กระดานข่าว Save Our Sea.net
เมษายน 23, 2024, 10:55:31 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2552  (อ่าน 3596 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: เมษายน 27, 2009, 12:22:39 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประกาศเตือนภัย  "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย"  ฉบับที่ 10 (80/2552) ลงวันที่ 27 เมษายน 2552
 
     บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน มีฝนฟ้าคะนองกระจายกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจาก ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะ 1-2 วันนี้ (27-28 เม.ย. 52) โดยในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนองขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งกลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้สูงเด่น ใกล้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้าง ที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งควรงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อนำไฟฟ้าไว้ด้วย
 
สำหรับ คลื่นลมในอ่าวไทยตอนบนสูงมากกว่า 2 เมตรโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายจากการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย 


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 26-30 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกเกิดขึ้นได้บางแห่ง ซึ่งจะช่วยคลายความอบอ้าวลงไปได้มาก ส่วนในช่วงวันที่ 1-2 พ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้อีก


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 26-28 เม.ย. ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (39.54 KB, 684x423 - ดู 621 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (40.11 KB, 450x501 - ดู 664 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 27, 2009, 12:27:52 AM »

เดลินิวส์


เฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมาย  ในแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์ทะเลหายาก

นายสำราญ  รักชาติ  อธิบดีกรม  ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์สัตว์ทะเลขนาดใหญ่เข้ามาเกยตื้นในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องนับแต่ปลายปี  2551  ที่ผ่านมาโดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน กรมฯ จึงได้เร่งศึกษาและเก็บข้อมูลทางสถิติเพื่อหาสาเหตุการเข้ามาเกยตื้นของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เหล่านั้น พบว่าสาเหตุการตายที่สำคัญเกิดจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยการนำอวนลากอวนรุนเข้าไปบุกรุกแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ เช่น พะยูน ซึ่งนอกจากจะทำให้พะยูนตกใจและขึ้นมาเกยตื้นบนชายฝั่งแล้ว การทำประมงด้วยวิธีที่ผิดกฎหมายยังสร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังและหญ้าทะเล ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูน และสัตว์น้ำขนาด เล็กอีกด้วย
 
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น   กรมฯจึงมอบหมายให้ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลทั่วประเทศทั้ง 6 ศูนย์ ประสานความร่วมมือกับกรมประมงในการลาดตระเวนและตรวจตราพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ขณะเดียวกันกรมฯ ยังมีมาตรการป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน  โดยการประกาศพื้นที่เขต คุ้มครองพิเศษเพิ่มในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ  อาทิ  แหล่งหญ้าทะเล แหล่งปะการัง ตลอดจนพื้นที่ที่ห้ามไม่ให้มีการดำน้ำและห้ามท่องเที่ยว  เพื่อเร่งฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและสัตว์น้ำหายาก
 
“ปัจจุบันสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของไทยมีจำนวนลดน้อยลง  หากเกิดการสูญเสียไปมากกว่านี้จะทำให้   การฟื้นฟูกลับคืนมาทำได้ยาก กรมฯ จึงจะเร่งประสานงานกับกรมประมงในการบังคับใช้  กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะทำควบคู่ไปกับการเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ให้เกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำ  พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ชุมชนและทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ในพื้นที่ มีส่วนร่วมในการจัดทำแผน บริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  ซึ่งกรมฯ เชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น”  นายสำราญกล่าว.
 
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 27, 2009, 12:38:50 AM »

มติชน


เครือข่ายชาวบ้านยื่นหนังสือ "ยูเอ็น-รัฐบาลไทย" แก้ปัญหาด่วน ระบุ 3 เขื่อนกั้นโขงของจีนทำเดือดร้อน



เครือข่ายชาวบ้านยื่นหนังสือยูเอ็น-รัฐบาลไทยแก้ปัญหาด่วน ระบุ 3 เขื่อนกั้นโขงของจีนทำเดือดร้อนหนัก ชี้หากเพิกเฉยรุนแรงแน่ ชุมชนทั่วทุกภาคร่วมกันสร้างตลิ่ง เยียวยา-ให้กำลังใจชาวเชียงของ ดันตั้ง "สภาลุ่มน้ำโขง"เป็นปากเสียงจัดการทรัพยากรท้องถิ่น คนอุบลฯเชื่อมีเขื่อนบ้านกุ่มแน่

เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงบ้านปากอิงใต้ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชาวบ้านจากชุมชนต่างๆทั่วทุกภาคกว่า 10 แห่ง อาทิ ชุมชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ,ชุมชนคนไทยพลัดถิ่น จ.ระนอง ,ชุมชนบางขุนเทียน ,ชุมชนเมืองอุบล เป็นต้น กว่า 200 คน พร้อมชาวบ้านปากอิง ได้ร่วมกันสร้างตลิ่งริมแม่น้ำโขง หลังเกิดการพังทลายตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 โดยชาวบ้านเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนในประเทศจีน

นายบุญคง บุญวาส ผู้ใหญ่บ้านปากอิงใต้ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและปลื้มใจมากที่ชาวบ้านจากทั่วทุกภาคมาร่วมกันช่วยเหลือสร้างตลิ่งให้ชาวปากอิง ซึ่งทุกวันนี้แม่น้ำโขงเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก จากเดิมที่เคยคาดการณ์ได้ว่าน้ำจะลดหรือเพิ่มช่วงไหน แต่ทุกวันนี้กลับคาดการณ์ไม่ได้เลย โดยเฉพาะการเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อครั้งก่อน ทำให้บ้านเรือนและไร่นาเสียหายอย่างหนักมากกว่า 300 ไร่

“เราไม่รู้เลยว่าน้ำจะท่วม เมื่อก่อนพอฝนตกหนักน้ำจากแม่น้ำอิงก็จะไหลลงแม่น้ำโขง ขณะที่น้ำจากทิศเหนือของแม่น้ำโขงจะไหลลงมาเช่นกัน ทำให้กระแสน้ำมาดันกันอยู่แถวนี้ แต่น้ำท่วมครั้งก่อนกลับมีแต่น้ำโขงไหลทะลักมามหาศาลโดยชาวบ้านไม่รู้ตัวเลย พวกเราจึงเชื่อว่าเป็นการปล่อยน้ำมาจากเขื่อนในจีน”นายบุญคงกล่าว

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว แกนนำกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งก่อนมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 85 ล้านบาท รัฐบาลจีนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านที่อยู่ท้ายน้ำ หากไม่สะสางปัญหาจะกลายเป็นประเด็นขัดแย้งกับชาวบ้านเพิ่มขึ้นทุกวัน และว่า เครือข่ายชาวบ้านจากทุกภาคจะร่วมกันออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาลจีนโดยยื่นหนังสือผ่านสถานทูตจีนประจำประเทศไทย และทำหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)  รวมทั้งรัฐบาลไทย เพื่อให้เจรจาแกไขปัญหาของชาวบ้านที่อยู่ท้ายน้ำ หากรัฐบาลจีนยังไม่คิดรับผิดชอบ เครือข่ายชาวบ้านของไทยจะประสานไปยังประเทศต่างๆที่อยู่ท้ายน้ำโขงเพื่อหามาตรการตอบโต้ประเทศจีน

“ในอนาคตแล้ว เราพยายามจะเชื่อมต่อให้ประชาชนตลอดลำน้ำโขงจัดตั้งเป็นสภาลุ่มน้ำโขง เพื่อให้มีสิทธิ์มีเสียงในการจัดการทรัพยากรของตัวเอง แต่ตอนนี้อย่างน้อยรัฐบาลจีนควรเจรจากับรัฐบาลไทยถึงประเด็นปัญหาเฉพาะหน้านี้ก่อน มิฉะนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต”นายนิวัฒน์กล่าว

ขณะที่นางสังวาล บุญน้อย ชาวบ้านจากบ้านสองคอน อ.โพธิไทร จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า แม่น้ำโขงช่วงที่ไหลผ่าน จ.เชียงรายนี้ มีความแตกต่างจากแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านชุมชนของตนเอง แต่ปัญหาหนึ่งที่ประสบเหมือนกันคือเกิดความเปลี่ยนแปลงในแม่น้ำโขงในลักษณะเดียวกัน ชาวบ้านไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าน้ำจะขึ้นหรือลงเมื่อใด ล่าสุดชาวบ้านปลูกถั่วและทำเกษตรริมโขงต่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากเมื่อน้ำลดก็คิดว่าถึงเวลาเพาะปลูกแล้ว แต่ปรากฏว่าจู่ๆน้ำท่วมขึ้นมาอีกครั้ง หลายคนเชื่อว่าเป็นการปล่อยน้ำมาจากเขื่อนในจีน ทำให้แปลงเกษตรถูกน้ำท่วมหมด

“ตอนนี้ชาวบ้านยังไม่รู้เลยว่าเขาจะสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำโขงที่บ้านกุ่ม (จ.อุบลราชธานี)หรือไม่ เพราะถามใครก็ไม่มีใครรู้ แม้แต่ทางอำเภอ แต่เราเชื่อว่าเขาคงตั้งใจจะสร้างแน่ เพราะมีการเขียนแผนผังต่างๆแล้ว นอกจากนี้ยังมีคนไปสำรวจด้วย”นางสังวาลกล่าว

ด้านนายมาหามัดนาซือรี เมาตี ชาวบ้านจาก อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส กล่าวว่า การที่ชาวบ้านรวมตัวกันมาสร้างตลิ่งในครั้งนี้ ถือเป็นความเข้มแข็งที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง และบรรยากาศแตกต่างจาก 3 จังหวัดภาคใต้มาก เพราะไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับความรุนแรง การได้แลกเปลี่ยนปัญหาระหว่างชุมชนต่างๆในครั้งนี้ จะนำไปปรับใช้ในชุมชนของตัวเอง

สำหรับแถลงการณ์ที่เครือข่ายชาวบ้านร่วมกันลงชื่อและส่งถึงรัฐบาลจีน รัฐบาลไทย และองค์การสหประชาชาตินั้น มีเนื้อหาสรุปว่า โครงการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบนของจีนยูนนาน 8 เขื่อน (เปิดใช้แล้ว 3 เขื่อน) โครงการระเบิดเกาะแก่งในลำน้ำโขงเพื่อการเดินเรือพาณิชย์ เป็นต้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนในชุมชนท้องถิ่นริมฝั่งแม่น้ำโขงอย่างมหาศาล จนแทบล่มสลาย เพราะปริมาณพันธุ์ปลาลดลง พื้นที่เกษตรริมฝั่งโขงถูกน้ำท่วม ผู้คนบางชุมชนต้องอพยพไปหากินต่างถิ่น หลายชุมชนต้องเปลี่ยนอาชีพ เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 เกิดน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 40 ปีในเขตแม่น้ำโขง-อิงและกกตอนปลาย สาเหตุหลักมาจากการเปิดเขื่อนในจีนอย่างฉับพลัน เพราะน้ำท่วมหนักหน้าเขื่อนจนมีรายงานข่าวของทางการจีนว่า มีผู้เสียชีวิต 40 คน ด้วยเหตุนี้น้ำจึงท่วมฉับพลันเพียงในวันเดียวเกือบ 2 เมตร ก่อผลเสียหายเบื้องต้นเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 85 ล้านบาท ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องตระหนักและหันกลับมาทบทวนแนวนโยบายและการทำงานช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่นซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาของประเทศในลุ่มน้ำโขง เมื่อเครือข่ายชาวบ้านหรือชุมชนท้องถิ่นได้รวมตัวกันพึ่งตนเอง จำเป็นที่รัฐบาลต้องหนุนเสริม ไม่ใช่มีเพียงแนวนโยบายที่ให้สิทธิพิเศษและโอกาสแต่เพียงองค์กรภาคทุนเศรษฐกิจหรือองค์กรทุนข้ามรัฐแต่เพียงด้านเดียว

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 27, 2009, 12:45:21 AM »

แนวหน้า


ตั้งรองพ่อเมืองสุราษฎร์ คลี่คลายฮุบที่อุทยานฯ   

สุราษฎร์ธานี:จากกรณีมีผู้นำชุมชนร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง จ.สุราษฎร์ธานี ได้นำที่ดินในเขตอุทยานฯ มาจัดสรรแบ่งขายให้กับนายทุนและออกหนังสือรับรองการเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภบท.5 จนนำไปสู่การย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงออกจากพื้นที่ และมีคำสั่งให้แต่งตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยและอาญา และล่าสุดได้มีคำสั่งย้ายนายเริงชัย ประยูรเวช ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดนายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนเพื่อติดตามผู้กระทำผิดขบวนการฮุบป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ว่า ได้มอบหมายให้นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ท่าชนะ อ.ไชยา ,พนักงานสอบสวนจาก ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และชุดเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ของ บช.ภ.8 เข้าร่วมสอบสวนขยายผล โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหน้าที่ติดตามเรียกผู้เกี่ยวข้องที่มีชื่อระบุอยู่ในแผนที่แปลง CN 5 จำนวน 28 แปลง ซึ่งมีชื่อผู้ถือครอง 26 ราย มาสอบสวนปากคำ เพื่อให้ยืนยันสถานการณ์ครอบครองที่ดินดังกล่าว รวมทั้งสอบเพื่อเป็นพยานยืนยันการซื้อขาย ที่พบว่าจากการสอบสวนในเบื้องต้นพยานหลายรายระบุว่า มีผู้แอบอ้างเจ้าหน้าที่อุทยานอย่างน้อย 4-5 ราย เป็นผู้ดำเนินการผ่านข้าราชการปกครองในท้องถิ่น โดยมีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่อุทยานคนหนึ่งอย่างชัดเจน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว

"ต้องให้เวลากับพนักงานสอบสวนระยะหนึ่ง ในการสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญการรวบรวมพยานหลักฐานต้องมีความรัดกุม แน่นหนา เพื่อให้สามารถใช้เป็นหลักฐานเอาผิดกลุ่มขบวนการพวกนี้ให้ดิ้นไม่หลุด" นายประชา กล่าว 


*************************************************************************************************************************


EU ออกกฎใหม่นำเข้าสัตว์น้ำ ประมงเตือนคุมเข้มโรคระบาด ลั่นต้องรักษาฐานตลาดส่งออก  
 
ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร รองอธิบดีกรมประมง เผยว่า สหภาพยุโรปได้ออกประกาศกฎระเบียบฉบับใหม่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคสัตว์น้ำ ที่มาจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ หรือสัตว์น้ำมีชีวิตจากประเทศที่สาม ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยจะต้องรับรองว่าผลิตภัณฑ์หรือสัตว์น้ำที่ส่งไปจำหน่ายยังสหภาพยุโรป ต้องมาจากฟาร์มหรือพื้นที่เลี้ยงที่ปลอดโรค และมีมาตรการตรวจตรากำจัดโรคตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป โดยกฎระเบียบดังกล่าวมีการกำหนดให้แก้ไขแบบฟอร์มใบรับรองสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำและสัตว์น้ำมีชีวิต ให้มีเนื้อหาการรับรองครอบคลุมถึงการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคสัตว์น้ำหลายชนิดเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้นสำหรับสินค้าบางกลุ่ม ได้แก่ 1) สินค้าในกลุ่มกุ้งและปูที่ไม่มีชีวิต 2) ปลาที่ผ่านกระบวนการตัดหัว ควักไส้ 3) ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำและสัตว์น้ำสำหรับการบริโภคที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์พร้อมจำหน่าย 4) สินค้าในกลุ่มกุ้งและปูที่จะต้องนำไปแปรรูปหรือผ่านกระบวนการทำความสะอาดในสถานที่ของประเทศสมาชิก EU ที่ได้รับการรับรองระบบกำจัดโรคจาก EU 5) สินค้าในกลุ่มกุ้งและปู ที่ต้องนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปอีกครั้งก่อนจำหน่ายโดยไม่มีการเก็บรักษาชั่วคราวก่อนแปรรูป ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐ และผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทยจะต้องร่วมมือกันจัดระบบการป้องกันและตรวจติดตามการเกิดโรคสัตว์น้ำที่มีประสิทธิภาพได้มาตรฐานสากล เพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้

ดร.จิราวรรณ กล่าวว่า กรมฯได้เตรียมรับมือกับกฎระเบียบดังกล่าวอย่างเต็มที่ เนื่องจากในปัจจุบันกฎระเบียบใหม่นี้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2552 แต่สหภาพยุโรปยังคงอนุโลมให้ใช้ฟอร์มใบรับรองเดิมไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 และ 31 กรกฎาคม 2553 ตามชนิดสินค้า จึงได้เร่งหารือกับผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำถึงแนวทางที่จะดำเนินการ และฝากเตือนให้ดูแลและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคต่างๆ เพื่อให้ไทยยังคงเป็นประเทศที่ได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลกในการนำเข้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ต่อไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 27, 2009, 12:54:17 AM »

สำนักข่าว INN


UN เผยคาร์บอนไดออกไซด์กทม.เท่านิวยอร์ค 

ยูเอ็นเผยรายงานสิ่งแวดล้อม คนกทม.ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับคนนิวยอร์ค ส่งผลอากาศร้อนจัด น้ำท่วมกรุง

รายงาน Bangkok : Assessment Report on Climate Change 2009 ของสำนักงานกรุงเทพมหานคร และมูลนิธิใบไม้เขียว โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ตอกย้ำพฤติกรรมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมากของคนกรุงเทพฯ และภัยจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน พบว่าเมื่อปี 2550 คนกรุงเทพฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คนละ 7.1 ตัน/ปี เท่ากับชาวนิวยอร์ก ส่วนคนในกรุงลอนดอนปล่อยก๊าซคนละ 5.9 ตัน/ปี

โดยสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในกรุงเทพฯ มาจากการคมนาคม และการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งปริมาณการปล่อยก๊าซของคนกรุงเทพฯ คำนวณจากจำนวนประชากรอย่างเป็นทางการ 6 ล้านคน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงจะมากเป็น 2 เท่า โดยส่วนมากเป็นแรงงานต่างจังหวัดที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานในเมืองหลวงแห่งนี้ รายงานยังระบุว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้ในอนาคตกรุงเทพฯ จะมีวันที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียสมากขึ้น จะเกิดโรคมาลาเรีย และโรคอื่นๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ ผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และผลจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในกรุงเทพฯ จะรุนแรงขึ้นด้วย คาดว่าพื้นที่ครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากระดับน้ำทะเลปานกลางเพิ่มสูงขึ้น 50 ซม. และหากระดับน้ำทะเลปานกลางเพิ่มสูงขึ้น 1 ม. จะทำให้พื้นที่ร้อยละ 75 ของกรุงเทพฯ เผชิญปัญหาน้ำท่วม

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.03 วินาที กับ 20 คำสั่ง