ชาวบ้านทรายแก้วตื่น"จั๊กจั่นทะเล"นับพันตัวเกยหาด
จนท.ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล ชี้ให้ดูจักจั่นทะเลจำนวนมากที่ขึ้นมาเกยตื้นริมชายหาดทรายแก้ว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ชาวบ้านตื่น"จั๊กจั่นทะเล"จำนวนมาก เกยตื้นริมหาดทรายแก้ว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลายพันตัวตลอดแนวชายหาด 6 กิโลเมตร ทั้งที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ ทุกครั้งที่ถูกน้ำทะเลพัดขึ้นมาจะฝังตัวใต้ผืนทราย แต่กลับนอนนิ่งไม่ไหวติง คาดอุณหภูมิใต้ผืนทรายเปลี่ยนแปลง ยังรวมไปถึงปูลม-ปลิงทะเล-ปูดาว ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ไม่เคยเห็นมาก่อนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.วันนี้ (3 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า มีจั๊กจั่นทะเลจำนวนมากขึ้นเกยตื้นริมชายหาดทรายแก้ว พื้นที่หมู่ 5 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน
จากการสอบถาม นายเจษฎา ขุนแก้ว อายุ 28 ปี ผู้ควบคุมการดำน้ำลึก ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทราบว่า จั๊กจั่นทะเลดังกล่าวเริ่มขึ้นมาเกยตื้นริมชายหาดทรายแก้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.) ซึ่งชาวบ้านและชาวประมงที่อยู่บริเวณชายหาดต่างพากันเก็บไปขาย และทอดรับประทานกันเป็นจำนวนมากหลาย 1,000 ตัว
ทั้งนี้ เพราะก่อนหน้านี้จั๊กจั่นทะเลหายากมาก การที่จะได้ตัวจั๊กจั่นทะเลชาวบ้านจะต้องรอช่วงน้ำขึ้น แล้วนำตะแกรงลงไปขุดหาตามแนวชายหาดที่ระดับน้ำทะเลขึ้นถึง ซึ่งจั๊กจั่นทะเลจะขึ้นมาตามน้ำ แล้วขุดหลุมฝังตัวเองลึกประมาณ 1 ฟุต หรืออาจจะลึกกว่านั้น ส่วนใหญ่จะนำไปขายให้ร้านอาหาร ราคาตัวละ 1 บาท แต่ปัจจุบันจั๊กจั่นทะเลเริ่มหายาก และสูญพันธุ์ไปจากชายหาดภูเก็ตแล้ว ขณะนี้สามารถหาได้ที่บริเวณหาดทรายแก้ว ตลอดแนว 6 กิโลเมตรเท่านั้น
เหตุการณ์จั๊กจั่นทะเลจำนวนมาก ขึ้นเกยตื้นมาให้ชาวบ้านจับเองครั้งนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ผ่านมาพวกมันจะถูกพัดมากับน้ำแล้วขุดหลุมฝังตัวเองทันที
แต่ช่วง 2 วันที่ผ่านมา เมื่อพวกมันถูกคลื่นซัดเข้าฝังจะไม่ยอมขุดหลุมฝังตัวเองเหมือนทุกครั้งแต่กลับนอนนิ่งบนชายหาด และไม่ยอมวิ่งกลับลงทะเล และตายในเวลาต่อมา สังเกตคล้ายกับว่า ใต้ผืนทรายมีสิ่งผิดปกติ สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้าน รวมทั้งชาวประมงบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก
ปูดาว พันธุ์เล็กซึ่งไข่เต็มท้องตายด้วย นายเจษฎา กล่าวต่อไปว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้จั๊กจั่นทะเลจำนวนมากดังกล่าวไม่ยอมฝังตัวใต้ทรายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานั้น เนื่องจากระดับอุณหภูมิใต้ผืนทรายมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของพวกมันอีกต่อไป โดยอาจจะร้อนขึ้น หรืออาจจะเย็นลง
เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่เพียงจั๊กจั่นทะเลเท่านั้น ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง แต่ยังรวมไปถึงปลิงทะเล,ปูลม และปูชนิดอื่น ๆ อีกจำนวนมากด้วย ที่เมื่อถูกน้ำทะเลพัดขึ้นมาริมชายหาดแล้ว ไม่ยอมวิ่งกลับลงทะเล หรือวิ่งลงรูเหมือนทุกครั้ง แต่กลับนอนนิ่ง โดยมีจำนวนมากที่ตายตลอดแนวชายหาด ทำให้ผู้ที่ทราบข่าวต่างพากันเดินทางมาดู และเก็บไปเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน
จั๊กจั่นทะเลส่วนใหญ่ที่ขึ้นเกยตื้นริมชายหาด จะมีไข่อ่อนริมหน้าท้องเป็นช่วงปกติที่ทุกปีพวกมันจะขึ้นมาวางไข่ริมชายหาด แล้วกลับสู่ทะเล แต่ปีนี้พวกมันไม่วางไข่และไม่กลับลงสู่ทะเลเหมือนทุกครั้ง แต่กลับตายเป็นจำนวนมากแล้วในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเกี่ยวกับปรากฏการณ์ ที่ทำให้สัตว์ทะเลดังกล่าวมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง แต่พรุ่งนี้ (4 มิ.ย.) จะแจ้งไปยังสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ทราบ
สำหรับจั๊กจั่นทะเล ก่อนนี้เคยมีจำนวนมากตามแนวชายหาดต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต แต่ปัจจุบันมีให้เห็นเพียงแห่งเดียวเท่านั้น คือ บริเวณหาดทรายแก้ว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ซึ่งกำลังจะสูญพันธุ์ไปเช่นเดียวกัน เพราะมีชาวบ้านจำนวนมากจับไปขายให้ร้านอาหารต่าง ๆ เพราะราคาสูงถึงตัวละ 1 บาท แต่เมื่อประกอบเป็นอาหารแล้ว จะขายราคาสูงมากขึ้น
การที่จะจับจั๊กจั่นทะเลได้นั้น ชาวบ้านจะต้องนำตะแกรง หรือ ตาข่ายลงไปขุดหลุมฝังไว้ใต้ทราย เมื่อน้ำทะเลพัดตัวจั๊กจั่นทะเลขึ้นมาแล้ว มันจุดหลุมฝังตัวเอง ชาวบ้านก็จะยกตะแกรง หรือตาข่ายขึ้นมาก็จะได้ตัวจักจั่นติดขึ้นมาด้วย
จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 3 มิถุนายน 2550[/color]
