กระดานข่าว Save Our Sea.net
เมษายน 30, 2024, 12:58:50 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552  (อ่าน 2272 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 12:55:47 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวในตอนกลางวัน ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยและ อ่าวไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย  สำหรับในตอนเช้าบริเวณประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีก


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อน อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 16-20 ก.พ. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมา ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก และภาคกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 16-20 ก.พ. 2552 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางให้ระวังอันตรายจาก ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง



* Forecast2.jpg (37.4 KB, 684x423 - ดู 300 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (40.8 KB, 450x499 - ดู 285 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 01:06:54 AM »

ข่าวสด


ลำปางวิกฤต-หมอกควันขั้นอันตราย ออก4กฎเหล็กคุมเข้ม-ล่าตัวพวกลักลอบเผาป่า

ลำปาง - หลังจากที่จังหวัดลำปางประสบปัญหาปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) มีค่าสูง ซึ่งจังหวัดลำปางมีสถานีวัดสภาพอากาศอยู่ 4 แห่งด้วยกัน คือ สถานีบริเวณการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ สถานีอนามัยสบป้าด สถานีอนามัยท่าสี และสถานีศาลากลางหลังเก่า อ.เมืองลำปาง โดยจากการตรวจวัดสภาพอากาศทั้ง 4 จุด พบว่าจังหวัดลำปางมีปริมาณฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เกินค่ามาตรฐานเมื่อวันที่ 12 ก.พ. อยู่ที่ 130.6 มคก./ลบ.ม. ถือว่าอยู่ในระดับที่อันตราย

นายสามารถ ลอยฟ้า รองผวจ.ลำปาง เปิดเผยว่า ในพื้นที่ภาคเหนือเมื่อจะเข้าสู่ฤดูแล้งจะประสบกับปัญหาหมอกควันทุกปี รวมทั้งที่จังหวัดลำปางด้วย และในปีนี้ถือว่าเกิดขึ้นเร็วมาก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากการเผาตอซังข้าว หญ้าแห้ง และลักลอบเผาป่าเพื่อจะเอาผักหวาน ซึ่งการกระทำอย่างนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้นจังหวัดลำปางได้ออกมาตรการ 4 ข้อ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ 1.ออกประกาศจังหวัดให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. และเทศบาล เฝ้าระวังตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิดที่ลักลอบเผาหญ้าแห้งหรือลักลอบเผาป่า 2.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ เช่น หน่วยป้องกันรักษาป่า สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ ให้เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุไฟป่าตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเกิดเหตุจะได้เข้าช่วยเหลือดับไฟได้ทันเวลา 3.แจ้งเตือนไปยังแขวงการทาง หน่วยบำรุงทาง ทุกจุดที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดลำปาง จะต้องคอยดูแลเขตทางเฝ้าระวังเรื่องไฟไหม้ และ 4.ให้ภาคีภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมคือหากพบว่ามีไฟไหม้ป่าหญ้าแห้ง ให้ประชาชนในพื้นที่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบหรือไม่ก็ระดมชาวบ้านเข้าไปช่วยกัน ดับไฟล่วงหน้าก่อน และช่วยกันสร้างแนวกันไฟ ซึ่งการร่วมมือกันสอดส่องดูแลและแก้ไขปัญหาไฟป่าได้ทันท่วงที จะทำให้ปัญหาหมอกควันในจังหวัดลำปางลดลงได้อย่างมาก

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 01:11:42 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


'โลมา' กุ๊กมือหนึ่ง

โลมาเป็นนักทำอาหารมือเยี่ยม  พวกมันสามารถจัดการกับหมึกทะเลด้วยการรีดหมึกกับแกนในออก  แล้วทำให้กลายเป็นเนื้อหมึกที่นุ่มเหมาะแก่การกิน  ก่อนลิ้มรสดินเนอร์ซีฟู้ดของโปรด

     นักวิทยาศาสตร์ได้เฝ้าสังเกตโลมาหัวขวดตัวเมียตัวหนึ่งในทะเลที่อ่าวสเปนเซอร์  ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย  ขณะมันตระเตรียมอาหารจำพวกหมึก

     มาร์ก   นอร์แมน   ภัณฑารักษ์กลุ่มสัตว์มีเปลือกหุ้มตัว  แห่งพิพิธภัณฑ์วิกทอเรีย  บอกว่า  ลักษณะการเตรียมอาหารก่อนกินของมันสะท้อนถึงระดับสมองที่มีพัฒนาการสูง

     ในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร  PLoS  One  นักวิจัยบอกว่า  เจ้าโลมาได้ไล่ต้อนหมึกออกมาจากกลุ่มสาหร่ายทะเล  เพื่อให้พวกมันออกมาว่ายเหนือพื้นทรายใต้ท้องทะเลที่มองเห็นตัวได้ชัดเจน

     จากนั้นเจ้าโลมาจะใช้ปลายจะงอยปากกดตัวหมึกไว้ในท่าที่ตัวมันเอาหัวปักลง  ก่อนที่จะสังหารหมึกด้วยการพุ่งอย่างรวดเร็วลงที่ตัวหมึก  พร้อมส่งเสียงคลิกดังลั่นเพื่อหักกระดูกที่เป็นแกนในของหมึก
 
     แล้วโลมาก็จะเขี่ยตัวหมึกขึ้นมา  แล้วใช้จมูกกดรีดให้น้ำหมึกสีดำที่เป็นพิษไหลออกไป  ซึ่งพวกหมึกจะใช้น้ำหมึกนี้ฉีดพ่นออกมาป้องกันตัวเวลาถูกล่า

     ขั้นต่อไป  เหยื่อจะถูกเจ้าโลมาจับกดกับพื้นทราย  แล้วถูไถไปมาเพื่อเอากระดูกออก  เพื่อให้เหลือแต่เนื้อนุ่มๆ

     นักวิทยาศาสตร์บอกว่า  นับเป็นกลยุทธ์พลิกแพลงที่น่าสนใจมาก  สำหรับสัตว์ที่ไม่ใช่ประเภทเลี้ยงลูกด้วยนม.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 01:15:42 AM »

แนวหน้า


เผยบุกรุกที่ดิน-สร้างทางชะงัก พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังป่วน รมช.คมนาคมเดินหน้าเร่งแก้   

 ชลบุรี:นางสุนิดา สกุลรัตนะ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยรักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือ กล่าวถึงท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า ขณะนี้การท่าเรือแหลมฉบัง มีแผนพัฒนาการใช้พื้นที่หลังท่าก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่การดำเนินการในขณะนี้ไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากติดขัดโครงการจะก่อสร้างทางเชื่อมบริเวณโค้งบ้านนา เข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งหยุดชะงักอยู่เนื่องจากไม่มีงบประมาณในการดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนี้แล้วยังพบปัญหาผู้บุกรุกพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กำลังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น เทศบาลตำบล(ทต.)แหลมฉบัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันการบุกรุกเพิ่มขึ้น และพร้อมเข้าไปดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อไม่ให้มีการขยายการก่อสร้างขึ้นเพิ่มเติม ซึ่งปัญหานี้ทางท่าเรือแหลมฉบังได้หาทางแก้ไขมานานแล้วก็ยังไม่สำเร็จผล

 ด้านนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงว่า จากการลงพื้นที่ศึกษาดูงาน พบว่าสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก มีผลกระทบกับรายได้ของการท่าเรือแหลมฉบังเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้จะต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำปัญหามาแก้ไขร่วมกัน ทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนปัญหาด้านการจราจร โดยเฉพาะเส้นทางการรถไฟและเส้นทางถนน ซึ่งมีปัญหาเพียงเล็กน้อยโดยจะไปประสานกระทรวงคมนาคมหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการต่างๆ ดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ส่วนปัญหาการบุกรุกพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้นทางท่าเรือจะต้องเข้าไปดำเนินการ แก้ไข โดยจะใช้ทั้งหลักกฎหมายและมนุษยธรรม เพราะหากเข้าไปดำเนินการขั้นเด็ดขาด ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะประชาชนมีทั้งที่เป็นชาวประมงดั้งเดิม และมีผู้เข้ามาบุกรุกใหม่ โดยเรื่องนี้จะต้องพิจารณาอย่างเป็นธรรมต่อประชาชนเหมือนกัน 


**************************************************************************************************************************


ย้อนหลังไฟป่าออสซี เมื่อธรรมชาติเอาคืนมนุษย์                           :                             วิจารณ์โลก 
 
 
 
 “ไฟป่า” เป็นปัญหาใหญ่ที่ออสเตรเลียเผชิญมาทุกปี และแต่ละปีก็คร่าชีวิตผู้คนบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนไม่น้อย แต่ปีนี้ มันได้ถูกบันทึกไว้แล้วว่า เป็นไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี โดยไฟได้โหมกระพือพร้อมๆ กันหลายจุด ในพื้นที่รัฐวิคตตอเรีย ทางภาคใต้ของประเทศ ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่แล้ว และเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ชาวบ้านจะอพยพหลบหนีหรือตั้งตัวกันได้ทัน หลายคนเสียชีวิตภายในรถยนต์ที่กลายเป็นเตาอบภายในพริบตา ขณะกำลังพยายามหนีสุดชีวิต ไฟป่าที่โหมกระพือมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้อย่างง่ายๆ พื้นที่อีก 24 จุด รอบๆ เมืองเมลเบิร์น เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ กำลังวิกฤติหนัก หลังจากที่เพลิงได้เผาทำลายพื้นที่ในรัฐวิคทอเรียไปแล้วถึง 3,000 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าประเทศลักเซมเบิร์ก หรือใหญ่กว่าเกาะฮ่องกงประมาณ 3 เท่า บ้านเรือนเกือบ 1,000 หลังคาเรือนวอดวายเป็นเถ้าถ่าน ผู้คนอีกนับพันยังต้องรักษาแผลไฟไหม้ตามร่างกาย ขณะที่ อีกหลายศพยังไม่สามารถชันสูตรได้

 ผู้รอดชีวิตเปรียบเปรยความรุนแรงของไฟป่าคราวนี้ว่า เปลวเพลิงสูงกว่าตึก 4 ชั้น และลุกลามรวดเร็วประดุจรถไฟด่วนความเร็วสูง เถ้าถ่านปกคลุมท้องฟ้าดำมืด ต้นไม้ใหญ่ถูกไฟเผาจนระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เปรียบเทียบไฟป่าครั้งนี้ว่า เหมือนคลื่นยักษ์สึนามิบนบก ที่ทำลายทุกอย่างในชั่วเวลาพริบตา จนถึงขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 181 คนแล้ว แต่คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจมากเกินกว่า 200 หรือ 300 คน เพราะเจ้าหน้าที่ยังคงพบศพไหม้เกรียมภายในบ้านและสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

 ขณะนี้ นานาประเทศเร่งให้ความช่วยเหลือออสเตรเลียในการดับไฟป่า โดยประธานาธิบดีโอบามา ส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 30 คน ไปช่วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีลีเซียนหลุง ของสิงคโปร์ เสนอให้รัฐบาลออสเตรเลียใช้ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ ซุเปอร์ ปูม่า ซึ่งประจำการอยู่ในออสเตรเลีย ช่วยในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยได้ ขณะที่หลายชาติ ไม่ว่าจะเป็นนิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่สหรัฐ ประกาศเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ผจญเพลิง และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพิสูจน์เอกลักษณ์ ไปยังออสเตรเลีย เพื่อช่วยรับมือไฟป่า และช่วยในภารกิจระบุเอกลักษณ์บุคคลเหยื่อไฟป่า โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลายชาติ เคยช่วยระบุเอกลักษณ์บุคคลในเหตุคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มประเทศไทยเมื่อปี 2547

 ขณะที่บรรดาคนดังในแวดวงบันเทิงของออสเตรเลีย นำโดยนักแสดงดัง นิโคล คิดแทน และคีธ เออร์เบิน ได้ประกาศบริจาคเงิน 500,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ผ่านทางหน่วยงานกาชาดสากล เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตถไฟป่า พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันบริจาคด้วย

 ผู้นำออสเตรเลีย ออกมาแสดงความเสียใจกับเหตุไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ แซงหน้าเหตุการณ์ แอช เวด์นสเดย์ (Ash Wednesday) เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2526 ซึ่งเป็นเหตุไฟป่าในรัฐวิคตอเรีย และเซาธ์ ออสเตรเลีย จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 75 คน บ้านเรือนอีกกว่า 2,300 หลังไหม้เสียหาย นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ผู้นำออสเตรเลีย ถึงกับแสดงความไม่พอใจว่า ไฟป่าในหลายจุดอาจเป็นฝีมือของนักวางเพลิง พร้อมประกาศว่าหากจับกุมตัวได้ ผู้ที่วางเพลิงจะถูกดำเนินคดีข้อหาฆาตกรรม อาจได้รับโทษสูงสุด จำคุก 25 ปีถึงตลอดชีวิต ซึ่งล่าสุด ตำรวจแจ้งว่า สามารถจับกุมชายผู้หนึ่ง ซึ่งต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังไฟป่าใกล้กับเมืองเชอร์ชิลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในไฟป่าหลายร้อยจุดที่เกิดขึ้นทั่วรัฐวิกตอเรียเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ชาวบ้านในเมืองดังกล่าวเสียชีวิต 21 คน ชายคนนี้ได้ถูกตั้งข้อหาและอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่แล้ว

 ไฟป่าครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายคนพบกับภาพน่าเศร้าสลด ของจิงโจ้จำนวนมาก ได้รับบาดเจ็บเท้าพุพอง เนื่องจากพฤติกรรมของจิงโจ้จะหวงถิ่นที่อยู่ ดังนั้นแม้จะหลบหนีไฟป่าได้แล้ว แต่จิงโจ้มักหวนกลับไปยังถิ่นที่อยู่เดิมทำให้พวกมันต้องเหยียบย่ำไปบนพื้นดินที่ร้อนระอุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบสัตว์ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งโคอาล่า ตัวพอสซั่ม จิงโจ้ และสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิด บ้างมีอาการปอดถูกทำลายจากไอร้อน และการสูดหายใจเอาควันไฟเข้าไป ในจำนวนนั้นหลายตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเจ้าหน้าที่อาจต้องฆ่ามันเพื่อช่วยยุติความทรมาน คาดว่ามีสัตว์ป่านับล้านตัว ต้องสังเวยชีวิตจากไฟป่าครั้งนี้

 นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบว่า เหตุใดไฟป่าปีนี้ จึงรุนแรงเกินคาดคิด และพบคำตอบในเบื้องต้นว่า นอกเหนือจากการลอบวางเพลิงในพื้นที่บางจุด ซึ่งขณะนี้กำลังมีการดำเนินคดีคนกลุ่มนี้ในข้อหาวางเพลิง และมาตรกรรมหมู่แล้ว เรื่องความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ นักวิทยาศาสตร์พบว่า อุณหภูมิในมหาสมุทรกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริเวณทวีปออสเตรเลีย ทั้งนี้ บริเวณตะวันตกอุณหภูมิจะเย็น ขณะที่บริเวณตอนเหนือ ในทะเลติมอร์ อุณหภูมิจะอบอุ่นมากกว่า ซึ่งรูปการณ์แบบนี้ หากกระแสลมไม่สามารถหอบความชื้นลงสู่พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ได้มากพอ พื้นที่แถบนี้ก็จะแห้งแล้งเป็นพิเศษ และเมื่อผนวกเข้ากับคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี บวกกับกระแสลมที่มีความเร็วถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งโหมกระพือให้ไฟป่าเผาผลาญกินอาณาบริเวณได้อย่างรุนแรงและรวดเร็วจนเกินจะตั้งตัว

 บทเรียนจากไฟป่าคราวนี้ คงทำให้รัฐบาลออสเตรเลีย ต้องทบทวน นโยบายรับมือไฟป่า ใหม่ทั้งหมด โดยระบบเตือนภัยไฟป่าในรัฐวิคทอเรีย ที่ไม่มีระเบียบแบบแผน และมีอุปสรรคทางด้านกฏระเบีนบของหน่วยงานราชการ และข้อกฏหมายเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ทำให้ทางการไม่สามารถดำเนินมาตรการหลายอย่าง เพื่อแจ้งเตือนเหตุไฟป่าให้กับประชาชน โดยเฉพาะการส่งข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ sms แจ้งให้กับประชาชนว่า ไฟป่าอยู่ในระดับอันตราย และควรที่จะหลบหนีได้แล้ว

 แต่ในอีกกระแสหนึ่ง รัฐบาลก็เริ่มจะพิจารณาว่า หรือควรจะปล่อยให้ชาวบ้านตัดสินใจเองว่า ต้องการที่จะหนีไฟป่า หรือปักหลักอยู่ในบ้านเพื่อปกป้องทรัพย์สินของตัวเองดี? เพราะศพจำนวนมากที่เจ้าหน้าที่พบ เสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์ คาดว่าพวกเขาคงกำลังพยายามหลบหนี แต่ไม่สามารถฝ่าเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำรุนแรงได้

 ไม่ว่าจะอย่างไร ไฟป่าครั้งนี้ก็เป็นเครื่องที่ชี้ว่า ธรรมชาติรุนแรงและน่ากลัวเกินกว่าที่เราจะรับมือได้ และถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะเลิกรบกวนหรือกระทำรุนแรงต่อธรรมชาติก่อนเสียที?

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง