พฤศจิกายน 28, 2025, 06:03:28 PM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2552
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2552 (อ่าน 3742 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2552
«
เมื่อ:
มีนาคม 12, 2009, 12:36:13 AM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
ในระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าว ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 13-15 มีค.บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือก่อนภาคอื่น ๆ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติดังกล่าวไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณปริมณฑล อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทย ตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองได้บางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้อีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นอีก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 16-17 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้อากาศร้อนขึ้น
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 13-16 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง
Forecast2.jpg
(37.11 KB, 684x423 - ดู 1153 ครั้ง.)
Earthquake.jpg
(40.07 KB, 450x496 - ดู 1141 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2552
«
ตอบ #1 เมื่อ:
มีนาคม 12, 2009, 12:47:19 AM »
ผู้จัดการออนไลน์
ครั้งแรกของเอเชีย! ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม หอยและหมึกโลก
ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย - เป็นที่น่ายินดียิ่ง เมื่อสมาคมหอยนานาชาติ (Unitas Malacologica : UM) คัดเลือกประเทศไทยให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม "2010 World Congress of Malacology" ในปี 2553 นี้ นับเป็นการจัดงานครั้งแรกของทวีปเอเชีย จากเดิมที่มักจัดในประเทศแถบยุโรปเท่านั้น นอกจากนี้ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานสมาคมหอยนานาชาติ (President of UNITAS MALACOLOGIA) เนื่องด้วยผลงานวิจัยด้านหอยทากที่มีมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ซึ่งถือเป็นเกียรติต่อวงการวิทยาศาสตร์ไทยอย่างมาก โดยงานประชุมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-24 กรกฎาคม 2553 ที่โรงแรม รอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต ภายใต้ความร่วมมือของสมาคมหอยนานาชาติ ,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (BRT)
ศ.ดร.สมศักดิ์ กล่าวในฐานะประธานสมาคมหอยนานาชาติว่า งานประชุม "2010 World Congress of Malacology" เป็นเวทีการรวมตัวของนักวิชาการด้านสังขวิทยาชั้นนำของโลกไม่ต่ำกว่า 500 คน จากนานาประเทศ มีการประชุมถึง 10 หัวข้องานวิจัยใหญ่ ๆ เพื่อร่วมหาแนวทางศึกษาวิจัยเกี่ยวกับหอยและหมึกของโลกในทุกแง่มุม ตั้งแต่งานวิจัยองค์ความรู้พื้นฐาน ชีววิทยา นิเวศวิทยา การเพาะเลี้ยงจนถึงการอนุรักษ์ อีกทั้งยังมีการหารือเกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีการศึกษาวิจัยระดับสูงร่วมกันภายใต้การดูแลของนักวิชาการชั้นนำของโลก นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับหมึกและหอยในประเทศไทย โดยความร่วมมือกับของศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเล จ.ภูเก็ต ,ศูนย์ป่าชายเลน จ.พังงา ที่สำคัญยังมีการจัดทัศนศึกษาให้นักวิชาการจากทั่วโลกได้ลงสำรวจพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อยืนยันให้เห็นถึงความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางชีวภาพของไทยด้วย
การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ยังเป็นโอกาสอันดีที่นักวิชาการไทยจะมีโอกาสได้พบและพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับนักวิชาการระดับโลก ซึ่งจะช่วยเปิดมุมมองต่อยอดงานวิจัยได้มาก ศ.ดร.สมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานและลงทะเบียนในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม 2552 นี้ จะได้รับส่วนลดพิเศษ โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่
www.wcm2010.com
หรือ โทร 02-218-5273
***********************************************************************************************
อ่าว ก.ไก่ ทะเลตม สุดสมบูรณ์
:
ปิ่น บุตรี
ล่องแม่น้ำเพชรออกปาก อ่าว ก.ไก่
ก.ไก่ พยัญชนะไทยตัวแรกที่คนเรียนภาษาไทยไม่มีใครไม่รู้จัก แต่แต่หากพูดถึงอ่าว ก.ไก่ แล้วละก้อ ชื่อนี้หลายคนอาจไม่รู้จัก หลายคนไม่คุ้น หลายคนเคยไปแต่ไม่รู้
อ่าว ก.ไก่ อ่าวนี้ คือบริเวณอ่าวไทยตอนใน(อ่าวไทยแบ่งเป็นตอนนอกและตอนใน)ที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายตัว ก.ไก่ เป็นแหล่งทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
อ่าว ก.ไก่ อ่าวนี้มีจุดเด่นอยู่มากมาย เท่าที่ผมนั่งนึกตรึกตรองดู พบว่าจุดเด่นแต่ละอย่างต่างมี 3 สิ่งให้จำแนกแจกแจง เป็นเสน่ห์เลข 3 แห่งอ่าว ก.ไก่ ที่ใครจะนำไปแทงหวยวิ่งเกิดซวยถูกกินก็ช่วยไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
3 สมุทร
อ่าว ก.ไก่ เป็นส่วนหนึ่งของที่ราบลุ่มเจ้าพระยา มีแม่น้ำสำคัญ 5 สายไหลออกอ่าวไทยใน 6 จังหวัด คือ แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน
สมุทรปราการ
-เขตบางขุนเทียน กทม. แม่น้ำบางปะกงไหลผ่านฉะเชิงเทรา แม่น้ำท่าจีนไหลผ่านมหาชัย
สมุทรสาคร
แม่น้ำแม่กลองไหลผ่าน
สมุทรสงคราม
และแม่น้ำเพชรบุรีไหลผ่านบ้านแหลม เพชรบุรี
จะเห็นได้ว่าอ่าว ก.ไก่ นั้นเป็นอ่าว 3 สมุทร เพราะครอบคลุมพื้นที่ จังหวัด 3 สมุทร อย่างครบถ้วน ได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม
3 น้ำ
การไหลลงอ่าวไทยของแม่น้ำสายหลัก 5 สาย และแม่น้ำสายย่อยตามคลองสาขา ทำให้บริเวณพื้นที่อ่าว ก.ไก่ มีสภาพเป็น ดินแดน 3 น้ำ คือ น้ำเค็ม น้ำกร่อย และน้ำจืด
น้ำเค็ม
คือพื้นที่ปากอ่าวและชายฝั่ง เป็นแหล่งประมง ทำนาเกลือ นากุ้ง
น้ำกร่อย
คือพื้นที่ถัดเข้ามาจากปากอ่าว เป็นแหล่งปลูกมะพร้าว
น้ำจืด
คือพื้นที่ชั้นในแผ่นดิน เป็นแหล่งทำนาข้าว ทำสวนผลไม้ต่างๆ
ป่าจาก
3 ป่า
ผลพวงจาก 3 น้ำทำให้อ่าว ก.ไก่ เกิดป่าชายเลนเด่นๆ 3 ลักษณะ คือ ป่าโกงกาง ป่าแสม และป่าจาก
ป่าโกงกาง
อยู่ด้านนอกสุดติดปากอ่าวชายฝั่งทะเล เป็นแหล่งเผาถ่านไม้โกงกางคุณภาพดีของประเทศ เดิมเป็นอาชีพของชาวบ้านทั่วไป แต่ปัจจุบันเหลือทำเป็นจริงเป็นจังอยู่ที่ ชุมชนบ้านยี่สาร อ.อัมพวา สมุทรสงคราม และ ชุมชนบางตะบูน อ.บ้านแหลม เพชรบุรี ชาวบ้านทั้ง 2 ชุมชนเผาถ่านขายมากว่า 70 ปี พวกเขาปลูกป่าโกงกางเพื่อทำถ่าน และมีกฎ กติกา เคร่งครัดในการตัดป่าโกงกาง
ป่าแสม
อยู่ถัดเข้ามา ป่าแสมเป็นแหล่งอาศัยของปูแสม ใช้ทำปูเค็มรสอร่อย ส่วนต้นแสมนั้นทำฟืนให้คุณภาพดีทีเดียว
ป่าจาก
อยู่ด้านในสุด ในอดีตชาวบ้านนำมาทำประโยชน์หลายอย่าง อาทิ มุงหลังคา ฝาเรือน หมวกใบจาก ส่วนปัจจุบันผลผลิตจากจาก ที่ขึ้นชื่อในแถบนี้ก็เห็นจะเป็นขนมจากที่มีขายกันทั่วไป
นาเกลือ
3 นา
อิทธิพลของ 3 น้ำ ทำให้เกิดอาชีพทำนาหลักๆขึ้น 3 นาในพื้นที่ อ่าว ก.ไก่ นั่นก็คือ นาข้าว นากุ้ง และนาเกลือ
นาข้าว
อยู่ในพื้นที่ชั้นในสุดพึ่งพิงน้ำจืดในการปลูกข้าว
นากุ้ง
อยู่ในพื้นที่ถัดออกไปในสภาพน้ำกร่อยหรือน้ำลักจืดลักเค็ม
นาเกลือ
อยู่ในพื้นที่ด้านนอกชายฝั่งทะเล มีสภาพน้ำเค็มเหมาะแก่การทำนาเกลือ ซึ่งอ่าว ก.ไก่ ถือเป็นแหล่งผลิตเกลือสมุทรหรือเกลือทะเลแหล่งใหญ่ของเมืองไทย มีการทำนาเกลือกันในพื้นที่สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี
คลองด่านแหล่งหอยแมลงภู่มากที่สุดในเมืองไทย
3 หอย
ความสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งของ อ่าว ก.ไก่ ก็คือ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดน 3 หอย อันโด่งดัง เพราะมีหอยสำคัญ 3 ชนิดที่โดดเด่นมากอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ นั่นก็คือ หอยแมลงภู่ หอยแครง และหอยหลอด
หอยแมลงภู่
แหล่งเลี้ยงหอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ อ.คลองด่าน สมุทรปราการ ชาวบ้านที่นี่เลี้ยงหอยด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้าน หอยแมลงภู่คลองด่านตัวไม่ใหญ่เท่าหอยสุราษฎร์ แต่มีรสอร่อยไม่เป็นรองใครเพราะในตัวหอยไม่มีทรายเข้าไปปะปน ปีหนึ่งๆชาวคลองด่านสามารถส่งขายหอยแมลงภู่ได้นับหลายแสนตัน
หอยแครง
แหล่งหอยแครงธรรมชาติใหญ่สุดในเมืองไทยอยู่ที่ อ.บ้านแหลม เพชรบุรี
หอยหลอด
ดอนหอยหลอด อ.เมือง สมุทรสงคราม คือแหล่งหอยหลอดขนาดใหญ่ที่สุดและมีเฉพาะที่เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นมีลักษณะเป็นสันดอน เกิดจากการทับถมของตะกอนแม่น้ำ ดอนหอยหลอดคือแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งเมืองแม่กลอง ที่ในช่วงวันหยุดจะมีคนไปเที่ยวชม ทำกิจกรรมเก็บหอย และกินอาหารอร่อยๆโดยเฉพาะเมนูหอยหลอดผัดฉ่าจากร้านอาหารจำนวนมากในแถบนั้น
3 โลมา
อ่าว ก.ไก่ มีการสำรวจจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เมื่อ ปี 2547 พบว่า บริเวณชายฝั่งแถบนี้ พบโลมา 3 ชนิดได้แก่ โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาหลังโหนก และโลมาอิรวดี ที่ปัจจุบันพบว่าสุ่มเสี่ยงต่อการใกล้สูญพันธุ์ไม่น้อย
ทุกๆปีในช่วงเดือน พ.ย.-ก.พ. จะมีโลมาว่ายเวียนเข้ามาที่ท่าข้าม ปากอ่าวบางปะกงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมันเข้ามาหากินปลาดุกทะเลที่มีชุกชุมในช่วงนี้
ปลาทูแม่กลอง
3 ทรัพย์
เมื่อแม่น้ำ 5 สายหลักไหลมารวมกันที่อ่าว ก.ไก่ ก็ได้พัดพาเอาตะกอนแร่ธาตุมาทับถมสะสมกัน เกิดเป็นหาดเลนหรือทะเลตมขึ้น
ทะเลตมหรือหาดโคลน แม้จะไม่สวยงาม ดูเละๆคล้ำๆ แต่ว่านี่คือแหล่งทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ในระดับสุดยอด ก่อให้เกิดการทำอาชีพมากมาย รวมถึงอาชีพสำคัญอย่างการทำประมงชายฝั่งที่มีมานับร้อยปี
จัดได้ว่า อ่าว ก.ไก่ คือขุมทรัพย์ปากอ่าวที่ผมขอจำแนกออกเป็นทรัพย์สามประเภทด้วยกัน คือ ทรัพย์ของชาติ ทรัพย์ท่องเที่ยว และทรัพย์ของคน
ทรัพย์ของชาติ
อ่าว ก.ไก่ คือความอุดมสมบูรณ์นานาประการที่สั่งสมอยู่ในพื้นที่ เอื้อประโยชน์ต่อทั้งคนและสัตว์ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ป่าชายเลน นกทะเล นกชายเลนนับแสนที่ย้ายถิ่นหนีหนาวมาทุกๆปี ซึ่ง อ่าว ก.ไก่ มีทรัพยากรในระดับสุดยอดแห่งสยามประเทศอยู่หลายอย่าง อาทิ ปลาทูแม่กลอง สุดยอดปลาทูที่รสชาติอร่อยกว่าที่ไหน ปลาสลิดบางบ่อ ปลาสลิดน้ำจืดภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อลือชานักในเรื่องรสชาติ ปลาช่อนแปดริ้ว ปลาช่อนรสดีมีชุกชุมในฉะเชิงเทราตัวโตมากจนเป็นที่มาของชื่อเมืองแปดริ้ว ปลากะพงขาวบางปะกง อีกหนึ่งความอร่อยที่นำเสนอจากเมืองแปดริ้ว
ทรัพย์ท่องเที่ยว
จากสภาพพื้นที่ ทรัพยากร วิถีการดำรงชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ ก่อให้เกิดทรัพย์ทางการท่องเที่ยวอันเป็นรายได้เสริมขึ้นมา ซึ่งมีทั้งทรัพย์ท่องเที่ยวจากธรรมชาติ และทรัพย์ท่องเที่ยวจากวิถีชุมชน
ทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวงที่ผมกล่าวมานั้น ทั้งทรัพย์ของชาติ ทรัพย์ท่องเที่ยว และทรัพย์ 3 น้ำ 3 ป่า 3 โลมา 3 นา 3 หอย อันโดดเด่น ล้วนนำมาซึ่ง "
ทรัพย์ของคน
" ทั้งสิ้น
แต่ก็น่าแปลกที่คนบางคน มนุษย์บางจำพวก ถูกความละโมบครอบงำ จน(แกล้ง)มองไม่เห็นถึงผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น สิ่งแวดล้อม และความสำคัญของทรัพยากรอันทรงคุณค่าแห่งอ่าว ก.ไก่ พยายามผลักดันโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ขึ้นในพื้นที่ อ่าว ก.ไก่ อย่าง โรงไฟฟ้าถ่านหินแม่กลอง(ดอนหอยหลอด)ที่ถูกต่อต้านจนต้องพับโครงการไว้ หรือบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านที่กลายเป็นอนุสรณ์แห่งความอัปยศ โกงกิน ฉ้อฉล มาจนทุกวันนี้
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2552
«
ตอบ #2 เมื่อ:
มีนาคม 12, 2009, 12:54:45 AM »
ข่าวสด
ป่าเขาใหญ่
:
คอลัมน์ คอลัมน์ที่13
ผืนป่าเขาใหญ่เป็นข่าวโด่งดังอีกครั้ง เมื่อพระธุดงค์ 2 รูปจากสำนักสงฆ์เขาให้ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี หลงวนเวียนอยู่ในป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
หลังจากเดินขึ้นไปทางด้านผากระดาษ น้ำตกมะนาวยักษ์ ตั้งแต่บ่ายวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา
เบื้องต้นคาดว่าจะมุ่งหน้าไปบริเวณด้านเขาแหลม แล้วพลัดหลงเข้าป่าลึกหาทางออกไม่ได้ จึงใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งไปทางพระอาจารย์บุญชู เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เขาให้ ที่ จ.สุพรรณบุรี ให้ช่วยส่งคนตามหา
นี่ไม่ใช่กรณีแรกของการหลงป่าหรือสาบสูญไปในเขาใหญ่
2 ปีก่อนหน้านี้ นายโภคิน ไพรสนอง อายุ 22 ปี และนายประณพ วิลาพรรณ อายุ 22 ปี นักบินฝึกหัดพร้อมบินเครื่องบินปีกหมุนขนาดเล็ก 2 ที่นั่ง ถูกผืนป่าเขาใหญ่อันหนาทึบกลืนหายไปเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 50
จนปัจจุบันยังไม่ทราบชะตากรรมของคนทั้ง 2 และยังไม่มีใครพบเห็นเศษซากของเครื่องบินลำดังกล่าว
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นผืนป่าดงดิบอันกว้างใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ที่ทอดตัวขวางกั้นระหว่างที่ราบสูงแผ่นดินอีสาน และพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง
ในอดีตการเดินทางไปมาหาสู่เพื่อค้าขายระหว่างคนภาคอีสานและภาคกลาง ต้องบุกฝ่ากลางป่าผืนนี้ ซึ่งอุดมไปด้วยไข้ป่า และสรรพสัตว์ที่แสนดุร้าย
จนถูกขนานนามว่าดงพญาไฟและดงพญาเย็น
18 ก.ย. 2505 ป่าผืนนี้ถูกประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย พร้อมกับอีก 14 อุทยานแห่งชาติ
ในชื่ออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
มีพื้นที่ทั้งหมด 2,168.64 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,355,396.96 ไร่
ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก แม่น้ำมูล สมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด
สัตว์ป่าที่สามารถพบได้บ่อยได้แก่ เก้ง กวาง ช้าง เสือโคร่ง กระทิง เลียงผา หมี เม่น ชะนี พญากระรอก หรือหมาไม้ ชะมด อีเห็น กระต่ายป่า
นกชนิดต่างๆ จำนวนกว่า 200 ชนิด ได้แก่ นกเงือก นกขุนทอง นกขุนแผน นกพญาไฟ นกแต้วแล้ว นกโพระดก นกแซงแซว นกเขา นกกระปูด ไก่ฟ้า และนกกินแมลงชนิดต่างๆ แมลงที่มีมากกว่า 5,000 ชนิด ที่สวยงามและพบเห็นบ่อย ได้แก่ ผีเสื้อที่มีรายงานพบกว่า 216 ชนิด
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเทือกเขาสลับซับซ้อน ระดับความสูงแตกต่างกัน
ตั้งแต่ระดับความสูงใกล้ระดับน้ำทะเลตามแนวเขตอุทยานด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงระดับความสูง 1,351 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในบริเวณตอนกลางของพื้นที่
ทิศตะวันออก ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นที่ลาดต่ำ ส่วนทางทิศเหนือความลาดชันน้อยจนถึงปานกลาง ทิศทางความลาดชันส่วนใหญ่มุ่งสู่ถนนมิตรภาพ
ทิศใต้และทิศตะวันตกมีลักษณะเป็นภูเขาสูงชันโดดเด่นขึ้นมาจากที่ราบ ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรนอกเขตอุทยานฯ
ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีลักษณะคล้ายเป็นกำแพงภูเขาตามแนวเขตอุทยานฯ เรียกว่าเขากำแพง เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก มียอดเขาที่สำคัญอยู่ 6 ยอดด้วยกัน คือ
เขาแหลมสูง 1,326 เมตรบริเวณทิศเหนือ เขาร่มสูง 1,351 เมตร และเขาเขียวสูง 1,292 เมตรอยู่บริเวณตอนกลาง
เขากำแพงสูง 875 เมตรบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร กับเขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอุทยานฯ
พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงความเป็นป่ารกทึบ
ฉะนั้น เมื่อมีผู้หลงป่าหรือสูญหาย จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการค้นหา
อย่างน้อยที่เห็นกันแล้วก็คือกรณีพระภิกษุสงฆ์ทั้ง 2 รูป
และกรณีเครื่องบินฝึกหัดที่หายสาบสูญไปกว่า 2 ปี
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...