กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 01, 2024, 02:36:20 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2552  (อ่าน 3284 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มีนาคม 14, 2009, 01:01:40 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนในประเทศไทยตอนบน"  ฉบับที่ 7 (44/2552) ลงวันที่ 14 มีนาคม 2552
 
     บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2552 จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งกลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งควรงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อนำไฟฟ้าในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 14-16 มีนาคม 2552 ไว้ด้วย 


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. ความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่เข้าปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 16-19 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้อากาศร้อนขึ้นและมีฝนลดลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13-16 มี.ค. จึงขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยตอนบน ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก ที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย โดยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้สูงเด่น ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อไฟฟ้า ในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง รวมทั้งคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ดังนั้นชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 14-18 มี.ค.



* Forecast2.jpg (39.67 KB, 684x423 - ดู 619 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 15, 2009, 11:44:50 PM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 14, 2009, 01:18:05 AM »

เดลินิวส์


โต้ริ้วคลื่น ... ใต้หลังคาฟ้า 'ตะรุเตา'
 
 
 
 ต้นเดือนสุดท้ายปี 2551 มัสยิดริมถนนเมืองสตูลตั้งตระหง่าน หลังคาสีทอง อร่ามกระทบเปลวแดด ผู้คนใน  ชุดขาวเดินอย่างสงบนิ่งแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สุดรั้วกำแพงเป็นกุโบร์ (สุสาน) รกครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่ ศิลาหลายแผ่นปักไว้บนดินเป็นทิวแถว ชายชราประณีตกวาดเศษใบไม้เพียงลำพังราวกับว่าที่นี่คือ บ้านหลัง สุดท้าย
 
รถบัสพาเรามายืนที่ท่าเรือปากบารา เรือประมงหลายลำเทียบท่า ลูกเรือบางคนนั่งซ่อมอวน เรือสปีดโบ๊ตเคลื่อนตัวออกไปไม่ถึง 5 เมตร ก็ต้องกลับเข้าท่ามารับลูกเรืออีกคนที่เพิ่งเสร็จภารกิจด้านศาสนา รอยยิ้มใต้แผงหนวดบ่งบอกถึงความอิ่มบุญ แล้วเขาก็พาเราโต้ริ้วคลื่นไปยัง เกาะตะรุเตา
 
สายลมพัดกรูปะทะใบหน้าริมหาดทรายขาวสะอาดบนเกาะ เราแวะไหว้เจ้าพ่อตะรุเตาเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์มุมสูงบนผาโต๊ะบู สองข้างทางเดินเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์


 
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมาฝากรอยเท้าบนผืนทรายเกาะตะรุเตาไม่เคยว่างเว้น ตรงข้ามกับ อดีตที่ผืนทรายแห่งนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยากย่างกรายเข้ามาใน “คุกธรรมชาติ” ด้วยความที่มีเนื้อที่ขนาดใหญ่ ทะเลลึกลมคลื่นแรง ขณะเดียวกันจระเข้และฉลามชุกชุมทำให้ในปี พ.ศ. 2479 กรมราชทัณฑ์ได้นำนักโทษที่มีความประพฤติดีเข้ามาบุกเบิกสร้างเรือนพัก ต่อมา พ.ศ. 2481 นักโทษชุดแรก 500 คน มายังตะรุเตาและทยอยเข้ามาอีกเรื่อย ๆ นักโทษส่วนใหญ่ถูกพิพากษาว่า มีสันดานเป็นผู้ร้ายยากแก่การควบคุมดูแล
 
ครั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ทางการไม่สามารถดูแลนักโทษเหล่านี้ทำให้เกิดตำนาน “โจรสลัดตะรุเตา” เป็นการรวมตัวของนักโทษและผู้คุมเพื่อปล้นเรือสินค้าที่แล่นผ่านน่านน้ำ จนเรือสินค้าหลายลำเข็ดขยาด ทางการอังกฤษต้องร่วมมือกับไทยปราบโจรเหล่านั้นได้สำเร็จและเลิกใช้เกาะนี้เป็นที่คุมขังนักโทษใน พ.ศ. 2491
 
ถึงความโหดร้ายจะปิดฉากลง แต่หลายครั้งก็เหมือนพวกเขาเหล่านั้นยังคงถูกกักขังไว้บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งผู้ดูแลอุทยานฯ เล่าว่า หลายครั้งนักท่องเที่ยวนอนอยู่ก็ได้ยินเสียงลากโซ่ตรวน หรือเหมือนมีมือใครบางคนมาดึงขาให้ลงจากเตียง โดยเฉพาะอ่าวตะโละวาวที่เป็นพื้นที่ใช้ในการคุมขังนักโทษสมัยก่อน พอใกล้พระอาทิตย์ตกดินเจ้าหน้าที่ต้องพานักท่องเที่ยวออกมาให้หมดเพราะมีความน่ากลัวเวลากลางคืน ด้านไกด์หนุ่มเล่าประสบการณ์ตรงว่า เคยห้ามปรามนักศึกษาที่มาเข้าค่ายไม่ให้เสียงดังและดื่มเหล้า แต่พวกเขาไม่เชื่อ พอตกกลางคืนเด็กหญิงร่างเล็กเกิดอาการคลุ้มคลั่งร้องตะโกนทำร้ายเพื่อน ๆ แม้ชายหนุ่มร่างกำยำสามสี่คนก็จับไม่อยู่ ไกด์เห็นท่าไม่ดีจึงนำคนทั้งคณะ ขึ้นเรือกลับฝั่ง และเมื่อเรือถอนสมอผู้คลุ้มคลั่งล้มพับหมดสติ
 
นั่งกินลมชมวิวบนเกาะได้ไม่นานฝนโครมใหญ่ก็ตกลงจนแทบหาที่หลบฝนไม่ทัน เราถูกกักขังด้วยม่านฝนบนเกาะแห่งนี้นานนับชั่วโมง ก่อนฝ่ามรสุมไปหาดหน้าบนเกาะหลีเป๊ะที่มีรีสอร์ทเรียงรายตัดกับหาดทรายขาวละเอียดแซมด้วยบาร์เร็กเก้สีสันสดใส ต้นจิกทะเลพราวด้วยเม็ดฝนเด็กหญิงปีนเด็ดดอกมาเล่นขายของ เธอเล่าว่า บ้านอยู่หาดหลังที่นั่นมีทั้งโรงเรียน-สถานีอนามัย-สำนักสงฆ์-สุสาน-พระอาทิตย์ยามเช้า

   
 
ตกค่ำเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นในตรอกเล็ก ๆ กลางหาดสามารถเดินได้จนถึงหาดหลังอันเงียบสงบเพราะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเล คาดว่าตั้งรกรากตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ดึกนี้ชาวบ้านต่างปิดไฟเงียบสงัด เรา เดินฝ่าความมืดกันมากลุ่มใหญ่ผ่านสุสานที่ทำให้บางคนขนลุกเกรียว แล้วจู่ ๆ เสียงครืดคราดดังมาจากบ้านหลังหนึ่ง สาว ๆ สะดุ้งโหยงกรี๊ดลั่นหาด แต่พอกราดแสงไฟฉายพบว่า ชาวเลคนหนึ่งนอน กรนพุงกระเพื่อมอยู่ในโพรงทรายใต้ถุนบ้าน เรียกเสียงฮาครืนจากผู้ร่วมเดินทาง คืนนี้จำต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้มีนัดกับพระอาทิตย์ แต่เช้า
 
ควันจากเตานึ่งติ่มซำลอยเคว้งในเพิงขายอาหารเช้าริมหาดหลัง พระอาทิตย์ค่อย ๆ ไล่แสงจนทั่วผืนฟ้าและท้องทะเล ชาวบ้านที่หอบเสื่อพาลูก ๆ มานอนริมหาดช่วยกันเก็บที่นอนเข้าบ้าน ไกด์บอกว่าชาวบ้านส่วนใหญ่มีอุปนิสัยไม่ค่อยชอบนอนในบ้านเพราะร้อน ดึกดื่นจึงพากันมานอนริมหาดพอแดดแยงตาแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน ด้านชาวเลแข็งขันเตรียมเครื่องมือหาปลาสำหรับวันอากาศ ดี ๆ
 
ตะวันเริ่มทอแสงจ้าเรือนำเรามายังเกาะไข่ที่มีซุ้มประตูหินโค้งเป็นรูปหัวใจ เชื่อว่าหากคู่รักคู่ใดมาเดินลอดจะครองรักกันยาวนาน น่าเสียดายทริปนี้ไม่มีคู่รักมาด้วยจะมีแต่ครอบครัวสุขสันต์จูงมือกันพ่อแม่ลูกข้ามประตู ส่วนผมเดินคอตกผ่านซุ้มภาวนาให้คนบนฝั่งคิดถึงกันบ้างก็ดี


 
นั่งเรือไปไม่กี่อึดใจก็พบเกาะหินงาม ที่นี่มีความพิเศษอยู่ที่ไม่มีหาดทรายแต่จะมีหินสีดำก้อนกลมมน ยามมองไกล ๆ   จะเห็นก้อนหินที่เปียกน้ำทะเลสะท้อนกับแสงอาทิตย์วับวาม เนื้อที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยธรรม ชาติสมบูรณ์ แต่ด้วยความงามของหินผู้มาเยือนหลายคนก็เก็บกลับบ้านไปจนเจ้าพ่อตะรุเตาเดือดร้อนต้องสาปแช่งผู้นำหินออกจากเกาะว่า “ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานัปการ จะกลับไม่ถึงบ้าน จะประสบอุบัติเหตุ จะหลุดพ้นจากหน้าที่การงาน จะพบภัยพิบัติไม่มีที่สิ้นสุด”
 
ส่วนกิจกรรมความเชื่อบน เกาะหินงามคือ หากใครเรียงหินได้ครบ 12 ชั้นแล้วอธิษฐานจะได้ สมดั่งหวัง ผมถามไกด์หนุ่มว่าจริงไหมเผื่อผมจะขอบ้าง เขากลั้นหัวเราะพร้อมเล่าปรัชญาบนก้อนหินว่า คนส่วนใหญ่มักเลือกหินสวยงามก้อนกลมมาตั้งเป็นฐาน ไม่ต่างอะไรจากชีวิตมนุษย์ที่หลายคนอยากใช้ชีวิตอย่างสบายเหมือนหินก้อนงาม แต่พอตั้งไม่กี่ชั้นก็ถล่มลง แต่หากนำหินก้อนที่มีเหลี่ยมมุมมาวางเป็นฐานจะมั่นคงกว่าเหมือนชีวิตที่ต้องพบกับความลำบากก่อน ท้ายสุดบนยอดวางเพียงหินก้อนเล็ก ๆ ดั่งคนต่อให้ประสบความสำเร็จเพียงไรก็ต้องการสิ่งเล็ก ๆ เป็นที่พึ่งทางใจ
 
เรือแล่นบนฟองคลื่นขาวโพลนไปยังหาดทรายขาวเกาะราวีอันมีปะการังงดงามและหาดทรายละเอียดเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาหลายเรื่อง ที่นี่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบสามารถกางเต็นท์นอนกันได้อย่างสบายอารมณ์
 
เราโต้ริ้วคลื่นกลับฝั่งท่ามกลางท้องฟ้าที่มีเค้าว่าฝนจะตกลงมาอีกโครมใหญ่ แล้วก็เป็นจริงเมื่อถึงฝั่ง สงสัยวันสองวันนี้หลังคาฟ้าตะรุเตาคงจะรั่ว.

 
****************************************************************************************************************************


เกิดแผ่นดินไหว 6.2 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งปานามา

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (วันนี้ 13 มี.ค.) สถาบันทางธรณีวิทยาของปานามารายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งทางภาคใต้ของประเทศ เมื่อเวลา 06.23 น. ตามเวลาในประเทศไทย วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.2 ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกใต้มหาสมุทรแปซิฟิก 10 กิโลเมตร ห่างไปทางตอนใต้ของเมืองเดวิด 200 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนสามารถรู้สึกได้ใน จ.เวรากูแอส รอส ซานโตส และชิไรกี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานความเสียหาย หรือผู้บาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 14, 2009, 01:24:53 AM »

ข่าวสด


แฉหมอกควันทึบป่วนทั่วแม่ฮ่องสอน ป่วยกว่า 6 พันราย-สธ.เร่งแจกหน้ากากอนามัย

แม่ฮ่องสอน - น.พ.สุเมธ องค์วรรณดี รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าหมอกควันจากไฟป่าได้ปกคลุมทั่วตัวเมืองแม่ฮ่องสอน และปริมาณฝุ่นละอองได้เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้คือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเมื่อวันที่ 11 มี.ค.วัดปริมาณได้ถึง 207 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.เป็นต้นมาปริมาณฝุ่นละอองในอากาศมีค่าสูงเกินมาตรฐานมาโดยตลอด ซึ่งจากสภาพอากาศที่ไม่ปลอดภัยได้ส่งผลกระทบให้ประชาชนจำนวนมากได้เกิดล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ตั้งแต่เดือนก.พ.ถึงวันที่ 8 มี.ค.มี 6,027 ราย และสถานพยาบาลได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในระบบรักษาฟรี 30 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 2,775,514 บาท

น.พ.สุเมธกล่าวต่อว่า ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ ไม่ว่าจะสูงเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ก็ตาม กลุ่มประชาชนที่อาจเจ็บป่วยได้ง่ายจากฝุ่นละอองควันไฟ ซึ่งมี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง เนื่องจากหากสูดฝุ่นละอองเข้าไปจะกระตุ้นทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น อีกกลุ่มคือผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในวัยที่อวัยวะในร่างกายเสื่อมลงตามอายุ และกลุ่มเด็กเล็ก เนื่องจากยังดูแลตัวเองไม่เป็น ระบบทางเดินหายใจยังเจริญไม่เต็มที่ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากประชาชนเจ็บป่วยในช่วงนี้ เช่น ไอ เจ็บคอ แสบตา หายใจไม่สะดวก สามารถขอรับบริการได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน สำหรับผู้ป่วยเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยภูมิแพ้ โรคปอดที่มีอาการไอ หอบหืด ควรรีบนำไปตรวจรักษาจากแพทย์ที่โรงพยาบาล

"ในช่วงนี้หากมองเห็นว่ามีฝุ่นละอองในอากาศมากควรอยู่ในบ้าน งดออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกไปในที่โล่งแจ้งขอให้สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งสามารถไปขอรับได้ที่โรงพยาบาล หรือที่สถานีอนามัยทุกแห่งใกล้บ้าน ถ้าไม่สะดวกไปรับขอให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดปากปิดจมูก เพื่อช่วยให้กรองฝุ่นละอองได้ดีขึ้น นอกจากนี้สถานพยาบาลแต่ละแห่งมียาและเวชภัณฑ์อยู่แล้ว สามารถให้การรักษาได้ทันที ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้โรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอทุกแห่งจำนวนกว่า 90,000 ชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาปริมาณฝุ่นหมอกควันสูง

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 14, 2009, 01:44:49 AM »

มติชนออนไลน์

พบแล้วศพสุดท้าย คนครัวคนไทยเหยื่อเรือล่ม


เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ กล่าวว่า ความคืบหน้าการค้นหาผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุเรือโชคสมบูรณ์ 19 อับปางเมื่อกลางดึกวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ศพที่เหลืออีก 1 ราย คือ นายศรทัศน์ จำปา พนักงานทำครัวประจำเรือนั้นได้แล้ว โดยพบลอยอยู่ในทะเล ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกประมาณ 50 กิโลเมตร ห่างจากจุดที่เรืออับปางประมาณ 60-70 กิโลเมตร


วันเดียวกัน กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้สนับสนุนเรือตรวจการณ์ 1 ลำ นำครอบครัวของนางกาเบรียล เจทซิงเกอร์ อายุ 52 ปี ผู้เสียชีวิตชาวออสเตรียที่พบศพรายแรก และฌาปนกิจเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่วัดพระทอง อ.ถลาง ไปลอยอังคาร บริเวณใกล้ร่องน้ำเกาะตะเภาใหญ่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต มีนางบาบาร่า นอร์เต้ เจ้าหน้าที่กงสุลออสเตรีย ประจำกรุงเทพมหานครร่วมพิธีด้วย   


จากนั้น นางบาบาร่า กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทางการไทย ตลอดจนภาคเอกชนที่ให้การช่วยเหลือ สร้างความซาบซึ้งใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต และผู้รอดชีวิตในการปฏิบัติงานทุกฝ่ายและทราบว่าหลายคนจะกลับมาท่องเที่ยว ไทยอีก
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 14, 2009, 01:52:14 AM »

ติดตามข่าวมา2-3 วัน กรณีเรือ Liveaboard จม ปรากฎว่าพบหมดทุกคนแล้ว เมื่อคืนนี้เอง

เหตุการณ์ที่น่าตกใจแบบนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย  เป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดจากลมฟ้าอากาศที่แปรปรวนจริงๆๆ

ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ เรือที่ SNR ทำงานอยู่ก็ได้วิ่งมาล่วงหน้าก่อนแค่ ประมาณ ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้นเอง

พบว่า มีฝนตก และเรือก็ไม่ได้โคลงเลย จู่ๆ เรือดังกล่าวก็ขาดการติดต่อ จนเช้า ก็ยังไม่เข้าฝั่ง นึกว่าจะเข้าที่ป่าตองซะอีก

พอตอนบ่าย ก็ได้รับทราบข่าวจากคุณป็อกกี้ ว่าเรือหายไป จริงหรือเปล่า ก็เลยลองเช็คข่าวดู  นาใจหายจริงๆๆ เลย

ขอให้ลูกเรือและนักดำน้ำที่ประสบเหตุทุกคน ขวัญกลับมาเร็วๆๆ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียทุกท่านด้วยค่ะ

หวังว่าไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกกับเรือทุกลำเลย....
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 14, 2009, 02:32:49 AM »

น่าจะเพิ่มคำว่า...... . หรือทิ้งขยะบนเกาะนี้......

พ่อตะรุเตาเดือดร้อนต้องสาปแช่งผู้นำหินออกจากเกาะว่า “ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานัปการ จะกลับไม่ถึงบ้าน จะประสบอุบัติเหตุ จะหลุดพ้นจากหน้าที่การงาน จะพบภัยพิบัติไม่มีที่สิ้นสุด”


ขอร่วมแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียด้วยค่ะ... 

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.26 วินาที กับ 20 คำสั่ง