กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 23, 2025, 07:37:20 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552  (อ่าน 2723 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2009, 11:27:26 PM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาเกิดขึ้นได้ในหลายพื้นที่ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 12-13 ก.พ. 2552 คลื่นกระแสลมตะวันตก จะเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศหนาวเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ในช่วงระหว่างวันที่ 11-17 ก.พ. 52 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับจะมีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้นำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกเพิ่มมากขึ้น และจะมีฝนตกเกิดขึ้นได้


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (36.91 KB, 684x423 - ดู 369 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2009, 11:33:42 PM »

ไทยรัฐ


ไฟไหม้เรือบรรทุกน้ำมันฝั่งดูไบ ลูกเรือบาดเจ็บเล็กน้อย


 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (11 ก.พ.) ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้บนเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ หลังจากที่เรือลำดังกล่าวพุ่งชนเรือบรรทุกสินค้าในช่องแคบนอกชายฝั่งของดูไบ เรือบรรทุกน้ำมันชื่อ “แคชเมียร์” สัญชาติมอลตา พร้อมน้ำมันดิบ 30,000 ตัน เกิดเพลิงลุกไหม้ หลังจากชนเข้ากับเรือบรรทุกสินค้าที่ลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากจาก ท่าเรือหนึ่งไปยังท่าเรืออีกแห่งหนึ่ง ในช่องแคบ สำหรับเดินเรือพาณิชย์ ห่างจากท่าเรือเจเบล อาลี ของนครดูไบ ประมาณ 8 กม. เพลิงลุกไหม้รุนแรงส่งกลุ่มควันหนาทึบลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงนับร้อยเมตร เจ้าหน้าที่ยามฝั่งเร่งฉีดน้ำเข้าสกัดเพลิง พร้อมกับช่วยเหลือลูกเรือของเรือทั้ง 2 ลำ ขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย โดยมีลูกเรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไม่กี่ราย

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่า เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2009, 11:55:04 PM »

คม ชัด ลึก


ทช.เฝ้าระวัง โลมาอิรวดี ส่อสูญพันธุ์
 
ทช.ห่วงโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาสูญพันธุ์ เฝ้าระวังพร้อมติดตามจำนวนประชากรต่อเนื่อง หวั่นยอดตายสูงซ้ำรอยปี 51 ล่าสุดตั้งแต่ตุลาคม 2551-มกราคม 2552 พบตายแล้ว 4 ตัว

 นายสำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและป่าชายเลน ถึงการดำเนินงานป้องกันและเฝ้าระวังโลมาอิรวดีในบริเวณทะเลสาบสงขลาว่า ในปี 2552 ศูนย์วิจัยฯ ยังคงเฝ้าสังเกตการณ์จำนวนประชากรโลมาอิรวดีในบริเวณทะเลสาบสงขลาอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วงปีงบประมาณ 2551 ที่ผ่านมา พบว่าโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาลดจำนวนลงอย่างมาก โดยพบว่ามีการตายมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนโลมาอิรวดีทั้งหมดที่มีราว 30 ตัว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการใช้อวนปลาบึกของชาวประมงในพื้นที่ที่มีมากขึ้น จนเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรของโลมาอิรวดีในพื้นที่ทะเลสาบสงขลาในอนาคตอันใกล้นี้   

 ด้านนายสุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง เปิดเผยว่า  ล่าสุดจากการเฝ้าติดตามโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา ระหว่างเดือนตุลาคม 2551-มกราคม 2552 ที่ผ่านมา ยังพบการตายของโลมาอิรวดีในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ามีโลมาอิรวดีตายไปแล้วถึง 4 ตัว ซึ่งเมื่อเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยังถือว่าน้อยมาก แต่หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไป อาจจะส่งผลให้โลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาสูญพันธุ์อย่างแน่นอน 


****************************************************************************************************************************


ผู้ว่าฯประจวบฯตะลึงบุกรุกป่าอุทยานเสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร 5 หมื่นไร่
 
ผู้ว่าฯ ประจวบฯสนธิกำลังทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากว่า 100 นาย ลุยตรวจสอบพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร พบกลายเป็นภูเขาหัวโล้น เผย 14 ปี ถูกบุกรุก 5 หมื่นไร่

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายธวัชชัย วิสมล นายอำเภอบางสะพาน สนธิกำลังเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติห้วยยาง อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 1 ภาคกลาง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขากระปุก-เขาเตาหม้า นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สาขาเพชรบุรี รวมทั้งทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก กองพลทหารราบที่ 9 ตำรวจตระเวนชายแดน 147 บางสะพาน ตำรวจภูธรบางสะพาน ตำรวจภูธรบางสะพานน้อย พร้อมอาสาสมัครอำเภอบางสะพาน และอาสาสมัครบางสะพานน้อย นายอำเภอบางสะพาน นายอำเภอบางสะพานน้อย กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านกว่า 100 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย

 เมื่อคณะเดินทางไปถึงจุดสูงสุดของยอดเขาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร พบพื้นที่บริเวณโดยรอบมีสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น และมีการนำยางพาราและพืชผลทางการเกษตรเข้าไปปลูก นอกจากนั้นยังพบต้นไม้ตะเคียน ต้นไม้ไข่เขียวไม้จำปา ต้นยางนา และต้นไม้ขนาดใหญ่ ถูกโค่นลงมากองกับพื้น บางส่วนถูกแปรรูปแล้ว   

 นายปานชัย กล่าวว่า รับไม่ได้ที่มีการบุกรุกในพื้นที่เขตอนุรักษ์ฯ โดยเฉพาะปี 2551 มีการบุกรุกไปกว่า 1,000 ไร่ นอกจากนั้นยังพบว่ามีการปลูกบ้านและเพิงพักในพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ในระหว่างการเข้าตรวจสอบ ไม่พบผู้บุกรุกแต่อย่างใด ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร ประกาศตามพระพระราชกฤษฎีกาฉบับลงวันที่ 6 กันยายน 2537 เนื้อที่ 415,620 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย

 นายปานชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2538 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน มีรายงานการบุกรุกไปกว่า 5 หมื่นไร่ เมื่อมาตรวจสอบและเห็นสภาพพื้นที่แท้จริงแล้ว เห็นควรที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต้องปรับเปลี่ยนกฎหมายของเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ไม่เช่นนั้นแล้วป่าที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะถูกทำร้ายอย่างหนัก และจะหมดไปในที่สุด อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อภัยธรรมชาติ ทั้งน้ำป่า ดินโคลนถล่มตามมา

 นายปานชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้พยายามแก้ปัญหาโดยการใช้เฮลิคอปเตอร์บินตรวจพื้นที่ พบว่ามีการบุกรุกเพิ่มเติมอีก 18 จุด บริเวณชายแดนไทย-พม่า ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าจับกุม เนื่องจากเป็นภูเขาลาดชัน และกลุ่มผู้บุกรุกจะใช้วิธีการโค่นป่าจากด้านในเป็นจุดๆ พร้อมได้สั่งการให้มีการสนธิกำลังออกตรวจสอบและปราบปรามเป็นช่วงๆ รวมไปถึงการใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด และให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตัดทิ้งต้นไม้ที่ผู้บุกรุกนำเข้าไปปลูก เพื่อป้องกันการเข้ามายึดพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2009, 12:02:36 AM »

เนชั่นทันข่าว


เรือประมงฉุนถูกจับ รวมตัวประท้วงปิดปากอ่าว

นายยายอ พรพิทักษ์ ประธานกลุ่มชาวประมง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยกลุ่มชาวประมงประมาณ 100 คน ได้นำเรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง 30 ลำ เข้ามาจอดเทียบท่าที่เขื่อนพระยาสาย ถนนพิชิตบำรุง เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เพื่อประท้วงกรณีเจ้าหน้าที่สำนัก งานประมง จ.นราธิวาส เข้าทำการจับกุมเรืออวนลากรุสกี 6 และลูกเรือ 4 คน ขณะกำลังทำการประมงในทะเลอ่าวไทย หน้าน่านน้ำฝั่ง จ.นราธิวาส

โดยมีนายสุระชัย ชวาลารัตน์ นอภ.เมืองนราธิวาส,นายวัชรินทร์ รักษ์ยอดจิตร ประมง จ. นราธิวาส และ พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้เข้าเจรจาเพื่อให้กลุ่มชาวประมงสลายการชุมนุมประท้วง

นายรุสลัน อารง นายก อบต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส เจ้าของเรือประมงอวนลากรุสกี 6 กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานประมง จ.นราธิวาส ได้จับกุมเรือประมงของตน ซึ่งมีนายซูรียา ดาโอ๊ะ อายุ 34 ปี เป็นไต้ก๋งเรือ และลูกเรืออีก 3 คน ขณะทำการประมงในทะเล ซึ่งเป็นการกลั่นแกล้ง ทำให้ตนได้รับความเสียหาย จึงขอยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ

คือ 1.ให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยค่าเสียเวลากรณีที่เรือถูกจับกุม 2.ถ้าหากเรือประมงของตนไม่ได้ทำผิดกฏหมาย ให้โยกย้ายนายคเณศวร์ ขอวิวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายบริหารและจัดการด้านการประมง สำนักงานประมง จ.นราธิวาส และผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 2 คน ที่นำเรือตรวจประมงทะเลออกไปจับกุมเรือประมงของตนในครั้งนี้ออกจากพื้นที่ และ 3.ซึ่งหากข้อเรียกร้องทั้งข้อที่ 1 และข้อ 2 ไม่เป็นผลตนจะนำเรือประมงที่นำมาประท้วง ไปปิดปากร่องน้ำ แม่น้ำบางนรา เพื่อไม่ให้เรือประมงทั้งใน จ.นราธิวาส ได้ออกทำการประมง

นายสุระชัย นอภ.เมืองนราธิวาส จึงได้จัดตัวแทน 3 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่สำนักงานประมง จ.นราธิ วาส, ฝ่ายชาวประมงและฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำเรือตำรวจน้ำนราธิวาส ออกไปตรวจสอบจุดว่า จุดที่เรือประมงอวนลากรุสกี 6 ถูกจับกุมนั้น อยู่ในเขตน่านน้ำหวงห้ามหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางในทะเลนานถึง 4 ชั่วโมง และกลุ่มชาวประมงก็ยังปักหลักชุมนุมประท้วงกันที่หน้าท่าพระยาสายต่อไปจนกว่าจะมีข้อยุติ

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.029 วินาที กับ 19 คำสั่ง