กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 23, 2025, 07:38:17 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 7 มกราคม 2552  (อ่าน 3085 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มกราคม 06, 2009, 11:51:51 PM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีกและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดน้อยลง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยสูง 1-2 เมตร

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8-12 มกราคม 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง 2-5 องศาโดยจะมีอากาศหนาวเย็นลง ซึ่งจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนภาคอื่นๆ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6-7 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศา และมีหมอกหนาในบางพื้นที่โดยเฉพาะในภาคเหนือ ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 2-4 องศา อากาศหนาวเย็นลงโดยทั่วไปและมีลมแรง ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. ชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่ง



* Forecast2.jpg (37.29 KB, 684x423 - ดู 446 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (24.39 KB, 500x343 - ดู 470 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 06, 2009, 11:58:00 PM »

เดลินิวส์


เที่ยวจังหวัดกระบี่...เยือน 'ท่าปอมคลองสองน้ำ'

 พักผ่อนหย่อนใจ-สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม

จังหวัดกระบี่ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงามทั้งบนบก และในทะเล โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จากสถิติของปีที่ผ่านมา พบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทาง  เข้ามาท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับจังหวัดกระบี่ และประเทศไทย กว่า 20,000 ล้านบาท โดยสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว ได้แก่ เกาะพีพี ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองกระบี่ โดยสามารถลงเรือโดยสารเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทั้งจากจังหวัดกระบี่ และภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีเกาะลันตา ที่มีความสวยงามทางทะเล ไม่แพ้กัน
 
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางบก ที่ขึ้นชื่อ ได้แก่ น้ำตกร้อน ตั้งอยู่ในอำเภอคลองท่อม และ “ท่าปอมคลองสองน้ำ” ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองกระบี่ ที่กำลังจะนำเสนอ       
 
“ท่าปอมคลองสองน้ำ” เป็นชื่อที่ชาว บ้านในตำบลเขาคราม อ.เมืองกระบี่ ใช้เรียกชื่อผืนป่าพรุ ที่ประกอบไปด้วยพืชไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ ที่มีทั้งป่าโกงกางผืนใหญ่ขึ้นอยู่เต็มของ 2 ฝั่งคลอง และป่าพรุที่อยู่ด้านเหนือคลองขึ้นไปเล็กน้อย โดยมีป่าชมพู่น้ำแผ่ขยายรากเป็นเหมือนเขื่อนกั้นน้ำที่คอยรักษาหน้าดินริมฝั่งไม่ให้ถูกน้ำกัดเซาะพังทลาย โดย “คลองท่าปอมสองน้ำ” เป็นต้นกำเนิดของลำคลองสายสั้น ๆ มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร สายน้ำใสราวกับแก้วผลึก ก่อนไหลไปรวมกับคลอง กรวด เกิดเป็นคลองใหญ่ เรียกว่า คลองปาหรี ไหลออกสู่อ่าวท่าเลน ทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ ประมาณ 25 กิโลเมตร โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะรับรู้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว  ที่สำคัญ มีความโดดเด่นของพืชป่าสองฝั่งคลอง และสายน้ำที่เขียวใสมรกต
 
โดยเมื่อปี 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระบรมโอรสา ธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ พร้อมทั้งยังทรงเรือแคนูชมธรรมชาติและความงดงามของคลองสองน้ำ ต่อมาทางชาวบ้านหนองจิก หมู่ ที่ 2 ต.เขาคราม ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขาคราม ได้กำหนดมาตร การการจัดการผืนป่าท่าปอม ให้เป็นป่าชุมเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พร้อมสร้างทางเดินชมธรรม ชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว มาพักผ่อนหย่อนใจ และสัมผัสธรรมชาติ ประกอบกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศให้พื้นป่าแห่งนี้เป็น “อันซีนอินไทยแลนด์” ปรากฏว่าในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
 
นอกจากนี้ อบต.เขาคราม โดยการสนับสนุนงบประมาณจาก ททท. ได้สร้างสะพานไม้ทอดผ่านผืนป่าพรุ ตลอดแนวลำคลอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส และชื่นชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แต่ห้ามมิให้นักท่องเที่ยวท่องน้ำเข้าไปยังแอ่งน้ำในป่าลึก ขณะเดียวกันได้จัดหาเรือแคนูมาให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพายเรือชมธรรมชาติ พร้อมกับยังได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ได้อีกด้วย
 
การท่องเที่ยวเปรียบเสมือนดาบสองคม ในด้านหนึ่งอาจจะสร้างรายได้มหาศาล แต่เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จะส่งผลกระทบกับผืนป่าอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นจึงต้องหามาตรการที่เข้มงวด  ในการใช้พื้นที่ เพราะต้องป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือมีให้น้อยที่สุด.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 07, 2009, 12:14:21 AM »

ข่าวสด


ท่าเรือมารีน่าไม่ต้องศึกษาผลกระทบ

กระบี่ - นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ (ทม.กระบี่) เปิดเผยว่าทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำคณะลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างท่าเทียบเรือพิเศษ กระบี่มารีน่า ในการนี้เทศบาลเมืองกระบี่ได้เชิญผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่เข้าร่วมการประชุมเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่คณะติดตามความคืบหน้าโครงการดังกล่าวด้วย

นายกีรติศักดิ์เปิดเผยอีกว่า ตามที่เทศบาลได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดสรรงบประมาณส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างท่าเรือมารีน่า จำนวน 42,370,000 บาท สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ของคณะจากสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ เทศบาลเมืองกระบี่ส่งมอบเอกสาร แผนผังการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่า ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยข้อกฎหมายเกี่ยวเนื่องกับการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเทศบาลเมืองกระบี่ได้ศึกษาข้อกฎหมายต่างๆแล้ว ได้ข้อสรุปว่า "การก่อสร้างท่าเทียบเรือกระบี่มารีน่าไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะด้วยเขตพื้นที่อยู่ในเขตเทศบาล และขนาดของท่าเรือไม่ใหญ่ รองรับเรือที่ขนาดที่มีน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 100 ตันกรอส จึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด เอกสารรายงานถึงรายละเอียดความลึกของร่องน้ำ และการขออนุญาตล่วงล้ำลำน้ำ ซึ่งจากการศึกษาไม่พบเหตุอันจะกระทบต่อการสัญจรทางน้ำแต่อย่างใด เพราะ ณ จุดที่ก่อสร้างแม่น้ำมีความกว้างถึง 450 เมตร


**************************************************************************************************************************


สาวออสซี่อาชีพ"นางเงือก"

   

แฮนนาห์ เฟรเซอร์ อายุ 33 ปี มีอาชีพเป็นนางเงือก! แฮนนาห์เล่าว่า เธออยากเป็นนางเงือกมาตั้งแต่เด็ก โดยสามารถวาดรูปนางเงือกได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 3 ขวบ

พออายุ 9 ขวบ ก็ประดิษฐ์หางนางเงือกอันแรกจากพลาสติกสีส้ม และประดิษฐ์อันที่ 2 ไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเธอใช้หางที่ 4 อยู่

ล่าสุดแฮนนาห์ไปเวียนว่ายเป็นนางเงือกอยู่ที่่ "เมอร์เมดลากูน" ในซิดนีย์อควาเรียม ประเทศออสเตรเลีย และเมื่อใดก็ตามที่ใส่หางนางเงือกว่ายน้ำ เธอจะรู้สึกว่ามีอิสระเสรีเหลือเกิน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.021 วินาที กับ 19 คำสั่ง