พฤศจิกายน 23, 2025, 07:38:20 AM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 (อ่าน 2993 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
ออฟไลน์
กระทู้: 190
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552
«
เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 19, 2009, 02:03:14 AM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
บลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในระยะนี้ ส่วนประเทศไทยตอนบนยังคงมีหมอกในตอนเช้า ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย
อนึ่งบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันที่ 20 ก.พ.52 ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นได้อีก
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 18-19 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ซึมเข้ามาปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศไทย ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนบริเวณประเทศไทยยังคงมีหมอกหนาในบางพื้นที่ในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
สำหรับในช่วงวันที่ 20-25 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 20-22 ก.พ. นี้
ข้อควรระวัง
ในระยะนี้ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย โดยในช่วงวันที่ 20-22 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงไว้ด้วย
Forecast190209.JPG
(22.83 KB, 398x387 - ดู 435 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
ออฟไลน์
กระทู้: 190
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552
«
ตอบ #1 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 19, 2009, 02:10:50 AM »
ไทยรัฐ
แผ่นดินไหว7.3ริกเตอร์ในทะเลใกล้นิวซีแลนด์
วันนี้ (19 ก.พ.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐ ตรวจพบการเกิดเหตุแผ่นดินไหววัดความรุนแรงได้ 7.3 ริกเตอร์ บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ใกล้หมู่เกาะเคอร์มาเดค ทางตอนเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อเวลา 04.53 น.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งแผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งนี้เกิดขึ้น กระทรวงป้องกันภัยพลเรือนของนิวซีแลนด์ รายงานว่า ไม่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ แต่มีคำเตือนว่าในบางครั้งแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงในระดับดังกล่าว ก็สามารถเกิดคลื่นที่สร้างความเสียหายในรัศมี 100 กิโลเมตรได้
หมู่เกาะเคอร์มาเดคซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับศูนย์กลางแผ่นดินไหว ตั้งอยู่ห่างจากนิวซีแลนด์ไปทางทิศเหนือ 1,000 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะที่ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย แต่กระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวซีแลนด์ได้ไปตั้งสถานีสำรวจภาคสนามประจำการอยู่
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
ออฟไลน์
กระทู้: 190
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552
«
ตอบ #2 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 19, 2009, 02:13:50 AM »
เดลินิวส์
เรือดำนํ้าอังกฤษ-ฝรั่งเศสชนกันติดขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ทั้งคู่
เกิดเหตุเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของอังกฤษ ชนกันใต้น้ำกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ขณะออกลาดตระเวนในมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. แต่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเรือทั้งสองต่างก็ติดขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ทั้งคู่
หนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน รายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 3 หรือ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเรือทั้ง 2 ลำ ได้แก่ เรือดำน้ำเอชเอ็มเอส แวงการ์ด ของกองทัพเรืออังกฤษ ชนเข้ากับเรือดำน้ำ เลอ ตรีอ็องฟัง ของกองทัพเรือฝรั่งเศส ในมหาสมุทรแอตแลนติก ระหว่างที่เรือทั้ง 2 ลำ กำลังปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน แต่ลูกเรือของเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำปลอดภัย และไม่มีรายงานความเสียหายของชิ้นส่วนนิวเคลียร์ ขณะนี้ เรือดำน้ำของอังกฤษได้ถูกลากจูงไปยังเมืองฟาสเลนในสกอตแลนด์เพื่อซ่อมแซมแล้ว
อย่างไรก็ตาม การชนดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เกิดความเสียหาย แต่ไม่มีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีจากเรือ เรือดำน้ำแต่ละลำมีความยาว 150 เมตร และสามารถบรรทุกขีปนาวุธได้มากถึง 16 ลูก พร้อมหัวรบนิวเคลียร์ 48 หัว ขณะเกิดเหตุมีลูกเรือทั้งหมด 250 คนอยู่บนเรือของทั้ง 2 ลำ
ด้านกระทรวงกลาโหมอังกฤษออกแถลง การณ์ยืนยันว่า เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้นจริง พร้อมย้ำขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของอังกฤษไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลเรือเอก เซอร์ โจนาธาน แบนด์ ผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ซึ่งยืนยันรายงานข่าวดังกล่าว ระบุว่า เรือดำน้ำทั้ง 2 ลำกำลังลาดตระเวนในมหาสมุทรตามปกติ และชนกันด้วยความเร็วที่ต่ำมาก ทำให้เรือดำน้ำทั้ง 2 ลำปลอดภัยและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ส่วนกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ว่า เรือดำน้ำเลอ ตรีอ็องฟัง ได้รับความเสียหายจากการชนเข้ากับวัตถุอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นตู้สินค้าที่จมอยู่ในทะเล ขณะที่อยู่ในน้ำ แต่ก็สามารถเดินทางกลับฐานทัพใกล้เมืองเบรสต์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสได้.
***************************************************************************
กรมชลฯยืนยันแล้งนี้ ประเทศไทยไม่ขาดแคลนน้ำ
นายชลิต ดำรงศักดิ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั่วประเทศ (ณ 13 ก.พ. 52)ว่า มีปริมาตรน้ำในอ่างฯรวมกันทั้งหมด 53,629 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุเก็บกักทั้งหมด สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ทุกภาคมีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมสูงกว่าร้อยละ 70 ยกเว้นภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต่ำกว่าร้อยละ 70 เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ กรมชลประทาน ขอยืนยันว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ทั้งหมด มีเพียงพอสำหรับใช้ในฤดูแล้ง โดยไม่มีปัญหาการขาดแคลน
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งนั้น กรมชลประทาน ได้วางแผนการใช้น้ำทั้งประเทศเป็นจำนวนทั้งสิ้น 22,687 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันได้มีการระบายน้ำไปแล้วจำนวน 12,549 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 55 ของแผนการระบายทั้งหมด ทั้งนี้ เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ ได้มีการวางแผนการระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 51/52 นี้ คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 9,550 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมกัน จำนวน 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักฯ 550 ล้านลูกบาศก์เมตร และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาสนับสนุนอีก 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้เริ่มระบายน้ำตามแผนที่วางไว้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 51 ไปจนถึง 31 เม.ย. 52 ปัจจุบันได้มีการระบายน้ำไปแล้วจำนวน 5,360 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56 ของแผนการระบายน้ำที่วางไว้
ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 52 ในเขตชลประทานทั่วประเทศนั้น กรมชลประทานได้กำหนดพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้งไว้รวมกันทั้งหมด 13.19 ล้านไร่ ล่าสุด มีการเพาะปลูกไปแล้ว 11.75 ล้านไร่ แยกเป็นพื้นที่เพาะปลูกนาปรัง 7.54 ล้านไร่ พื้นที่เพาะปลูกพืชไร่-พืชผัก 0.46 ล้านไร่ และอื่น ๆ อีกประมาณ 3.75 ล้านไร่ ทั้งนี้ เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งไว้ทั้งสิ้น 7.07 ล้านไร่ ปัจจุบันมีการเพาะปลูกไปแล้ว 6.51 ล้านไร่ แยกเป็น พื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 5.45 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.07 ล้านไร่ และพืชอื่น ๆ 0.99 ล้านไร่
สำหรับการเตรียมความพร้อมและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบกับปัญหาภัยแล้งนั้น กรมชลประทาน ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำไว้จำนวนทั้งสิ้น 1,200 เครื่องทั่วประเทศ และได้ส่งเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ รวมทั้งการสนับสนุนเพื่อกิจกรรมด้านการเกษตรแล้วจำนวน 719 เครื่อง นอกจากนี้ยังมีรถยนต์บรรทุกน้ำที่เตรียมพร้อมไว้จำนวน 295 คัน ที่พร้อมจะออกปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ตลอดเวลา
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
ออฟไลน์
กระทู้: 190
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552
«
ตอบ #3 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 19, 2009, 02:19:04 AM »
มติชน
เปิดงาน"เกษตรมหัศจรรย์"คึกคัก "เทคโนฯชาวบ้าน"ชู6ผู้ทรงคุณค่า
เกษตรมหัศจรรย์ - นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน "วันเทคโนโลยีชาวบ้าน เกษตรมหัศจรรย์ ครั้งที่ 20" โดยนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน เครือมติชน และภาคีร่วมจัดขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-22 กุมภาพันธ์ ณ ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ บางแค ซึ่งมีประชาชนร่วมงานคึกคัก โดยเฉพาะผลฟักทองยักษ์ได้รับความสนใจจำนวนมาก
คนแห่ร่วม"งานเกษตรมหัศจรรย์ฯ"คึกคักจนล้นห้อง รับแจกต้นเอกมหาชัย พืช"น้ำมัน"เศรษฐกิจในอนาคต "พรทิวา"ยกย่องนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านสร้างประโยชน์ตรงจุดเกษตรกร มอบโล่เกียรติคุณ"ดร.ระพี สาคริก-ดร.เสริมลาภ วสุวัต-สุนทร สีหะเนิน"ผู้ทรงคุณค่าต่อวงการเกษตรกรไทย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่บริเวณชั้น 4 เอ็มซีซีฮอลล์ ห้างเดอะมอลล์ บางแค นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน บริษัทในเครือมติชน จำกัด (มหาชน) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) จำกัด, บริษัทเจียไต๋, กระทรวงพลังงาน, บริษัทสยามคูโบต้า และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ ร่วมกันจัดงาน "วันเทคโนโลยีชาวบ้าน เกษตรมหัศจรรย์" ขึ้น โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมชมงานมากกว่า 5,000 คน
ต่อมาเวลา 14.00 น. นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาเป็นประธานเปิดงาน โดยมีนายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายประพันธ์ ผลเสวก บรรณาธิการอำนวยการ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และนายสมหมาย ปาริจฉัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายสมหมายกล่าวรายงานถึงรายละเอียดของงานว่า ในวาระครบรอบ 20 ปีของนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ซึ่งเป็นนิตยสารในเครือมติชน จึงได้จัดงานนี้ขึ้น เพราะเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีพื้นฐานทางด้านการเกษตร และเรื่องของการเกษตรนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในอนาคต โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และในฐานะที่นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านเป็นนิตยสารที่ให้ความรู้ด้านการเกษตรเป็นหลัก และยังเป็นที่นิยมในหมู่เกษตรกรจำนวนมาก จึงทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเกษตรกรและผู้ที่ให้การส่งเสริมเทคโนโลยีแก่ชาวบ้าน รวมทั้งเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดภูมิปัญญาเพื่อให้การเกษตรของไทยได้พัฒนาและมีความก้าวหน้า
การจัดงาน "วันเทคโนโลยีชาวบ้าน เกษตรมหัศจรรย์" ยังเป็นการเพิ่มช่องให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาลงมือปฏิบัติด้วยตนเองนอกเหนือจากที่เคยเห็นในหนังสือ สำหรับการจัดงานครั้งนี้ นอก จากการเสวนาที่น่าสนใจแล้ว ในงานยังมีสัตว์แปลกๆ และพืชแปลกๆ อาทิ ตุ๊กแกเสือดาว ลิงน้อยมาร์โมเสท กบสีลูกกวาดมาดากัสกา กระรอกจิ๋ว ไผ่ 20 สายพันธุ์ ข้าวโพดสองสี บัวจิ๋ว สะเดาดำ มะเขือยักษ์ชมพูพาน ฯลฯ และนิทรรศการความรู้ด้านต่างๆ นำมาจัดแสดงด้วย" นายสมหมายกล่าว
ต่อจากนั้น นางพรทิวากล่าวเปิดงานว่า หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้านเป็นหนังสือที่ให้ความรู้แก่พี่น้องเกษตรกร และทำให้เกิดประโยชน์ กับสังคมมากมาย ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ มาจากภาคการเกษตร และเป็นเสาหลักของประเทศ แต่เกษตรกรยังมีความลำบากในเรื่องของราคาพืชผล ซึ่งกระทบกับคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย
นางพรทิวากล่าวว่า ปีนี้ผลผลิตของเกษตรกรออกมามากมาย ผลไม้ที่ไม่ได้ออกมาหลายปี ก็มาออกปีนี้ แต่เมื่อออกมาราคาก็ตกต่ำ เพราะฉะนั้น ทางรัฐบาลจึงมีโครงการรับจำนำราคาพืชผล เป็นมาตรการระยะสั้นที่ดูแลพี่น้องเกษตรกร แต่การรับจำนำก็เกิดปัญหามากมาย ราคาจำนำค่อนข้างสูง และการจำนำค่อนข้างจำกัด จึงเกิดเป็นปัญหาอย่างที่เราๆ ท่านๆ ได้มองเห็นการปิดถนนของเกษตรกรและการร้องเรียนปัญหาต่างๆ
"การที่เราส่งเสริมพี่น้องเกษตรกรในเรื่องของเทคโนโลยีต้องถือว่าเป็นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง หน่วยงานจากภาครัฐมีการส่งเสริมในเรื่องเหล่านี้ แต่ยังไม่ทั่วถึง ในขณะที่หนังสือเทคโนโยลีชาวบ้านสามารถได้แพร่หลายมากกว่า เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรได้อย่างตรงจุดและตรงประเด็น" นางพรทิวากล่าว
นางพรทิวายกตัวอย่าง เช่น ข้าวกล้องงอก ที่เพิ่มมูลค่าขึ้นมาจากข้าวธรรมดา หรือแตงโมสี่เหลี่ยมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้ผลผลิตของเกษตรกรมีมูลค่าสูงขึ้น และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน การที่มติชนจัดงานครั้งนี้จึงเป็นการตอบโจทย์ที่ตรงจุด และเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องในระยะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานยังมีการมอบโล่เกียรติคุณผู้ทรงคุณค่าต่อวงการเกษตรกรไทย ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ระพี สาคริก บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย, ดร.เสริมลาภ วสุวัต บิดาแห่งบัวประดับไทย, นายสุนทร สีหะเนิน ผู้ค้นพบสุดยอดข้าวไทย (ข้าวขาวดอกมะลิ 105) และ นายเสน่ห์ ผลประสิทธ์ ผู้เพาะพันธุ์ปลาบึกได้สำเร็จรายแรกของโลก
อีกทั้งยังมอบโล่เกียรติคุณให้กับผู้พัฒนาวงการหม่อนไหม ได้แก่ นายลัศ นิลเลิศ ผู้ประกอบอาชีพด้านหม่อนไหม, นายสราวุฒิ สิทธิกูล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านภูมิปัญญาการผลิตผ้าไหม และนายอาทร แสงโสมวงศ์ ผู้ประกอบการด้านหม่อนไหมครบวงจร ทั้งหมดเดินทางมาจากโครงการหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จ.สุรินทร์ เสร็จแล้วมีการแสดงบทกวีโดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ เคล้าเสียงขลุ่ยจากนายธนิสร์ ศรีกลิ่นดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทห้างร้านต่างๆ ได้นำผลิตภัณฑ์มาแสดงและจำหน่ายในราคาถูก อาทิ โครงการหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, บริษัทเจียไต๋จำหน่ายพืชผักผลไม้แปลก เช่น เมล่อน ผักออแกนิคไร้ดิน, กระทรวงพลังงาน จัดแสดงไบโอดีเซลเขย่ามือและถ่านอัดแท่ง เตาชีวมวล และจัดจำหน่ายข้าวกล้องงอก ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
สำหรับการแจกต้นไม้ "เอกมหาชัย" ที่เป็นพืชน้ำมันตัวใหม่ นั้น ทางผู้จัดงานได้เตรียมไว้ 500 ต้นสำหรับแจกผู้เข้าร่วมฟังการเสวนาเรื่อง "ข้าวกล้องงอกมหัศจรรย์ข้าวไทย" แต่ปรากฏว่า ได้รับความสนใจอย่างมาก ต่างมาขอกันจนไม่พอแจก เพราะทราบว่าเมล็ดของต้นเอกมหาชัย สามารถนำไปผลิตเป็นน้ำมันได้มากกว่าพืชชนิดอื่น นอกจากต้นเอกมหาชัยแลัวยังมีการแจกต้นกล้าของมะรุมด้วย
***************************************************************************************************************
สถาบันน้ำเตือนจันทบุรี-ระยอง สร้างแนวป้องกันรับมือพายุหนัก
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวถึงแนวทางการสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการบริหารจัดการน้ำในประเทศไทย ว่า สสนก.ได้ถวายรายงานสถานการณ์น้ำให้แก่พระองค์ นับตั้งแต่ปี 2545 จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งพระองค์มีความห่วงใยต่อการบริหารจัดการน้ำของประเทศมาก
จากการรวบรวมข้อมูลการเกิดพายุและการเปลี่ยนแปลงของทะเล พบว่าปีนี้น้ำมากเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณน้ำฝนสูงถึง 1,543 มิลลิเมตรต่อปี จากปกติที่ 1,374 มิลลิเมตรต่อปี สูงกว่าเกณฑ์ถึงร้อยละ 12.32 ทั้งๆ ที่ปกติสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 9 แต่ที่น่ากังวลที่สุดในปี 2552 คือ โอกาสการเกิดพายุจะบ่อยและรุนแรงขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมจากมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเฉพาะอิทธิพลของมหาสมุทรแปซิฟิกจะมีผลต่อการเกิดพายุในประเทศไทยอย่างรุนแรง โดยพัดจากทิศตะวันออกมาทิศตะวันตก ผ่านประเทศเวียดนาม เข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกของประเทศไทย
นายรอยลกล่าวว่า พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง คือ จ.จันทบุรี และระยอง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนให้ระวังพื้นที่ใน 2 จังหวัดมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงฝนตกมากๆ เพราะ จ.จันทบุรี มีถนนขวางทางน้ำ ทำให้โอกาสน้ำท่วมสูง พระองค์รับสั่งให้กรมชลประทานและกรมทางหลวงร่วมมือกันป้องกันปัญหาน้ำท่วม โดยมอบให้คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการพระราชดำริ (กปร.) เป็นหน่วยงานประสานความร่วมมือ นอกจากนี้ สสนก. ยังพบว่า 2 จังหวัดดังกล่าวยังเสี่ยงต่อการเกิดพายุกระหน่ำ พร้อมๆ กับคลื่นซัดฝั่งที่รุนแรงในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ที่สำคัญการจะกักเก็บน้ำในพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากระยะทางจากภูเขาลงสู่ทะเลมีระยะทางเพียง 30 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งยากต่อการบริหารจัดการหรือวางแนวป้องกัน แนวทางการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การสร้างแนวป้องกันตามธรรมชาติ โดยเฉพาะการปลูกป่าโกงกาง ล่าสุด สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ได้พัฒนาไม้เทียม ซึ่งมีอายุใช้งานร่วม 10 ปี ขณะที่ไม้ไผ่มีอายุใช้งานเพียง 3-5 ปีเท่านั้น
"ขณะนี้มีโครงการชักโครก กทม. หรือการทำความสะอาดพื้นที่ กทม.ครั้งใหญ่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีโครงการกักเก็บน้ำที่บริเวณคลอง 5 คลอง 6 และคลองพระรามเก้า จ.ปทุมธานี โดยนำน้ำจาก 3 พื้นที่มาชะล้างน้ำสกปรกของ กทม. เพื่อรับมือน้ำท่วมขังสะสม พร้อมชะลอน้ำที่ไหลมาจากภาคเหนือด้วยการฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด และบึงเสนาท จ.นครสวรรค์ ซึ่งบึงดังกล่าวจะกักเก็บน้ำได้ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้งบประมาณเพียง 200-300 ล้านบาทเท่านั้น แต่จะช่วยชะลอการไหลของน้ำไม่ให้เข้า กทม.ได้" นายรอยลกล่าว
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า สนช.จัดทำโครงการไม้เทียมจากพลาสติคเพื่อลดการกัดเซาะพื้นที่ป่าชายเลน ที่บริเวณปากคลองหลวง ต.พันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร เพื่อจัดทำแนวป้องกันน้ำตามธรรมชาติระยะทาง 250 เมตร ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่บางขุนเทียน ไม้เทียมนี้ผลิตจากเศษพลาสติคและเศษขี้เลื่อย คงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ มีอายุใช้งาน 8-10 ปีมากกว่าไม้ไผ่มีอายุใช้งาน 3 ปี
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...