กระดานข่าว Save Our Sea.net
เมษายน 19, 2024, 10:33:04 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 8 เมษายน 2552  (อ่าน 5584 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 01:02:35 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา




สภาพอากาศประเทศไทย     
 
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคง ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ต่อไปอีก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้ และคลื่นลมในอ่าวไทยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันที่ 8-10 เม.ย. 52ไว้ด้วย 


พยากรณ์อากาศสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล  

อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บางแห่งส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 7-10 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออกของประเทศไทย ลักษณะเช่นทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนยังมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 11-13 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมบริเวณดังกล่าวจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนขึ้น
     

ข้อควรระวัง     

ในช่วงวันที่ 7-10 เม.ย. 52 ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น 

บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
Udomlert
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 162


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 01:14:35 AM »

ขอต้อนรับ ผู้รายงานข่าวน้องใหม่ครับ 
บันทึกการเข้า
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 02:47:05 AM »

คงรายงานได้แค่ไม่กี่วันนี้ .. เดี๋ยวก็หนีเที่ยวเหมือนกันจ้า ..


บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 02:50:46 AM »




ปักกิ่งติดใจมาตรการคุมเข้มการจราจรที่เริ่มใช้ตั้งแต่ช่วงก่อนโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 ขอต่ออายุเพิ่มอีก 1 ปี หลังจากพบว่ามาตรการดังกล่าวประสบความสำเร็จในการลดความแออัดบนท้องถนนและควบคุมมลพิษ

ไชน่าเดลี่ระบุว่า กฎระเบียบดังกล่าวจะช่วยลดจำนวนรถยนต์ของเมืองปักกิ่งที่มีมากถึง 3.6 ล้านคันลงสัปดาห์ละ 930,000 คัน โดยหลี่ คุนเซิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการยานยนต์แห่งสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเมืองปักกิ่งเผยว่า “คุณภาพอากาศของปักกิ่งดีขึ้น ปริมาณการปล่อยมลพิษของยวดยานพาหนะลดลง 10% นับตั้งแต่ได้เริ่มประกาศใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 กันยายนปีที่แล้วหลังเคยชิมลางใช้ในช่วงโอลิมปิกมาแล้ว"

ภายใต้ระบบดังกล่าว ป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ลงท้ายด้วย 0 และ 5 จะห้ามวิ่งบนถนนในวันจันทร์ ลงท้ายด้วยเลข 1 และ 6 ห้ามวิ่งวันอังคาร เป็นต้น แต่จะไม่มีการบังคับใช้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือนักขัตฤกษ์ นอกจากนี้กฎใหม่จะแตกต่างจากกฎเดิมเล็กน้อยตรงที่กฎใหม่จะเริ่มควบคุมจราจรตั้งแต่เวลา 07.00 น.- 20.00 น. ในวันธรรมดาสำหรับรถส่วนบุคคล จากเดิมที่อยู่ระหว่าง 06.00 น.-21.00 น.

ทั้งนี้ หลายปีที่ผ่านมา ปักกิ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหนึ่งที่มีมลพิษในอากาศมากที่สุดในโลก อันมีสาเหตุหนึ่งมาจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีรถยนต์ใหม่เพิ่มเข้ามาในถนนเกือบ 1,500 คันต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องมลภาวะของเมืองหลวงจีนนั้นดีขึ้นตามลำดับนับตั้งแต่ที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โดยทางการได้เข็นมาตรการอื่นๆ มาใช้ร่วมด้วย อาทิ การย้ายโรงงานอุตสาหกรรมออกจากเมือง ขณะที่รถยนต์และรถประจำทางถูกเรียกร้องให้ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นด้วย
 
 

http://www.environnet.in.th
 
................................

จริงๆ แล้ว ประเทศจีนน่าจะวุ่นวายยิ่งกว่าบ้านเรา แต่ทำไมเค้าสามารถที่จะควบคุมการจราจรได้มากกว่าเรานะ .. แล้วพวกเราทำอะไรกันอยู่หละเนี่ย ..

ฝนตกรถติด ฝนไม่ตกรถก็ติด มันน่าเศร้าใจชมัด .. 
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
ดอกปีบ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 316


If we see the hearts of others, peace will follow


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 11:51:28 AM »

ไทยส่งเต่าดาว-คะมีเลียนคืนถิ่น ทส.ถกประเทศเพื่อนบ้านคุมเข้ม

วัน ที่ 7 เมษายน นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงว่า ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายนนี้ จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศ เรื่องความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเพื่อลดอาชญากรรมสัตว์ป่า ที่โรงแรมมณเฑียร เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ทั้งนี้ จากความร่วมมือของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม (บก.ปทส.) เมื่อปีที่ผ่านมาสามารถจับกลุ่มผู้กระทำผิดและสัตว์ของกลางได้จำนวนมาก คือ สัตว์มีชีวิต 9,072 ตัว ซากสัตว์ป่า 418 ตัว กับอีก 102 ชิ้น สัตว์ป่าที่จับได้มากที่สุดคือ ตัวนิ่ม หรือลิ่น รองลงมาคือ ซากเสือ เต่าดาว จากประเทศมาดากัสการ์ ตัวคะมีเลียน (Chameleon) หรือกิ้งก่า ลิงลม และนกชนิดต่างๆ โดยประเทศไทยจะเป็นเส้นทางผ่านไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน มีต้นทางมาจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย

" สำหรับตัวนิ่ม ต้นทางตัวละ 3 พันบาท แต่เมื่อไปถึงจีนราคาตัวละ 2 หมื่นบาท เพื่อไปทำยาโป๊ และยาบำรุงกำลังทางเพศ ส่วนผู้รับจ้างขนส่งรับค่าจ้างเที่ยวละ 2 หมื่นบาท ช่วงที่ตลาดมีความต้องการสัตว์มาก จะมีการขนส่งเดือนละ 5 เที่ยว แต่หลังมีการกวดขันมากขึ้นการลักลอบก็ลดลงตามลำดับ ล่าสุด จับตัวนิ่มได้ที่ด่านศุลกากร 242 ตัว ตรวจสภาพแล้วสัตวแพทย์ระบุว่าเดินทางมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน หลังจากปฐมพยาบาลแล้ว รอดชีวิตประมาณร้อยกว่าตัวเท่านั้น และยังต้องนำไปให้สถานีรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพื้นที่ต่างๆ เลี้ยงดู จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ขณะนี้กรมอุทยานฯดูแลตัวนิ่มประมาณ 364 ตัว" นายเกษมสันต์กล่าว และว่า ที่ผ่านมา ไทยเคยส่งอุรังอุตัง 53 ตัว กลับสู่ประเทศอินโดนีเซีย โดยรัฐบาลอินโดนีเซียยินยอมจ่ายเงินค่าดูแลและขนส่งกลับทั้งหมด และล่าสุดเพิ่งส่งเต่าดาว และกิ้งก่าคะมีเลียนกลับสู่ประเทศมาดากัสการ์เช่นเดียวกัน

ที่มา: มติชน
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01lif02080452&sectionid=0132&day=2009-04-08


* lif02080452p1.jpg (12.75 KB, 200x150 - ดู 806 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ดอกปีบ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 316


If we see the hearts of others, peace will follow


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 12:02:20 PM »

อย่าให้ CSR เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์

คอลัมน์ ดุลยภาพ ดุลยพินิจ

โดย นวลน้อย ตรีรัตน์

ที่มา มติชน

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act02080452&sectionid=0130&day=2009-04-08

เมื่อ วันที่ 3 มีนาคม 2552 ศาลปกครองระยอง ได้มีคำตัดสินให้คณะกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศให้เขตพื้นที่มาบตาพุด ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ เพราะในขณะนี้เขตพื้นที่มาบตาพุดเป็นพื้นที่ซึ่งมีปัญหามลพิษ และมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับที่รุนแรงได้

คำ ตัดสินดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ว่า เขตพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด มีสารอินทรีย์ระเหยมากกว่า 40 ชนิด เป็นสารก่อมะเร็ง 20 ชนิด โดยสารอินทรีย์ระเหยก่อมะเร็งมีค่าก่อมะเร็งเกินระดับเฝ้าระวังคุณภาพทาง อากาศในบรรยากาศ จำนวน 19 ชนิด ดังนั้น หากระบายออกมาเต็มที่ก็จะมีค่าเกินมาตรฐานตามค่าที่ได้รับอนุญาต ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติที่ได้มีการรวบรวม เกี่ยวกับระบาดวิทยาของโรคมะเร็งในประเทศไทยของจังหวัดระยอง ปี พ.ศ.2540 ถึง 2544 พบว่าการเกิดมะเร็งทุกชนิด และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวของ อ.เมืองระยอง สูงกว่าอำเภออื่นๆ ของจังหวัดระยอง เป็น 3 เท่า ถึง 5 เท่า นอกจากนี้แหล่งน้ำจืด แม่น้ำ คลอง รวมถึงทะเลและน้ำบาดาลในพื้นที่ ส่วนใหญ่มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน พบการปนเปื้อนโลหะหนักเกินมาตรฐาน คือ สังกะสี แมงกานีส สารหนู และพบสารอินทรีย์ระเหยง่ายเกินมาตรฐาน

แม้ คำตัดสินดังกล่าวก่อให้เกิดความกังวลกับนักธุรกิจภาคอุตสาหกรรมบางส่วนว่า จะกระทบต่อการลงทุนในอนาคต แต่ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติก็ได้เคยประกาศเขตควบคุมมลพิษไปแล้ว 17 พื้นที่ ใน 12 จังหวัด ซึ่งไม่ได้ส่งผลให้การลงทุนอุตสาหกรรมเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง แต่ต้องเป็นการลงทุนที่จะต้องระมัดระวังผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่สร้างผลกระทบเพิ่มมากขึ้น และรัฐบาลจะต้องมีโครงการที่แน่นอนในการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ

ใน ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างการพัฒนาหรือการลงทุนทางอุตสาหกรรม กับชุมชน มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงเห็นหรือได้ยินข่าวการประท้วง ต่อต้านการเข้ามาของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จากชาวบ้านในชุมชนต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ผู้เขียนเคยถามชาวบ้านในพื้นที่เหล่านี้ถึงสาเหตุของการต่อต้าน ทุกแห่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้เคยไปดูหรือศึกษาสภาพของเขตมาบตาพุดมาแล้ว พบว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ในทางที่เลวร้ายลง รัฐบาลก็ไม่ดำเนินการแก้ไข หรือควบคุมแต่อย่างใด ชาวบ้านไม่อยากจะเชื่อใจรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว เขาไม่อยากมีชีวิตที่ตายผ่อนส่ง

ในขณะเดียวกัน เราจะเห็นว่ากระแสของการผลักดันให้องค์กรดำเนินการโดยยึดหลักบรรษัทภิบาลใน การประกอบธุรกิจมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวคิดเรื่องการดำเนินการที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (corporate social responsibility - CSR)

แต่ก็มีข้อวิจารณ์ที่ตามมาด้วยว่า องค์กรธุรกิจหลายแห่งได้นำเรื่อง CSR มาเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ เป็นการสื่อสารทางการตลาด เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร และในบางแห่งได้นำ CSR มาใช้เพื่อกีดกันการแข่งขันทางการค้าเท่านั้น

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ได้นำเสนอหลักการประยุกต์ใช้ CSR ในธุรกิจว่า สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น คือ

ขั้น แรกเป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายเเรงงาน เป็นต้น ขั้นที่สอง เน้นในเรื่องประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงความสามารถในการอยู่รอดและให้ผลตอบเเทนแก่ผู้ถือหุ้น โดยกำไรนั้นต้องมิใช่กำไรซึ่งเกิดจากการเบียดเบียนสังคม

ขั้นที่ สาม เป็นเรื่องจรรยาบรรณทางธุรกิจ หมายถึงธุรกิจควรดำเนินการโดยมีเป้าหมายในเรื่องผลกำไรของผู้ถือหุ้นควบคู่ กับผลตอบแทนต่อสังคม โดยธุรกิจสามารถสร้างผลกำไรแก่ผู้ถือหุ้นได้ในอัตราที่เหมาะสมและผู้ประกอบ ธุรกิจได้ใส่ใจเพื่อให้ประโยชน์ตอบเเทนเเก่สังคมมากขึ้น

และขั้น ที่สี่ เป็นการดำเนินการขององค์กรตามเเนวทาง CSR ด้วยความสมัครใจ ไม่ได้เป็นเพราะถูกเรียกร้องจากสังคมแต่อย่างใด แต่เป็นการประกอบธุรกิจบนพื้นฐานที่มุ่งเน้นประโยชน์ของสังคมเป็นสำคัญ

การส ร้าง CSR ขององค์กรธุรกิจต่างๆ มักเป็นประโยชน์ที่เกิดกับธุรกิจโดยตรง เป็นการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรธุรกิจ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจว่าเป็นองค์กรที่คำนึงถึงสังคม มีความรับผิดชอบ และทำเพื่อสังคม

ซึ่งถ้ามีการดำเนินการอย่างต่อ เนื่องและด้วยความจริงใจ จะส่งผลให้เกิดความยั่งยืนขององค์กร โดยสังคมสามารถรับรู้ได้ว่าการดำเนินการขององค์กรไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่ การสร้างกำไรหรือผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเท่านั้น แต่มีการสร้างคุณค่าให้กับองค์กร และสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อสังคมด้วย ตัวอย่างเช่นเป็นองค์กรที่คำนึงถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม ยึดหลักการสร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมทางสังคม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคหรือสังคม สนับสนุนและส่งเสริมการกระจายรายได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักบรรษัทภิบาล ที่การดำเนินการที่ดีขององค์กร จะต้องให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ได้นับเพียงผู้ถือหุ้นเท่านั้น แต่รวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง ผู้บริโภค พันธมิตรทางการค้า ตลอดจนชุมชนและสังคมโดยรวม

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมหรือ CSR ในประเทศไทย องค์กรธุรกิจจำนวนมากยังถือว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานประชาสัมพันธ์หรือ การตลาด โดยจุดมุ่งหมายของการทำ CSR ยังคงเป็นแค่การประชาสัมพันธ์ให้รู้จักกับองค์กร เป็นการสร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เป็นข่าว หรือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ หรือใช้เพื่อสร้างชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และตราสินค้า (Brand) ขององค์กร กลยุทธ์ประเภทนี้ จะมีการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เช่นการแจกผ้าห่ม สร้างโรงเรียน ปลูกป่า เป็นต้น หรือใช้ CSR เพื่อลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ

ประเภทสุดท้ายมักเป็นองค์กรที่การ ดำเนินธุรกิจที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมค่อนข้างสูง จึงทำให้การดำเนินการจะต้องได้รับการยอมรับของชุมชน เพราะหากถูกต่อต้านจากชุมชนจะทำให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปด้วยความยาก ลำบาก และอาจขยายตัวจนทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการหรือขยายตัวได้

ด้วย เหตุนี้ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างกลไก หรือดำเนินการกิจกรรมที่ทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับจากสังคม และชุมชนในพื้นที่ ลักษณะกิจกรรม CSR ประเภทนี้จึงมักจะดำเนินการในพื้นที่ที่บริษัทตั้งอยู่หรือดำเนินงานอยู่ เช่น การบริจาคเงินให้ชุมชน การจัดทำโครงการพัฒนาชุมชน การพัฒนาอาชีพของชาวบ้านในชุมชน การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในชุมชน การจ้างคนในชุมชนให้ทำงานในโครงการที่บริษัทริเริ่มขึ้น เป็นต้น ตัวอย่างขององค์กรประเภทนี้ เช่น การจัดตั้งกองทุนพัฒนาในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า เป็นต้น

แต่ถ้าการดำเนิน การของ CSR เป็นไปเพื่อเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้มีความจริงใจที่จะทำให้แนวคิดทางด้าน CSR เป็นส่วนเดียวกันกับการดำเนินงานขององค์กรทั้งหมด เช่นองค์กรจำนวนมากที่ทุ่มงบประมาณค่อนข้างมากในการจัดกิจกรรมทางสังคม และการโฆษณาว่าเป็นองค์กรที่คำนึงถึงสังคม แต่ในการดำเนินงานกับหาทางที่จะลดต้นทุนทางการผลิต โดยปราศจากการคำนึงถึงหรือรับผิดชอบต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน หรือปราศจากแนวคิดที่จะคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่

ถ้า ระดับการดำเนินการ CSR ขององค์กรธุรกิจ ยังเป็นเช่นนี้อยู่ เราก็ยังคงได้เห็นความขัดแย้ง ความไม่เชื่อใจ และการต่อต้านของชุมชนต่อการพัฒนา และสุดท้ายความร่วมมือและการพึ่งพากันระหว่างสังคม ชุมชน กับธุรกิจก็คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้
บันทึกการเข้า
Birdie ที่ไม่ใช่กาแฟ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 295



« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 01:09:56 PM »

คงรายงานได้แค่ไม่กี่วันนี้ .. เดี๋ยวก็หนีเที่ยวเหมือนกันจ้า ..




กะลังจะแซวพี่พิงค์เลยนะเนี่ย น่านดิ จะได้กี่วันหนอ เด๋วก็หายไปอีกคนล่ะ 

แต่น่ารักจังเลยค่ะ อุตส่าห์ทำหน้าที่แทนพี่สายน้ำ ขอบคุณนะค้า ขอบคุณดอกปีบด้วย ช่วยกันรายงานใหญ่เลย 
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 01:59:33 PM »


ขอบคุณมากๆจ้ะ ....ผู้สื่อข่าวทั้งสองท่าน...น้องพิงค์และน้องดอกปีบ.....

แล้วพบกันอีกไม่กี่วันแล้วนะจ๊ะ....หนูพิ้งค์....

ส่วนน้องงปี๊บ....พบกันอีกสิบวันข้างหน้านะจ๊ะ.....
บันทึกการเข้า

Saaychol
ดอกปีบ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 316


If we see the hearts of others, peace will follow


« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 02:06:54 PM »

ขอบคุณพี่สายชลเช่นกัน ผมมีโอกาสก็อยากมีส่วนร่วมดูแลบ้านครับ 



รักษาสุขภาพครับพี่น้อย ที่นู่นคงดึกแล้วเหมือนกัน
พบกันอีกสิบวันข้างหน้าครับผม 
บันทึกการเข้า
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 08, 2009, 02:30:46 PM »

  เจอกันวันเสาร์ค่า .. ดำน้ำให้สนุก .. รอดูรูปนะคะ ..
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.292 วินาที กับ 20 คำสั่ง