กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 23, 2025, 07:38:24 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2552  (อ่าน 3262 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มกราคม 30, 2009, 12:35:36 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในวันนี้ (30 ม.ค.52) ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลง 1-2 องศา ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคง พัดปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางพื้นที่

สำหรับบริเวณประเทศไทยตอนบนยังมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ในตอนเช้า ขอให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา   ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. -2 ก.พ. 52 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 3-4 ก.พ. 52 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นและมีหมอกหนาในบางพื้นที่


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 3-4 ก.พ. ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (37.84 KB, 684x423 - ดู 478 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (30.2 KB, 450x501 - ดู 463 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 30, 2009, 12:41:54 AM »

ไทยรัฐ


ไฟไหม้ป่าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
 
เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (29 ม.ค.) เกิดไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก เขตอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก  โดยไฟได้ลุกลามขึ้นไปยังผืนป่าและบนภูเขาสูงอย่างรวดเร็ว ยากต่อการควบคุมของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืน ทำได้เพียงยืนมองไฟป่าขยายเป็นวงกว้าง

นายกิตติพจน์ สมอารยะพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 กล่าวว่า ปีนี้ สถานการณ์ไฟป่าน่าเป็นห่วง อาจรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเบญจพรรณ เนื่องจากมีการทับถมของเศษไม้และใบไม้จำนวนมาก ประกอบกับความแห้งแล้งมาเยือนตั้งแต่ต้นปี ทำให้อากาศแปรปรวน อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปีที่ผ่านมา เกิดไฟป่าทั้งที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ถึง 413 ครั้ง พื้นที่ป่าเสียหายกว่า 2,000 ไร่ ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ภูหินร่องกล้า และบริเวณพระตำหนักเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์น่าเป็นห่วง

 
***********************************************************************************************************************


 เตือนให้รู้สภาวะแวดล้อมเกิดเสียหายไป ทำให้คืนดีดังเดิมไม่ได้


 
คณะนักวิจัยเรื่องสภาวะแวดล้อมที่สหรัฐอเมริกา ได้บอกเตือนให้รู้ว่า ผลร้ายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพลมฟ้าอากาศหลายอย่าง ไม่อาจจะแก้ให้กลับคืนเหมือนอย่างเก่าได้ อุณหภูมิของโลกอาจจะยังคงสูงอยู่อีกนานเป็น 1,000 ปี ถึงแม้ว่าจะสามารถระงับการปล่อยคาร์บอนออกมาได้แล้ว

คณะนักวิทยาศาสตร์รายงานผลการศึกษาเรื่องอุณหภูมิของโลกที่อุ่นขึ้น และผลที่เกิดขึ้นในวารสาร “สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” บอกเตือนว่า หากยังขืนให้มีระดับของคาร์บอนในบรรยากาศสูงขึ้นเรื่อยๆ จะยิ่งเกิดฝนแล้งในอาณาบริเวณภาคใต้ของยุโรป อเมริกาเหนือ บางส่วนของทวีปแอฟริกาและออสเตรเลียซึ่งแล้งอยู่แล้วหนักขึ้น

รายงานแจ้งว่า แม้ว่ามหาสมุทรช่วยชะลออุณหภูมิที่สูงขึ้นของโลกลง โดยการดูดซึมในปัจจุบันอยู่แล้ว แต่มันก็จะกลับคายความร้อนย้อนกลับเข้าไปในอากาศอีก

 พวกเขาได้เรียกร้องให้บรรดานักการเมืองจะต้องช่วยกันสกัดความเสียหายที่เกิดกับสภาวะแวดล้อม ที่มนุษย์สร้างขึ้น ให้ผู้คนนึกเอาเองว่า หากป้องกันไม่ให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นได้ มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม สมัยเมื่อ 100 หรือ 200 ปีแล้วอีก ซึ่งไม่เป็นความจริง”.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 30, 2009, 12:53:19 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ตำรวจน้ำตรังยึดเรือกลางทะเลสงสัยพัวพันกลุ่มโรฮิงยา



ตรัง – เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ จังหวัดตรัง ตรวจยึดเรือประมงต้องสงสัย ในน่านน้ำจังหวัดตรัง โดยต้องสงสัยพัวพันกับกลุ่มโรฮิงยา
       
       วันนี้ (29 ม.ค.) พ.ต.ท.ทวี จันทร์พลับ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากกองเรือภาคที่ 3 กองทัพเรือไทย ซึ่งประจำการณ์อยู่ในฝั่งทะเลอันดามัน ว่า มีเรือต้องสงสัยลำหนึ่งจอดลอยลำอยู่ที่บริเวณหัวเกาะลิบง อำเภอกันตัง โดยเรือดังกล่าวได้ใช้ผ้าใบปิดลำเรือจนมิดชิดผิดสังเกต และสงสัยว่า อาจจะมีการลักลอบขนชาวโรฮิงยา มาขึ้นฝั่งในพื้นที่จังหวัดตรัง และเรือลำดังกล่าวนั้น สามารถบรรจุคนได้จำนวนประมาณ 200 คน
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำกันตัง ได้นำเรือตรวจการณ์ออกไปตรวจสอบ จึงสั่งให้ไต๋เรือนำเรือลำดังกล่าวกลับเข้าฝั่ง และนำเข้าเทียบท่าที่แพปลาวรพันธ์ อำเภอกันตัง อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบภายในเรือไม่พบสิ่งผิดปกติอย่างใด โดยเรือประมงลำนี้มีชื่อว่า เรือญาณพัช เป็นเรือประมงของจังหวัดระนอง โดยมาหาปลาไก่ และจะนำมาส่งที่แพปลาในจังหวัดตรัง เพื่อนำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจึงได้ปล่อยเรือลำดังกล่าวไปก่อน พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยแจ้งเบาะแสการลักลอบขนชาวโรฮิงยาเข้ามาในประเทศไทย


*********************************************************************************************************************


โจรสลัดโซมาเลียกลับมาป่วนบุกยึดเรือบรรทุกก๊าซเยอรมนีที่อ่าวเอเดน

      โจรสลัดโซมาเลียเมื่อวันพฤหัสบดี(29) บุกยึดเรือบรรทุกก๊าซเยอรมนีพร้อมลูกเรือชาวฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย 13 คน บริเวณอ่าวเอเดน เจ้าหน้าที่ราชนาวีเคนยารายหนึ่งเปิดเผย
       
       "มีการดวลปืนกันอย่างดุเดือด แต่เชื่อว่าลูกเรือคงปลอดภัย" แอนดรูว์ เอ็มวานกูรา ผู้ดูแลศูนย์ช่วยเหลือชาวประมงเคนยาระบุ
       
       เขากล่าวเสริมว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุดวลปืนนั้นเกิดขึ้นระหว่างโจรสลัดกลุ่มต่างๆเองหรือว่าโจรสลัดปะทะกับราชนาวีต่างชาติที่กำลังลาดตระเวนน่านน้ำที่มีโจรสลัดชุกชุม
       
       เรือบรรทุกก๊าซเอ็มวีลองแคมป์ พร้อมลูกเรือชาวฟิลิปปินส์ 12 คนและอินโดนีเซียอีก 1 คน กำลังลำเลียงก๊าซปิโตรเลียมเหลวจากยุโรปไปยังตะวันออกไกล" เอ็มวานกูรา กล่าวโดยไม่ได้ระบุตำแหน่งเกิดเหตุที่แน่ชัด พร้อมระบุว่าโจรสลัดได้นำเรือมุ่งหน้าไปยังฝั่งทะเลโซมาเลีย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 30, 2009, 01:01:14 AM »

ไทยโพสต์


คลื่นร้อน 100 ปี โถมออสซี่ ชี้สัญญาณเตือนโลกร้อน

คลื่นความร้อนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปีถาโถมพื้นที่ทางใต้ของออสเตรเลีย ทำให้รางคดงอรถไฟเดินรถไม่ได้ ชาวออสซี่อีกมากกว่า 140,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ รัฐบาลชี้เป็นสัญญาณจากปัญหาโลกร้อน

สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียทำนายว่า   อุณหภูมิในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศจะสูงกว่า  40 องศาเซลเซียส  นานถึง  6  วัน ซึ่งจะทำให้คลื่นความร้อนครั้งนี้เป็นครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปีของออสเตรเลีย  เพนนี วอง รัฐมนตรีกระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า คลื่นความร้อนซึ่งเริ่มมาแต่วันพุธที่ผ่านมา ตรงกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศเคยเตือนเอาไว้

"ปีที่ร้อนที่สุด 11 ปีในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น เกิดภายในช่วงเวลา 12 ปีล่าสุดนี้ และเราสังเกตได้ด้วยว่า  มีฝนตกน้อยลง  โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนใต้ของออสเตรเลีย" รัฐมนตรีผู้นี้กล่าว  "เหล่านี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และทั้งหมดนี้ตรงกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์บอกกับเราไว้ว่าจะเกิดขึ้น"

อุณหภูมิสูงสุดของออสเตรเลียตอนใต้ในวันพฤหัสบดีนั้นวัดได้ถึง  46 องศาเซลเซียส ใน 4 เมือง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐเซาท์ออสเตรเลียและรัฐวิกตอเรียได้แนะนำประชาชนให้อยู่แต่ในที่ร่ม    เปิดเครื่องปรับอากาศ   และดื่มน้ำบ่อยๆ  ปัญหาคลื่นความร้อนทำให้สายส่งไฟฟ้าใช้การไม่ได้  กระทบถึงครอบครัวมากกว่า 140,000 ครัวเรือนทั่วภาคใต้ ไม่มีไฟฟ้าใช้  บริษัทเนมโกผู้ผลิตไฟฟ้าแห่งชาติได้แจ้งให้บริษัทจ่ายไฟฟ้าเริ่มตัดกระแสไฟบางช่วงชั่วคราวเพื่อบรรเทาปัญหาไฟโหลด

ที่กรุงเมลเบิร์น  ซึ่งวันพฤหัสบดีกลายเป็นร้อนที่สุดในรอบ 70 ปีของเมือง อุณหภูมิสูงถึง  44 องศา รถไฟโดยสารหลายขบวนต้องยกเลิกเพราะรางรถไฟโค้งงอ  ทำให้ผู้โดยสารนับหมื่นคนต้องทนรออย่างโกรธแค้นและหงุดหงิดด้วยความร้อน   เจ้าหน้าที่ในเมืองแอดิเลดต้องแจกจ่ายน้ำดื่มฟรีแก่ผู้โดยสารรถไฟเพื่อบรรเทาความร้อน  ส่วนการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียโอเพ่นที่เมลเบิร์นก็ได้รับผลกระทบต้องยกเลิกแมตช์ที่เล่นกลางแจ้งช่วง  3  วันที่ผ่านมา โดยย้ายไปเล่นในสนามมีหลังคาแทน.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 30, 2009, 01:08:19 AM »

กรุงเทพธุรกิจ


100 ปี ร.6 เสด็จฯ เกาะคอเขา แหล่งลูกปัดโบราณทุ่งตึก



สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน เรื่อง “ปริศนาแห่งลูกปัด"   ตั้งแต่ปลายปีก่อน ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมล้นหลาม

 เมื่อวันที่ 24-25 ม.ค. ที่ผ่านมา จิระนันท์ พิตรปรีชา ในฐานะที่ปรึกษาอาสาสมัครของ สพร. ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ภูเก็ต-พังงา-กระบี่ เยี่ยมชมแหล่งลูกปัดโบราณทั้งในพื้นที่ที่มีการขุดค้นพบ และที่จัดแสดงไว้ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง จ.ภูเก็ต ,พิพิธภัณฑ์บ้านคลองท่อม(ใกล้กับแหล่งโบราณคดีควนลูกปัด) อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แบบถึงแก่น

 แหล่งโบราณคดีบ้านทุ่งตึกหรือเหมืองทอง ที่เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่สร้างความกระตือรือร้นให้กับคณะเดินทาง โดยมี ร้อยเอกบุญยฤทธิ์ ฉายสุวรรณ นักโบราณคดีประจำสำนักศิลปากรที่ 15 ภูเก็ต และนายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช นักค้นคว้าเรื่องลูกปัดจากสุธีรัตนามูลนิธิ เป็นผู้นำชม

 นอกจากความน่าสนใจในแง่แหล่งโบราณคดีที่ปรากฏหลักฐานความเป็นเมืองท่าและชุมชนโบราณอายุกว่า 1,300 ปี บ่งชี้รอยต่อทางอารยธรรมระหว่างซีกโลกตะวันตกและตะวันออกแล้ว แหล่งโบราณคดีบนเกาะคอเขาแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมื่อ ร.ศ.128 (พ.ศ.2452) หรือเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา โดยทรงบันทึกไว้ในจดหมายเหตุเสด็จฯ ประพาสปักษ์ใต้ ร.ศ.128

 ระหว่างย่ำเท้าไปบนพรมใบไม้แห้งกลางป่าโปร่ง คณะเดินทางจึงได้พบหลักฐานที่ถูกระบุไว้ในจดหมายเหตุฯ นั้น โดยเฉพาะแผ่นหินลูกกลม ตรงกลางเจาะเป็นรูสี่เหลี่ยม

 ร.อ.บุญยฤทธิ์ เล่าว่ารัชกาลที่ 6 ทรงบันทึกไว้ว่าทรงให้คนขุดดินลงไปพบแผ่นอิฐโต ซึ่งอาจเป็นแผ่นเดียวกับที่พวกเราล้อมวงพิจารณากันอยู่ก็เป็นได้

 "เป็นไปได้ว่าแผ่นหินนี้อาจทำเป็นเดือยไว้ให้เสาไม้ปักลงไปคือเป็นฐานเสาอาคาร เพราะเราพบกระเบื้องมุงหลังคามากมายตามชั้นดิน เป็นกระเบื้องขอและกระเบื้องดินเผาเนื้อแกร่ง ไม่ไกลจากกลุ่มเทวสถาน"

 กล่าวสำหรับการขุดค้นทางโบราณคดีเมื่อปี พ.ศ.2546 พบกลุ่มเทวสถานก่อด้วยอิฐ 8 แห่ง

 ร.อ.บุญยฤทธิ์ อธิบายว่าเป็นการค้นพบเทวสถานก่อด้วยอิฐที่เก่าแก่ที่สุดในแถบชายฝั่งอันดามันของไทย บริเวณใกล้กันยังปรากฏฐานเทวรูป โดยกรมศิลปากรได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเคยพบเทวรูปพระคเณศ ทว่าสูญหายไปนานแล้ว นอกจากนี้ยังพบฐานหินสำหรับยึดเสาไม้อาคาร กระเบื้องมุงหลังคาประเภทกระเบื้องดินเผาเนื้อแกร่ง และกระเบื้องขอ เศษลูกปัด เศษภาชนะดินเผาที่ผลิตในสมัยราชวงศ์ถังของจีน (ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13) เศษเครื่องแก้วจากเปอร์เซีย เครื่องแก้วซีเรีย เหรียญเงินจากอินเดีย เศษทองคำและผงทรายทองอันเป็นที่มาของชื่อ "เหมืองทอง"

 อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้แหล่งโบราณคดีดังกล่าวได้ถูกขุดค้นทำลายและลักลอบนำโบราณวัตถุออกจากพื้นที่ไปเป็นจำนวนมาก

 ในแง่วิชาการ การค้นพบดังกล่าวบ่งชี้ว่าเกาะคอเขาเคยมีสถานะเป็นเมืองท่าที่มีการติดต่อค้าขายกับชุมชนภายนอกอย่างคึกคัก ไม่ต่ำกว่า 1,300 ปีมาแล้วโดยประเมินอายุจากโบราณวัตถุส่วนใหญ่ที่พบ

 ลูกปัดหลากแบบหลายที่มาตลอดจนเหรียญตราโบราณมากมาย จึงเป็นโบราณวัตถุล้ำค่าจากแหล่งโบราณคดีที่จะช่วยไขปริศนาด้านประวัติศาสตร์การพาณิชย์นาวีและการติดต่อสัมพันธ์ของผู้คนนานาชาติในสมัยก่อนให้กระจ่างชัดขึ้น

 "เมืองท่านี้เป็นที่ตั้งชุมชนขนาดใหญ่ เราพบร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์จำพวกกองถ่าน เศษขี้เถ้าจำนวนมาก พวกเขาได้สร้างเทวสถานตามความเชื่อของตัวเองมีทั้งพุทธและพราหมณ์ เพราะมีผู้คนหลากหลายทั้งอินเดีย เปอร์เซีย ตะวันออกกลาง จีน อยู่รวมกัน ที่นี่จึงน่าสนใจในเรื่องความหลากหลายของผู้คนและความเชื่อ" ร.อ.บุญยฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

 นักวิชาการและผู้สนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ ผ่านลูกปัดสามารถเข้าชมนิทรรศการหมุนเวียน “ปริศนาแห่งลูกปัด” ที่อาคารนิทรรศการหมุนเวียน สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 28 มิ.ย. 2552 ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามโทร.02-225-2777 หรือ www.ndmi.or.th

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.026 วินาที กับ 19 คำสั่ง