กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 23, 2025, 07:37:46 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 28 มกราคม 2552  (อ่าน 2604 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« เมื่อ: มกราคม 28, 2009, 03:36:37 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา

สภาพอากาศประเทศไทย 
 
บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกเพิ่มขึ้นในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ขอให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในขณะที่ผ่านบริเวณที่มีหมอกจัดไว้ด้วย 
 
พยากรณ์อากาศสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล 
 
มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และมีอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 
 
คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่สุราษฏร์ธานีลงไปมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยจะมีหมอกหนาเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในภาคเหนือ ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 28 ม.ค.-1 ก.พ. 52 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-4 องศา และจะมีหมอกเพิ่มมากขึ้น ส่วนปริมาณและการกระจายของฝนในภาคใต้จะลดลง และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง
     
ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 28 ม.ค. - 1 ก.พ. ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย

 
 
 
 
บันทึกการเข้า
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 28, 2009, 04:05:43 AM »

ผู้จัดการออนไลน์

ดำน้ำกลางคืน โดย วินิจ รังผึ้ง



สัญชาติญาณของมนุษย์และสัตว์โลกที่น่าจะมีเหมือนกันก็คือ ความหวาดกลัวและการระแวงภัยเมื่อตกอยู่ในพื้นที่หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคย เช่นในต่างถิ่น ต่างพื้นที่ ต่างสภาพแวดล้อมเช่นเรามักเกิดความกลัวเมื่อเข้าไปอยู่ในผืนป่า ในขณะที่สัตว์ป่าจะตื่นตระหนกเมื่อเกิดหลัดหลงเข้ามาในเขตชุมชนหรือที่อยู่อาศัยของผู้คน หรือเราอาจเกิดความกลัวเมื่อต้องลงไปแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เพราะวิถีชีวิตของมนุษย์นั้นเป็นสัตว์บก ในทางตรงกันข้าม เมื่อปลาถูกจับขึ้นมาบนบกก็กระเสือกกระสนดิ้นรนที่จะกลับลงไปในน้ำ ซึ่งนั่นเป็นความแปลกแตกต่างของสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการดำรงชีวิต ซึ่งทุกชีวิตก็ย่อมจะเกิดความกลัวเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่คนเรามักเกิดความกลัวขึ้นมาทั้งที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องพบเจออยู่ทุกวันก็คือ “กลัวความมืด” ทั้งที่เราก็พบเจอกับความมืดอยู่ทุกๆคืน
       
       ผู้คนกลัวความมืดเพราะการใช้ประสาทสัมผัสที่สำคัญคือการมองเห็นขาดหายไป จึงมักจะเกิดความไม่มั่นใจ และก่อให้เกิดความหวาดระแวงในภัยอันตรายต่างๆขึ้นมาในจิตใจ ทั้งที่บางครั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวก็มิได้ผิดแผกแตกต่างไปจากในตอนกลางวันที่ตามองเห็นเลยแม้แต่น้อย เช่นเด็กๆมักจะกลัวความมืดแม้นจะอยู่ในบ้าน หรือในห้องนอนที่คุ้นเคยก็ตาม ซึ่งคงไม่ต้องพูดถึงสภาพแวดล้อมที่แปลกแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงอย่างเช่นการเข้าไปตั้งแค้มป์พักแรมในป่า หรือการลงไปดำดิ่งอยู่ใต้ท้องทะเลลึก แต่ความกลัวเหล่านี้ก็สามารถจะถูกขจัดออกไปจากจิตใจได้ เมื่อเราฝึกฝนที่จะทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่เราไม่รู้จักและคุ้นเคยเหล่านั้น
       
       การดำน้ำแบบสคูบาหรือการดำน้ำลึกโดยใช้เครื่องมือช่วยในการหายใจใต้น้ำนั้น คงเป็นกิจกรรมที่น่าหวาดหวั่นไม่น้อยสำหรับผู้คนทั่วไปที่ไม่เคยเข้าไปสัมผัส เพราะนอกจากจะต้องดำดิ่งลงไปอยู่ในท้องทะเลกว้างอันเวิ้งว้างแล้ว รอบข้างในทุกอณูก็ยังถูกห้อมล้อมด้วยผืนน้ำที่มีความหนาแน่นมากกว่าอากาศหลายเท่า ซึ่งแรกๆก็อาจจะรู้สึกหวาดหวั่นในทุกผู้คน แต่เมื่อได้ผ่านการเรียนรู้และการฝึกฝนที่ถูกต้องจนมีประสบการณ์แล้ว สิ่งแวดล้อมที่แปลกแตกต่างก็จะกลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่เริ่มคุ้นเคย และกลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ จนนักดำน้ำส่วนใหญ่ที่มีโอกาสเข้ามาสัมผัส มักจะติดอกติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น เรียกว่าบางคนดำน้ำกันไปจนเกษียณอายุจากการทำงานแล้ว แต่ก็ไม่ยอมเกษียณอายุจากการดำน้ำเลยก็มี
       
       ทั้งที่การดำน้ำจะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมน่าหวาดหวั่นสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับนักดำน้ำแล้ว การดำน้ำกันในท้องทะเลตอนกลางวันยังไม่เพียงพอ ตอนกลางคืนที่ท้องฟ้าเบื้องบนมืดมิด ใต้ท้องทะเลลึกนั้นยิ่งมืดมิดกว่า แต่ก็ยังอุตส่าห์ลงไปดำน้ำกันตอนกลางคืนอีก ซึ่งคนที่ไม่เคยดำน้ำแล้วใต้ผืนน้ำยามค่ำคืนคงเป็นโลกที่น่ากลัวเข้าไปอีกหลายเท่า แต่สำหรับนักดำน้ำที่หลงใหลในโลกสีครามแล้ว แม้ผืนน้ำจะกลายเป็นโลกสีดำ แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์ให้ชวนหลงใหลไปอีกรูปแบบหนึ่ง


 
       การดำน้ำกลางคืนนั้น นักดำน้ำที่จะลงไปดำได้จะต้องผ่านการฝึกฝนจนมีประสบการณ์อีกขึ้นหนึ่ง และก็มีกฎของความปลอดภัยที่ถือปฏิบัติกันก็คือ จะต้องเลือกจุดดำในอ่าวปิดที่ปลอดจากกระแสน้ำและคลื่นลม เป็นจุดดำน้ำที่มีระดับไม่ลึกมากนัก และควรผ่านการดำน้ำในจุดนั้นช่วงเวลากลางวันกันมาแล้ว เพื่อให้เกิดความคุ้นชินกันทิศทางหรือสภาพใต้ผืนน้ำบริเวณนั้นเสียก่อน นักดำน้ำทุกคนจะต้องมีไฟฉายสำหรับส่องสว่างใต้ผืนน้ำประจำตัว โดยมักจะดำกันลงไปเป็นกลุ่ม หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าใต้น้ำยามค่ำคืนนั้นจะมีอะไรน่าสนใจ ฝูงปลาและสัตว์ทะเลต่างๆจะไม่พักหลบเข้าไปหลับนอนกันหมดหรือ คงต้องบอกว่าโลกใต้ทะเลนั้นก็เหมือนโลกบนบกนั่นแหละ ที่จะมีทั้งสรรพชีวิตออกใช้ชีวิตหากินในตอนกลางวัน และหลบเข้าไปพักผ่อนหลับนอนในยามค่ำคืน กับสรรพชีวิตอีกพวกหนึ่งที่พักผ่อนนอนหลับหรือหลบลี้ในตอนกลางวัน และก็จะเริ่มออกมาใช้ชีวิตในยามค่ำคืนเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
       
       แม้นโลกใต้ผืนน้ำจะมืดมิดในยามกลางคืน แต่เมื่อส่องไฟฉายแสงเข้าไปแล้ว แสงจากไฟฉายใต้น้ำซึ่งจะมีกำลังการส่องสว่างสูง จะส่องฉายให้เห็นสีสันอันสดใสของสรรพชีวิตใต้ผืนน้ำได้อย่างชัดเจนหากบริเวณนั้นมีสภาพน้ำทะเลที่ใส เมื่อส่องไฟฉายไปตามจุดต่างๆ ความสนใจก็จะมารวมกันตรงจุดนั้นเพียงจุดเดียว ชีวิตแปลกตาที่เรามักจะไม่ค่อยพบเห็นในการดำน้ำตอนกลางวันก็มักจะคืบคลานออกมาให้เห็นเช่นบรรดาสัตว์จำพวกกุ้ง ปู ที่ชอบออกหากินตอนกลางคืน มีตั้งแต่กุ้งมังกรขนาดใหญ่ลงไปจนถึงกุ้งลายหินอ่อนขนาดเล็ก เมื่อส่องไฟไปตามกอปะการังอ่อนสีชมพู บ่อยครั้งเราจะพบชีวิตเล็กๆที่ใช้ปะการังอ่อนเป็นบ้านอันอบอุ่น เป็นเสมือนวิมานสีชมพูที่สวยงามเลยทีเดียว ชีวิตที่พบเห็นได้บ่อยครั้งก็เช่นเจ้าหอยเบี้ยขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ซึ่งเป็นหอยฝาเดียว มีฝาสีขาว แต่เมื่อเคลื่อนตัวออกมาหากิน มันจะแผ่เนื้อเยื่อภายในฝาซึ่งมีสีชมพูลวดลายกลมกลืนกับปะการังอ่อนที่มันอาศัยอยู่ออกมาครอบคลุมเปลือกนอกจนมิด และหากสังเกตให้ดีอาจจะพบเจ้าปูปะการังอ่อนหรือปูลูกกวาด ซึ่งเป็นปูขนาดจิ๋วที่มีสีสันและรูปทรงของกระดองที่ได้รับการพัฒนาให้เหมือนกับกิ่งก้านของปะการังอ่อนที่มันอาศัยอยู่จนดูแทบไม่ออก นอกจากนี้ยังมีปลาขนาดเล็กๆอีกมากมายหลายชนิด อาศัยซุกซ่อนหลับนอนอยู่ในกอปะการังอ่อนนี้
       
       ไม่เพียงแต่กุ้งปูที่ออกหากินกลางคืนเท่านั้นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แม้แต่ปลาบางชนิดที่แอบหลบหลับนอนอยู่ตามซอกปะการัง ก็มีสีสันและลวดลายที่น่าสนใจ ซึ่งในตอนกลางวันอาจจะเข้าไปดูใกล้ๆไม่ค่อยถนัดเพราะมันจะว่ายหลบหลีกและมักจะรักษาระยะห่าง แต่ตอนกลางคืนที่มันหลับนอนนั้น มันจะนอนนิ่งเหมือนเรานอนหลับนี่แหละ เพียงแต่ไม่หลับตาเหมือนคนเราเท่านั้น และบางชนิดก็มีพฤติกรรมพิเศษ เช่นปลานกแก้วที่มีสีสันสดใสมักจะนอนหลับนิ่งๆตามซอกหลืบปะการัง และจะคายเมือกเหนียวๆ ใสๆ ออกมาห่มคลุมลำตัว เพื่อป้องกันปรสิตพวกเห็บปลาต่างๆ ไม่ให้เข้ามารบกวนการนอน ซึ่งเรามักเรียกกันว่า “ปลานกแก้วกางมุ้ง” หรือปลาบางชนิดที่มีสีสันสดใสในตอนกลางวันเช่นบรรดาปลาในกลุ่มปลาสินสมุทรทั้งหลาย ตอนลอยตัวนอนนิ่งๆในยามค่ำคืน มันก็มักจะปรับลดความเข้าข้นสดใสของสีสันลวดลายบนลำตัวให้ซีดจางลง เหมือนหญิงสาวที่ไม่แต่งหน้าแต่งตาตอนเข้านอนนั่นแหละ
       
       ปลาอีกกลุ่มที่ตอนกลางวันมักจะหลบนอนพักผ่อนและมักจะมีอาการตื่นตัวที่จะออกหากินในยามค่ำคืนก็คือ “ปลาฉลาม” ซึ่งหลายคนฟังแล้วอาจจะขนหัวลุก แต่ฉลามในทะเลบ้านเรานั้นก็ล้วนเป็นฉลามนิสัยดีไม่มีพิษมีภัยกับใคร และไม่เคยมีเหตุการณ์ฉลามทำร้ายนักดำน้ำในบ้านเราสักครั้งตั้งแต่มีการดำน้ำมา ซึ่งบ้านเรานั้นไม่มีฉลามขาวซึ่งเป็นฉลามขนาดใหญ่และค่อนข้างจะดุร้ายอย่างในออสเตรเลีย จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องอันตรายจากฉลาม แต่อันตรายจากการดำน้ำในยามค่ำคืนนั้นกลับน่าเป็นห่วงในเรื่องง่ายๆ เช่นการประมาทไม่เช็คอุปกรณ์ให้เรียบร้อย และอันตรายตอนกลับขึ้นเรือ เพราะหากมีคลื่นลมหรือกระแสน้ำพัดพาห่างออกไปจากเรือใหญ่จนผู้คนบนเรือมองไม่เห็น และไม่มีการตรวจเช็คจำนวนนักดำน้ำว่าขึ้นมาครบแล้วหรือยัง อาจจะทำให้นักดำน้ำถูกกระแสน้ำพัดไปไกล ตามหากันไม่เห็นซึ่งนั่นล้วนเป็นอันตรายกว่าช่วงอยู่ใต้ผืนน้ำทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามการดำน้ำในยามค่ำคืนก็ยังมีมนต์เสน่ห์ให้ชวนหลงใหล หากปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดโลกใต้ผืนน้ำในยามค่ำคืนก็ยังน่าหลงใหลไม่เสื่อมคลายและคงมีอันตรายน้อยกว่าการเที่ยวผับในยามค่ำคืนเสียอีก.
 
บันทึกการเข้า
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 28, 2009, 04:25:09 AM »

แผ่นดินไหวระดับปานกลางนอกชายฝั่งสุมาตรา

           เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ขนาด 5.6 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อช่วงเช้าวันนี้ แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้เสียชีวิต และยังไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์
        สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดเมื่อเวลา 07.01 น. ของเช้าวันนี้ ตามเวลาในไทย มีศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ห่างจากเมืองซิบอลกา ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ค่อนไปทางใต้ ประมาณ 224 กิโลเมตร ศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนยังอยู่ลึกลงไปใต้ท้องทะเลประมาณ 35 กิโลเมตร นอกจากนี้ แรงสั่นสะเทือนยังรู้สึกไปไกลถึงเมืองปะดัง ทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา
 
 

————————————————————————————————————

การเดินเรือแคนาดาอัมพาต! หลังแผ่นน้ำแข็งจับตัว

           แผ่นน้ำแข็งที่จับตัวกันในแม่น้ำสายหนึ่งของแคนาดา ทำให้การเดินเรือติดขัด ผู้โดยสารทางน้ำหลายร้อยคนต้องติดอยู่กลางแม่น้ำ
        เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ ในรัฐควิเบก สภาพอากาศที่เย็นจัดทำให้ผิวน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง กีดขวางการเดินเรือ ส่งผลให้เรือสำราญที่บรรทุกผู้โดยสารราว 300 คน และเรืออื่นๆ อีก 2 ลำ ซึ่งมีผู้โดยสารรวมกันประมาณ 200 คน ติดขัดอยู่บริเวณปากแม่น้ำ ทางการต้องส่งเรือทลายน้ำแข็งเข้าขจัดแผ่นน้ำแข็งเพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือ
        ขณะที่บริษัทเดินเรือสำราญต้องลำเลียงผู้โดยสารจากเมืองมอนทรีออล ไปยังจุดหมายปลายทางบนคาบสมุทรแห่งหนึ่ง เพื่อให้กำหนดการท่องเที่ยวบนเทือกเขาชิค-ชอค ของนักเดินทางเป็นไปตามเดิม

 
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2009, 04:26:58 AM โดย แมลงปอ » บันทึกการเข้า
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 28, 2009, 04:40:36 AM »

คมชัดลึก

อังกฤษวิตกข้อกล่าวหาต่อไทย กรณีผู้อพยพทางเรือ"โรฮิงญา"
 
 อังกฤษซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของพม่า ระบุ วิตกมากเรื่องข้อกล่าวหาของผู้อพยพทางเรือชาวโรฮิงญาต่อกองทัพเรือไทย

(28ม.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า นายบิล แรมเมลล์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ได้ระบุในคำตอบเป็นรายลักษณ์อักษร ต่อคำถามในรัฐสภาอังกฤษเมื่อวันอังคารว่า รัฐบาลอังกฤษมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อบรรดาข้อกล่าวหาที่ว่า กองทัพเรือของไทยได้ทอดทิ้งผู้อพยพทางเรือหลายร้อยคนจากพม่า และปล่อยให้เสียชีวิตในทะเล เขากล่าวว่าอังกฤษได้แสดงความวิตกในเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ไทยแล้ว และยินดีที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะมีการสอบสวนในเรื่องนี้ พร้อมระบุว่า อังกฤษจะยังคงกดดันเจ้าหน้าที่ไทยต่อไปให้พิสูจน์ความจริง และดำเนินการอย่างเหมาะสม โดยอังกฤษจะทำงานร่วมกับสหภาพยุโรป และจะปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิดกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานด้วยว่าอังกฤษเคยเป็นเจ้าอาณานิคมในพม่าจนถึงปี 2591 พร้อมตั้งข้อสังเกตว่านายแรมเมลล์ยังเรียกพม่าด้วยชื่อภาษาอังกฤษแบบเดิมว่า"เบอร์ม่า" แม้พม่าจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ว่า"เมียนม่า" ตั้งแต่ปี 2532 และคำแถลงต่อสภาครั้งนี้ของนายแรมเมลล์มีขึ้นหลังจากสื่อต่างๆพากันรายงานกล่าวหากองทัพเรือไทยว่าได้ลากจูงเรือที่อยู่ในสภาพไม่ดีของผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนออกไปกลางทะเล โดยมีน้ำและอาหารเพียงเล็กน้อย

เอเอฟพีระบุว่า ข้อกล่าวหาเรื่องไทยปฏิบัติไม่ดีต่อชาวโรฮิงญาถูกเปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากมีชาวโรฮิงญาเกือบ 650 คนได้รับความช่วยเหลือโดยอินเดียกับอินโดนีเซีย ซึ่งบางคนอ้างว่าถูกทุบตีโดยทหารไทยก่อนจะปล่อยให้เรือลอยไปกลางทะเลเพื่อให้พวกเขาตาย และเชื่อว่ายังมีผู้อพยพอีกหลายร้อยคนสูญหายไปในทะเล ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า ชาวโรฮิงยาไม่มีรัฐอยู่ และถูกก่อกวนโดยรัฐบาลทหารพม่า ทำให้มีคนหลายพันคนในแต่ละปี ที่เสี่ยงลงเรือเพื่อหลบหนีความยากจนและการถูกกดขี่ รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ไทยได้ใช้มาตรการรุนแรงกับผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่ไปขึ้นชายฝั่งต่างๆของไทย ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้มี

ผู้อพยพเข้าไปในไทยเพิ่มมากขึ้น





 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 18 คำสั่ง