สายน้ำ
|
|
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 11:14:52 PM » |
|
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ตอนบนในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.52) ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนบริเวณภาคอื่นๆยังมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ซึมลงมาปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศไทย ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนบริเวณประเทศไทยยังคงมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนอบอ้าวใน ตอนกลางวัน หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19-22 ก.พ. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุม ประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 19-22 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนให้ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงไว้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 11:25:24 PM » |
|
เดลินิวส์
เกาะสมุยซ้อนแผนรับอุบัติภัยทางทะเล สร้างภาพลักษณ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว
ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย มีคู่แข่งขันที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพัฒนา การท่องเที่ยวและมีการประชาสัมพันธ์ควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมองย้อนอดีตกลับไปจะพบว่าประเทศไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่นำมาพัฒนาประเทศปีหนึ่ง ๆ หลายแสนล้านบาท แต่ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ทำให้นักท่องเที่ยวจะต้องคิดมากขึ้นในการใช้จ่ายเงิน ซึ่งนักท่องเที่ยวมีตัวเลือกมากขึ้นจากการที่ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียได้ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนี้ เรื่องดังกล่าวนี้ประเทศไทยโดยเฉพาะส่วนงานอย่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศอย่างต่อเนื่องแต่ก็ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยที่จะให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยถ้ายังขาดปัจจัยเช่น ความสะดวกสบาย การไม่ถูกเอา เปรียบจากผู้ให้บริการ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะให้แต่ภาครัฐดำเนินการเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ เรื่องดังกล่าวนี้หน่วยงานต่าง ๆ บนเกาะสมุย ที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติต่างรู้จักกันดี จึงได้เกิดการรวมตัวขึ้นระหว่างหน่วย งานภาครัฐและเอกชนอย่าง อำเภอเกาะสมุย ตำรวจภูธรเกาะสมุย ตำรวจภูธรบ่อผุด ตำรวจ น้ำเกาะสมุย ตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย โรงพยาบาลเกาะสมุย ร่วมกับโรงพยาบาลไทยอินเตอร์ โรงพยาบาลบ้านดอนอินเตอร์ และกู้ชีพ-กู้ภัยสมาคมสมุย โดยมีโรงพยาบาลกรุง เทพ-สมุย เป็นหน่วยงานในการขับเคลื่อนโครงการซ้อมแผนรับอุบัติภัยทางทะเลขึ้น โดยได้จัดให้มีการซ้อมแผนในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา สำหรับการซ้อมแผนครั้งนี้เป็นที่สนใจของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ทั้งนี้เพราะช่วงปลายปีของทุกปีทะเลด้าน อ่าวไทย จะมีลมมรสุมพัดผ่านที่ทำให้เกิดคลื่นลมในทะเลมีความรุนแรง และด้วยสภาวะของโลกในปัจจุบันที่ธรรมชาติถูกทำลายลงมากจนเกิดความสมดุลทางธรรมชาติเสียหาย สังเกตได้จากพายุที่พัด เข้าประเทศพม่าอย่างไม่คาดฝันจนทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ทั้งนี้ จากการขาดการเตรียมตัวที่จะ รับสถานการณ์ทางธรรมชาติ และ อุบัติภัย การซ้อมแผน รับอุบัติภัยทางทะเล ครั้งนี้ได้จำลองสถานการณ์เรือที่พานักท่องเที่ยวเพื่อชมความงามของท้องทะเลเกิดอุบัติเหตุอับปางจมทะเลจึงทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บและต้องลอยคออยู่กลางทะเล และเมื่อได้รับแจ้งหน่วยงานต่าง ๆ จึงได้สนธิกำลังกันเข้าทำการช่วยเหลือ โดยมีระบบสื่อสารที่มีศักยภาพในการประสานงานซึ่งภาพที่ออกสู่สายตานักท่องเที่ยวได้สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น และนี่ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนได้ร่วมมือกันในการสรรค์สร้างภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของ เกาะสมุยให้ได้เห็น และสิ่งนี้ได้ส่งผลถึงภาพรวมทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้นักท่อง เที่ยวได้เห็นถึงศักยภาพในการช่วยเหลือชีวิต และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหลายข้อที่นักท่องเที่ยวต้องการในความปลอดภัยในชีวิต ซึ่งหัวข้อที่เหลือหน่วยงานหลักของประเทศต้องช่วยกันคิดที่จะสร้างหลักประกันทางการท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่จะไหลเข้าประเทศไทย และเม็ดเงินจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และเกาะสมุย ให้มีความเข้มแข็งอีกด้วย.
****************************************************************************************************************************
ปิดอ่าวฝั่งทะเลอ่าวไทยปี 52
ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูที่สัตว์น้ำในฝั่งทะเลอ่าวไทยกำลังมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัววัยอ่อนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก กรมประมงตระหนักถึงความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำเหล่านี้เอาไว้ เพราะปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศไทยได้ลดจำนวนลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำประมงที่ขาดความสำนึกรับผิดชอบ จึงได้กำหนดให้มีการใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ (ปิดอ่าวทะเลฝั่งอ่าวไทย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 พฤษภาคม ของทุกปี ห้ามชาวประมงใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิด ทำการประมงในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัววัยอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วน ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
หากมีชาวประมงรายใดฝ่าฝืนใช้เครื่องมือต้องห้ามทำการประมงในพื้นที่ที่ได้ประกาศปิดอ่าวฯ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ ห้าพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่ เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ดร.สมหญิงกล่าว.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 11:49:37 PM » |
|
ข่าวสด
เพนกวินจักรพรรดิ : คอลัมน์ เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์
สิ้นศตวรรษนี้ "เพนกวินจักรพรรดิ" ที่เป็นตัวดำเนินเรื่องในหนัง "มาร์ช ออฟ เดอะ เพน กวินส์" ที่ได้รางวัลออสการ์ประเภทสารคดีเมื่อพ.ศ.2548 อาจเกือบสูญพันธุ์ เนื่องจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
สเตฟานี เฌอนูเวรียร์ นักชีววิทยา จากสถาบันสมุทรศาสตร์วู้ดโฮล (WHOI) กล่าวว่า อากาศที่ร้อนขึ้นทำให้แผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรแอนตาร์กติกาละลาย ส่งผลให้เพนกวินจักรพรรดิซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 3,000 ตัว เหลืออยู่เพียง 400 ตัว
แผ่นน้ำแข็งมีบทบาทอย่างมากในระบบนิเวศของแอน ตาร์กติก เพราะไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่ ที่กิน ที่ผสมพันธุ์ของ เพนกวินเท่านั้น แต่พวกเคย กุ้ง สัตว์มีเปลือกต่างๆ ยังอาศัยกินสาหร่ายที่อยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งนี้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 11:56:18 PM » |
|
แนวหน้า
ทส.เช็คข้อมูลดาวเทียม"ธีออส" สำรวจปัญหารุกป่าเมืองประจวบ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งแก้ปัญหาบุกรุกป่าประจวบคีรีขันธ์ เตรียมประสานขอภาพถ่ายทางอากาศพิสูจน์แนวเขตจากดาวเทียมธีออส มาร่วมในการตรวจสอบพื้นที่ที่เสียหายจากการบุกรุก
นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุถึงปัญหารุกพื้นที่ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ทางด้านทิศเหนือ ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 50,000 ไร่ เพื่อทำสวนยางพาราและพืชผลการเกษตรว่า กรมอุทยานฯได้ติดตามปัญหาการบุกรุกพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นป่ารอยต่อที่มีประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นที่ก่อนประกาศเขตรักษาพันธุ์และอยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์สิทธิ์อยู่
อย่างไรก็ตาม ทางกรมอุทยานฯ รายงาน เนื่องจากมีกำลังเจ้าหน้าที่น้อย ประกอบกับเป็นพื้นที่กว้างและมีความลาดชันสูง ทำให้การลาดตระเวนไปไม่ทั่วถึง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีการตรวจสอบพื้นที่และดำเนินคดีกับผู้บุกรุกมาเป็นระยะๆ แต่หลังจากมีข่าวเกิดขึ้นอีกครั้งทาง ทส. ได้มีการประสานกับทางทหาร ตำรวจ และทางจังหวัดในพื้นที่รอยต่อออกเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งมอบหมายให้ นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ รองปลัด ทส. และนายเกษมสันต์ ลงตรวจสอบพื้นที่ทันที
นอกจากนี้ ยังประสานกับทางสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเตรียมขอภาพถ่ายทางอากาศ จากดาวเทียมธีออส มาร่วมในการตรวจสอบพื้นที่ที่เสียหายจากการบุกรุกว่ามีเท่าไหร่ เพราะขณะนี้ตัวเลขที่ได้รับรายงานยังไม่ตรงกันมีทั้ง 1,000 ไร่ และ 10,000 ไร่ คาดว่าถ้าดาวเทียมธีออสมีภาพถ่ายในพื้นที่บริเวณป่าแถบนี้จริงก็จะสรุปได้ภายใน 3-5 วัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2009, 11:58:54 PM » |
|
เนชั่นทันข่าว
เรือดำน้ำนิวเคลียร์ชนในแอตแลนติค
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศสต่างออกมายอมรับเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ว่า ได้เกิดเหตุชนกันขึ้นจริงระหว่าง "HMS แวนการ์ด" ซึ่งเป็นเรือดำน้ำพลังานนิวเคลียร์รุ่นเก่าที่สุดของอังกฤษ กับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์"ลา ตรีอองฟองต์"ของฝรั่งเศส ในมหาสมุทรแอตแลนติคเมื่อต้นเดือนนี้ โดยทั้งสองฝ่ายไม่เปิดเผยรายละเอียด รวมทั้งวันเวลาและสาเหตุของการชนกัน แต่ระบุว่าเป็นการชนกันขณะที่เรือดำน้ำใช้ความเร็วต่ำ จึงไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และขีปนาวุธ รวมทั้งไม่เกิดการรั่วไหลของรังสีนิวเคลียร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งระบุว่าเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงสุดในรอบเกือบ 10 ปี และกลุ่มต่อต้านนิวเคลียร์บอกว่า เป็นสิ่งเตือนใจอย่างน่ากลัว ถึงความเสี่ยงจากเรือดำน้ำที่เพ่นพ่านอยู่ทั่วมหาสมุทร โดยขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ และติดอาวุธนิวเคลียร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2009, 12:03:14 AM » |
|
สถาบันวิจัยและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง
กฎระเบียบว่าด้วยการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม (IUU) โดย สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรประจำสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปได้ออกกฎระเบียบว่าด้วยการป้องกัน ต่อต้าน และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม หรือกฎระเบียบ IUU (Illegal, Unreported and Unregulated Finishing) ซึ่งคณะมนตรียุโรปได้ประกาศการบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2551 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป
ประเทศไทยในฐานะประเทศที่ทำการประมงและเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าประมงที่มีความสำคัญรายหนึ่งของโลก โดยมีตลาดยุโรปเป็นตลาดสำคัญสำหรับการส่งออกสินค้าประมงของไทยด้วย จึงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบใหม่นี้และปรับตัวให้สอดคล้องเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่าสินค้าประมงที่จะส่งออกมายังตลาดสหภาพยุโรปจะต้องมีใบรับรองการจับสัตว์น้ำที่ออกโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบของประเทศเจ้าของสัญชาติ (ประเทศเจ้าของธง) ของเรือประมงที่ใช้จับสัตว์น้ำกำกับมาด้วย เพื่อรับรองว่าการจับสัตว์น้ำดังกล่าวได้กระทำถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบ และมาตรการการอนุรักษ์และการบริหารจัดการระดับนานาชาติ ที่สำคัญ แผนการออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งสินค้าประมงแปรรูปและไม่แปรรูป ยกเว้นสัตว์น้ำจืด ปลาสวยงาม สินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการเพาะเลี้ยง ซึ่งเกิดมาจากลูกสัตว์น้ำหรือตัวอ่อน หรือหอยสองฝาบางชนิด
สหภาพยุโรปเห็นว่าการทำการประมงแบบ IUU เป็นปัญหาระดับโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่ง ซึ่งชุมชนบางกลุ่มของประเทศเหล่านั้นยังต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมการประมงแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้น การมีกลไกความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศที่สามเพื่อขจัดการทำการประมงแบบ IUU และเพื่อสร้างโอกาศดีให้แก่ชาวประมงและผู้ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการ จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง นอกจากนั้น การทำประมงแบบ IUU ยังถือเป็นภัยร้ายแรงต่อการพัฒนาอย่างอย่างยืนของทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอาหารประเภทโปรตีนที่สำคัญของประชากรโลก ดังนั้น การร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางทะเลให้คงไว้จะเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้แก่ประชากรโลกได้อย่างยั่งยืน
คณะกรรมาธิการยุโรปได้ต่อสู้กับการประมงแบบ IUU มาเป็นระยะเวลากว่าทศวรรษ โดยความพยายามหลักในการผลักดันนโยบายดังกล่าวเริ่มต้นจากการออกแผนปฏิบัติการปี 2545 (Action Plan, 2002) ซึ่งได้รับแนวคิดโดยตรงจากแผนปฏิบัติการระหว่างประเทศปี 2544 ขององค์กร FAOs ว่าด้วยการป้องกัน ต่อต้าน และขจัดการประมงแบบ IUU (FAOs International Plan for Action, 2001) อย่างไรก็ตาม ความพยายามขององค์กรระหว่างประเทศยังไม่ส่งผลสำเร็จในการลดขอบเขตของการดำเนินกิจกรรมการทำประมงแบบ IUU ซึ่งปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำมากมายหลายชนิดยิ่งขึ้นในทุกภาคพื้นมหาสมุทรทั่วโลก
สถิติภาพรวมแสดงให้เห็นว่าปริมาณกิจกรรมการประมงแบบ IUU ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านยูโร/ต่อปี ซึ่งทำให้สามารถนับได้ว่าการทำประมงแบบ IUU เป็นผู้ผลิตสินค้าประมงที่มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ที่สำคัญ ประชาคมยุโรปเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีกองเรือประมงใหญ่ที่สุดในโลกและมีกำลังการจับสัตว์น้ำมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก นอกจากนี้ ประชาคมยุโรปยังเป็นผู้นำเข้าสินค้าประมงมากเป็นอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย โดยในปี 2550 ประชาคมยุโรปนำเข้าสินค้าประมงเกือบ 16,000 ล้านยูโร และคาดว่าการนำเข้าดังกล่าวนั้นเป็นการนำเข้าจากการทำประมงแบบ IUU ประมาณ 1,100 ล้านยูโร ตามสถิติของปี 2548
สหภาพยุโรปจึงได้ออกกฎระเบียบ IUU นี้ขึ้น อันเป็นเครื่องมือที่โปร่งใสและไม่เลือกปฏิบัติ โดยจะบังคับใช้กับเรือประมงทุกลำที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า กฎระเบียบ IUU มุ่งป้องกัน ต่อต้าน และขจัดการค้าสินค้าประมงทุกประเภทที่มาจากการประมงแบบ IUU ที่จะเข้าสู่ประชาคมยุโรป ในทั่วทุกน่านน้ำ และการเข้าไปเกี่ยวข้องในกิจกรรมการประมงแบบ IUU ของประเทศสมาชิกประชาคมยุโรป ไม่ว่าเป็นเรือประมงที่ถือธงสัญชาติใดก็ตาม
เพื่อบรรลุความสำเร็จของเป้าหมายดังกล่าว ประชาคมยุโรปได้จัดทำระบบการออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำ (a European Community catch certification scheme หรือ the certificate scheme) เพื่อปรับปรุงระบบการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าประมงทุกประเภทที่มีการค้าขายกับประชาคมยุโรป โดยไม่คำนึงว่าจะผ่านการคมนาคมขนส่งรูปแบบใด และใช้ครอบคลุมทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต นับได้ว่าจากอวนจับปลาสู่จานอาหารเลยก็ว่าได้
กฎระเบียบดังกล่าวยังมีมาตรการลงโทษทั้งเรือประมงที่ทำการประมงแบบ IUU และประเทศที่สามที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับการทำประมงแบบ IUU ด้วย
- สำหรับเรือประมงที่ทำการประมงแบบ IUU: ประเทศเจ้าของธงของเรือที่ใช้จับสัตว์น้ำซึ่งถูกต้องสงสัยว่าทำการประมงแบบ IUU จะได้รับการแจ้งผ่านข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการเพื่อตั้งข้อกล่าวหาว่าดำเนินการประมงแบบ IUU ซึ่งหากประเทศเจ้าของธงนั้นๆ ไม่ดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว เรือประมงนั้นๆ จะถูกใส่ชื่อไว้ในรายชื่อของเรือประมงที่ทำการประมงแบบ IUU โดยไม่มีการคำนึงว่าเป็นธงของชาติใด โดยจะมีมาตรการลงโทษเรือที่ฝ่าฝืนกฎ ได้แก่ การเพิกถอนใบอนุญาตการจับสัตว์น้ำ การระงับการดำเนินการค้าสินค้าประมงจากเรือดังกล่าวกับประชาคมยุโรป และการห้ามไม่เรือประมงนั้นๆ เข้าสู่ท่าเรือของประเทศสมาชิก EU (ยกเว้นกรณีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงหรือการขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน)
- สำหรับประเทศที่สามที่ไม่ให้ความร่วมมือ: คณะกรรมาธิการยุโรปจะระบุรายชื่อประเทศที่สามที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับการทำประมงแบบ IUU หากประเทศที่สามไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศในฐานะรัฐเจ้าของธง รัฐเจ้าของท่าเรือ รัฐชายฝั่งทะเล และรัฐเจ้าของตลาด โดยประชาคมยุโรปจะห้ามการค้าสินค้าประมงไม่ว่าทางตรงและทางอ้อมกับประเทศที่สามที่ไม่ให้ความร่วมมือ และห้ามการดำเนินกิจกรรมการประมงร่วมกันระหว่างประชาคมยุโรปกับเรือประมงที่ถือธงของประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือเหล่านี้ รวมทั้งการขาย/ซื้อเรือประมงให้แก่/หรือจากผู้ประกอบการของประชาคมด้วย
นอกจากนั้น กฎระเบียบดังกล่าวยังมีมาตรการลงโทษที่ใช้ทั้งกับเรือประมงและผู้ประกอบการหรือผู้ที่ให้การสนับสนุนการทำประมงแบบ IUU ของประชาคมยุโรปเองและของประเทศที่สาม เพื่อให้บุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงแบบ IUU ดังกล่าวไม่สามารถได้รับประโยชน์จากการประมงแบบนี้ได้อีก
ผู้ส่งออกสินค้าสัตว์น้ำจากประเทศไทยมาสหภาพยุโรปและผู้ประกอบการประมงที่ทำการประมงทั้งในน่านน้ำและนอกน่านน้ำคงจะต้องมีการเตรียมพร้อมและปรับตัวเพื่อจะปฏิบัติตามกฎระเบียบสหภาพยุโรปฉบับนี้ ที่จะบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2553
โดยกรมประมงจะจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่ดังกล่าวของสหภาพยุโรปและผลกระทบที่อาจมีต่อประเทศไทย ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ที่โรงแรมรามาการ์เดนท์ กรุงเทพฯ
ผู้สนใจ ติดต่อกองประมงต่างประเทศ กรมประมง ได้ที่ Tel: 02-562-0529 และ 02-579-7939 หรือ http://www.fisheries.go.th/fish/web/
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|