พฤศจิกายน 23, 2025, 07:36:36 AM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 21 มกราคม 2552
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 21 มกราคม 2552 (อ่าน 2997 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 21 มกราคม 2552
«
เมื่อ:
มกราคม 21, 2009, 01:45:06 AM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีกประมาณ 1 องศา แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาได้ในหลายพื้นที่ ขอให้ผู้เดินทางระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาในระยะนี้ไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 19-22 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลงเป็นลำดับ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศอุ่นขึ้น โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่
ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 23-25 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 19-22 ม.ค. ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับในช่วงวันที่ 24-25 ม.ค. ขอให้ชาวเรือในอ่าวไทยตอนล่างระมัดระวังอันตรายจากการเดินเรือ
Forecast2.jpg
(37.68 KB, 684x423 - ดู 329 ครั้ง.)
Earthquake2.jpg
(21.67 KB, 500x340 - ดู 353 ครั้ง.)
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2009, 02:21:03 AM โดย สายน้ำ
»
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 21 มกราคม 2552
«
ตอบ #1 เมื่อ:
มกราคม 21, 2009, 01:54:18 AM »
ข่าวสด
พม่าลอยทะเล 25 วันรอด-ไทยดับ 7
รอดปาฏิหาริย์- นาทีชาวประมงพม่า 2 คนโบกมือขอความช่วยเหลือจากเครื่องบินออสเตรเลียที่ผ่านไปพบ หลังทั้งสองติดค้างในลังพลาสติกลอยกลางทะเลมานาน 25 วัน หลังเรืออับปาง เมื่อ 20 ม.ค.
เมื่อ 20 ม.ค. เอพีและบีบีซีรายงานว่า ลูกเรือประมงพม่า 2 รายรอดตายปาฏิหาริย์ หลังเรืออับปาง ต้องอาศัยอยู่ในลังพลาสติกใส่น้ำแข็งขนาดใหญ่ ลอยคว้างกลางทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยฉลามอย่างสิ้นหวังนาน 25 วัน เรื่องราวดังกล่าวสื่อมวลชนในออสเตรเลียนำเสนอเป็นข่าวใหญ่ โดยมีภาพนาทีช่วยเหลือเผยแพร่ทางทีวี
เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยทางทะเล ประเทศออสเตรเลีย แจ้งว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องบินตรวจการณ์ของออสเตรเลียบินผ่านไปเจอชาวประมงทั้ง 2 คนที่โบกมือขอความช่วยเหลืออย่างตื่นเต้นดีใจอยู่กลางทะเลนอกชายฝั่งทางตอนเหนือ บริเวณช่องแคบตอร์เรส ที่คั่นระหว่างแผ่นดินออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เครื่องบินตรวจการณ์จึงแจ้งให้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยผู้ประสบภัยกลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ชาวประมง 2 คนนี้เป็นชาวพม่า ออกมาหาปลาพร้อมเรือประมงสัญชาติไทย แต่เมื่อ 25 วันก่อน หรือวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา เรือเจอคลื่นลมมรสุมซัดจนเรือล่ม ขณะที่มีลูกเรือร่วมชะตากรรม 18 คน เป็นชาวพม่า 11 คน ชาวไทย 7 คน คาดว่าน่าจะเหลือเพียง 2 คนนี้ที่รอดมาได้ หลังว่ายมาเกาะถังน้ำแข็งแช่ปลาได้สำเร็จและปีนขึ้นมานั่งอยู่ข้างในลังขนาด 1 คูณ 1.5 เมตร
"เราดีใจมากที่คุณเจอพวกเรา ไม่อย่างนั้นเราคงอยู่ไม่นานแล้ว ตอนนั้นเราอยู่ห่างจากฝั่งมาก คิดว่ามีเรือลำอื่น เห็นตั้งแต่ช่วงเรือล่ม แต่ไม่ได้มาช่วย ระหว่างที่ลอยคอ มีลูกเรือประมงไทยลอยผ่านหน้าพวกเราไป แต่เราก็เข้าไปไม่ถึงตัว" ชาวประมงทั้งสองกล่าว และเล่าว่า ตอนอยู่ในลัง อาศัยดื่มน้ำฝนที่นองอยู่ก้นลัง และกินชิ้นปลาที่ค้างอยู่ในลัง
แพทย์ออสเตรเลียระบุว่า ตอนเจ้าหน้าที่พาตัวมารักษา ประมงพม่ามีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง แต่สุขภาพเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และหลังออกจากโรงพยาบาล ตำรวจกับหน่วยตรวจคนเข้าเมืองจะสอบปากคำโดยละเอียดต่อไป เพราะต้องการทราบว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 21 มกราคม 2552
«
ตอบ #2 เมื่อ:
มกราคม 21, 2009, 01:59:21 AM »
X-cite ไทยโพสต์
เกาะรังนกอาถรรพณ์ฆ่ากันไปแล้ว 50 ศพ
เกาะรังนกอีแอ่นพัทลุงวิกฤติหนักมีสิทธิ์สูญพันธุ์ เผยช่วงนี้เป็นฤดูกาลเก็บรังนกอีแอ่นขาว กก.ละ 5 แสน แต่ถูกโจรกรรมไปเกลี้ยง ชี้อาถรรพณ์ฆ่ากันไปแล้ว 50 ศพ จี้เปิด 2 แนวรุกเลิกสัญญาและสั่งปิด
นายสมพร หนูนุ่ม อดีตสมาชิกสภา จ.พัทลุง และอดีตคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง ในฐานะคณะอนุกรรมการฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์ กมธ.ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์เป็นฤดูกาลเก็บรังนกอีแอ่นขาว ที่มีราคาประมาณ กก.ละ 5 แสนบาท แต่มาเกิดสุญญากาศ คดีอยู่ระหว่างศาลปกครอง จนรังนกถูกโจรกรรมไปจนเกลี้ยงเกาะ
"รังนกอีแอ่นพัทลุงมีคุณภาพระดับต้นๆ ของโลก แต่ไม่มีใครออกมาปกป้อง มีแต่จะโจรกรรมมาเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อีก 1 ปี ก็จะสูญสิ้นและจะต้องฟื้นฟูกันอีก 2 ปี ถึงจะสมบูรณ์"
นายสมพรกล่าวว่า ทางออกวิกฤติรังนกอีแอ่นที่สำคัญ คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง ควรพิจารณาแก้ไขอำนาจของตนเอง โดยเฉพาะเทศบาล ต.เกาะหมากต้องออกมาเป็นแนวหน้า คือเลิกสัญญาฉบับที่เป็นคดีอยู่ในปัจจุบันแล้วร่างสัญญาใหม่ หรือไม่ก็ใช้สัญญาปี 2547 ซึ่งจะเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และอีกทางออกหนึ่งก็คือทางจังหวัดควรทำหนังสือถึงกระทรวงเกษตรฯ ให้กรมป่าไม้สั่งปิดเกาะสี่ เกาะห้า ที่เป็นเกาะรักนกอีแอ่นทั้งหมดเพื่อบำรุงพันธุ์ในขณะนี้
"ขณะนี้เกาะรังนกอีแอ่นเกิดวิกฤติเลวร้ายที่สุด เกิดความเสียหายร้ายแรง รายได้จากรังนกในอายุสัมปทานคราวละ 5 ปี 1,000 ล้านบาท จากบริษัทผู้ประกอบการสูญสิ้น มีการขัดแย้งด้านผลประโยชน์จนเกิดการฆ่ากันตายมาตั้งแต่ปี 2547 ถึง 50 ศพแล้ว และจะอาถรรพณ์ตายโหงกันหมด แต่ผลประโยชน์มหาศาลตกอยู่กับบุคคลบางกลุ่มที่เอื้อประโยชน์กันกับกลุ่มโจรกรรมรังนกเท่านั้น".
**************************************************************************************************************************
สัตว์ชนิดใหม่ใต้ทะเลลึก
:
คอลัมน์โลกน่ารู้
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสัตว์ทะเลน้ำลึกชนิดใหม่หลายอย่าง หลังออกสำรวจในน่านน้ำของออสเตรเลีย เช่น สัตว์จำพวกเพรียงหัวหอม และแมงมุมทะเล
ทีมสำรวจของสหรัฐกับออสเตรเลียได้ใช้เวลาหลายเดือน สำรวจเขตน้ำลึกนอกชายฝั่งของเกาะแทสเมเนียทางตอนใต้ของออสเตรเลีย เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตในระดับความลึกที่ยังไม่เคยมีการสำรวจกันมาก่อนของประเทศนี้
นอกจากเจอสิ่งมีชีวิตหลายอย่างที่วงการวิทยาศาสตร์ไม่เคยรู้จัก เช่น พวกปะการังอ่อนบางชนิด ทีมสำรวจยังพบวี่แววด้วยว่า ภาวะโลกร้อนกำลังคุกคามพืชและสัตว์ทะเล
รอน เทรเชอร์ หัวหน้าทีม บอกด้วยว่า นักสำรวจได้ค้นพบฟองน้ำยักษ์ เพรียงหัวหอม และแมงมุมทะเล ด้วยการใช้หุ่นยนต์ดำน้ำขนาดเท่ารถเก๋ง ชื่อ เจสัน นักวิจัยได้สำรวจบริเวณรอยแยกเปลือกโลกที่ชื่อ Tasman Fracture Zone หรือเขตรอยแยกแทสเมเนีย
เพรียงหัวหอมที่พบนั้น มีความสูง 50 เซนติเมตร จากพื้นทะเลที่ความลึก 4,000 เมตร มันคอยดักจับเหยื่อที่ว่ายน้ำผ่านไปถูกมันเข้า
นอกจากนี้ยังพบลานฟอสซิลปะการังอายุกว่า 10,000 ปี ซึ่งตัวอย่างที่เก็บมาได้จะบ่งบอกถึงภูมิอากาศในยุคโบราณ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพยากรณ์ภาวะโลกร้อนในอนาคต
นักวิจัยยังได้พบแนวปะการังสมัยใหม่ แต่พวกมันกำลังจะตาย ซึ่งปะการังที่ความลึกเกินกว่า 1,300 เมตร เพิ่งตายได้ไม่นาน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเพราะน้ำทะเลมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น และเป็นไปได้ว่าปะการังที่อยู่ในระดับความตื้นกว่านั้นจะทยอยตายเพิ่มขึ้นในอีก 50 ปีข้างหน้า
การสั่งสมของก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น และมีความเป็นกรดสูงขึ้น
รายงานของสหประชาชาติได้เตือนเมื่อปี 2550 ว่า แนวปะการังเกรต แบริเออร์ รีฟ อาจตายเพราะโลกร้อนภายในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
แนวปะการังนี้เป็นมรดกโลก มีความยาวกว่า 345,000 กิโลเมตร นอกชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย รายงานบอกว่า ปะการังที่นั่นอาจสูญพันธุ์ได้ในที่สุด.
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 21 มกราคม 2552
«
ตอบ #3 เมื่อ:
มกราคม 21, 2009, 02:04:57 AM »
แนวหน้า
สอบโคตรโกงอุทยานแห่งชาติ ยอดค่าธรรมเนียมเข้าชมโชยกลิ่น/สั่งสอบทั่วปท.
นายอุภัย วายุพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ออกมาจี้ให้ตรวจสอบรายได้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติ โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-พีพี จ.กระบี่ นั้น กรมอุทยานฯ ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว และพบพบความไม่ชอบมาพากลในเรื่องดังกล่าวจริง
โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2550 ระหว่างที่ นายเชษฐ์ พวงจิตร ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์อยู่นั้น มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมได้เพียง 340,000 บาท โดยมีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมจำนวน 13,603 คน แต่ภายหลังจาก นายเชษฐ์ ย้ายออกไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา และมีผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ปรากฏว่า ในเดือนธันวาคม 2551 มีการจัดเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมได้สูงถึง 1.48 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 13,581 คน
นายอุภัยกล่าวอีกว่า ตัวเลขรายได้ดังกล่าวทำให้มีมูลว่า อาจมีการทุจริตเกิดขึ้น จึงได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน พร้อมกับสั่งการให้มีการขยายผลตรวจสอบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติอื่นๆ ด้วย หากพบว่า มีตัวเลขรายได้ผิดปกติก็จะดำเนินการสอบสวนทันที
ด้าน นายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 จ.นครสวรรค์ เผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อร้องเรียนกรณีวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน จ.กาญจนบุรี เลี้ยงเสือโคร่งประมาณ 30 ตัวไว้ โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และบริจาคเงินเพื่อสร้างบ้านให้เสือ พบว่า เสือจำนวนดังหล่าวส่วนหนึ่งวัดได้มาจากการบริจาค ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นการรับซื้อมา
ดังนั้นจึงสั่งการให้ขึ้นทะเบียนเสือทั้งหมดให้ถูกต้องตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า โดยเก็บประวัติ ถ่ายรูป และใช้ลายของเสือในการจำแนกเสือแต่ละตัวไว้แล้ว อนาคตจะทำทะเบียนดีเอ็นเอของเสือแต่ละตัวไว้ด้วย เพื่อควบคุมการลักลอบการนำเสือออกจากป่า และนำไปชำแหละเสือเพื่อการค้า พร้อมกับขยายผลการตรวจสอบไปยังสวนเสือศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นฟาร์มต่อไป โดยจะมีการติดตามทุกๆ 6 เดือนหรือ 1 ปี
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 21 มกราคม 2552
«
ตอบ #4 เมื่อ:
มกราคม 21, 2009, 02:09:23 AM »
สำนักข่าว INN
ทล.หารือโครงการทางเชื่อมผืนป่ามรดกโลก
กรมทางหลวง สัมมนา โครงการทางเชื่อมผืนป่ามรดกโลกถนนบนภูเขาระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับอุทยานแห่งชาติทับลาน บนทางหลวงหมายเลข 304 สายอ.กบินทร์บุรี - อ.ปักธงชัย
เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้ 19 ม.ค.52 กรมทางหลวงจัดสัมมนาปฐมนิเทศโครงการ การศึกษาและสำรวจออกแบบทางเชื่อมผืนป่ามรดกโลกบนทางหลวงหมายเลข 304 สายอ.กบินทร์บุรี - อ.ปักธงชัย ณ ห้องคอนเวชั่น ฮออล์ โรงแรมทวาราวดีรีสอร์ท อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพื่อนำเสนอข้อมูลความเป็นมา แนวเนทาง รูปแบบการขยายเส้นทางหลวงและทางเชื่อมผืนป่ามรดกโลกบนภูเขาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับอุทยานแห่งชาติทับลานมรดกโลก ถนนสาย 304 ``ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีรนบุรี อันเป็นช่วงขึ้น ลงภูเขา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนา โดยมีผู้แทนจากหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนเข้าร่วมสัมมน`จำนวน กว่า 150 คน
นายอัศวิน กรรณสูตร วิศวกรใหญ่ด้านสำรวจและออกแบบ สำนักสำรวจและออกแบบกรมทางหลวง กล่าวว่า "กรมทางหลวงมีโครงการที่จะขยายช่องทางจราจรถนนทางหลวงหมายเลข 304 `(กบินทร์บุรี ปักธงชัย``) ให้เป็น 4 ช่องจราจรเพื่อความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และลดอุบัติเหตุ`
โดยมีรูปแบบทางเชื่อมผืนป่ามรดกโลกจำนวน 5 รูปแบบมาให้ผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาได้ชมและช่วยพิจารณา โดยมีรูปแบบดังต่อไปนี้ แบบที่1.อุโมงค์ทางหลวงผ่านเขา แบบที่2.ทางยกระดับ แบบที่3.อุโมงค์ทางหลวงชนิดตัดดินแล้วถมกลับ แบบที่4.ทางเชื่อมต่อผืนป่าแบบผสมผสาน แบบที่5.ทางเชื่อมผืนป่าสำหรับสัตว์ข้ามทางหลวงเป็นแห่งๆ
จุดก่อสร้างเชื่อมผืนมรดกโลก นี้ตั้งแต่ กม.ที่26 - กม.ที่29 ตรงนี้จะมีในเรื่องของการเชื่อมผืนป่าเพราะว่าจะมีป่าเขาใหญ่และป่าทับลานอยู่2ข้างของถนนสาย304 จำเป็นที่จะต้องเชื่อมผืนป่าเพื่อเป็นมรดกโลกที่เราได้รับและเป็นประเด็นในการตอบข้อซักถามของผู้ที่มีส่วนได้เสีย ผู้ที่สนใจ รวมถึงประชาชนทั่วไปในพื้นที่ได้รับทราบ
ส่วนรายการสำหรับแนวทางการก่อสร้างทางขึ้น-ลงในเส้นทาง 304 จะมี 2 ช่วงด้วยกัน คือช่วงที่1 กม.26-29 ช่วงที่ 2 กม.40-55 ซึ่ง 2 ช่วงนี้ยังเป็น 2 ช่องจราจรอยู่ ช่วงแรกทางเราจะมีการออกแบบโดยบริษัทวิศวกรออกแบบที่กรมทางหลวงได้ว่าจ้างมาก็ศึกษาและวิเคราะความเหมาะสมในรูปแบบ 4 ช่องจราจร ทั้ง 2 ช่องขึ้น 2 ช่องลง แล้วก็สามารถบรรลุจุดประสงค์ของการเชื่อมผืนป่ามรดกโลกได้ด้วย
ส่วนช่วงที่ 2 เป็นช่วงที่เรายังขยายเป็น 4 ช่องจราจรไม่ได้ก็คือช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ ทางกรมทางหลวงก็จะพยายามสำรวจตรวจสอบว่าทำอย่างไรจะขยายได้หรือถ้าขยายไม่ได้จริงๆก็จะหาทางทำอย่างไรจะให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นและบังเอิญในช่วงนั้นพื้นที่นั้นมีปัญหาเรื่องพื้นที่ต้นน้ำลุ่มน้ำและพื้นที่ทับซ้อนติดเขตอุทยานแห่งชาติทำให้กรมทางหลวงไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ในทันทีทั้งที่เคยบำรุงก่อสร้างและได้ผู้ก่อสร้างมาดำเนินการแล้ว" นายอัศวินกล่าว
และกล่าวต่อว่า "ในช่วงระหว่าง กม.42-48 เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งจะพยายามหามาตราการเร่งด่วนมาปรับปรุงสภาพของถนนให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้พร้อมกับนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อหาทางแก้ไขปรับปรุงต่อไป สำหรับ 5 แนวทางที่ได้สำรวจและออกแบบไว้ ทุกแนวทางมีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไปก็ต้องดูผลสรุปในวันนี้ว่าจะไปในแนวทางไหนแล้วก็จะเอาผลสรุปของวันนี้ไปปรึกษาหารือกันในครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในช่วงประมาณกลางปีกำหนดการยังไม่แน่นอน"นายอัศวินกล่าว
และกล่าวเพื่มเติมว่า กรมทางหลงเองก็ได้ตระหนักถึงปัญหาต่างๆไม่ใช่ว่าทางเราต้องการสร้างหรือขยายทางเพียงอย่างเดียวเพราะการขยายทางเป็นหน้าที่หลักอยู่แล้ว ความสะดวกรวดเร็วของผู้ที่ใช้ทางก็มาเป็นอันดับหนึ่งเหมือนกันสำหรับงานของกรมทาง แต่ขณะเดียวกันถ้ามีปัญหาอื่นเข้ามาเกี่ยวเช่นสิ่งแวดล้อมกรมทางก็ไม่ได้ละเลยจะต้องรับฟังสิ่งต่างๆที่เป็นความคิดเห็นจากสิ่งแวดล้อมหรือบุคคลภายนอกอยู่เสมอและนำสิ่งนั้นมาช่วยปรับปรุงงานของกรมให้ได้ประโยชน์ให้มากที่สุด เป็นที่พอใจของประชาชนให้มากที่สุด และขอเรียนฝากว่าทั้งนี้ทั้งนั้นให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นหลัก และขณะเดียวกันเราก็รักษาสิ่งต่างๆให้ไปด้วยกันให้ได้ สำหรับการพัฒนากับการอนุรักษ์มักจะสวนทางกันขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่ของกรมทางที่จะต้องทำสองสิ่งให้ไปด้วยกันให้ได้แต่ก็ต้องขอความร่วมมือและแรงสนับสนุนของพี่น้องประชาชนด้วย"นายอัศวิน กล่าวในที่สุด
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...