กระดานข่าว Save Our Sea.net
เมษายน 24, 2024, 09:30:23 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2552  (อ่าน 4373 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« เมื่อ: เมษายน 10, 2009, 01:00:03 AM »

พยากรณ์อากาศประจำวัน - กรุงเทพมหานครและปริมณฑล



ลักษณะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคง ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ต่อไปอีก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้ และคลื่นลมในอ่าวไทยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันที่ 8-10 เม.ย. 52ไว้ด้วย 
 
 
พยากรณ์อากาศสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล

อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บางแห่งส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 
 
 
อากาศ 7 วันข้างหน้า   
 
คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 7-10 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออกของประเทศไทย ลักษณะเช่นทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนยังมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 11-13 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมบริเวณดังกล่าวจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนขึ้น
     
ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 7-10 เม.ย. 52 ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น
 
 
 
 
 
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 10, 2009, 01:02:18 AM »

การคาดหมาย ในช่วงวันที่ 10-13 เม.ย.

ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมี
ฝนฟ้าคะนองอยู่ในเกณฑ์กระจายกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 14-17 เม.ย. ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีฝนลดลง และมีอากาศร้อนขึ้น

ใต้ฝั่งตะวันตก (ฝั่งอันดามัน)

ในช่วงวันที่ 10-13 เม.ย.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร และในช่วงวันที่ 14-17 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 10, 2009, 01:13:13 AM »

แล้ง 4 ระดับ 111 ล้านไร่  

ยามนี้...แม้ว่าจะมี ฝนตกกระจายไปทั่วประเทศ แต่ปริมาณน้ำที่ในแหล่งกักเก็บทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางยังน้อยอยู่ ศูนย์ประมวลวิเคราะห์ สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ยังขอ ให้ประชาชนและเกษตรกรร่วมมือกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อสำรองทรัพยากรไว้ใช้ในอนาคต ให้เกิดประโยชน์และ ประสิทธิภาพสูงสุด...หากเกิดกรณีฝนตกน้อย หรือทิ้งช่วง

ส่วน การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2552 ใน เขตชลประทานได้กำหนดพื้นที่เป้าหมาย ทั้งประเทศ 13.19 ไร่ ล่าสุด เมื่อต้นเดือนนี้ (เมษายน) มีการ เพาะปลูกไปแล้ว 14.20 ล้านไร่ คือ 108 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่เป้าหมาย

ซึ่งแยกเป็น ข้าวนาปรัง 9.55 ล้านไร่ พืชไร่พืชผัก 0.59 ล้านไร่ และ อื่นๆ อีกราว 3.73 ล้านไร่ ส่วนพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังมีแนวโน้มที่จะเพาะปลูกข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ขอให้เกษตรกรที่จะทำนาปรังรอบที่ 2 ให้พิจารณาถึงแหล่งน้ำต้นทุน ว่าจะพอเพียงหรือไม่

คุณบัณฑิต ตันศิริ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในการรับผิดชอบ เกี่ยวกับความแห้งแล้งของพื้นที่เกษตรกรรม บอกกับสื่อมวลชนว่า....พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดสภาวะแห้งแล้งทั้งประเทศรวม 111.3 ล้านไร่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ระดับคือ

ระดับแรกเป็น พื้นที่มีสภาวะแห้งแล้งปกติในฤดูแล้ง โอกาสขาดแคลนน้ำ ทั้งอุปโภค บริโภคและการเกษตรต่ำ (ส่วนใหญ่เป็น พื้นที่นาปรังในเขตชลประทาน ไม้ผล ไม้ยืนต้นและป่า) 68 ล้านไร่

ระดับ 2...ความแห้งแล้งปานกลาง ส่วนใหญ่อยู่นอกเขตชลประทาน มีการปลูกข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง พืชผัก ไม้ผล 94.32 ล้านไร่

ระดับ 3 ราวๆ 32.70 ล้านไร่ เป็น พื้นที่โอกาสสูงที่จะเกิดความแห้งแล้ง เนื่องจากไกลแหล่งน้ำชลประทานปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่ำและดินอุ้มน้ำได้ต่ำ

และ....ระดับ 4 เป็น พื้นที่มีโอกาสเกิดความแห้งแล้งสูงมาก เพราะลักษณะทางกายภาพของดินในการอุ้มน้ำต่ำมาก มีพื้นที่ประมาณ 11.15 ล้านไร่ ประชากรและเกษตรกรเดือดร้อน ด้วยปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ไม่มีแหล่งน้ำชลประทาน พื้นที่การเกษตรกรรมเสียหายรุนแรง ส่วนใหญ่ จะปลูกพืชไร่เป็นหลัก

กรมพัฒนาที่ดินมีแผนส่งเสริมพื้นที่นอกเขตชลประทานให้ เกษตรกรปลูกพืชปุ๋ยสดหลังการเก็บเกี่ยวข้าว เนื่องจากใช้น้ำน้อยและสามารถ สับกลบเพิ่มความอุดมสมบูรณ์กลับสู่พื้นดินได้อีก

ทั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดินยังจัดทำแผนที่แสดงพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดสภาวะแห้งแล้ง ในปีนี้ โดยใช้ปัจจัยแวดล้อมที่สำคัญในการวิเคราะห์พื้นที่ด้วย ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS)

ซึ่ง.....จะแจงถึง ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี ปริมาณน้ำฝนที่ต่างจากค่าปกติ พื้นที่ชลประทาน ความสามารถในการอุ้มน้ำของดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน และพื้นที่ที่เคยเกิดภาวะแล้งซ้ำซาก

โดย...สามารถตรวจสอบข้อมูลในแผนที่ทั่วประเทศได้จากเว็บไซต์ www.ldd.go.th ตลอดเวลา...!!!


ที่มา . ไทยรัฐ
 
 
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
ดอกปีบ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 316


If we see the hearts of others, peace will follow


« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 10, 2009, 03:06:29 AM »

ที่มา วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11353 มติชนรายวัน

ดอยอินทนนท์หมดโรแมนติค "นก-แมงปอ-ป่าเมฆ"ใกล้หาย

เมื่อ วันที่ 9 เมษายน ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดสัมมนาเรื่องดอยอินทนนท์ ฟีเวอร์ วิกฤต หรือโอกาส โดย นพ.รังสฤษดิ์ กาญจนะวานิชน์ ประธานชมรมอนุรักษ์นกล้านนา กล่าวว่า ปัญหารุมเร้าดอยอินทนนท์จนมีสภาพเหมือนคนป่วยหนัก ข้าวตอกฤๅษี ซึ่งเป็นเฟิร์นชนิดหนึ่ง ปกติเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี แต่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ฤดูร้อนข้าวตอกฤๅษีจะแห้งเหี่ยวทั่วทั้งป่า นอกจากนี้สภาพป่าบนดอยอินทนนท์ เป็นป่าที่เรียกว่าป่าเมฆ คือเป็นป่าดิบเขาสูงกว่าสองพันห้าร้อยเมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งมีเพียงจุดเดียวในประเทศไทย ทุกวันนี้ป่าเมฆกำลังลำบาก เพราะต้องผจญกับมลพิษจากรถยนต์ บวกกับการเปลี่ยนแปลงภาวะอากาศโลก ป่าที่เคยชุ่มชื้นสูงมีเมฆลอยต่ำ ปัจจุบันฐานของเมฆจะสูงขึ้น เพราะอุณหภูมิในป่าสูงขึ้น หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ความเป็นป่าเมฆก็อาจจะหายไปในที่สุด

นพ.รังสฤษดิ์กล่าวว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทางชมรมอนุรักษ์นกล้านนา เข้าไปเก็บตัวอย่างและสำรวจปริมาณนก และสัตว์ต่างๆ บนดอยอินทนนท์ พบว่า สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่อาศัยอยู่ในป่าดอยอินทนนท์ หรือที่เรียกว่าสัตว์ชายขอบก็อยู่ในสภาพลำบาก ทั้งตัวชี้วัดสภาพป่าได้ดีที่สุดคือ นก และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เวลานี้พบว่า ปริมาณ และชนิดของนก และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำลดลงอย่างน่าใจหาย เช่น นกกินปลีหางเขียว นกเปลือกไม้ และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่าง กบ เขียด ปาด ซาลาแมนเดอร์ ก็ลดลงเช่นกัน เมื่อดูภาพถ่ายจากเว็บไซต์ กูเกิลเอิร์ธ พบว่าเวลานี้ป่าบนดอยอินทนนท์ มีรูโหว่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ช่วงเวลากลางคืนบนดอยอินทนนท์ จะมีการเปิดไฟ มีแสง สีออกมาสว่างไสวไปทั่วทั้งดอยตลอดทั้งคืน นักธรรมชาติวิทยาหลายคนเป็นห่วงว่า แสงไฟดังกล่าวจะทำให้แมลงในป่า ผีเสื้อกลางคืน และนกอพยพสับสน เพราะไม่รู้ว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนกันแน่

"เราเรียกสภาพนี้ ว่า ภาวะมลพิษทางแสง เวลานี้ใครที่อยากดูดาวไม่ต้องไปบนดอยอินทนนท์ เพราะไม่มีแสงดาวให้เห็นอีกต่อไป เนื่องจากแสงไฟกลบหมด เรียกว่า บรรยากาศโรแมนติคไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว เหลือแต่เมืองที่มีแสงสีเสียง ล่าสุดที่ผมเข้าไปนั้น ตกใจมาก เห็นป้ายเชิญชวนให้เข้าไปปลูกต้นไม้โดยใช้รถเอทีวี ที่ตกใจกว่านั้นคือ พรีเซ็นเตอร์ที่เชิญชวนเรื่องนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ" นพ.รังสฤษดิ์กล่าว และว่า ช่วงฤดูท่องเที่ยว นกบางชนิด ต้องกินขยะ และพบสัตว์หายากหลายชนิด เช่น ตัวเพียงพอนหางเหลือง แมวดาว โดนรถนักท่องเที่ยวทับตาย

นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้อำนวยการส่วนนโยบายและแผนสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า ดอยอินท์ มีนักท่องเที่ยวปีละ 4 แสนกว่าคน อย่าเพิ่งตกใจว่าดอยอินท์เลวร้ายมากขนาดนั้น สิ่งที่เป็นห่วงอย่างมากในช่วงเวลาอันใกล้คือ เทศกาลสงกรานต์ เพราะดอยอินทนนท์ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอยากให้จอดรถไว้ตรงทางขึ้นดอย

หน้า 10

บันทึกการเข้า
ดอกปีบ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 316


If we see the hearts of others, peace will follow


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 10, 2009, 03:25:10 AM »

ที่มา วันที่ 09 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 21:20:58 น.   มติชนออนไลน์

ทส.ให้รางวัลสิ่งแวดล้อมที่ดีตามมาตรการรายงานอีไอเอ

นายสุวิทย์ คุณกิตติ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลสถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการในรายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและ มีการจัดการสภาพแวดล้อมดีเด่น  ประจำปี 2551  (EIA Monitoring Awards 2008) เมื่อวันที่ 9 เมษายน  เพื่อประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ประกอบการ จำนวน  43  โครงการที่ได้รับคัดเลือกฯ ณ  โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพฯ

นายสุวิทย์ กล่าวว่า   EIA Monitoring Awards  คือ รางวัลเกียรติยศสำหรับยกย่อง สถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครบถ้วน และมีการจัดการสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดียิ่งและต่อเนื่อง  จึงได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล  EIA  Monitoring Awards  ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 เพื่อส่งเสริม สร้างแรงจูงใจ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่ระบุไว้ในรายงาน EIA อย่างต่อเนื่องและจริงจัง รวมทั้ง ต้องให้ความสำคัญรับผิดชอบต่อสังคม ในการมีส่วนร่วม หรือสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นและภาครัฐดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้ดี ยิ่งขี้น
             
งานมอบรางวัล EIA Monitoring Awards  จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 แล้ว  ทำให้การพิจารณาคัดเลือกต้องเข้มข้นมากขึ้น เราเน้น        ความโปร่งใส  ยุติธรรม  และความเป็นกลางของทุกคะแนนเสียงของกรรมการที่มาจากหลายหน่วยงาน ซึ่งในปีนี้ ได้รับเกียรติจากนายศิริธัญญ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก  เป็นประธานคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกเพื่อมอบรางวัลฯ ซึ่งสามารถยืนยันผลการตัดสินได้ว่า สถานประกอบการ มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ เหมาะสมแล้วที่จะได้รับรางวัลสำคัญนี้   จึงขอแสดงความยินดีกับสถานประกอบการที่ได้รับรางวัล ทั้ง 43 โครงการ   ได้แก  รางวัลยอดเยี่ยม  5  โครงการ  รางวัลดีเด่น  38 โครงการ และขอให้ช่วยกันดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป

โครงการที่ได้รับการคัดเลือกสถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการในรายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม  และมีการจัดการสภาพแวดล้อมดีเด่น  ประจำปี 2551 (EIA Monitoring Awards 2008)

มีจำนวนทั้งสิ้น 43โครงการ แบ่งเป็นแต่ละประเภทโครงการได้ดังนี้
โครงการประเภทเหมืองแร่ 10 โครงการ
โครงการประเภทบริการชุมชนและที่พักอาศัย 7 โครงการ
โครงการประเภทคมนาคม  8 โครงการ
โครงการประเภทพลังงาน  5 โครงการ
โครงการประเภทอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 12 โครงการ
โครงการประเภทอุตสาหกรรมอื่นๆ  1 โครงการ

ประเภทเหมืองแร่ จำนวน  10  โครงการ
1.โครงการเหมืองแร่หินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์  บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด
2.โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด
3.โครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด
4.โครงการเหมืองแร่หินปูนและหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์   บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด
5.โครงการเหมืองแร่หินปูนและหินดินดาน
เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ทุ่งสง) จำกัด
6. โครงการเหมืองแร่เกลือหิน บริษัท เกลือพิมาย จำกัด
7.โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง นายลำพูน กองศาสนะ
8.โครงการเหมืองแร่โดโลไมต์และหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างนายประสิทธิ์ ทวนดำ(บริษัท ตรัง ยูซี จำกัด รับช่วง)
9.โครงการเหมืองแร่เฟลด์สปาร์ บริษัท พิพัฒน์กร จำกัด
10.โครงการเหมืองแร่หินปูนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
 

ประเภทบริการชุมชนและที่พักอาศัย
   7 โครงการ
1.บ้านสถาพร บริษัท เฉลิมนคร จำกัด

ประเภทรางวัลดีเด่น
1.เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง สุวรรณภูมิ เฟส 2และ 3บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)
2.โรงแรมสยามเบย์ชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา  บริษัท สยามเบย์ชอร์ จำกัด
3.โรงแรมสยามเบย์วิว พัทยา บริษัท สยามรีสอทโฮเต็ล จำกัด
4.โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ทและวิลลา  หัวหิน บริษัท เซ็นทรัลหัวหิน บีช รีสอร์ท จำกัด
5.โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต บริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล จำกัด (มหาชน)
6.โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท บริษัท โรแยลคลีฟ บีช โฮเต็ล จำกัด

ประเภทคมนาคม  8 โครงการ

ประเภทรางวัลยอดเยี่ยม
1.สนามบินสุโขทัย .บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด

ประเภทรางวัลดีเด่น
1.ท่าอากาศยานเชียงราย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
2.ท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้ากระบี่  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
3.ปรับปรุงท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานี บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
4.สะพานเทียบเรือน้ำมันและก๊าซ คลังปิโตรเลียมสงขลา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
5.สนามบินตราด บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด
6.ท่าเทียบเรือ  บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)
7.ท่าเทียบเรือ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด

ประเภทพลังงาน  5 โครงการ

1.โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนอม บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด

ประเภทรางวัลดีเด่น
1.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 105 เมกกะวัตต์ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขาถนนไอ-หนึ่ง
2.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสหโคเจน บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน)
3.โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 700 เมกะวัตต์ บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ(ประเทศไทย) จำกัด
4.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (พลังก๊าซ) 700 เมกกะวัตต์ บริษัท ไตร เอนเนอจี้ จำกัด

ประเภทอุตสาหกรรมอื่นๆ  1  โครงการ

ประเภทรางวัลดีเด่น
1.โครงการผลิตปูนซีเมนต์และโครงการปรับคุณภาพของ เสียรวม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด

ประเภทอุตสาหกรรมปิโตรเคมี   12 โครงการ

ประเภทรางวัลยอดเยี่ยม
1.โรงงานผลิตสารโอเลฟินส์และสารอะโรเมติกส์ บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด
2.โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอมบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ประเภทรางวัลดีเด่น
1.โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรไพลีน บริษัท ไทยโพลิโพรไพลีน จำกัด
2.โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรไพลีน บริษัท ไทยโพลิโพรไพลีน (1994) จำกัด
3.โรงงานผลิตเมธิลเมตาครีเลตบริษัท ไทย เอ็มเอ็มเอ จำกัด
4.โรงงานผลิต Polyethylene Terephthalate บริษัท ไทย เพ็ท เรซิน จำกัด
5.โรงงานผลิตคลอ-อัลคาไลน์ โรงงานผลิตไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)
6.โรงงานผลิตผงพลาสติกโพลีไวนิลคลอไรด์ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)
7.โครงการผลิตโพลีเอทิลีน (HDPE) บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขาถนนไอ-หนึ่ง
8.โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
9.โรงกลั่นน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน บริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน)
10.โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดโพลิโพรพิลีน หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด


แต่ละโครงการล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างใหญ่หลวงทั้งนั้น อย่างน้อยถ้ามีการติดตามผลอย่างจริงจัง โปร่งใส และได้มาตรฐานก็น่าจะช่วยลดความรุนแรงของผลกระทบลงได้บ้าง 

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 19 คำสั่ง