|
Sri_Nuan.Ray
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 26, 2009, 08:02:22 AM » |
|
ตอนนี้ มีการแสดงความคิดเห็นของการไม่ให้อาหารสัตว์แล้ว ดังนี้ค่ะ
ไม่ควรเพราะ............ 1. สูญเสียระบบสมดุลย์ธรรมชาติ ยิ่งให้อาหารเค้า เค้าก็จะหาอาหารกินเองไม่ได้ 2. ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ (แต่แนวโน้มจะเป็นไม่ได้นะเนี่ย) เราก็คงได้แต่ ห้ามปรามคนใกล้ตัว .. ให้คนใกล้ตัว ไปบอกคนใกล้ตัว ว่า สิ่งที่จะทำต่อไป มันเป็นสิ่งไม่ดี ก็คงได้เท่านั้น .. เพราะ จะหวังให้ทางหน่วยงานต่างๆ มาทำ .. ก็คงรอกันต่อไป .. 3. ไม่ควรให้อาหารครับ. 4. ไม่ควรให้ค่ะ....เหมือนกับทุกที่ ที่เขาใหญ่(กวาง , ลิง) ที่ป่าชายเลน(ก็ลิงอีก) เพราะมันจะชินกับการมาขอ ไม่หากินเอง หากินเองไม่เป็น และสัญชาตญาณการระวังภัยก็จะลดลง หรือ หายไปด้วย....เสี่ยงต่อการถูกจับ(โดยผู้ไม่หวังดี)ได้ง่าย.....เรามักเรียก สัตว์กลุ่มนี้ว่า "เสียจริต" ที่สำคัญ สัตว์บางชนิดเวลาหิวจัด จะมีการแย่งกัน กัดกันเอง ดุร้าย เคยมีคนที่โดนลิงแย่งถุงขนมจากมือ เมื่อไม่ให้ก็โดนกัด (เสี่ยงต่อการเป็นโรคอีกต่างหาก)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา ~~~
|
|
|
ดอกปีบ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 316
If we see the hearts of others, peace will follow
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 26, 2009, 05:58:23 PM » |
|
โหวตแล้วครับผม .. เห็นว่าไม่สมควรให้อาหารครับ เหตุผลก็คือ ทำให้เสียสมดุลของระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ และที่สำคัญ .. เหมือนอย่างที่หลายๆคนได้กล่าวไปแล้ว ช่วยบอกต่อ สร้างจิตสำนึกกันต่อไปด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sky
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 27, 2009, 02:04:51 PM » |
|
ไม่สมควรให้... เพราะมันควรจะต้องหากินเองตามธรรมชาติสิ... ไม่ใช่มาขอกันแบบนี้ ง่ายไปละ ชีวิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
zmax
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 27, 2009, 02:58:31 PM » |
|
ไม่ควรให้ ตามเหตุผลข้อ 1 และ ข้อ 4 ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Defend our territory,.. Defend our sea!!
|
|
|
|
Mr.can
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 57
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 03:49:45 PM » |
|
แต่หากดูจากหน้าวัดต่างๆ ตามแม่น้ำสำคัญ ๆ ของไทย จะเห็นว่าบริเวณดังกล่าว ที่เรามักเรียกว่าปลาหน้าวัด กลายมาเป็นแหล่งพ่อแม่พันธุ์ปลาสำหรับแหล่งน้ำไปโดยปริยาย แต่หากปล่อยให้เขาไปหากินเอง ป่านนี้คงได้กินอาหารที่ข้างในมีเบ็ดเข้าไปหมดแล้ว หรือเข้าไปกินอาหารในไซ หรือหาอาหารเพลิน ๆ หัวก็ไปอยู่ในอวนซะงั้น
การให้อาหารทำให้ปลามีอาหารมากขึ้นทำให้สามารถอยู่กันได้อย่างหนาแน่น โดยไม่ต้องมีการแก่งแย่งอาหาร เพราะหากมีเฉพาะอาหารธรรมชาติ จำนวนปลาก็จะถูกจำกัดปริมาณ ตามปริมาณอาหารธรรมชาติ และเมื่อปลาที่เราคิดว่าไม่ควรให้อาหารมันมีจำนวนลดลง ปลาอื่นที่กินปลาดังกล่าวเป็นอาหาร (ปลาผู้ล่า) ก็ต้องลดจำนวนลงให้สอดคล้องกับปริมาณปลาที่เป็นเหยื่อตามหลักห่วงโซ่อาหาร
ตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีการดำแบบผิวน้ำ นักท่องเที่ยวนิยมนำขนมปังหรืออาหารอื่นๆ ไปให้ปลากิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นปลาตะกรับ ปลาสลิดทะเล ซึ่งเป็นปลากินพืช จะเห็นว่าปลาอยู่กันได้อย่างหนาแน่น เพราะอาหารที่ได้จากนักท่องเที่ยว แต่หากไม่มีอาหารส่วนนี้ ปลาเหล่านี้ก็ต้องลดจำนวนลงเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณอาหารที่มีในธรรมชาติ ปลาเหล่านี้เป็นอาหารของปลานักล่าอื่นๆ หากปลาเหล่านี้ลดลง ปลาอื่น ๆ ที่กินปลาเหล่านี้ก็ต้องลดลงด้วย และบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็กลายเป็นแหล่งพ่อแม่พันธุ์ที่ดีของปลาต่าง ๆ ไม่ต้องไปเสี่ยงภัยภายนอก และอยู่กันได้อย่างหนาแน่นเพราะมีอาหารมาให้กินทุกวัน
ผมก็ยังเห็นว่า เมื่อเรามีรถ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นง่อยเดินไม่ได้
เมื่อเป็นอย่างนี้ จะว่ายังไงดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แม่หอย
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 29, 2009, 02:07:01 AM » |
|
ด้วยตัวเองก็มีความเห็นว่าไม่ควรให้ ตามคำถามของกระทู้นี้น่ะนะคะ.. แต่เมื่อมาอ่านข้อคิดข้อความของคุณ Mr. Can แล้วก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่ง กรณีแหล่งรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำอย่างเช่นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลาหน้าวัดหรือเขตอภัยทานนั้น แม่หอยเองก็ซื้ออาหารปลาให้ปลาอยู่เรื่อย ตามโอกาส มันเหมือนบ่อเลี้ยงปลาน่ะค่ะ อยู่กันหนาแน่นขนาดนั้น ถ้าไม่ให้อาหารเขาก็จะอยู่ไม่ได้
คิดไปคิดมาปวดหัววุ้ย.. แต่อย่างไรก็ยังตอบคำถามกระทู้นี้สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ว่า "ไม่ควร"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 8186
Saaychol
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 29, 2009, 01:25:49 PM » |
|
เขตอภัยทาน หรือ เขตเพาะเลี้ยงจำเพาะทั้งหลาย น่าจะถือเป็นข้อยกเว้นนะคะ เพราะสถานที่อย่างนั้นเขามีไว้ให้เลี้ยงปลาเลี้ยงสัตว์ ซึ่งนอกจากผู้ให้อาหารสัตว์จะรู้สึกสุขใจที่ได้ทำบุญทำทานแก่สัตว์โลกที่ไม่ใช่คนแล้ว ทางวัดหรือเจ้าของสถานที่ยังจะมีรายได้จาการขายขนมปัง...อาหารปลา...อาหารสัตว์...มาใช้ประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวมได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนในที่อื่นๆเช่น ทะเล หรือป่าเขาลำเนาไพรที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ อย่างไงๆสายชลก็ไม่เห็นด้วยที่จะมีการให้อาหารสัตว์ เหตุผลเพราะอะไรเราก็พูดกันมาแล้วนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Saaychol
|
|
|
หอยกะทิ
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
ออฟไลน์
กระทู้: 155
บุ๋งๆ จงกลายเป็นวงๆๆๆ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 29, 2009, 04:41:08 PM » |
|
กระทู้เต่านินจาไม่ได้ดูนะครับ แต่ตอบเลย ความเห็นผมในกรณีที่จัดโซนให้อาหารและมีการให้อาหารอย่างจริงจังนะ
ไม่ควรในบางกรณี และอาจจะเหมาะในบางกรณี และเหมาะสมในบางกรณี
ไม่ควรในกรณีที่ธรรมชาติมีความซับซ้อนทางชีวภาพสูง เช่น แนวปะการัง โดยเฉพาะในแนวปะการังที่สมบูรณ์อยู่แล้ว สัตว์น้ำตัวหนึ่งมีทั้งเหยื่อและผู้ล่าในวัฐจักรของมันอยู่แล้ว การไปให้อาหาร หมายถึง เป็นการเพิ่มเหยื่อทางเลือกให้ระบบ ผู้ล่าของสัตว์กลุ่มนึงลดลงไปกินอาหารที่มนุษย์ให้และนั่นหมายถึงมันเองก็เป็นเหยื่อของผู้ล่าอีกกลุ่มที่จะเพิ่มจำนวนตามมา
ในขณะที่ เหยื่อกลุ่มนึงเพิ่มจำนวนมากกว่าปกติ และเช่นเดียวกันมันเป็นผู้ล่าของอีกสิ่งหนึ่ง หากทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียว สมดุลย์ของระบบนิเวศเปลี่ยนไปแน่ ผลที่ได้อย่างไรไม่สามารถตอบได้ครับ อาจจะดีขึ้น หรือแย่ลงได้ทั้ง 2 อย่าง แต่ที่แน่ๆ มันไม่เหมือนเดิม และอาจจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป
การให้อาหารปลาหรือสัตว์น้ำโดยมนุษย์ ไม่สามารถทำให้ธรรมชาติในการหาอาหารของสัตว์น้ำหายไป เมื่อไม่มีการให้อาหาร หรือเมื่อหิวเอง ก็ยังสามารถหาอาหารเองได้ แต่อาจจะลดลง เพราะอิ่มอยู่ ไม่อยากอาหาร ไม่อยากดิ้นรน
อาจจะเหมาะในบางกรณีที่สภาพทางนิเวศตรงนั้นเสียไปอยู่แล้ว และไม่น่าจะเหมือนเดิมอีกต่อไป การให้อาหารโดยมนุษย์ อาจจะทำให้ระบบนิเวศแบบนั้นยังคงสมดุลย์อยู่ได้ เช่น ปลาหน้าวัด เพราะสมดุลย์อยู่ที่แหล่งอาหารพื้นฐานมีอยู่อย่างไม่จำกัดจากมนุษย์ ห่วงโซ่อาหารข้อหนึ่งมีความเข้มแข็งพอสมควร ผู้ล่าลำดับถัดไปก็อยู่ได้จาก เหยื่อที่มีมาก ในขณะที่ผู้ผลิตพื้นฐาน และผู้บริโภคชั้นต้นๆ ลดความสำคัญลง แต่เมื่อใดที่การให้อาหารจากมนุษย์หยุดลง ระบบนิเวศที่ผู้ผลิตพื้นฐาน และผู้บริโภคชั้นต้นๆ ไม่สัมพันธ์กับผู้ล่า ระบบนิเวศคงเสียสมดุลย์ไปจนอาจจะเรียกว่าเป็นระบบที่เสื่อมโทรม และรอการฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง
ควรให้ในกรณีที่เป็นระบบนิเวศที่เกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น เช่น บ่อน้ำ บ่อปลาต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง และคาดหวังให้มีสัตว์น้ำนั้นๆเข้ามาอยู่เอง เช่น บ่อปลา บ่อเต่า ของวัด ส่วนใหญ่ ไม่มีทั้งผู้ผลิต และผู้ล่า ระบบนิวศไม่สมบูรณ์ หยุดเมื่อไร reset ให้ในไม่ช้า
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความคิดผม ผิดถูกอย่างไรไม่รู้ แต่ผมก็กดโหวตว่าไม่ควรครับ โดยเฉพาะ shark feeding ในธรรมชาติ เพราะมันเป็น top predator อย่างนี้ไม่ต้องรอบรรยายมากความ ระบบมันจะแย่ในที่สุดแน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sugary
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 30, 2009, 04:54:40 AM » |
|
โหวตแล้วค่ะว่าไม่สมควรให้ เพราะมีแนวโน้มว่าถ้าให้อาหารแล้วจะมีปัญหาตามมาอีกเรื่อยๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
lord of death
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 01, 2009, 10:00:29 AM » |
|
วันนึงเราไม่ให้ มันจะงับหัวเราเอานะ อย่าเริ่มให้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จงหมั่นระลึกถึงความตาย เพราะเป็นวาระติดตัวเรามาตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ เมื่อถึงเวลาจักได้มีสติกับความตาย ยังให้เราระลึกถึงพุทธองค์และกำหนดจิตถึงภพภูมิใหม่ได้เมื่อวาระนั้นมาถึง ขอให้ทุกท่านพ้นอบายภูมิ เราได้มีเวลาเที่ยว หุ หุ
|
|
|
boat sick forever
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 18
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 04, 2009, 05:49:02 PM » |
|
ไม่เห็นด้วยครับ!!!
ขอเสนอความเห้นอีกแนวก็แล้วกันครับ ผมมองในเชิงการควบคุมประชากรของสิ่งมีชีวิตในแนวปะการังซึ่งไม่ใช่เพียงปลากับปลา เท่านั้น แต่หมายถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่มีปลาเป็นผู้ช่วยรักษาสมดุลย์ของประชากรให้ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม เช่น
1. ปลากับสาหร่าย ปลากินพืชชนิดสำคัญที่พบว่ามักเป็นแขกรับเชิญของรายการ"โต๊ะจีนปลา" ได้แก่ปลาตะกรับลายบั้ง หรือ Abudefduf ทั้งหลายปลาเหล่านี้โดยธรรมชาติก็กินทั้งพื้ชและก็แพลงค์ตอนที่ลอยน้ำมา ทีนี้ช่วงเวลาที่มันควรกินพืชน้ำหรือสาหร่าย(Filamentous algae)ก็ควรเป็นช่วงที่สาหร่ายเหล่านี้บลูมแต่ช่วงนี้ก็มักเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งปลาเหล่านี้ก็จะมาร่วมแคมเปญกินโต๊ะจีนปลา คงไม่ปฏิเสธหรอกครับว่าปลายังคงกินอาหารธรรมชาติอยู่บ้างในบางส่วนแต่ก็น้อยเหลือเกินล่ะ ทีนี้เมื่อสาหร่ายเส้นใยมีผู้ควบคุมพื้นที่น้อยลงมันก็จะคลุมพื้นที่จนเราเห็นสาหรายเส้นใยสีน้ำตาลคลุมเต็มไปหมด และให้หนักใจมากขึ้นคือช่วงนี้เองก็เป็นช่วงที่มักพบว่าปะการังในน่านน้ำไทยก็ปล่อยตัวอ่อนเช่นกัน(ไม่นับปะการังดอกกะหลำ(pocillopora)ที่ปล่อยทั้งปี) โดยธรรมชาติก็เติบโตแก่งแย่งพื้นที่ลงเกาะได้ดีกว่าตัวอ่อนปะการังอยู่แล้วปะการังแถมผู้คอยควบคุบปริมาณยังหย่อนยานในการทำหน้าที่ด้วย โอกาสของตัวอ่อนปะการังในการลงเกาะก็น่าจะยิ่งน้อยลง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับแนวปะการังแห่งนี้ล่ะครับทีนี้ เคสนี้ยังต้องอาศัยระยะเวลานานกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่เคสต่อไปอาจใช้ระยะเวลาสั้นกว่านี้ในการเห็นความเปลี่ยนแปลง
2. ปลากับสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ เช่นเม่นทะเล หนอนท่อ ดาวทะเล (อาจรวมถึงดาวหนามด้วย) อย่างที่บอกแล้วว่าในหน้าร้อน ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวทางทะเล ทะเลบ้านเราช่างแสนวิเศษสำหรับสัตว์ทะเลเหลือเกินในการที่จะแพร่พันธุ์ เนื่องจากแสงแดดดี อุณหภูมิพอเหมาะ อาหารเยอะแยะทั้งแพลงค์ตอน ทั้งสาหร่าย แถมช่วงนี้ปลาที่คอยควบคุมปริมาณสัตว์น้ำวัยอ่อนก็ยังไปสนใจกินอาหารที่คนเอามาให้อีก คือปลามันก็ยังคงกินแพลงค์ตอนน่ะนะ แต่ก็กินน้อยลง ตัวอ่อนของสัตว์เหล่านี้ก็รอดมากมายขึ้นแถมไปเจอกับแหล่งอาหาร เช่นสาหร่ายที่ปลาไม่ค่อยจะได้กินเหลือมาไว้เป็นเสบียงอีก ทีนี้ก็โตกันพรึ่บพรั่บ กว่าฤดูท่องเที่ยวจะผ่านไปตัวอ่อนพวกนั้นก็โตเกินกว่าที่ปลาจะกินได้แล้ว ที่นี้เวลาเม่นมันอยู่กันเยอะๆก็ครูดกินพื้นผิวปะการังเยอะๆ เกิดภาวะที่เรียกว่า Heavy grazing ที่ทำให้สูญเสียพื้นผิวแนวปะการัง สูญเสียตัวอ่อนปะการังที่เพิ่งลงเกาะ สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เคยสังเกตมั้ยครับว่าแนวปะการังหลายแห่งที่น้ำใสๆไม่น่าจะมีเม่นทะเล ปัจจุบันนี้มันมีเพิ่มขึ้น เคสนี้เกิดขึ้นแล้วไม่ว่า จะเป็นเกาะอาดัง ราวี เกาะเฮ เกาะกระดานฯลฯ
นี่ยังไม่นับรวมเคสของพฤติกรรมปลาที่ก้าวร้าวขึ้น รวมพวกกันจนประชากรชนิดเด่นสามารถข่มให้กลุ่มประชากรชนิดรองๆ บางส่วนจนหายไปจากพื้นที่ได้ ทีนี้ความหลากหลายด้านชนิดพันธุ์ของประชากรจะเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงล่ะครับ
ดังนั้นเหตุผลเหล่านี้จึงน่าจะเพียงพอที่ทำให้ผมรวมถึงเราๆท่านๆทั้งหลายสามารถตัดสินใจได้นะครับว่าควรหรือไม่ควรเอาอาหารคนไปให้ปลากิน อธิบายยยืดยาว เอาเป็นว่าผมไม่เห็นด้วยจ้ะ สั้นๆได้ใจความ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 04, 2009, 09:38:08 PM โดย สายชล »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|