยโน ที่ปรึกษาศูนย์แผ่นดินไหวแห่งชาติของอินโดนีเซีย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายหรือการเสียชีวิตและบาดเจ็บ คาดว่ากำลังอยู่ในระหว่างการประเมินและตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม การที่เกิดจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่บนฝั่งนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดความเสียหายรุนแรง
สำหรับจังหวัดปาปัวของอินโดนีเซียนั้นตั้งอยู่บนเกาะนิวกินี อยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตาเมืองหลวงของอินโดนีเซียไปทางทิศตะวันออก 2,955 กม. เป็นพื้นที่ด้อยพัฒนาอีกแห่งของอินโดนีเซีย เคยเกิดการแข็งข้อต่อต้านรัฐบาลอินโดนีเซียเช่นกันแต่ไม่รุนแรง และยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับสื่อมวลชนต่างชาติ นอกจากนั้น การที่อินโดนีเซียตั้งอยู่บนรอยเลื่อนแผ่นดินไหวและภูเขาไฟที่เรียกว่า วงแหวนไฟแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก จึงเกิดแผ่นดินไหวได้บ่อยครั้ง ซึ่งครั้งที่รุนแรงที่สุดก็คือ แผ่นดินไหวรุนแรงในมหาสมุทรอินเดียนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 เกิดคลื่นยักษ์ สึนามิคร่าชีวิตผู้คนไปถึง 230,000 ศพ.
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 6 มกราคม 2552
«
ตอบ #2 เมื่อ:
มกราคม 05, 2009, 11:52:49 PM »
ข่าวสด
"ฉลาม"คว้าตำแหน่ง"ยิ้มแห่งปี"
ฉลามยิ้มหวาน หรือ "Cheshire Cat Grin" จากฝีมือการถ่ายภาพของ บรู๊ซ เยตส์ ได้รับรางวัลวินด์แลนด์สมิธไรซ์อวอร์ด ในฐานะภาพถ่ายธรรมชาติยอดเยี่ยมประจำปี 2008 โดยถ่ายที่หมู่เกาะบาฮามาส ส่วนฉลามเป็นพันธุ์เลมอน
***************************************************************************************************************************
สัตว์สยองใต้ทะเล
สัตว์หน้าตาพิลึกดูคล้ายเหายักษ์นี้ที่จริงคือตัว "ไอโซพอดส์" ที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกและเย็น ระดับ 6,000 ฟุต บริเวณที่ไม่มีแสง
ดร.คริส บราวน์ นักชีววิทยาทางทะเลจากซีไลฟ์เซ็นเตอร์ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า "ไจแอนต์ไอโซพอดส์ หรือ Bathynonomous giganteus มีความยาวถึง 1 ฟุต กินปลาตายหรือซากสัตว์ทะเลอื่นๆ ที่ตายเป็นอาหาร นับเป็นสัตว์มีเปลือกมีกระดอง เช่นเดียวกับกุ้งและปู"
ซีไลฟ์เซ็นเตอร์นำไจแอนต์ไอโซพอดส์ 9 ตัวมาจากสหรัฐ เพื่อนำมาจัดแสดงให้ประชาชนเข้าชม โดยไอโซพอดส์ทั้ง 9 ตัวถูกนักล่ากุ้งล็อบสเตอร์ในทะเลแอตแลนติกจับได้
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 6 มกราคม 2552
«
ตอบ #3 เมื่อ:
มกราคม 05, 2009, 11:57:54 PM »
ไทยโพสต์
ญี่ปุ่น'รับไม่ได้' จีนพัฒนาก๊าซฯ ใกล้ทะเลพิพาท
รัฐบาลโตเกียวยืนยัน "ยอมรับไม่ได้" ที่จีนพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่ใกล้กับพื้นที่พิพาทกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนตะวันออก หลังจากรัฐบาลจีนยืนกรานแหล่งก๊าซฯ นั้นอยู่ในน่านน้ำของจีน
รัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความไม่พอใจที่จีนพัฒนาแหล่งก๊าซเทียนไว่เทียน ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่พิพาท ที่จีนและญี่ปุ่นเคยทำข้อตกลงกันไว้เมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว โดยญี่ปุ่นระบุว่าการพัฒนาแหล่งก๊าซแห่งใหม่ควรระงับไว้ก่อนจนกว่าจะมีการเจรจาสะสางปัญหาสถานะของพื้นที่นั้นๆ
"พื้นที่นี้ควรมีการเจรจากันก่อน รัฐบาลญี่ปุ่นรู้สึกเสียใจที่จีนพัฒนาแหล่งก๊าซฯ นั้นโดยฝ่ายเดียว" ทาเคโอะ คาวะมุระ รัฐมนตรีประจำคณะรัฐมนตรีกล่าวเมื่อวันจันทร์ "ญี่ปุ่นไม่อาจยอมรับการพัฒนาโดยฝ่ายเดียวของจีน"
ภายใต้ข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้น ญี่ปุ่นตกลงจะลงทุนพัฒนาแหล่งก๊าซแห่งหนึ่ง และร่วมพัฒนาอีกแหล่ง
ข้อตกลงนี้ยังกำหนดเงื่อนไขว่า ทั้งสองชาติจะเดินหน้าเจรจาเกี่ยวกับแหล่งก๊าซฯ อื่นๆ ต่อไป ขณะที่จีนอ้างว่าตนมีสิทธิพัฒนาแหล่งก๊าซฯ อื่น ข้อตกลงฉบับนี้ไม่ได้เจาะจงถึงแหล่งเทียนไว่เทียนไว้ด้วย แต่ญี่ปุ่นแย้งว่าแหล่งนี้อยู่ในข่ายที่ต้องเจรจาเพิ่มเติม
"ตามความเข้าใจของเรา สถานะของแหล่งก๊าซฯ อื่นๆ นอกเหนือข้อตกลงทางการเมืองฉบับนี้ยังว่างเปล่าดังนั้นสถานะของมันควรจะคงไว้ดังเดิม" คาวามุระกล่าว
ก่อนหน้านี้ ฮิโรฟุมิ นากาโซเนะ รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่นยืนยันว่า ญี่ปุ่นได้ประท้วงจีนอย่างเป็นทางการแล้ว อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า แหล่งเทียนไว่เทียนนี้อยู่ภายในน่านน้ำของจีนที่ไม่ได้เป็นกรณีพิพาท.
*************************************************************************************************************************
อควาเรียมน้ำจืดโชว์ปลาบิ๊ก
กรมประมงก็มี "อควาเรียม" เน้นจัดแสดงปลาไทยแท้หายากและใกล้สูญพันธุ์ เช่น "ปลาเทพา" ความยาว 2.5 เมตร เผยแม้จะเปิดให้เข้าชมมานาน แต่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก พร้อมขอเชิญชวนนักเรียน
นักศึกษา และผู้สนใจเข้าชมเพื่อเรียนรู้เรื่องปลาไทยอย่างถูกต้อง หวังปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ระบบนิเวศแหล่งน้ำ
นางสมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงเชิญชวนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจ ร่วมสัมผัสและเรียนรู้ชีวิตใต้น้ำของสัตว์น้ำจืด และพรรณไม้น้ำสวยงามที่หายากและใกล้สูญพันธุ์หลากหลายชนิด ณ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ กรุงเทพฯ กรมประมง ซึ่งเป็นอควาเรียมสัตว์น้ำจืดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน และช่วยปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้แก่เด็กและเยาวชน อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจในเมืองหลวงที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งด้วย
อธิบดีกรมประมงกล่าวว่า หนึ่งในพันธุ์ปลาน้ำจืดที่หาชมได้ยากคือ ปลาเทพา ซึ่งได้รับฉายาว่า เจ้าแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากเป็นปลาที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ที่สุดในแม่น้ำแห่งนี้ โดยมีผู้เคยพบเห็นขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาวถึง 2.5 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม มีลักษณะโดดเด่นตรงที่มีก้านครีบขนาดใหญ่ เวลาว่ายน้ำจึงดูสง่างามมากกว่าปลาชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน ปัจจุบันหาพบได้ยากในแหล่งน้ำธรรมชาติ เนื่องจากอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์
"นอกจากปลาเทพาแล้ว อควาเรียมแห่งนี้ยังจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่หาดูยาก อาทิ ปลาบึก ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในแม่น้ำโขงและในโลก ปลาเสือตอ ซึ่งในอดีตเคยชุกชุมมากในบึงบอระเพ็ด แต่ปัจจุบันใกล้สูญพันธุ์ไปจากบึงแห่งนี้แล้ว รวมทั้งปลากระเบนกิตติพงษ์ ซึ่งเป็นปลากระเบนน้ำจืดที่ออกลูกเป็นตัวครั้งละ 1-2 ตัว แล้วแต่ความสมบูรณ์ของแม่พันธุ์ ลักษณะเด่นมีสีน้ำตาลเข้ม โดยพ่อแม่พันธุ์ที่เลี้ยงไว้ในตู้จัดแสดง 4 ตัว ก็ได้ให้กำเนิดลูกแล้วจำนวน 6 ตัว" นางสมหญิงกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีปลาเค้าดำ ปลากดดำ ปลากดแก้ว ปลายี่สก ปลากะโห้ ปลาช่อนงูเห่า และอื่นๆ อีกมากมายรวมกว่า 100 ชนิด พร้อมชมความพิเศษกับนิทรรศการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่น เช่น ปลาสเตอร์เจียน ปลากลับหัว ปลาคาร์พชนิดต่างๆ เต่าบิน เต่าคองู เป็นต้น ซึ่งเป็นนิทรรศการที่จะจัดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ผู้ชมได้เรียนรู้ตลอดเวลา โดยสามารถตรวจสอบหัวข้อนิทรรศการที่ท่านสนใจผ่านเว็บไซต์
www.Fisheries.go.th
สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมสาธิตการจัดตกแต่งตู้ปลาและพรรณไม้น้ำสวยงาม สามารถร่วมเรียนรู้เป็นหมู่คณะ โดยแจ้งความประสงค์ล่วงหน้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2940-6543 และ 0-2562-0600-15 ต่อ 5118, 5222, 5224 ทั้งนี้ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำกรุงเทพฯ กรมประมง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. ทุกวัน เว้นวันจันทร์หยุด 1 วัน อัตราค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก/นักเรียน นักศึกษา 10 บาท ส่วนผู้สูงอายุเข้าชมไม่เสียค่าใช้จ่าย
นางสาวมาลี เอี่ยมทรัพย์ เจ้าพนักงานประมง ผู้ดูแลสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้ กล่าวว่า สัตว์น้ำที่มีจัดแสดงอยู่ในขณะนี้ เน้นปลาไทยแท้หายากและใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งอควาเรียมแห่งอื่นๆ ไม่มีให้ชม อย่างเช่น ปลาเทพา มีจัดแสดง 2 ตัว อย่างไรก็ตาม เห็นว่าคนไทยมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปลาไทยกันน้อยมาก หลายคนยังคิดว่า ปลานิลเป็นปลาไทย แต่จริงๆ แล้วเป็นปลาต่างถิ่นจากประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถปรับตัวและอดทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ดังนั้น ขอเชิญชวนให้นักเรียน นักศึกษาเข้ามาชมกันมากๆ เรามีวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับชนิดพันธุ์ปลา อาหาร สภาพแวดล้อม ตลอดจนวิธีอนุรักษ์ปลาไทยไม่ให้สูญพันธุ์จากแหล่งน้ำ
"น้อยคนนักที่จะรู้ว่า กรมประมงก็มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสัตว์น้ำ แม้กระทั่งนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เองก็ไม่ค่อยรู้จัก โดยพันธุ์สัตว์น้ำส่วนใหญ่ที่จัดแสดงเป็นปลาไทยที่ได้จากการเพาะพันธุ์ สามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศได้ดี มีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่าปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ในส่วนผู้เข้าชมก็จะได้รับความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศที่อยู่อาศัยของปลา ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง หากระบบนิเวศถูกทำลาย หรือเปลี่ยนสภาพไปแล้ว ปลาไม่สามารถปรับตัวได้ ก็จะทำให้สูญพันธุ์ในที่สุด" น.ส.มาลีเผย.
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 6 มกราคม 2552
«
ตอบ #4 เมื่อ:
มกราคม 06, 2009, 12:00:27 AM »
แนวหน้า
หมอกควันพิษส่อเค้าแรงหนักข้อ ทส.จับตาผลกระทบ"ลานิญญา" / สั่งเตรียมพร้อมรับมือ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมรับมือปัญหาหมอกควันทางภาคเหนือ ที่คาดว่าจะรุนแรงมากขึ้นในปีนี้อิทธิพลของปรากฎการณ์ลานิญญา ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนต่ำตามสภาพปกติของหน้าแล้งในภาคเหนือ
นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)เปิดเผยถึงผลการพิจารณาสถานการณ์ไฟและหมอกควันทางภาคเหนือ ในปี 2551 ว่าดีขึ้นกว่าปี 2551อย่างมากโดยเฉพาะ 4 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ส่วนในปี2552 สถานการณ์ไฟและหมอกควันทางภาคเหนือ มีแนวโน้มจะรุนแรงเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจาก 2 ปัจจัยคืออิทธิพลของของปรากฏการณ์ลานิญญา ที่จะอ่อนกำลังลง ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนต่ำลงจากสภาพปกติของหน้าแล้งในภาคเหนือ และปัจจัยจากเชื้อเพลิงสะสม ซึ่งผลสำรวจปริมาณเชื้อเพลิงสะสมในป่าเบญจพรรณป่าเหนือ พบว่ามีปริมาณมากขึ้นถึง 47 %
นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่าจากปรากฏการณ์ดังกล่าวทางกรมควบคุมมลพิษจึงต้องมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์ และทำการตรวจภาพถ่ายดาวเทียม อย่างต่อเนื่อง เพื่อสำรวจเก็บข้อมูลของจุดความร้อนต่าง ๆ ตลอดเวลา พร้อมทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากภาคใต้ มาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อย่างเข้มข้นต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดหน้าแล้ง โดยมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการควบคุม ลดผลกระทบ แจ้งเตือนภัย และขอความร่วมมือประชาชนงดเผาขยะ เศษวัสดุการเกษตร และกิ่งไม้ใบหญ้า
นอกจากนี้ ยังประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว ในการเฝ้าระวังและเตรียมรับสถานการณ์ โดยจะขอความร่วมมือจากประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง จัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน และไทยเสนอความช่วยเหลือในการจัดส่งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ให้แก่ประเทศที่สนใจในช่วงหน้าแล้งของปีหน้า
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...