กระดานข่าว Save Our Sea.net
มีนาคม 28, 2024, 09:15:53 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 21 เมษายน 2552  (อ่าน 3413 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: เมษายน 21, 2009, 12:27:27 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมตะวันตกกำลังปานกลางพัดปกคลุมประเทศไทยทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลงและอากาศร้อนขึ้น เว้นแต่บริเวณภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่อง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 24-26 เมษายน 2552 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและ ลมกระโชกแรงเพิ่มขึ้น


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 20-22 เม.ย. ลมตะวันตกพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้ยังมีฝนกระจาย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 23-26 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้บางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 23-26 เม.ย. ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นได้



* Forecast2.jpg (39.28 KB, 684x423 - ดู 638 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (41.27 KB, 450x500 - ดู 638 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 21, 2009, 12:33:42 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


สตูลเร่งแก้ปัญหาคราบน้ำมันบนเกาะหลีเป๊ะหวั่นกระทบท่องเที่ยว



สตูล – ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลสั่งทุกหน่ายระดมสมองเร่งแก้ปัญหาคราบน้ำมันบนเกาะหลีเป๊ะหวั่นกระทบท่องเที่ยว ขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมเตรียมงัด 3 มาตรการแก้ปัญหา
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.สตูล เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล เร่งหารือเพื่อหารือมาตรการในการจัดการกับคราบน้ำมันเตาที่ลอยรอบเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล จนชายหาดทรายเป็นสีดำ และที่บริเวณอ่าวพัทยาคราบน้ำมันได้ลอยห่างจากเกาะประมาณ 1 ไมล์ทะเลเป็นวงกว้างอยู่ในขณะนี้เนื่องจากกระแสลมที่พัดออกจากฝั่งทำให้อ่าวทางด้านนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
       
       และขณะนี้ทาง สำนักงานสิ่งแวดล้อม จ.สตูล ได้พบอุปสรรคของการลงไปสำรวจความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมคือสภาพอากาศที่ไม่อำนวย ทำให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสิ่งแวดล้อมต้องเลื่อนการออกสำรวจไป ซึ่งแนวทางการดำเนินการในการแก้ปัญหาในขณะนี้นั้น
       
       นายอาลี สุขสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มงานสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล บอกว่า ได้เตรียมแผนไว้รองรับแล้ว 3 ชั้น คือ การพยายามเข้าไปอุดรอยรั่วของน้ำมันจากเรือประมงแล้วสูบออกให้หมด 2. การจัดหาวิธีการกำจัดคราบน้ำมันบนผิวน้ำ และการจัดการกับคราบน้ำมันบนชายหาดให้หมดไปและกลับมาสวยงามดังเดิม
       
       สำหรับการรั่วของคราบน้ำมันเตาในครั้งนี้ได้รับแจ้งจาก อุทยานแห่งชาติตะรุเตาว่า เกิดจากเรือปลาป่นที่จมเมื่อ 10 ปีก่อนบริเวณหัวแหลมของเกาะหลีเป๊ะ ห่างประมาณ 300 เมตร ซึ่งในขณะนี้ได้กลายเป็นปะการังเทียมไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตะรุเตาคาดว่า กระแสน้ำที่พัดแรงอาจส่งผลให้น้ำมันในเรือรั่วลอยขึ้นมา
       
       ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ด้านนายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะหวั่นการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบ

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 21, 2009, 12:38:32 AM »

ข่าวสด


ทะเลหัวหินกำหนดเขตเดินเรือ

ประจวบคีรีขันธ์ - นายสุริยะ พงษ์ไพบูลย์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหิน เผยว่า ประชุมกำหนดเขตควบคุมการเดินเรือในพื้นที่ชายทะเล อ.หัวหิน ทั้งนี้ เนื่องมาจากชายหาดหัวหินเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะชายหาดทะเลวังไกลกังวลและชายหาดหน้าโรงแรมโซฟิเทล เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก รวมทั้งเป็นการป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ สำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 3 มีนโยบายที่จะต้องกำหนดเขตควบคุมการเดินเรือในพื้นที่ชายทะเล อำเภอหัวหิน ตั้งแต่วังไกลกังวลถึงบริเวณชายหาดหน้าเขตเขาตะเกียบ เพื่อที่จะควบคุมเรือท่องเที่ยวและเรืออื่นๆ ไม่ให้แล่นเข้าใกล้ฝั่ง

ที่ประชุมพิจารณากำหนดเขตควบคุมการเดินเรือเป็นพื้นที่ครึ่งวงกลม โดยมีศูนย์กลางที่วังไกลกังวล รัศมี 1,500 หลา และเขตจำกัดการเดินเรือเป็นพื้นที่ถัดจากเขตควบคุมในรัศมีระหว่าง 1,500 ถึง 2,000 หลา จากวังไกลกังวลกำหนดเป็นเขตจำกัดการเดินเรือ เรือที่จะแล่นผ่านในเขตนี้ต้องได้รับอนุญาตจากหมู่เรือรักษาการณ์วังไกลกังวล สำหรับพื้นที่ตั้งแต่หน้าโรงแรมโซฟิเทล ถึงชายหาดเขาตะเกียบ ที่ประชุมลงความเห็นว่าควรกำหนดเขตควบคุมการเดินเรือเป็นพื้นที่ยาวขนานกับชายฝั่งทะเลจากแนวน้ำลงต่ำสุดออกไปประมาณ 50 เมตร


*********************************************************************************************************************


เทือกเขา"สันกาลาคีรี"ถูกแผ้วถางทำสวนยาง


แผ้วถางป่า - ดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง จ.ยะลา พร้อมด้วยกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 อ.เบตง จ.ยะลา ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา พบว่าถูกบุกรุกแผ้วถางเพื่อทำไร่จำนวนมาก
 
ยะลา - นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอำเภอเบตง เผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ออกตรวจพื้นที่พร้อมด้วยพ.ต.ท.เชษฐวิทย์ นีระฮิง ผบ.ร้อย (สบ 2) ร้อย ตชด.445 และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ ต.ตาเนาะแมเราะ และ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง พบว่าบริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี เขตป่าสงวนแห่งชาติ ถูกแผ้วถางป่าและเผาป่าเพื่อเตรียมทำไร่หลายแห่ง สถานการณ์การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ อ.เบตง ในขณะนี้ยอมรับว่ายังมีการบุกรุกในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าเตรียมการสงวนอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการบุกรุกในลักษณะแผ้วถางเพื่อปลูกสวนยางพารา สวนผลไม้ และที่ผ่านมาได้มีการประชุมมอบนโยบายไปยังส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่อยู่ในระดับตำบล หมู่บ้าน ให้ดูแลกำชับดูแลป่าไม้อย่างเฉียบขาดเนื่องจากการบุกรุกป่าจะมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งจะได้ชี้แจงให้ประชาชนทราบต่อไป

พ.ต.ท.เชษฐวิทย์กล่าวว่า หลังรับรายงานว่ามีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและป่าเตรียมการสงวน ทางตชด.ที่ 445 จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ ประกอบด้วย หน่วยกำลังทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครอง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดูแลปราบปรามอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้จากการตรวจสอบพบว่ามีการแผ้วถางป่าและเผาเพื่อเตรียมทำไร่หลายแห่ง

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 21, 2009, 12:42:29 AM »

แนวหน้า


พลิกแผนปราบหมอกควันภาคเหนือ  

เอกลักษณ์เด่นของภาคเหนือ ในหลายๆจังหวัด คือทิวทัศน์สวยงาม แวดล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ และภาพของภูเขาและป่าไม้นี้ก่อให้เกิดความรู้สึกร่มเย็น แจ่มใส และความรู้สึกเป็นธรรมชาติ แต่เป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าภาพและความรู้สึกประทับใจนี้เริ่มจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ในอดีตไปแล้ว เพราะในปัจจุบันสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอคือภาพท้องฟ้าสลัวเต็มไปด้วยฝ้าควัน ไม่สามารถมองเห็นภูเขาและสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจนเหมือนในอดีต

สภาวะอากาศเป็นพิษดังกล่าวนับวันจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากอากาศที่เย็นจะมีไม่ลอยตัวขึ้นสูงและร่องความกดอากาศสูงมักจะครอบคลุมพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำทำให้สารพิษในอากาศเหล่านี้ไม่ถูกลมพัดกระจายไป ภาพที่จะสาธิตปัญหานี้ได้ชัดเจนคือภาพที่มองจากที่สูงไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มองกลับมาที่ตัวเมือง ผู้ชมจะเห็นชั้นแผ่นควันสีน้ำตาลคลุมเหนือตัวเมืองเชียงใหม่เป็นชั้นอย่างชัดเจน และเหนือจากชั้นควันขึ้นไปก็จะเป็นท้องฟ้าสีสดใสตามปกติ

ทั้งนี้สาเหตุสำคัญของภาวะอากาศเป็นพิษ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันของเชียงใหม่และเมืองอื่นๆในภาคเหนือได้แก่ 1.ควันเสียจากยานพาหนะต่างๆ 2.ควันจากการเผาขยะตามชุมชนต่างๆ และ 3.ควันจากการเผาพืชที่เก็บเกี่ยวแล้วเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะปลูกพืชชนิดอื่นหรือรอบต่อไป ซึ่งทั้ง3 สาเหตุนี้มีการเปลี่ยนแปลงความรุนแรงขึ้นลงตามเวลาและวาระพิเศษต่างๆ เช่นในช่วงวันหยุดยาวหรือช่วงเทศกาลสำคัญ ควันเสียจากยานพาหนะจะเป็นต้นเหตุที่สำคัญที่สุด แต่ในช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าวการเผาซากพืชในไร่นาจะเพิ่มขึ้น

 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมควบคุมมลพิษที่มีหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง ได้ร่วมกับหน่วยงานทีเกี่ยวข้องได้พยายามรณรงค์เพื่อแก้ไขปัญหาอากาศเป็นพิษหรืออากาศเสื่อมโทรมนี้ แต่เท่าที่เห็นการแก้ไขมักจะเน้นการขอร้องหรือห้ามไม่ให้ชาวไร่ชาวนาเผาพืชเพื่อเตรียมพื้นที่ และขอความร่วมมือหรือห้ามไม่ให้ชาวบ้านเผาขยะ แต่หากจะวัดจากการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพอากาศว่าดีขึ้นหรือไม่แล้ว จะเห็นว่า ไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร

ส่วนสาเหตุที่การแก้ไขปัญหาด้านนี้จะประสบความสำเร็จได้นั้น มาจากหลายองค์ประกอบด้วยกันที่ แต่ที่สำคัญ คือ1.จะต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการให้คนกลุ่มใดให้ความร่วมมือหรือปฏิบัติตามข้อแนะนำ ซึ่งกรณีนี้อาจได้แก่เช่น ผู้ที่ใช้รถส่วนตัว เกษตรกรที่กำจัดพืชหรือที่เตรียมพื้นที่การเกษตรด้วยวิธีเผา และโรงงานต่างๆ ที่ปล่อยควันพิษออกมา

2.มาตรการแก้ไขปัญหา จะต้องผลักดันให้คนปฏิบัติตามในสิ่งที่แนะนำหรือขอความร่วมมือ ซึ่งในกรณีนี้อาจรวมถึงการให้ความรู้หรือสร้างความตระหนักด้วยวิธีต่างๆแก่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเน้นถึงผลกระทบที่ไม่ดีจากการกระทำดังกล่าว เช่นผลของอากาศเป็นพิษต่อสุขภาพ ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบหายใจ เป็นต้น หรือการสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวและรายได้อื่นๆจากการท่องเที่ยว

3.มาตรการการแก้ไขปัญหาต้องใช้ได้ง่าย ใช้กันบ่อย แต่ไม่ค่อยมีผลเท่าไร เพราะเป็นวิธีการที่ต้องมีระบบการติดตาม ควบคุมและบังคับใช้ที่เข้มงวดจึงจะได้ผล และประการสำคัญเป็นมาตรการที่อาศัยแรงผลักดันจากข้างนอก เป็นหลักในการขอความร่วมมือแทนที่จะมาจากความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงของผู้กระทำเอง มาตรการสร้างความผลักดันนี้จะมีผลดีมากขึ้นหากใช้ควบคู่ไปกับองค์ประกอบถัดไป

4.มาตรการสร้างแรงจูงใจ และการสร้างทางเลือกให้แก่กลุ่มคนเป้าหมายให้ทำตาม ให้ความร่วมมือ เพราะองค์ประกอบนี้จะเน้นการสร้างทางเลือกอื่นที่ดีกว่าให้ทำ ในกรณีของการเผาพื้นที่การเกษตรนั้น จะต้องสร้างทางเลือกให้เกษตรกรแทนการเผา เช่นการนำเอาซากพืชมาบดเพื่อนำเอาไปเป็นวัตถุคลุมดิน เพื่อเก็บความชื้นหรือเพื่อไม่ให้ศัตรูพืชลุกลามซึ่งจะช่วยเกษตรกรลดรายจ่ายเกี่ยวกับการควบคุมศัตรูพืชไปในตัว และเพื่อนำเอาซากไม้และพืชที่บดมาตบแต่งสวนประดับ หรือนำเอาซากพืชที่บดแล้วไปทำปุ๋ยหมักเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ความพยายามแก้ไขโดยการสร้างแรงจูงใจนี้เท่าที่เห็นอยู่จะมีน้อยมากหรือไม่มีเลย เพราะจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนและจัดระบบรองรับต่างๆไว้ ต้องใช้ทุนในระยะเริ่มต้นสูง และต้องใช้เวลาในการจูงใจและสาธิตให้แก่กลุ่มเป้าหมายพอสมควร ดังนั้นผู้ที่พยายามแก้ไขปัญหาจึงนิยมเน้นการขอร้อง ขอความร่วมมือ รวมถึงการปรับและบังคับต่างๆมากกว่า เพราะใช้ความพยายามน้อยกว่าและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าการสร้างแรงจูงใจ

สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะใช้มาตรการใดมาตรการหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว หรือจะใช้ร่วมกันก็ตาม ยังมีองค์ประกอบสำคัญอีกอย่างที่จำเป็น คือ ความเสมอภาคและความเป็นธรรม ในกรณีนี้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต้องครอบคลุมทุกกลุ่ม คือผู้ที่ใช้ยานพาหนะและจักรกลต่างๆ ผู้ที่เผาขยะรวมทั้งหน่วยงานหรือองค์กรที่เผา และเกษตรกรที่เผาพืช ไม่ควรที่จะไปเจาะจงแต่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่กลุ่มอื่นที่มีส่วนในการสร้างปัญหาไม่ได้รับความคาดหวังให้เข้าร่วมแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด และในกรณีภาวะอากาศเป็นพิษนี้ หากพิจารณาแล้ว จะเห็นว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ใช้ยานพาหนะและใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ ที่ส่งมวลพิษขึ้นไปในอากาศเป็นกลุ่มสำคัญที่สร้างปัญหาเมื่อเทียบกับเกษตรกรที่เผาไร่ตามฤดูกาลและมีจำนวนน้อยกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง ดังนั้นการรณรงค์เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะอากาศเป็นพิษนี้จะต้องมุ่งเป้าไปที่คนในเมืองและกลุ่มผู้ชัพลังงานในรูปแบบต่างๆด้วย และต้องเป็นการรณรงค์ที่ต่อเนื่อง ไม่ใช้ทำเฉพาะฤดูหนาวที่มองเห็นปัญหาได้ชัดเจนเนื่องจากมีภูมิอากาศทำให้รุนแรงขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น ความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอากาศเป็นพิษนี้จะต้องรวมมาตรการที่เหมาะสมกับคนในเมืองและกลุ่มผู้ใช้พลังงานอื่นๆด้วย ซึ่งจะต้องรวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมมากเส้นทาง มีความสะดวกน่าใช้ มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ เพื่อให้เป็นที่นิยมใช้ มีการส่งเสริมการใช้รถจักรยานให้มากขึ้นเพื่อลดควันเสียจากเครื่องยนต์ มีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามแนวถนนเพื่อให้น่าใช้จักรยานหรือตอนรอรถประจำทางและเพื่อช่วยกักเก็บอากาศเสีย มีนโยบายที่ส่งเสริมให้ใช้พลังงานทางเลือกและใช้พลังงานอย่างประหยัด การจัดตั้งกองทุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยระยะหนึ่งหรือดอกเบี้ยต่ำสำหรับปรับปรุงที่อยู่อาศัย สถานประกอบการ และยานพาหนะสำหรับใช้พลังงานทางเลือกอื่น และจะต้องสร้างความตระหนักให้ทุกคนในสังคมเพิ่มบทบาทในการแก้ไขปัญหา โดยที่ฝ่ายราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่สนับสนุนและสร้างแรงจูงใจและภาวะที่เอื้อดังที่กล่าว

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.053 วินาที กับ 20 คำสั่ง