พฤศจิกายน 24, 2025, 05:42:10 PM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552 (อ่าน 4012 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
«
เมื่อ:
มกราคม 18, 2009, 01:56:53 AM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลัง อ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศอุ่นขึ้น โดยมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 1-2 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีความสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือ และชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงอีก 1-2 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงเป็นลำดับ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศอุ่นขึ้น โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 23-24 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง และมีลมแรง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.เป็นต้นไป ขอให้ชาวเรือในอ่าวไทยระมัดระวังอันตรายจากการเดินเรือ
Forecast.jpg
(25.9 KB, 232x382 - ดู 853 ครั้ง.)
Earthquake2.jpg
(35.21 KB, 498x340 - ดู 880 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
«
ตอบ #1 เมื่อ:
มกราคม 18, 2009, 01:59:59 AM »
ผู้จัดการออนไลน์
ชาวประจวบฯ ล่าชื่อค้านสร้างบ่อขยะฝังกลบในป่าชายเลน
วันนี้ (17 ม.ค.) เวลา 09.30 น.ชาวบ้านกว่า 500 คน จากกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเมืองประจวบคีรีขันธ์ ชาวบ้านจากกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก อ.เมือง และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ร่วมกันเดินประท้วงในตลาดเทศบาล ล่ารายชื่อชาวบ้านที่ร่วมคัดค้าน พร้อมจัดการปราศรัยคัดค้านการก่อสร้างบ่อขยะแบบฝังกลบ ของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่จะใช้งบประมาณ 112 ล้านบาท สร้างบ่อขยะดังกล่าวในพื้นที่กว่า 200 ไร่ บริเวณป่าชายเลนคลองบางนางรม
แกนนำชาวบ้านได้นำพวงหรีดสีดำไปวางที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมอ่านแถลงการณ์คัดค้านการก่อสร้างบ่อขยะในพื้นที่ป่าชายเลน โดยระบุว่าโครงการดังกล่าวจะนำขยะจากนอกเมือง มาทิ้งในป่าชายเลนเขตเทศบาลวันละ 60 ตัน ส่งผลกระทบกับแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำในคลองบางนางรมซึ่งเป็นป่าคุ้มครอง เป็นพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติที่รับน้ำป่าในฤดูน้ำหลาก และบ่อขยะแห่งใหม่นี้ จะตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดเพียง 500 เมตร ซึ่งในอนาคตยังไม่มีหลักประกันว่าจะไม่ส่งกลิ่มเหม็นรบกวนชาวบ้าน
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงประกาศว่าจะคัดค้านโครงการนี้อย่างถึงที่สุด และจะนำรายชื่อของชาวบ้านที่ร่วมลงชื่อคัดค้านไม่เห็นด้วย มอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดในวันที่ 20 มกราคมนี้
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
«
ตอบ #2 เมื่อ:
มกราคม 18, 2009, 02:09:49 AM »
มติชน
สืบปณิธานของหัวหน้าสืบ
:
โดย ศิรัส ยศปัญญา
Omalin.101@hotmail.com
แม้จะเป็นเวลา 8 โมงกว่าๆ แล้ว แต่สายลมหนาวพัดกระทบกาย เย็นเกินกว่าเสื้อหนาวสองชั้นรวมถึงเสื้อยืดอีกชั้นหนึ่งที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่จะต้านทานได้ แสงแดดอ่อนๆ ที่ทอแสงลงมากระทบพื้นดินไม่ช่วยอะไรมากนัก อาจเป็นเพราะสถานที่ตรงนี้รายล้อมด้วยผืนป่าขนาดใหญ่ ที่เรารู้จักในนามห้วยขาแข้ง
สภาพอากาศที่หนาวเหน็บรายล้อมอยู่รอบกาย นำพาให้ร่างกายรู้สึกไม่กระตือรือร้นเหมือนอยู่เมืองหลวง แต่สิ่งที่ต่างกันอีกอย่างก็คืออากาศที่บริสุทธิ์ ที่สามารถสูดเข้าได้เต็มปอดโดยไม่ต้องกังวลถึงมลพิษ
เช้าวันนั้น พวกเรามีโอกาสไปเยี่ยมบ้านพักของ สืบ นาคะเสถียร ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มี จารินทร์ แก้วสา พนักงานราชการฝ่ายสื่อคุณค่าธรรมชาติ เป็นผู้นำทาง
ชายหนุ่มเล่าว่า ครั้งเมื่อยามมีชีวิตอยู่ สืบเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ห้วยขาแข้งเป็นเวลา 8 เดือน ในตำแหน่งหัวหน้าเขต หัวหน้าสืบมีอุดมการณ์เรื่องอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่าเต็มเปี่ยมในชีวิตและจิตใจ รวมทั้งตั้งใจจริงในการถ่ายทอดอุดมการณ์และประสบการณ์ต่อเจ้าหน้าที่และทุกคนที่อยู่รอบข้าง และเขาเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดอุดมการณ์อันสูงส่งนั้นของหัวหน้าสืบ
จารินทร์ใช้ชีวิตการเป็นพนักงานประจำที่ห้วยขาแข้งเป็นเวลา 11 ปีแล้ว โดยการชักชวนของเพื่อนที่จบจาก ม.ปลายมาด้วยกัน ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีงานทำก็เลยลองมาสมัครดู ซึ่งไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ทางด้านธรรมชาติมาก่อนแต่อย่างใด และอาศัยการศึกษาในภายหลังเท่านั้น
"ยอมรับว่าตอนนั้นไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของ สืบ นาคะเสถียร มาก่อน แต่เพิ่งมาศึกษาเรื่องราวของท่าน เมื่อเข้ามาทำงานตรงนี้ แต่เมื่อได้ลองอ่านประวัติ รวมถึงผลงานของหัวหน้าสืบแล้ว มันก็เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการเลือกที่จะสละโลกภายนอกเพื่อที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้"
สายตามุ่งมั่นที่สื่อสารออกมาสามารถที่จะบรรยายแทนคำพูดที่จารินทร์พูดได้เป็นอย่างดี รวมถึงนัยน์ตาที่เปล่งประกายบ่งบอกถึงความตั้งใจในแนวทางการทำงานอย่างแน่วแน่ สื่อออกมาอย่างไม่ขาดสาย
"หน้าที่ความรับผิดชอบทางด้านนี้มีทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่คอยให้ความรู้ความเข้าใจทางธรรมชาติแก่นักท่องเที่ยวหรือนักศึกษาที่เข้ามาเยี่ยมชมห้วยขาแข้ง แต่หากวันใดที่ไม่มีภารกิจตรงนั้น ก็มีหน้าที่อื่นที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการตัดหญ้า การพัฒนาเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งยามมีเหตุฉุกเฉิน เช่น การเกิดไฟป่า ในบางครั้งก็ต้องเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน"
ขณะที่สองมือของตัวเองซุกอยู่ภายในกระเป๋าเสื้อเพื่อลดอุณหภูมิอันเหน็บหนาว แต่สองมือของจารินทร์กลับชี้สิ่งต่างๆ รอบตัวเพื่ออธิบายถึงเรื่องราวมากมายที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้
"ความจริงแล้วพื้นที่ตรงนี้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจสำหรับคนไทยด้วยกัน แต่หลายคนคิดว่าเป็นอุทยานแห่งชาติ หรือที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจทั่วไป ที่น่าเศร้าคือ คนที่เข้ามาที่นี่บางกลุ่มไม่ค่อยเห็นค่าของธรรมชาติ ชอบที่จะทำลายภาพลักษณ์มากกว่าการอนุรักษ์ ยิ่งคนรุ่นใหม่ด้วยแล้ว ที่มักจะเที่ยวด้วยความคึกคะนอง เลือกที่จะเข้ามาเที่ยวอย่างเดียวโดยไม่เคยคิดที่จะเข้าถึงและเข้าใจธรรมชาติเลย"
ตลอดเส้นทางการเดินไปยังอนุสรณ์สถานและบ้านพักของสืบ นาคะเสถียร นั้น จารินทร์ได้อธิบายสิ่งต่างๆ รอบตัวเรามากมาย อย่างที่เราไม่สามารถค้นหาได้จากหนังสือแบบเรียนหรือว่าเว็บไซต์ต่างๆ แต่แล้วก็มีสิ่งที่ทำให้เราต้องสะดุดอยู่ภายภาคหน้า ทุกสายตาของพวกเราต้องมองรวมเป็นจุดเดียวกันอย่างไม่สามารถละได้ บางคนที่เห็นก็ยกมือขึ้นมาไหว้พร้อมกับการถ่ายรูปควบคู่กันไป
"นี่คือรูปปั้นของสืบ นาคะเสถียร" จารินทร์บอกน้ำเสียงภาคภูมิใจ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่าขนาดของรูปปั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวจริงเท่าครึ่งด้วยกัน ด้านทางขึ้นไปยังบริเวณอนุสาวรีย์สืบเป็นบันได 8 ขั้น แสดงถึงการทำงานหนักตลอด 8 เดือน เมื่อครั้งยังมีชีวิต
จารินทร์บอกต่อไปว่า แม้แต่ชาวบ้านกันเองก็ตาม บางคนที่เกิดและเติบโตขึ้นมารายล้อมไปด้วยธรรมชาติทั้งนั้น แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกและสำนึกในการรักษาป่าแต่อย่างใด ซ้ำร้ายยังสร้างปัญหาโดยการทำลายธรรมชาติและสัตว์ป่าอีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่สืบต้องการและพยามแก้ปัญหาเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันปัญหาเหล่านี้ก็ลดลงถึงขั้นเป็นที่น่าพอใจแล้ว
"ในอดีตก็จะมีนายทุนบางกลุ่มที่รุกรานและทำลายธรรมชาติอย่างไม่ลดละ โดยการใช้เงินเข้ามาปิดตาเจ้าหน้าที่บางคน เพื่อที่จะสามารถลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและฆ่าสัตว์ได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้ ปัญหาเหล่านี้ก็ถูกจัดการด้วยหน่วยลาดตระเวนที่ลงพื้นที่ เพื่อดูแลป่าที่เข้าถึงได้ยาก และป้องกันปัญหาการบุกรุกทำลายป่าที่จะเกิดขึ้น"
จารินทร์บอกว่า ครั้งหนึ่งหัวหน้าสืบเคยพูดไว้ว่าป่าอยู่ได้โดยไม่ต้องมีมนุษย์ แต่มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีป่า ถึงแม้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครพิสูจน์ถึงคำพูด แต่เราก็เชื่อในคำพูดนี้โดยไม่ติดใจอะไรเลย
แม้พวกเราจะก้าวย่างและหันหลังออกมาจากอนุสรณ์สถานของสืบ นาคะเสถียร แล้วก็ตาม แต่เมื่อหันมองดูธรรมชาติที่อยู่รายล้อมรอบตัวในขณะนี้ รวมทั้งมองเห็นความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่หลายคนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งแห่งนี้ พอที่จะมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า ป่าห้วยขาแข้ง อันเป็นป่าผืนหลักของชาติ ยังคงทำหน้าที่ปกป้องให้ธรรมชาติเป็นไปอย่างปกติได้อีกพักใหญ่
เราได้แต่อธิษฐาน ภาวนา และพยายามทำเพื่อให้มันอยู่กับเราตลอดไป
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
«
ตอบ #3 เมื่อ:
มกราคม 18, 2009, 02:14:38 AM »
ข่าวสด
โลกยะเยือกถึงติดลบ ตอกย้ำอากาศแปรปรวน
:
คอลัมน์ ข่าวเด็ด 7 วัน
จับกระแสข่าวต่างประเทศของสื่ออินเตอร์ใหญ่ๆ หลายสำนักช่วงนี้จะพบว่า ข่าว "ภัยหนาว" ต่างพาเหรดเกาะกุมพื้นที่ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป
รวมถึงทวีปเอเชียของเรา
เนื่องจากอุณหภูมินับตั้งแต่หลังฉลองปีใหม่ในหลายประเทศทั่วโลก เข้าขั้นหนาวจริง-หนาวแรง-หนาวจับขั้วหัวใจ!
ยกตัวอย่างเช่น "สหรัฐอเมริกา" ชาติใหญ่แถบอเมริกาเหนือ ประชาชนในตอนกลาง (มิดเวสต์) ฝั่งตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แทบไม่อยากออกจากบ้านไปไหน
ขณะที่โรงเรียน ธุรกิจห้างร้านบางส่วนต้องปิดตัวชั่วคราว ด้วยฤทธิ์พายุหิมะ
เพราะสภาพอากาศทั่วสหรัฐตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา "เย็นจัด" น่าตกใจ
อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หรือ ติดลบ 0 องศาเซลเซียสเป็นทิวแถว
โดยรัฐบางรัฐ เช่น มินเนโซตา นอร์ธดาโกตา เซาธ์ดาโกตา อิลลินอยส์ วิสคอนซิน ปรอทร่วงตกไปอยู่ที่ -27 ถึง ติดลบเกือบ 50 องศา!
"มันเย็นขนาดที่เวลาผมหายใจเข้า-ออกแล้วเจ็บสุดๆ แค่ออกมายืนกลางแจ้งไม่ถึง 5 นาที หน้าคุณจะชาปวดแสบปวดร้อนไปหมด ต้องรีบเผ่นกลับเข้าข้างใน"
ท็อด โมเซอร์ พนักงานปั๊มน้ำมันเมืองพอลล็อก รัฐเซาธ์ดาโกตา ให้สัมภาษณ์ท่ามกลางสภาพอากาศเย็น -47 องศา
สถานการณ์ในยุโรปเย็นยะเยือก-ทุกข์ทรมานไม่แพ้กัน
อุณหภูมิเข้าสู่ระดับ "ติดลบ" ทั่วทั้งทวีป
สถานพยาบาล อาทิ ในฝรั่งเศส เยอรมนี โปรตุเกส เต็มไปด้วยคนชราร่างกายอ่อนแอที่ล้มป่วยเพราะสู้อากาศเย็นไม่ไหว
โดยเขตที่หนาวจัดเกินทน คือ "ยุโรปตะวันออก" ซึ่งเผชิญวิกฤตการณ์ "หนาวยกกำลังสอง"
ภายหลังจากขาดแคลน "ก๊าซ" สำหรับใช้เปิดเตาฮีทเตอร์ หรือเครื่องทำความร้อน
โดยเป็นผลกระทบจากการที่ "รัสเซีย" กับ "ยูเครน" มีปัญหากันเรื่องหนี้สินและราคาค่าก๊าซ
ทำให้รัสเซียสวมบทโหดยกเลิกการส่งก๊าซผ่านท่อเข้าไปยังยูเครนไม่มีกำหนด
แต่ความซวยไปตกอยู่กับชาติกลุ่มยุโรปจำนวนมาก ซึ่งต้องพึ่งพาก๊าซรัสเซียที่ส่งผ่านยูเครนมาใช้อีกทอดหนึ่ง
ล่าสุด นายโฮเซ่ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) จึงออกโรงขู่ ว่า จะฟ้องบริษัทพลังงานทั้ง "ก๊าซพรอม" ของรัสเซียและ "นาฟโตก๊าซ" ของยูเครนที่เปิดศึกทะเลาะเบาะแว้ง จนชาติยุโรปต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
บางประเทศมีคนหนาวตายไปแล้วก็มี!
สำหรับทวีปเอเชีย กระแสลมหนาวติดลบ 0 องศาได้เริ่มคืบคลานปกคลุมหลายประเทศยามตะวันตกดิน
ปัจจุบัน ชาวจีนในมณฑลเสฉวนและภาคตะวันตกเฉียงใต้กำลังเดือดร้อนสาหัส
เพราะเพิ่งผ่านพ้นโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 12 พฤษภาคม 2551 มาได้ไม่ถึงปี
ดังนั้น การบูรณะอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ จึงยังไม่เข้าที่เข้าทางร้อยเปอร์เซ็นต์
ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า คนบางกลุ่มต้องเก็บเอาเศษซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวมาเผาเป็นเชื้อฟืนให้ความอบอุ่น
บางคนที่พอมีเงินมีทองก็ต้องไปซื้อเตาทำความร้อนเพิ่มเติมและยอมจ่ายค่าไฟในราคาแพง
"2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาอากาศหนาวจัด แต่ยังดีที่แดดออก ช่วงนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะหาอะไรทำให้วุ่นๆ เข้าไว้จะได้ไม่หนาว"
นายจาง กวงเหลียน เจ้าของโรงแรมเล็กๆ ในเสฉวน กล่าว
ด้านนักวิทยาศาสตร์อธิบาย ว่า แม้อากาศซีกโลกเหนือ ยุโรป อเมริกา รวมทั้งแถบเส้นศูนย์สูตรกำลังเย็นยะเยือก
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้วิกฤต "โลกร้อน" ดีขึ้น
เพราะต้นตออากาศเย็นจัดผิดปกตินั้นเป็นหนึ่งในอาการแปรปรวนของธรรมชาติที่เรียกว่าปรากฏการณ์ "ลานิญ่า" สืบเนื่องจากภาวะ "โลกร้อน" นั่นเอง!
องค์กรพยากรณ์อากาศโลกองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่า
สภาพอากาศหนาวเย็นในปี 2551 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2552 มีสาเหตุจาก "ลานิญ่า" ส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเย็น หรือมีค่าต่ำกว่าปกติ
ผลลัพธ์ที่ตามมา ทำให้เกิดฝนและหิมะตกหนักทั่วโลก ขณะเดียวกัน บางภูมิภาคจะหนาวและแห้งแล้งมากกว่าปกติดังที่เกิดขึ้น
เมื่อดูจากความผันผวนของอากาศเย็นระลอกนี้ นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มจึงเชื่อว่า พอถึง "ฤดูร้อน" อากาศในหลายภูมิภาคจะร้อนผิดปกติเช่นกัน
คงต้องติดตามกันต่อไปว่าคำพยากรณ์จะเป็นจริงหรือไม่
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
«
ตอบ #4 เมื่อ:
มกราคม 18, 2009, 02:23:52 AM »
สำนักข่าว INN
ชาวประมงหยุดออกเรืออาหารทะเลเริ่มแพง
ชาวประมงหยุดออกเรืออาหารทะเลเริ่มแพงจากสภาพอากาศที่เย็นและคลื่นลมในอ่าวไทยซึ่งยังแรงจัด
จากสภาพอากาศในภาคใต้ซึ่งค่อนข้างเย็นและคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยังคงมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ชาวประมงส่วนใหญ่ใน จ.สงขลา ยังคงหยุดทำการประมงและนำเรือเข้าเทียบท่าที่เรือสงขลา โดยเฉพาะกลุ่มเรือส่วนเรือประมงขนาดเล็กที่ทำการประมงชายฝั่งทะเลอ่าวไทยแบบเช้าไปเย็นกลับหยุดเกือบทั้งหมดเพราะไม่กล้าเสี่ยงกับคลื่นที่สูง 2-3 เมตรแล้ว สัตว์ทะเลเริ่มหายากขึ้นจากสภาพน้ำที่เย็น ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำที่ออกสู่ตลาดและโรงงานผลิตอาหารทะเลเริ่มขาดแคลนและมีราคาแพงขึ้น
นายถนอม เพ็งสุวรรณ เจ้าของเรือประมงอวนลากเล็ก สงขลา กล่าวว่า สภาพอากาศในปีนี้หนาวเย็นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนประกอบกับคลื่นลมแรงและมีหมอกลงจัดช่วงนี้จึงจับปลาได้น้อยลงชาวประมงส่วนใหญ่จะหยุดทำการประมง อย่างไรก็ตามทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้ประกาศเตือนชาวประมงให้ระวังอันตรายจากการเดินเรือเนื่องจากสภาพอากาศเย็นทำให้มีหมอกปกคลุมในทะเลในช่วงเช้าและช่วงกลางคืนซึ่งอันตรายมาก เรือมองไม่เห็นวิ่งสวนกันอาจเกิดอุบัติเหตุชนกันได้
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...