กระดานข่าว Save Our Sea.net
เมษายน 19, 2024, 05:50:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2552  (อ่าน 7612 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 12:43:38 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ด้านตะวันตกของประเทศมีฝนตกมากกว่าบริเวณอื่นๆในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรโดยเฉพาะ ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ขอให้ประชาชนและชาวเรือในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18-19 เม.ย. พายุไซโคลนบิจลี “BIJLI” (01B) ที่อยู่บริเวณอ่าวเบงกอลตอนบนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศบังคลาเทศและด้านตะวันตกของพม่า ส่งผลให้ลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยทางด้านตะวันตกมีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 20-24 เม.ย. ลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง และมีอากาศร้อนขึ้น


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้



* Forecast2.jpg (39.44 KB, 684x423 - ดู 2485 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 12:53:57 AM »

เดลินิวส์


 เวทีถกหยุดค้าสัตว์ป่าในอาเซียน ระบุเสือโคร่งเป็นสัตว์น่าห่วง


   
ผ่าน พ้นกันไปแล้วในการเดินหน้าครั้งใหญ่ของการประชุมอาเซียนเว็นซึ่งสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา มีบทสรุปพร้อมข้อตกลงจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย และองค์กรความร่วมมือนานาชาติ ในการร่วมมือด้านงานปราบปรามเพื่อหยุดยั้งการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายและการ ทำลายถิ่นอาศัย

ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศในหัวข้อ “วิกฤติการณ์ที่ถูกลืม : เสริมประสิทธิภาพความร่วมมือนานาชาติเพื่อหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าในเอเชีย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 เมษายน 2552 ที่พัทยา

อาเซียนเว็น คือเครือข่ายปราบปรามการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ที่ใหญ่ที่สุด อันประกอบไปด้วย องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม ตำรวจ ศุลกากร และเจ้าหน้าที่ตุลาการจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการสืบสวนและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่อต่อต้านการ ลักลอบขนส่งสัตว์ป่าและพืชป่า รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ



การประชุมที่พัทยาครั้งนี้ มีรัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพ โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก อาเซียนเว็น องค์กร Save the Tiger Fund, TRAFFIC International และ องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) และ มูลนิธิฟรีแลนด์ (FREELAND Foundation)

มีตัวเลขพบว่าการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคเอเชียมีมูลค่า สูงถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นรองเพียงมูลค่าการค้าอาวุธและยาเสพติดเท่านั้น ผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้เรียกร้องให้มีการลงมือปฏิบัติ โดยการตกลงร่วมกันให้มีการประกาศข้อตกลงฉบับใหม่ “การต่อสู้อาชญากรรมด้านสัตว์ป่าในภูมิภาคเอเชีย” โดยได้รับการสนับสนุนจาก นาย สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายโรเบิร์ต โซลิค ผู้นำธนาคารโลก

นายโซลิค ส่งสารถึงผู้ร่วมประชุมว่า “ประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียที่มีความสนใจ รวมทั้งเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มประชาสังคมที่ได้รับการ สนับสนุนจากธนาคารโลกต่างก็มารวมตัวกันในวันนี้ เพื่อร่วมกันต่อต้านอาชญากรรมสัตว์ป่า และหาแนวทางการทำงานร่วมกันในขั้นต่อไปสำหรับประสานงานด้านการปราบปรามใน ระดับภูมิภาคเพื่อปกป้องชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์และถิ่นอาศัยของ สัตว์ป่าในธรรมชาติ เช่น เสือโคร่งเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าที่ต้องได้รับการอนุรักษ์ปกป้องอย่างเร่งด่วน ในการนี้ ธนาคารโลกร่วมกับองค์กรความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อร่วมอนุรักษ์เสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียซึ่งปัจจุบันมีจำนวนลดลงอย่างรวด เร็วจาก 100,000 ตัวเหลือเพียง 4,000 ตัวในธรรมชาติ ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ผมขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านสำหรับผลการประชุมในครั้งนี้ และขอขอบคุณคณะรัฐบาลไทยที่เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมครั้งนี้”



อย่างไรก็ตาม ความพยายามหลักในการริเริ่มโครงการ Global Tiger Initiative ได้เปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2551 โดยธนาคารโลก สถาบันสมิธโซเนี่ยน The Global Environment Facility และ The International Tiger Coalition ซึ่งเป็นพื้นฐานความร่วมมือระดับนานาชาติที่อุทิศให้กับการอนุรักษ์เสือ โคร่งและความหลากหลายทางชีวภาพ ตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ ได้เริ่มการวางแผนเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดปีเสือ (Year of the Tiger Summit) ในปี 2552 ซึ่งจะนำผู้นำระดับสูงมาร่วมลงมติในการอนุรักษ์เสือโคร่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมของเอเชียและเป็นสัญลักษณ์ ของความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

แม้ปัจจุบันรัฐบาลของแต่ละประเทศและองค์กร อนุรักษ์ต่างก็ทำงานเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติอย่างแข็งขัน แต่เสือโคร่งและสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์หลายชนิดยังคงค่อย ๆ ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง การอนุรักษ์สัตว์ป่าเหล่านี้ไว้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากองค์กรใน ระดับสากลประกอบกับการสนับสนุนจากผู้นำระดับสูงและองค์กรระหว่างประเทศทั้ง หลาย ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2548 เครือข่ายอาเซียนเว็นนับว่าเป็นตัวอย่างเครือข่ายความร่วมมือด้านการปราบ ปรามการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายในระดับภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง

สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิ การอาเซียน กล่าวว่า เรามีความหลากหลายทางชีวภาพอันเป็นเอก ลักษณ์ที่แตกต่างและอุดมสมบูรณ์ซึ่งต้องการการดูแลปกป้องด้วยความใส่ใจ เราต้องร่วมกันทำงานเพื่ออนุรักษ์มรดกทางธรรมชาตินี้ไว้ ผมขอชมเชยธนาคารโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่ออาเซียนเว็น เพื่อทำงานปกป้อง และต่อสู้กับการคุกคามสัตว์ป่าและพืชป่าของประเทศในกลุ่มอาเซียนและประเทศ ต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย

สุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในระหว่างการประชุมครั้งนี้ว่าวิกฤติการค้าสัตว์ป่าเช่นเดียวกับวิกฤติ การณ์ทางด้านการเงินในระดับโลกที่เรากำลังเผชิญครั้งนี้ได้ทำให้เราเห็นว่า เศรษฐกิจของทุกประเทศนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างละเอียดอ่อน อาชญากรรมสัตว์ป่าก็เช่นเดียวกัน มีผลกระทบทั้งในระดับข้ามพรมแดนและในระดับโลก ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ ต้องเข้ามาร่วมมือกันเพื่อพยายามหาทางออกให้กับวิกฤติการณ์ที่ถูกลืมนี้

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานของกลุ่มประเทศที่มีเสือโคร่งอาศัยอยู่ ขึ้นภายในปีนี้ อันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและเป็นสัญญาณสำหรับการสนับสนุนจากฝ่ายการ เมืองต่อข้อเสนอแนะในคำประกาศข้อตกลงฉบับใหม่จากการประชุมในครั้งนี้อีกด้วย

เพราะเสือโคร่งสัญลักษณ์แห่งเอเชียอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้สูญพันธุ์.


**************************************************************************************************************************************************


 ‘หอยทับทิม’ แปรรูปขายรายได้น่าสน


   
เรื่อง ของการแปรรูปอาหารทะเลนั้นมีหลายแบบสุดแท้แต่จะเลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นการตากแห้ง, การอบกรอบ-ทอดกรอบ, การทำสามรส ฯลฯ โดยวัตถุดิบก็มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งการแปรรูปอาหารทะเลก็เป็นทั้งวิธีถนอมอาหาร และเป็น “ช่องทางทำกิน” ด้วย อย่างเช่นการ “แปร รูปหอยทับทิม” ที่จะนำเสนอในวันนี้...

ธนภาค คล้ำจิต ฝ่ายการตลาดของกลุ่มแปรรูปอาหารทะเล (หอยหลอดแห้ง ตะไคร้หยอง) ที่ จ.สมุทรสงคราม ให้ข้อมูลว่า “หอยทับทิม” เป็นหอยทะเลอีกชนิดหนึ่งที่พบมากในอ่าวไทย ในน้ำลึก พบมากในทะเลแถวสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสุราษฎร์ธานี ซึ่งจะมีชาวประมงออกเรือไปจับมาขายหรือแปรรูปขาย

สำหรับธนภาคเอง เมื่อก่อนก็มีเรือประมง แต่ภายหลังเศรษฐกิจไม่ค่อยเอื้ออำนวย จึงต้องเลิกกิจการไป แล้วมารวมกลุ่มทำกลุ่มแปรรูปอาหารทะเล โดยตนเองทำหน้าที่เป็นฝ่ายการตลาด ออกทำตลาดตามงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ซึ่งผลตอบรับก็ค่อนข้างดี เพราะเป็นการแปรรูปอาหารท้องถิ่น ที่คนต่างถิ่นให้ความนิยม



ในส่วนของ “หอยทับทิม” ถ้าเป็นหอยสดราคาซื้อขายก็มี 2 แบบคือ หอยทับทิมทั้งเปลือกราคา กก. ละประมาณ 2 บาท ถ้าแกะเปลือกเรียบร้อยแล้ว ราคา กก. ละ 40 บาท โดยที่หอยทับทิมพร้อมเปลือก 1 กก.เมื่อแกะเปลือกแล้วจะเหลือเนื้อที่มีน้ำหนักประมาณ 700 กรัม
การแกะเปลือกหอยทับทิมนั้น ก็ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก โดยจะใช้วิธีต้มหอยให้สุกด้วยน้ำเดือด เมื่อหอยสุกแล้วเปลือกหอยก็จะหลุดออกจากกัน และส่วนที่เป็นเนื้อหอยก็จะลอยขึ้นมาเอง

ฝ่ายการตลาดของกลุ่มแปรรูปอาหารทะเลกลุ่มนี้ยังให้ข้อมูลการแปรรูป หอยทับทิมต่อไปว่า ทางกลุ่มมีการแปรรูปหลายเมนู เช่น “หอยทับทิมหวาน” “หอยทับทิมกรอบ 3 รส” “หอยทับทิมหวาน 3 รส”

กรรมวิธีการทำ “หอยทับทิมหวาน” วิธีการก็ไม่ซับซ้อน โดยใช้เนื้อหอยลวกสุก 1 กก. หมักค้างคืนกับน้ำตาลทราย 1 กก. และเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วตากแดด 1 แดด คล้าย ๆ กับการทำหอยแดดเดียวนั่นเอง

การทำ “หอยทับทิมกรอบ 3 รส” ลวกหอยให้สุกแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำไปทอดให้กรอบอีกครั้ง แล้วจึงเข้าขั้นตอนการปรุงรส โดยให้มีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม และหวาน

ส่วนผสมในการปรุงรสนั้นมีดังนี้คือ เนื้อหอย 1 กก. จะใช้น้ำตาลทราย 300 กรัม, น้ำจิ้มบ๊วย 200-300 กรัม, เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ และพริกขี้หนู 100 กรัม ปรุงโดยคลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยการตั้งไฟอ่อน ๆ ด้วย เมื่อส่วนผสมเข้ากันแล้ว ชิมดูว่าใช้ได้แล้ว ก็เข้าขั้นตอนการอบด้วยเตาอบแก๊ส ใช้ความร้อน 80 องศาฯ นาน 20 นาที

ต่อไปเป็น “หอยทับทิมหวาน 3 รส” วิธีทำจะเป็นการผสมระหว่างหอยทับทิมหวาน และหอยทับทิมกรอบ 3 รส คือหมักเนื้อหอยค้างคืน แล้วนำมาปรุงรส 3 รส เท่านี้ก็ใช้ได้ โดยไม่ต้องนำไปทอดกรอบและอบแก๊สเพิ่มความกรอบ ก็จะได้รสชาติที่อร่อยอีกแบบ

นอกจากเมนูแปรูปหอยทับทิมแล้ว ทางกลุ่มนี้ยังให้ข้อมูลเมนู “หอยแมลงภู่ดอง” อีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อของอัมพวา ของสมุทรสงคราม โดยบอกว่า ราคาหอยแมลงภู่พร้อมเปลือกตอนนี้ กก.ละประมาณ 12-15 บาท หอยแมลงภู่ 1 กก.แกะเปลือกแล้วจะเหลือเนื้อหอยประมาณ 800 กรัม

การทำหอยแมลงภู่ดอง กรณีใช้เนื้อหอยแมลงภู่ 10 กก. วิธีทำคือนำเนื้อหอยแมลงภู่ไปหมักเกลือ 1.5 กก. และน้ำมะขาม 1 กก. หมักค้างคืน เมื่อจะขายก็ปรุงรสและโรยหน้าด้วยพริกขี้หนูซอย, ขิงซอย, ตะไคร้ซอย, หอมแดงซอย และผักชี

ทั้งนี้ ราคาขายหอยแปรรูปนั้น จะตักขายถุงละ 35 บาท 3 ถุง 100 บาท โดยหอยสด 1 กก. เมื่อแปรรูปออกมาแล้ว จะเหลือ 500 กรัม ตักขายต่อถุงด้วยน้ำหนักถุงละ 1 ขีด หรือ 100 กรัม
เฉลี่ยโดยรวม ๆ แล้ว การแปรรูปหอยขายของทางกลุ่มนี้นั้น หากขายได้ 1,000 บาท จะมีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว 30% หรือมีต้นทุนประมาณ 70%

ต้องการติดต่อ ธนภาค คล้ำจิต ฝ่ายการตลาดของกลุ่มแปรรูปอาหารทะเล (หอยหลอดแห้ง ตะไคร้หยอง) กลุ่มนี้อยู่ที่ เลขที่ 27 หมู่ 3 ต.บางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โทร. 08-3697-5758, 08-6518-5996.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 12:58:43 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


เรือประมงล่มนอกชายฝั่งไต้หวัน ตังเกสูญหาย 2 คน

เจ้าหน้าที่ยามฝั่งไต้หวัน รายงานวันนี้ว่า เกิดเหตุเรือประมงล่มนอกชายฝั่งไต้หวันใกล้เกาะเซนกากุในภาษาญี่ปุ่น หรือเกาะเตียวหยูในภาษาจีน ที่เป็นกรณีพิพาทในทะเลจีนตะวันออก หลังชนกับเรือบรรทุกน้ำมันปานามาเมื่อวานนี้ ทำให้ชาวประมงไต้หวัน สูญหายไป 2 คน และอีก 11 คนได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากของไต้หวันและญี่ปุ่นได้ระดมกำลังช่วยกันค้น หาผู้สูญหาย รวมทั้งกัปตันเรือประมงดังกล่าว

ทั้งนี้เกาะเตียวหยูหรือเซนกากุ เป็นศูนย์กลางความขัดแย้งระหว่างไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น ในการอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง ซึ่งความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ ผ่านมา หลังจากมีการค้นพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียง


**********************************************************************************************************************************************


หม่องพ้นสยองไซโคลน "บิจลี" อ่อนกำลัง


ผู้โดยสารนับร้อยคนติดค้างอยู่ที่าอากาศยานเมืองจิต ตะกอง (Chittagong) ที่ยังปิดอยู่ตอนเช้าวันเสาร์ (18 เม.ย.) นี้ หลังจากพายุบิจลี (Bijli) พัดกระหน่ำเข้าตอนใต้ของบังกลาเทศ (ภาพ: AFP)

       พม่าพ้นวิกฤตหลังจากไซโคลนบิจลี (Bijli) จากทะเลเบงกอลพัดกระหน่ำตอนใต้บังกลาเทศ และอ่อนกำลังลงก่อนจะเลยเข้าสู่ทางตอนเหนือรัฐยะไข่ (Rakhine) สำนักพยากรณ์อากาศของรัฐบาลลงความเห็นเรื่องนี้ เช้าวันเสาร์ (19 (เม.ย.) ที่ผ่านมา
       
       พายุบิจลีพัดกระหน่ำเขตเมืองค็อกซ์บาซา (Cox Bazaar) ของบังกลาเทศในคืนวันศุกร์ด้วยความเร็วศูนย์กลาง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบ่ายหน้าต่อไป เข้าสู่ภาคเหนือของพม่าในเช้าวันเสาร์นี้ ซึ่งสำนักอุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางกล่าวว่า พายุอ่อนกำลังลงจาก "ระดับส้ม" เหลือเพียง "ระดับเหลือง"
       
       ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อพายุบิจลีพัดถึงเขตชายฝั่ง ความเร็วศูนย์กลางได้ลดระดับลงเหลือประมาณ 90 กม./ชม. แต่ก็ได้สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนราษฎรหลายสิบหลังคา ทำให้ต้นไม้หักโค่นลงจำนวนมาก และ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน ในเขตเมืองค็อกบาซาร์
       
       ท่าเรือจิตตะก็อง (Chittagong) ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ที่สุดของบังกลาเทศได้เปิดใช้การอีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์นี้ เอเอฟพีกล่าว
       
       สำนักอุตุนิยมวิทยาฯ กล่าวว่า พายุบิจลีลดระดับความเร็วลงเหลือ 64-80 กม./ชม. และ บางครั้งพุ่งแรงขึ้นเป็นประมาณ 96 กม./ชม. ทำให้เกิดคลื่นสูงระหว่าง 1.8-2.4 เมตรในเขตชายฝั่งรัฐยะไข่ (Rakhine) และดพ้แจ้งเตือน
       
       ให้เรือทุกลำในอาณาบริเวณดังกล่าวพึงระวัง และห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวซินหัว
       
       วันที่ 1-2 พ.ค.2551 ไซโคลนนาร์กิส จากตอนใต้ทะเลเบงกอลได้พัดกระหน่ำเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีทางตะวันตกเฉ๊ยง ใต้ของพม่า มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 200,000 คน การเยียวยารักษา และบรรเทาความเสียหายยังดำเนินมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 01:02:48 AM »

มติชน


สวมธงสีให้นกชายเลน                 :               คอลัมน์ ประสานักดูนก    โดย น.สพ.ไชยยันต์ เกษรดอกบัว



" นกชายเลน" ใช้ชีวิต กิน นอน ร้อนก็เล่นน้ำทะเล แล้วไซ้ขน อยู่ด้วยกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ นับร้อย นับพันตัว ระแวดระวังภัยสูง เมื่อเห็นภัยกล้ำกรายเข้าใกล้ตัว เช่น เหยี่ยวเพเรกริน หรือมนุษย์ นกจะส่งเสียงร้องเตือนสมาชิกในฝูง แล้วบินหนีขึ้นฟ้า

แม้จะเป็น วิธีง่ายๆ พื้นๆ แต่ได้ผลด้วยหลายตัว หลายตาย่อมดีกว่าตาเดียว อีกทั้งแหล่งอาศัยตลอดแนวชายฝั่งทะเลมีระดับน้ำเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยากต่อการจับนกจำนวนมากในคราวเดียว

"กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า จึงประดิษฐ์คิดค้นปืนใหญ่ยิงตาข่าย (cannon net) ทั้งเร็วทันท่วงทีก่อนนกบินหนี และครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายได้กว้างขวางนับสิบเมตรต่อการยิง 1 ครั้ง ช่วยจับนกชายเลนจำนวนมากในคราวเดียวกัน คุ้มค่าเวลา ค่าใช้จ่ายและแรงคน"

จะ ยิงตาข่ายลงไปครอบนกเป็นฝูงได้อย่างแม่นยำ ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ เรื่องพฤติกรรมของนก ใช้การขึ้น-ลงของน้ำทะเลเป็นเครื่องมือตะล่อมไล่นกให้รวมฝูง และเคลื่อนเข้ามายังระยะเป้าหมายที่ตาข่ายจะตกลงมา แล้วก็รอนั่งลุ้น ส่องดูนกบนเรือกลางทะเล (เพื่อไม่ให้นกตื่นกลัวแล้วบินหนีไปที่อื่น แปลกที่นกไม่ตื่นเรือ แต่ตื่นคน) ว่าการณ์จะเป็นไปตามนั้นไหมหนอ

ด้วย ความชำนาญของทีมงาน "ขุมกำลังหลักจากสถานีวิจัยสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด" และ "สถานีฯ ป่าพรุ-ป่าฮาลาบาลา" สมทบด้วยบรรดายอดฝีมือนักวิจัยสัตว์ป่าทั่วไทยจาก "สถานีวิจัยสัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่ สถานีฯ ภูหลวง จ.เลย" และ "สถานีฯ คลองแสง จ.สุราษฎ์ธานี" เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบง บ้านของน้องหมู (ไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกครับ) พะยูน

"จับนกชายเลนได้กว่าพันตัว ทุบสถิติการจับนกใส่ห่วงขาในประเทศไทย สวมธงสีให้นกหัวโตทรายใหญ่ (Greater Sand Plover) และนกหัวโตทรายเล็ก (Lesser Sand Plover) ได้ 825 ตัวในวันเดียว!!!/

"นกแต่ละตัวจะถูกวัดขนาด ระบุอายุ ศึกษาชุดขน ตรวจไข้หวัดนก เป็นการเฝ้าระวังโรคไปด้วย ใส่ห่วงขาและติดธงสีพลาสติก เป็นข้อตกลงร่วมกันของประเทศในทวีปเอเชียว่าประเทศไทยใช้ธงสีดำและสีเขียว (ดังภาพ) ส่วนประเทศอื่นๆในเส้นทางอพยพของนกจะใช้ธงสีต่างกันออกไป เมื่อพบนกติดธงสี จะทราบที่มาของนกว่าติดพาสปอร์ตของประเทศใด"

ธง สีพลาสติค ช่วยให้สังเกตจากระยะไกลได้ง่ายขึ้นกว่าการใส่ห่วงขาโลหะที่แม้จะมีหมายเลข ประจำตัวนก แต่คิดดูว่านกหนักไม่ถึง 1 ขีด ตัวเลขบนห่วงขาจะเล็กขนาดไหน ต้องจับนกแล้วเพ่งตัวเลขอยู่ในมือก็ยังคงยากจะอ่านได้

"ดังนั้นธงสีจึงเพิ่มโอกาสให้นักวิจัยติดตามการอพยพของนกชายเลนได้ดียิ่งขึ้น"

เพื่อ ให้การสำรวจนกชายเลน ครอบคลุมนกหลากชนิด ต้องจับนกในแหล่งอาหารต่างๆ ให้หลากหลายทั่วอ่าวไทยตอนในและชายฝั่งด้านอันดามัน เช่น นาเกลือบ้านโคกขาม จ.สมุทรสาคร แหลมผักเบี้ย หาดทรายเม็ดแรกของอ่าวไทยตอนใน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เกาะลิบง จ.ตรัง และหาดราไว จ.สตูล

ตลอด 2 ปี จากความช่วยเหลือของนักดูนกทั่วเอเชีย ตอกย้ำว่ากิจกรรมดูนกยามว่างก็ช่วยงานสร้างความรู้ได้ ใช่ว่าจะดูเพลินๆ หรือสักแต่ว่าส่องดูเพื่อความสุขเท่านั้น

"พบว่านกชายเลนที่ติดธง สีจากบ้านเราบินไปถึงจีนและเกาหลีใต้ และในทางกลับกัน นกชายเลนจากญี่ปุ่นบินมาถึงบ้านเราด้วย ข้อมูลเหล่านี้ปะติดปะต่อเส้นทางอพยพของนกชายเลนนานาชนิดให้ชัดเจนสมบูรณ์ ขึ้น"

ตอกย้ำว่าจุดแวะพักในแต่ละประเทศเหล่านั้นสำคัญต่อนกก่อนที่จะอพยพต่อไป บ้านเกิดเพื่อทำรังวางไข่

ฤดู ร้อนนี้ ถึงเทศกาลเที่ยวทะเลแล้ว พกกล้องส่องทางไกลติดตัวไว้ เผื่อพบนกชายเลนสวมธงสี แจ้งไปที่สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า http://www.dnp.go.th/wildlifenew/contact.aspx

ทำหน้าที่นักสืบสายปักษีสมัครเล่น ช่วยเติมเต็มองค์ความรู้เรื่องนกชายเลนในบ้านเราครับ

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 01:07:48 AM »

ไทยโพสต์


ชาวประมงได้ตัว'ฉลามพันธุ์หายาก' ชาวบ้านจับต้มทำแกงกะทิกิน!

ชาวประมงในฟิลิปปินส์ได้ตัวฉลามพันธุ์หายากที่สุดในโลกโดยบังเอิญ พากันแล่เนื้อทำแกงเมนูเด็ดพื้นเมืองแบ่งกันกิน  ทั้งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชนอนุรักษ์

ฉลามที่ถูกจับลงหม้อแกงนี้ คือ ฉลามปากกว้าง  ซึ่งเป็นฉลามพันธุ์ที่หายากที่สุดในโลก นับเป็นปลาฉลามปากกว้างตัวที่ 41 ของโลกที่ถูกจับได้

ปลาหนักครึ่งตัน ยาว 4 เมตรตัวนี้ พลัดไปติดอวนลากของชาวประมงที่นอกชายฝั่งเมืองดอนโซล เจ้าหน้าที่ของกองทุนคุ้มครองสัตว์ป่าโลก บอกว่า เจ้าฉลามได้ถูกแล่เนื้อทำเป็นแกงกะทิสูตรพื้นเมือง แม้นักอนุรักษ์ได้แนะนำให้เก็บซากไว้เพื่อการศึกษา

เมืองดอนโซลแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเรื่องการอนุรักษ์  นักอนุรักษ์ได้ชักชวนให้ชาวบ้านหยุดกินเนื้อปลาฉลามวาฬ  ซึ่งหากินอยู่ในท้องน้ำใกล้เมืองดังกล่าว เมืองที่ว่านี้ภูมิใจในความเป็นเมืองหลวงของฉลามวาฬของโลก มีนักท่องเที่ยวไปชมฉลามวาฬกันมากมาย

วงการวิทยาศาสตร์เพิ่งรู้จักฉลามปากกว้างเมื่อไม่นานมานี้ ตัวแรกได้ถูกจับได้นอกชายฝั่งฮาวายเมื่อปี 2519  จนถึงขณะนี้เพิ่งพบฉลามปากกว้างในทะเลของฟิลิปปินส์แค่ 8 ตัว ส่วนในที่อื่นๆ เคยพบที่แคลิฟอร์เนีย  ญี่ปุ่น  บราซิล  เม็กซิโก  แอฟริกาใต้  และออสเตรเลีย.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 01:10:33 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


สหรัฐเสนอให้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแถบขั้วโลกใต้เพื่อหวังปกป้องสภาพแวดล้อม

หลายประเทศที่มีพรมแดนเชื่อมต่อกับพื้นที่ในแถบขั้วโลกใต้ ต่างยอมรับข้อเสนอของสหรัฐที่ระบุว่าให้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแถบขั้วโลกใต้ เพื่อเป็นการปกป้องระบบนิเวศน์ให้คงอยู่ต่อไป การประชุมที่เมืองบัลติมอร์ ของสหรัฐ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาแอนตาร์กติกเข้าร่วมการประชุมสหรัฐได้เสนอ ให้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และขนาดของเรือนำเที่ยวในการเที่ยวชมพื้นที่แถบขั้วโลกใต้ เพื่อหวังให้สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศดังกล่าวคงอยู่ ขณะที่ผู้เข้าประชุมต่างยอมรับข้อเสนอดังกล่าวของสหรัฐ.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Oo
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 455



« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 08:32:12 AM »

ชาวประมงได้ตัว'ฉลามพันธุ์หายาก' ชาวบ้านจับต้มทำแกงกะทิกิน!

 
บันทึกการเข้า
marine_wi
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 216


ผู้พิทักษ์ทะเลตัวน้อย


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 19, 2009, 09:47:21 AM »

สัตว์ป่าถูกล่า  ฉลามถูกกิน  สุญพันธุ์   
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 20 คำสั่ง